ปกิณณกธรรม ตอนที่ 1155
ตอนที่ ๑๑๕๕
สนทนาธรรม ที่ สถาบันวิจัย และพัฒนาพลังงานนครพิงค์ จ.เชียงใหม่
วันที่ ๑๓ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๐
ผู้ฟัง ตอนนี้มีหลายความเห็นมาก ที่เกิดปัญหาขึ้นคือ เรื่องของพระไตรปิฎก บางความเห็นใช้คำว่า ดูหมิ่นพระไตรปิฎกว่าในนั้นมีมากเกินไป จึงอยากจะถามว่า จริงๆ เเล้ว ในพระไตรปิฎกมีส่วนไหนที่ยังบกพร่อง หรือเเปลผิดบ้างไหม
ท่านอาจารย์ พระไตรปิฎกเป็นคำของใคร
ผู้ฟัง ของสาวกที่สังคายนาครั้งแรกจากพระพุทธเจ้า
ท่านอาจารย์ ต้องเป็นคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะพระองค์ตรัสว่า สิ่งใดที่เป็นคำจริงเป็นคำของเรา ไม่ใช่คำเท็จ ต้องเป็นคำจริงไม่ว่าสาวกจะเป็นผู้กล่าว เพราะเหตุว่าหลังจากที่ได้แสดงธรรมแล้วก็ส่งสาวกไปประกาศพระศาสนา เพราะฉะนั้น คำที่สาวกประกาศก็คือ คำที่เขาได้ฟังแล้วและเข้าใจแล้ว แม้แต่ท่านพระอานนท์สังคายนา ท่านก็ยังกล่าวว่า "ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้" ดังนั้น จะเป็นคำของคนนั้นเองไม่ได้เลย ทุกคำที่เป็นคำจริงก็ต้องเป็นคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เพราะฉะนั้น พระไตรปิฎกเป็นคำของใคร
ผู้ฟัง พระพุทธเจ้า
ท่านอาจารย์ มีใครสามารถเข้าใจทุกคำในพระไตรปิฎกได้บ้างไหม พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงธรรมมากมายโดยประการทั้งปวง ๔๕ พรรษา จนกระทั่งมีผู้ที่ฟังเข้าใจ รู้แจ้งอริยสัจจธรรมได้ ทุกคำนั้น ใครสามารถที่จะรู้อย่างพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ แม้แต่ผู้ที่เป็นพระอรหันต์อยู่ที่ป่าโคสิงคสาลวัน สนทนากันแล้วก็ไปเฝ้าพระสัมมาสัมพุทธเจ้า กราบทูลถามว่าคำของใครถูก เพราะว่าแต่ละท่านก็กล่าวตามความคิด ตามการสะสม ตามความรู้ของท่าน
แสดงให้เห็นถึงความนอบน้อมอย่างยิ่งในพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะรู้คุณ อย่าลืม เพราะรู้คุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะฉะนั้น ถ้าใครคิดว่าจะตัดคำที่พระองค์กล่าวแล้ว เขาเป็นใคร ลบหลู่หรือเปล่า ลบหลู่ใคร ผู้มีคุณสูงสุดเหนือบุคคลใดในสากลจักรวาล
ผู้ฟัง ในปัจจุบัน มหาวิทยาลัยทางพระสงฆ์เปิดสาขาวิชาที่เรียกว่าพุทธศิลป์ การที่พระวาดรูป โดยธรรมวินัยเป็นอย่างไร
อ.คำปั่น พระภิกษุคือใคร นี่คือสิ่งที่สำคัญใช่ไหม พระภิกษุคือผู้ที่เห็นโทษ เห็นภัยในสังสารวัฏฏ์ เป็นผู้ที่สละชีวิตของความเป็นคฤหัสถ์ทุกประการ เพื่อมุ่งสู่เพศที่สูงยิ่ง เพื่อศึกษาพระธรรมอบรมเจริญปัญญา ขัดเกลากิเลสของตนเอง มีความประพฤติคล้อยตามพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกประการ เพราะฉะนั้น พระภิกษุจะมามีความประพฤติเหมือนอย่างคฤหัสถ์ไม่ได้ ลองพิจารณาดูง่ายๆ ก็ได้ว่า ถ้ามัวแต่ไปวาดรูป หรือว่าไปทำอะไรต่างๆ ที่ไม่ใช่กิจของพระภิกษุ แล้วจะมีเวลาในการที่จะฟังธรรม ศึกษาธรรมขัดเกลากิเลสได้อย่างไร เป็นไปไม่ได้เลย
