ปกิณณกธรรม ตอนที่ 1456
ตอนที่ ๑๔๕๖
สนทนาธรรม ที่ กรมยุทธบริการทหาร
วันที่ ๒๓ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๒
ท่านอาจารย์ อภิสมัย ขณะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในสังสารวัฏฏ์ คือขณะที่รู้ความจริงของสิ่งที่กำลังมีจริงในขณะนี้ แต่ถ้ายังไม่รู้ว่าอะไรจริงก็จบไปเลยวันนี้ กำลังมีจริงก็ไม่รู้ ง่วงก็ไม่รู้ ยิ้มก็ไม่รู้ เบื่อก็ไม่รู้ แต่ทั้งหมดเป็นความจริง ถ้าไม่เข้าใจตรงนี้ก็คือ ไม่ได้เคยฟังคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเลย
เพราะฉะนั้น การสนทนาธรรมมีประโยชน์ที่ว่า ไม่ใช่มีคนพูดๆ ๆ แต่ฟังแล้วควรจะสนทนาให้เข้าใจความจริงลึกซึ้งยิ่งกว่านี้ ไม่ใช่ว่าพระพุทธศาสนาลึกซึ้ง พูดแล้วคนไม่เข้าใจ ใครจะเข้าใจถ้าไม่เคยฟัง แต่ฟังแล้วก็สนทนาแล้วก็ไตร่ตรอง ทุกคำสามารถที่จะเข้าใจได้ ตอนนี้จะตอบได้หรือยัง พระพุทธศาสนารุ่งเรืองจริงหรือไม่ ขอทราบความเห็นได้ไหม
ผู้ฟัง การที่จะถามว่าพุทธศาสนารุ่งเรืองจริงหรือไม่ เราจะบอกว่า พุทธศาสนารุ่งเรืองด้วยศีลธรรม รุ่งเรืองด้วยคน ผมว่ารุ่งเรืองด้วยคน เรายังไม่รู้ว่าอะไรคือตัวชี้วัด แต่ว่าศีลธรรมที่อยู่ในหัวใจของความเป็นพ่อแม่ เป็นคนและเป็นชาวพุทธ รุ่งเรืองอยู่ในใจซึ่งไม่มีตัวชี้วัดออกมาเป็นบุคคล ความเอื้ออารีเป็นธรรมที่อยู่ในใจ คือ ความรุ่งเรืองของศาสนาที่ได้รับการบ่มเพาะมาตั้งแต่อดีต ๒๐๐๐ กว่าปี ผมเชื่อมั่นว่าอย่างนั้น
ท่านอาจารย์ ก็เป็นเรื่องที่ไตร่ตรอง ความดี ความชั่ว ซึ่งมีประจำโลกมานานแสนนานแล้วใช่ไหม เพราะฉะนั้นที่ไหนก็ตาม จุดไหนก็ตามในโลกทั้งในอดีต ปัจจุบัน และอนาคต ที่เป็นสิ่งที่ดี เป็นความดี เขานับถือพระพุทธศาสนาหรือเปล่า ที่จะกล่าวว่าความดีเมื่อไหร่ ที่ไหน ก็คือ พระพุทธศาสนารุ่งเรือง ต้องแยก ศาสนาพุทธคือ คำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่ใช่คำสอนของศาสดาอื่นเลยทั้งสิ้น
เพราะฉะนั้น คนในโลกนับถือศาสนาต่างๆ ขณะใดก็ตามที่เป็นสิ่งที่ดีเกิดขึ้น หมายความว่าเขานับถือพระพุทธศาสนา หรือ เขานับถือศาสนา คำสอนของศาสดาอื่นแต่เขาก็มีความดี ถ้าเป็นในลักษณะนี้ จะไม่รู้ความต่างกันของพระพุทธศาสนา และศาสนาอื่น
ดังนั้น จึงต้องมีความเข้าใจจริงๆ พุทธคืออะไร ไม่ใช่ง่ายๆ ตัดสินโดยพฤติกรรม แต่พุทธ คือ ผู้ที่ทรงตรัสรู้ความจริงถึงที่สุดโดยประการทั้งปวง จนดับกิเลสทั้งหมดได้ ไม่เหลือเลย พระอรหันต์ทั้งหลายที่ฟังคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ดับกิเลสได้หมด แต่ไม่ถึงความเป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า แสดงระดับขั้นของปัญญาที่ต่างกัน ตั้งแต่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่มีคนใดเปรียบเทียบได้เลย ไม่ว่าทั้งมนุษยโลก เทวดาโลก หรือพรหมโลก แล้วปัญญาของพระองค์เป็นอย่างไร ใครแค่เป็นคนดีก็เป็นผู้ที่นับถือพระพุทธศาสนา เเล้วกล่าวว่าพระพุทธศาสนารุ่งเรืองได้หรือ
ในเมื่อเขาไม่ได้ฟังคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งต่างกับศาสดาอื่น เพราะเหตุว่าพูดถึงความจริงถึงที่สุดว่า ธรรม ทั้งหลาย ทั้งหมด ทั้งสิ้น ไม่เหลือเลย เป็นอนัตตา มีศาสนาไหนที่สอนอย่างนี้บ้าง อนัตตา หมายความว่า ไม่ใช่อัตตา อัตตา ก็คือ เป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใด เป็นคน เป็นสัตว์ เป็นกระดาษ ดินสอ สมุด ปากกา ดอกไม้ นี่คือสิ่งหนึ่งสิ่งใด แต่ทั้งหมดนั้นเกิดขึ้นแล้วมีหลายๆ อย่างรวมกัน แต่ละหนึ่งๆ ๆ ซึ่งจากการทรงตรัสรู้ทรงประจักษ์ความจริง ไม่ใช่เพียงแต่ไตร่ตรองคิด อย่างคนที่เป็นคนดีทั้งหลายได้แค่คิด แต่จะเข้าใจถึงความจริงของสิ่งที่มีจริง เมื่อได้ฟังคำสอนของพระพุทธศาสนาแล้วจึงรู้ว่า ทุกคำสามารถที่จะรู้ตามได้ ปัญญาค่อยๆ เกิดขึ้น ค่อยๆ เข้าใจขึ้น จนกระทั่งประจักษ์แจ้งความจริงทุกคำ ตรงตามที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ดีแล้ว เพราะพระองค์ทรงตรัสรู้ก่อน แล้วก็มีพระมหากรุณารู้ว่า ถ้าพระองค์ไม่ทรงแสดงธรรม จะไม่มีใครสามารถรู้ความจริงของสิ่งที่มีในขณะนี้ได้เลยทั้งสิ้น
เพราะฉะนั้น ที่จะบอกว่าพระพุทธศาสนารุ่งเรืองจริงหรือไม่ ไม่ใช่กล่าวถึงคนดี ความดีที่ไหนทั้งหมดว่าเมื่อดีแล้ว ก็คือพระพุทธศาสนารุ่งเรือง แต่ต้องเป็นคำสอนของพระองค์ที่คนอื่นไม่สามารถจะรู้ ไม่สามารถที่จะเข้าใจได้ เป็นเครื่องแสดงว่า คำสอนของพระพุทธศาสนาเดี๋ยวนี้ มีคนศึกษาด้วยความเข้าใจที่ถูกต้องมาก ไม่เชื่อสิ่งซึ่งไม่มีเหตุผลด้วยประการต่างๆ มีมากมายที่จะรู้ว่าพระพุทธศาสนารุ่งเรืองจริงหรือเปล่า ตราบใดที่ยังมีเครื่องรางของขลัง ไหว้ต้นกล้วย งูเขียวงูขาว อะไรก็ตามแต่ นั่นเป็นพระพุทธศาสนาหรือเปล่า
เพราะฉะนั้น สิ่งต่างๆ เหล่านี้กำลังมีมาก รุ่งเรืองหรือเปล่า หรือว่าทำลายคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ความตรงสำคัญที่สุด เป็นประโยชน์ทั้งกับตนเองและผู้อื่น ให้เขาเข้าใจถูกตรงตามความเป็นจริง ดีไหม หรือว่าไม่ควรจะพูด ไม่ควรจะกล่าว
ถ้าอย่างนั้นก็จะไม่มีคำสอนของสัมมาสัมพุทธเจ้าเหลืออยู่เลย เพราะว่าทุกคำของพระองค์ต้องเข้าใจทีละเล็กทีละน้อย ให้เขาได้เข้าใจว่าสิ่งที่เขาเกิดมาจนตาย แต่ไม่เคยเป็นคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่สามารถที่จะทำให้รู้ความจริงของเดี๋ยวนี้มีอะไร สิ่งนั้นจริงไหม เป็นธรรมหรือเปล่า ทุกคำต้องไตร่ตรอง เป็นเครื่องแสดงว่า ถ้าเป็นโดยนัยที่กล่าวจะเป็นพระพุทธศาสนาไหม ถ้าไม่ใช่แล้วจะกล่าวว่าพระพุทธศาสนารุ่งเรืองได้อย่างไร
ถ้ารุ่งเรือง หมายความว่าคำสอนทุกคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นที่เคารพอย่างยิ่งที่จะต้องศึกษาโดยการไม่ประมาท โดยไม่คิดเอง หลายคนคิดว่าจะทำให้พระพุทธศาสนาง่าย แค่คำพูด จะทำให้พระพุทธศาสนาง่าย เป็นการทำลายคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าหรือเปล่า ต้องคิดอย่างละเอียดมาก เพราะพระพุทธศาสนาไม่ง่าย
ถ้าใครบอกว่าพระพุทธศาสนาง่าย นั่นคือเขาไม่เข้าใจเลยว่า คนที่ไม่รู้อะไรเลยไปสู่สำนักปฏิบัติไม่กี่วัน แล้วก็สามารถที่จะบรรลุญาณนั้น ญาณนี้ ดับกิเลสได้ กับการที่พระมหาโพธิสัตว์ที่จะบำเพ็ญพระบารมีถึงความเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงบำเพ็ญพระบารมีนานเท่าไหร่ บารมี คือ ต้องเป็นขณะที่จิตดีงาม พร้อมทั้งการที่จะได้เข้าใจสิ่งที่ดีงามนั้นตามความเป็นจริง ไม่ใช่จะทำแต่ความดีไปเรื่อยๆ แล้วจะรู้อะไร ดีได้แต่ไม่รู้อะไร ใช่ไหม มีคนที่ให้เงินให้ทองเด็กกำพร้า ผู้ชราสูงอายุ คนที่มีภัยพิบัติต่างๆ ไม่ว่าที่ใดในโลกทั้งสิ้น แต่เขาเข้าใจธรรมหรือเปล่า
เพราะฉะนั้น ต้องรู้จักพระพุทธศาสนา เป็นคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ถ้ายังไม่รู้ว่าพระองค์สอนอะไร เป็นชาวพุทธหรือเปล่า ชาวพุทธคือใคร พุทธมามกะ พูดได้ แต่แปล หรือหมายความว่าอะไร
อ.คำปั่น ก็เป็นโอกาสที่ดีอย่างยิ่งเลย จากที่ได้ฟังท่านอาจารย์กล่าวเมื่อสักครู่ ชาวพุทธ เป็นคำที่กล่าวถึงบุคคลผู้ที่มีปัญญา ผู้ที่เข้าใจในพระธรรมคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และอีกคำหนึ่งที่ท่านอาจารย์ได้กล่าวถึงก็คือ พุทธมามะกะ คนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นคนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่ใช่การไปทำอะไรที่ผิดปกติ ไม่ใช่การไปทำตามๆ กันด้วยความไม่รู้
แต่เป็นคนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ด้วยการเคารพอย่างยิ่งในคำจริงที่พระองค์ทรงแสดง ตั้งใจฟัง ตั้งใจศึกษา แล้วมีความเข้าใจอย่างถูกต้องตรงตามความเป็นจริง จึงจะเป็นทั้งชาวพุทธ แล้วก็เป็นคนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าด้วยความเข้าใจ จากการได้อาศัยการได้ยินได้ฟังคำจริงที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง
ท่านอาจารย์ เพราะฉะนั้น ผู้ที่เข้าใจว่าเป็นชาวพุทธ ลองกล่าวสักคำหนึ่งซึ่งแสดงว่า เป็นผู้ที่รู้จักพระปัญญาคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์ตรัสรู้อะไร จะได้รู้ว่าพระพุทธศาสนารุ่งเรืองจริงหรือไม่
ความเป็นผู้ตรงมีความสำคัญมาก เพราะว่าเราไม่ได้มีแต่ชาตินี้ชาติเดียว แต่จะอยู่ต่อไปอีกนานแสนนานในสังสารวัฏฏ์ ตราบใดที่ยังมีกิเลส ยังมีเหตุที่จะให้เกิดต่อไป
ใครก็ตามที่ไม่มีโอกาสได้ฟังคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เขาก็ไม่สามารถที่จะรู้ว่า อะไรเป็นเหตุที่จะทำให้ต้องเกิดอีก หรือแม้แต่เหตุที่จะให้มีขณะนี้ หรือมีอะไรก็ตามทั้งหมดทุกขณะ จะกล่าวได้เลยว่าเหมือนคนตาบอดที่อยู่ในความมืดสนิท คนตาดีอยู่ในความมืดสนิทก็ยังไม่เห็นอะไรเลย นี่เป็นคนตาบอดด้วย แล้วก็อยู่ในที่มืดสนิทด้วย
เพราะฉะนั้น เรากำลังเป็นอย่างนั้นหรือเปล่า หรือ เราเป็นคนที่มีความเข้าใจคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า สามารถที่จะเข้าใจและไม่เปลี่ยนเลย เพราะแต่ละคำใครตรัสรู้ ใครทรงแสดง ไม่ใช่ใครอื่นเลย นอกจากผู้ที่ทุกคำที่ตรัสเป็นคำจริงที่ทรงประจักษ์แจ้ง ไม่ใช่แค่คิด แค่นี้ก็สูงมากแค่ไหน เกินระดับของคนธรรมดาที่ไม่เคยรู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเลย ไม่ฟังคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แล้วเขาจะรู้จักผู้ที่มีพระปัญญาที่ได้ทรงตรัสรู้ความจริง ถึงความเป็นผู้ที่ไม่มีบุคคลใดเปรียบได้เลยในสังสารวัฏฏ์ ต่างกันมาก
ทุกคนได้ยินคำว่า ธรรม ทุกคนก็พูดคำว่า ธรรม แต่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสคำว่า ธรรม พระปัญญาของพระองค์ที่ตรัสคำว่า ธรรม กับคนที่ได้ฟังคำว่าธรรมและพูดตาม ปัญญาเท่ากันไหม
แค่เอ่ยคำเดียวพร้อมๆ กันก็ได้ ธรรม กับพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสด้วยพระองค์เองว่า ธรรม พระปัญญาที่ตรัสคำเดียวกันกับคนอื่น ไม่สามารถที่จะเปรียบได้เลยว่าห่างกันแค่ไหน แล้วเราได้ยินคำว่า ธรรมก็ผ่านไป แต่รู้ไหมว่า ธรรม คือสิ่งที่มีจริง อะไรที่มีจริงเป็นสิ่งที่มีจริง เพราะคำว่า ธรรม ต้องเป็นสิ่งที่มีจริง แต่ว่าภาษาบาลีไม่ได้ใช้คำอย่างเดียวกับภาษาไทย เขาไม่มีคำว่าสิ่งที่มีจริง เขามีคำว่า ธรรม
เพราะฉะนั้น เรารู้ได้เลยว่าไม่ต้องไปแสวงหาธรรมที่ไหนเลย สิ่งใดที่กำลังมีจริงเดี๋ยวนี้ เป็นธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ และลองคิดดู แค่ถามว่า อะไรมีจริงในขณะนี้ ลองตอบในใจก็ได้ หรือสนทนากันให้รู้ว่า ท่านผู้นี้มีความเห็นว่าสิ่งนี้มีจริง อีกท่านหนึ่งแสดงความเห็นว่าสิ่งนั้นมีจริง แล้วความจริงสิ่งที่สุดของสิ่งนั้นคืออะไร
ผู้ฟัง ศาสนาพุทธรุ่งเรืองจริงหรือไม่ คำว่ารุ่งเรือง อยากให้มองไปที่จิตใจของตัวเองว่า ตอนนี้มีความงดงามในจิตใจ มีความเสียสละหรือยัง ผมชอบจ่าคนหนึ่งที่อยู่ที่หน่วยผม มีนายทุนไปถมที่รุกล้ำลำน้ำ เขาทำหนังสือไปสอบถามทางหน่วยราชการต่างๆ เขาต่อสู้จนนายทุนนั้นต้องยอมถอนสิ่งที่ปลูกสร้างนั้นออกไป การต่อสู้ของคนเล็กๆ ในหมู่บ้านนั้น ก็วัดผลทางศาสนาได้เหมือนกันว่า เขาเข้าวัดเข้าวา เขารักความยุติธรรม จึงเป็นผลตรงนั้นที่เห็นเด่นชัด
ท่านอาจารย์ สรุปแล้ว พระพุทธศาสนารุ่งเรืองหรือเปล่า ที่กล่าวถึงคนที่มีพฤติกรรมอย่างนี้ เขาเข้าใจพระพุทธศาสนาหรือเปล่า หรือก็เป็นประชาชนทั่วไป ซึ่งส่วนใหญ่ไม่ได้ฟังคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็มีพฤติกรรมต่างๆ กัน นั่นคือจิตใจของคนในประเทศ ก็ไม่ได้เหมือนคนที่มีปัญญาที่รู้ว่าอะไรถูก อะไรผิด
เพราะฉะนั้น เขาเหล่านั้น พฤติกรรมเหล่านั้นทั้งหมดเป็นคำตอบว่า พระพุทธศาสนารุ่งเรืองหรือเปล่า ฟังมามากตอบได้เลย รุ่งเรืองไหม รุ่งเรืองอย่างไร หรือว่าไม่รุ่งเรือง เพราะไม่ได้มีคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเลย ลองไปถามคนที่กล่าวมาถึงทั้งหมดว่า คุณรู้จักพระพุทธศาสนาไหม พระพุทธเจ้าตรัสสอนว่าอย่างไร เขาจะตอบอะไร เขาจะไม่มีคำตอบ ถ้าเขาไม่เคยฟังมาก่อนเลย ชีวิตเขาก็ดำเนินไปตามการสะสม ตามเหตุการณ์ของโลก ตามสิ่งที่เป็นไป ไม่ได้เกี่ยวข้องกับคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะไม่เคยฟัง แต่ถ้าเคยฟังแล้วเขาจะตอบว่าอย่างไร
ถ้ารุ่งเรือง หมายความว่า มีผู้ที่ศึกษาคำสอน และมีผู้ที่เห็นประโยชน์ และเมื่อศึกษาคำสอนมีความเข้าใจแล้วก็ทำความดีมากขึ้น แต่ที่ปรากฏว่าความดีน้อยลง ทุกวันมีแต่พฤติกรรมซึ่งไม่น่าจะเป็นไปได้เลย ใจร้าย ฆ่ากันมากมาย ไม่รู้ว่าอะไรต่ออะไรทั้งหมดเลย แสดงว่าพุทธศาสนารุ่งเรืองหรือเปล่า ต้องตอบคำนี้
เพราะทั้งหมดนี้ไม่ได้เกี่ยวกับพระพุทธศาสนา เกี่ยวกับพฤติกรรมของคน ซึ่งสะสมมาที่จะตามโลกไป ไม่ว่าโลกเป็นอย่างไรเขาก็ตามไป แต่ถ้าถามว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่าอย่างไร จะตอบว่าอย่างไร ถ้าไม่รู้เลยคือ พระพุทธศาสนาไม่รุ่งเรือง แต่ถ้าตอบผิดแสดงว่า เขาหลงเข้าใจว่าสิ่งที่เขาคิดว่าเป็นพระพุทธศาสนา ไม่ใช่คำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
แต่เมื่อไม่มีความเข้าใจ ก็กล่าวตู่ว่าเป็นคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แต่ถ้าเป็นคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า คือ ตรัสให้รู้ความจริง ทุกคำต้องเคารพและไตร่ตรอง ไม่ใช่เพิกเฉย ธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตา ก็เป็นคำตอบของยุคนี้สมัยนี้ใช่ไหม ไม่มีใครจะบังคับใครให้ฉลาด หรือว่าให้เป็นคนดี หรือให้เข้าใจว่า การจะหมดกิเลสหมดได้อย่างไร ไม่มีเลย
ดังนั้นก็เป็นแต่เพียงชื่อ พระพุทธศาสนา แต่ถ้าถามว่า พระพุทธศาสนาสอนว่าอะไรบ้าง ปริยัติ คืออะไร ปฏิปัตติ คืออะไร ปฏิเวธ คืออะไร ไม่รู้เลย แล้วอย่างนี้หรือพระพุทธศาสนารุ่งเรือง
เพราะฉะนั้น ประเด็นต้องตรง ถามถึงคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่ได้ถามถึงคนที่ไม่รู้พระพุทธศาสนาแล้วก็เป็นไปตามโลก แต่เมื่อพระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้แล้ว ทรงแสดงธรรมแล้ว ผู้ที่เข้าใจพระธรรมสืบทอดกันมา จนกระทั่งถึงขณะนี้ก็ช่วยกันดำรงไว้ ไม่ใช่ว่าก็ไม่ศึกษาต่อไป และกล่าวว่าเป็นพระพุทธศาสนา
ถ้าไม่ศึกษาคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แล้วกล่าวว่าเป็นพระพุทธศาสนา ถูกไหม ต้องตรงอย่างที่สุด เพราะเป็นสัจจะบารมี ต้องตรงต่อความจริง ความจริงเป็นอย่างไร ถ้ารู้ผิดก็ต้องพยายามไตร่ตรอง ถ้าเป็นผู้ที่เห็นคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ใคร่ที่จะได้เข้าใจคำที่พระองค์แสดงความจริง ซึ่งใครก็ปฏิเสธไม่ได้
ทุกขอริยสัจจธรรม เหมือนรู้คำนี้แล้ว แต่ว่าคืออะไร ทุกข อริยสัจจะ ธรรม ธรรมต้องรู้ อริยสัจจะต้องรู้ แล้วก็ทุกข์ต้องรู้ ไม่ใช่ว่ารู้ทุกข์ง่ายๆ ว่าเจ็บป่วยเป็นทุกข์ อดอยากเป็นทุกข์ เป็นโรคภัยเป็นทุกข์ อย่างนั้นไม่ต้องมีใครสอนก็รู้กันทุกคนว่าเป็นทุกข์ แต่ไม่ใช่ ทุกขะ อริยสัจจะ เเละ ธรรม ด้วย
เพราะฉะนั้น ทุกคำประมาทไม่ได้เลย ถ้าประมาทก็เข้าใจผิด อย่างในตำราเรียนก็สอนเด็ก ทุกขอริยสัจจะ เด็กก็จำชื่อ ๔ คำ ทุกขอริยสัจจะ ทุกขสมุทยอริยสัจจะ แต่ละคำๆ จะมีคำว่า ธรรม แล้วจะมีคำว่า อริยะ และก็จะมีคำว่าสัจจะ ถ้าไม่รู้ก็คือว่าพระพุทธศาสนารุ่งเรืองไหม ถ้าจะกล่าวว่ามีอยู่ในตำราเรียน แต่เรียนและก็ไม่รู้ ไม่ได้เข้าใจอะไรเลย จำแต่ชื่อ พูดแต่ชื่อ เพราะฉะนั้นไม่ใช่ความเข้าใจ จึงไม่ใช่ปริยัติ
คำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าลึกซึ้งอย่างยิ่ง ทุกคำที่เป็นจริงเปลี่ยนไม่ได้ เพราะฉะนั้นทุกคำสอดคล้องกันทั้งหมด ถ้ายังคิดว่าขัดแย้งกันก็คือว่า ไม่เข้าใจคำว่าธรรมอย่างถ่องแท้ ถ้าเข้าใจแล้วไม่สามารถที่จะกล่าวได้เลยว่าคำของพระองค์ค้านกัน อย่างที่ตรัสไว้ว่าธรรมทั้งหลายลึกซึ้ง จะทิ้งไปไหม เอามาทำให้ง่ายได้ไหม ถ้าเป็นอย่างนั้นพระพุทธศาสนาก็ไม่รุ่งเรือง เพราะว่าพระพุทธศาสนาลึกซึ้ง ต้องเข้าใจความลึกซึ้ง และต้องรู้ว่าถ้าเข้าใจผิดก็เป็นการทำลายพระพุทธศาสนา
อ.อรรณพ ความดีที่เป็นศีลธรรมทั่วไป กับความดีในพระพุทธศาสนา ๑.สอดคล้องกันอย่างไร ๒.ต่างกันอย่างไร
ท่านอาจารย์ ก็ต้องเข้าใจ ใช้คำว่า พระพุทธศาสนา เราหมายความถึงอะไร เราหมายความถึงศีลธรรม หรือว่า พระพุทธศาสนา พุทธ คือผู้ที่รู้ แต่รู้ถึงที่สุดที่ไม่มีใครเทียบได้เลย คือตรัสรู้
เพราะฉะนั้น คำสอนของผู้ที่ได้ทรงตรัสรู้ทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นศีลธรรม หรือ ธรรมทั้งหลายทั้งหมดที่โลกคิดว่า พระพุทธเจ้าจะรู้ไหม จะเล่นเปียโนได้ไหม หรืออะไรต่างๆ นั่นไม่ใช่สิ่งที่จะต้องสงสัยเลย ในเมื่อมีคำว่าพระพุทธศาสนา ดังนั้นถ้าพูดถึงพระพุทธศาสนา ใช้คำนี้ต้องหมายความถึง รู้ความจริง ซึ่งถ้าจะพูดถึงนัยของศีลธรรมก็ไม่ต้องเป็นพระพุทธศาสนา เราก็พูดศีลธรรม จริยธรรมได้ทุกอย่าง
ถ้าพูดถึงคำนี้เมื่อไหร่ต้องหมายความว่า ต้องเป็นคำที่ผู้ได้ทรงตรัสรู้ความจริง ทรงแสดงความจริงให้รู้ เราอยากจะรู้ความจริงหรือเปล่า หรือเกิดมาแล้วก็ตายไป ไม่ต้องรู้ความจริงอะไรก็ได้ เพียงแต่เกิดมาแล้วก็เป็นคนดี เป็นได้แค่ไหนก็เป็นแค่นั้น ดีบ้างไม่ดีบ้าง แต่ว่าผู้ที่ตรัสรู้ความจริงสามารถที่จะให้ความรู้นั้น ทำให้เป็นคนดีขึ้นถึงที่สุดได้ จึงไม่ใช่เพียงคำสอนของศาสดาที่เพียงให้เป็นคนดี แต่ว่าให้รู้ความจริงว่าแท้ที่จริงแล้ว ที่นั่งอยู่เดี๋ยวนี้คืออะไร เกิดมา อะไรเกิด แล้วทำไมทุกคนเกิดแล้วต้องตาย คือ ความจริงทุกขณะ ไม่เว้นเลยทั้งสิ้น
ใครอยากจะเกิดมาไม่ต้องรู้อะไรก็อยู่ไปวันๆ ก็เรื่องของคนนั้น แต่จะกล่าวว่า เขารู้พระพุทธศาสนาไม่ได้ ถ้ารู้พระพุทธศาสนา ต้องพูดคำของผู้ที่ได้ทรงตรัสรู้แล้ว เป็นคำสอนของบุคคลนั้น จะพูดเรื่องศีลธรรมก็พูดไป อะไรก็พูดไป แต่นั่นไม่ใช่พระพุทธศาสนา
เเต่พระพุทธศาสนา เป็นคำสอนของผู้ที่ได้ทรงตรัสรู้ถึงที่สุด เพราะฉะนั้น พระองค์รู้จักศีล รู้จักธรรมไหม แต่คนอื่นพูดเรื่องศีลธรรม แต่ศีลคืออะไร ธรรมคืออะไร ก็ไม่รู้ แต่ถ้าจะเป็นผู้ที่ฟังคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าด้วยความเคารพที่ว่า คำของพระองค์ไม่ใช่เพียงแค่ให้ฟังเผินๆ เมื่อได้ยินแล้วก็คิดว่ารู้แล้ว แต่ทุกคำต้องชัดเจน
เพราะฉะนั้น ธรรม คืออะไร คือสิ่งที่มีจริงแน่นอน ทุกอย่างที่มีจริง จะไม่มีจริงได้อย่างไร ดังนั้นเมื่อทุกอย่างมีจริง เป็นสิ่งที่มีจริงนั่นคือ ธรรม ที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ทั้งหมดโดยละเอียดอย่างยิ่ง
ถ้าถามคนทั่วไปว่า ศีลคืออะไร ต่างคนต่างตอบ แต่ไม่ใช่พุทธ ไม่ใช่ผู้ที่รู้แจ้งจริงๆ ว่าคำนี้หมายความถึงอะไร แต่ถ้าเป็นผู้ที่เคารพพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะไม่เผิน เพราะพระองค์ทรงแสดงไว้โดยละเอียดทั้ง ๓ ปิฎก พระวินัยมีศีลไหม ศีลคืออะไร พระสุตตันตปิฎกกล่าวถึงศีลหรือเปล่า พระอภิธรรมปิฎก ธรรมที่กล่าวถึงสภาพธรรมที่มีจริงๆ ซึ่งไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล เพราะเป็นอนัตตา ไม่ใช่อัตตา ไม่ใช่สิ่งหนึ่งสิ่งใดที่เราคิดว่ารู้แล้ว ดอกไม้เราก็รู้จัก วิชาการต่างๆ เราก็รู้จัก แต่ไม่รู้จักความจริงว่านั่นคืออะไรถึงที่สุด
ด้วยเหตุนี้ จะใช้คำว่าพระพุทธศาสนา ไม่ใช่หมายถึงแค่ศีลธรรม หรือไม่ใช่หมายความเพียงแค่คำสอนของบุคคลนั้น บุคคลนี้ แต่ต้องเป็นคำของผู้ที่ตรัสรู้จริงๆ และให้คนอื่นได้ฟัง ได้เข้าใจถึงความจริงที่มีอยู่เดี๋ยวนี้ด้วย
เพราะฉะนั้น เมื่อพูดคำว่า ศีลธรรม ต้องรู้อย่างละเอียดยิ่งว่า ศีลคืออะไร ธรรมมีจริงแน่นอน ศีลธรรมคืออะไร ถ้าไม่ฟังคำของพระพุทธเจ้าก็พูดไปแล้วมากมาย คนนั้นมีศีลธรรมเป็นคนดี เกิดแล้วก็ตายไป แต่ว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงความจริงว่า ศีลคืออะไร เดี๋ยวนี้มีไหม ถ้าไม่ฟังจะรู้ไหมว่าเดี๋ยวนี้ก็มีศีล มีธรรมที่เป็นศีลด้วย แต่ถึงแม้ว่าจะตอบเพียงแค่นี้ก็ยังไม่ละเอียดว่า เเล้วศีลที่มีเดี๋ยวนี้ คืออะไร แต่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงละเอียดถึงความจริงซึ่งสามารถเข้าใจได้ในเดี๋ยวนี้
- ปกิณณกธรรม ตอนที่ 1441
- ปกิณณกธรรม ตอนที่ 1442
- ปกิณณกธรรม ตอนที่ 1443
- ปกิณณกธรรม ตอนที่ 1444
- ปกิณณกธรรม ตอนที่ 1445
- ปกิณณกธรรม ตอนที่ 1446
- ปกิณณกธรรม ตอนที่ 1447
- ปกิณณกธรรม ตอนที่ 1448
- ปกิณณกธรรม ตอนที่ 1449
- ปกิณณกธรรม ตอนที่ 1450
- ปกิณณกธรรม ตอนที่ 1451
- ปกิณณกธรรม ตอนที่ 1452
- ปกิณณกธรรม ตอนที่ 1453
- ปกิณณกธรรม ตอนที่ 1454
- ปกิณณกธรรม ตอนที่ 1455
- ปกิณณกธรรม ตอนที่ 1456
- ปกิณณกธรรม ตอนที่ 1457
- ปกิณณกธรรม ตอนที่ 1458
- ปกิณณกธรรม ตอนที่ 1459
- ปกิณณกธรรม ตอนที่ 1460
- ปกิณณกธรรม ตอนที่ 1461
- ปกิณณกธรรม ตอนที่ 1462
- ปกิณณกธรรม ตอนที่ 1463
- ปกิณณกธรรม ตอนที่ 1464
- ปกิณณกธรรม ตอนที่ 1465
- ปกิณณกธรรม ตอนที่ 1466
- ปกิณณกธรรม ตอนที่ 1467
- ปกิณณกธรรม ตอนที่ 1468
- ปกิณณกธรรม ตอนที่ 1469
- ปกิณณกธรรม ตอนที่ 1470
- ปกิณณกธรรม ตอนที่ 1471
- ปกิณณกธรรม ตอนที่ 1472
- ปกิณณกธรรม ตอนที่ 1473
- ปกิณณกธรรม ตอนที่ 1474
- ปกิณณกธรรม ตอนที่ 1475
- ปกิณณกธรรม ตอนที่ 1476
- ปกิณณกธรรม ตอนที่ 1477
- ปกิณณกธรรม ตอนที่ 1478
- ปกิณณกธรรม ตอนที่ 1479
- ปกิณณกธรรม ตอนที่ 1480
- ปกิณณกธรรม ตอนที่ 1481
- ปกิณณกธรรม ตอนที่ 1482
- ปกิณณกธรรม ตอนที่ 1483
- ปกิณณกธรรม ตอนที่ 1484
- ปกิณณกธรรม ตอนที่ 1485
- ปกิณณกธรรม ตอนที่ 1486
- ปกิณณกธรรม ตอนที่ 1487
- ปกิณณกธรรม ตอนที่ 1488
- ปกิณณกธรรม ตอนที่ 1489
- ปกิณณกธรรม ตอนที่ 1490
- ปกิณณกธรรม ตอนที่ 1491
- ปกิณณกธรรม ตอนที่ 1492
- ปกิณณกธรรม ตอนที่ 1493
- ปกิณณกธรรม ตอนที่ 1494
- ปกิณณกธรรม ตอนที่ 1495
- ปกิณณกธรรม ตอนที่ 1496
- ปกิณณกธรรม ตอนที่ 1497
- ปกิณณกธรรม ตอนที่ 1498
- ปกิณณกธรรม ตอนที่ 1499
- ปกิณณกธรรม ตอนที่ 1500