เพราะฉะนั้น ศิลปะ หรือว่า ความประพฤติเป็นไปใดๆ ทั้งหมด ที่ไม่ได้เป็นไปเพื่อขัดเกลากิเลส แล้วก็ขัดกับชีวิตของพระภิกษุทั้งหมดคือ พระภิกษุกระทำไม่ได้ เพราะว่าภาระหน้าที่ที่สำคัญของท่านมี ๒ ประการ คือฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม แล้วก็อบรมเจริญปัญญา เพื่อรู้แจ้งความจริงของสิ่งที่มีจริงในขณะนี้ตรงตามความเป็นจริง
ท่านอาจารย์ ทำไมพระวาดรูป
ผู้ฟัง พระมีกิเลสเต็มๆ เลย
ท่านอาจารย์ ใช่ ใช่ไหม เหมือนทุกคน ใครวาดรูป คนนั้นก็อยากวาดรูปใช่ไหม เพราะฉะนั้น กิจของพระคือต้องต่างจากคฤหัสถ์ ใช้คำว่าภิกษุในพระธรรมวินัย ซึ่งมีทั้งคำว่า ภิกษุ และในพระธรรมวินัยด้วย ดังนั้น คำว่าภิกษุต้องหมายความว่าไม่ใช่คฤหัสถ์ โดยประการทั้งปวง สละทั่วเพศของคฤหัสถ์ จะกระทำกิจอย่างคฤหัสถ์อีกต่อไปไม่ได้
เพราะอะไรจึงเป็นภิกษุ ต้องมีเหตุผล อยากบวช สมควรไหมที่จะบวชเพราะเพียงอยาก ถ้าไม่เข้าใจธรรมเลยแล้วบวช เป็นภิกษุหรือเปล่า ถ้าบวชแล้วไม่ศึกษาไม่เข้าใจธรรม เป็นภิกษุหรือเปล่า เพราะฉะนั้น คฤหัสถ์ไม่รู้จักภิกษุ และภิกษุก็ไม่รู้จักภิกษุ ซึ่งจริงๆ แล้วเป็นคำพูดของท่านผู้หนึ่ง เพียงท่านได้ฟัง และเมื่อได้รู้ว่าภิกษุคือใครเเล้ว ท่านก็กล่าวเลยว่า คฤหัสถ์ไม่รู้จักภิกษุ และภิกษุเองก็ไม่รู้จักภิกษุ ถ้าไม่ใช่ภิกษุในพระธรรมวินัย ด้วยเหตุนี้ ต้องรู้ตั้งแต่เบื้องต้นทุกสิ่งทุกอย่างที่จะถูกต้อง ต้องถูกและตรงตั้งแต่ต้น มิฉะนั้นไม่มีทางแก้ปัญหาโลก ปัญหาของเศรษฐกิจ ปัญหาของบ้านเมืองทั้งหมด ทุกประเทศ แก้ไม่ได้เพราะไม่รู้ว่าจะแก้อย่างไร ต้องรู้จึงสามารถที่จะแก้ได้
ถ้าเต็มไปด้วยอกุศลความไม่ดี จะแก้ได้อย่างไร แต่ถ้ารู้ว่าอะไรดี อะไรเป็นเหตุที่จะนำมาซึ่งผลที่ดี ทั้งโลกทุกแห่งสงบเพราะไม่มีอกุศลหรือมีน้อย คือมีไม่มากเท่ากับเวลาที่ไม่ได้เข้าใจธรรม ก็แสดงให้เห็นว่า เขาไม่เห็นค่าของสิ่งที่สามารถที่จะบันดาล โดยไม่ใช่บันดาลแบบอิทธิฤทธิ์ แต่เพราะความเข้าใจซึ่งเกิดจากการที่ไม่เคยเข้าใจเลย สามารถที่จะเปลี่ยนความไม่สงบ ความไม่ถูก ความเดือดร้อนต่างๆ ให้เป็นความเห็นถูกและความสงบที่ถูกต้องได้
ด้วยเหตุนี้ ต้องรู้จักภิกษุ ต้องเป็นผู้ตรง ในครั้งพุทธกาล พระสัมมาส้มพุทธเจ้าเสด็จบิณฑบาต มีพระภิกษุตามเสด็จ อากัปกิริยาต้องคล้อยตามพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่ว่าจะเป็นภิกษุหรือสามเณร เพราะบวชเพื่ออะไร ถ้าไม่เคยฟังธรรมมาก่อนแล้วอยู่ดีๆ บวชได้หรือ ลบหลู่ไหม
บวชคืออะไร ไม่เข้าใจว่า ปะวะชะ หรือที่ภาษาไทยใช้คำว่าบวช หมายความว่าสละทั่ว สละอะไรทั่ว สละความยินดีติดข้องอย่างคฤหัสถ์ จะกินอยู่เป็นไปอย่างคฤหัสถ์ไม่ได้ ต้องเป็นไปตามพระธรรมวินัย ซึ่งเป็นการขัดเกลากิเลสเพราะได้ฟังธรรม ได้เข้าใจ ได้เห็นโทษของกิเลส ได้รู้ความจริงของตนเองว่าสามารถที่จะขัดเกลากิเลสในเพศบรรพชิตได้ จึงบวช บวชแล้วไม่ทำอย่างอื่นอย่างคฤหัสถ์อีกต่อไป
ถ้าภิกษุใด ในกาลสมัยที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้ายังไม่ได้ทรงบัญญัติสิกขาบท ที่จะให้ภิกษุประพฤติปฏิบัติตาม เพราะเหตุว่าในครั้งนั้นมีผู้ที่มีปัญญาเท่านั้น ที่เห็นประโยชน์ของการที่จะละเพศคฤหัสถ์ และรู้ตนเองว่า สะสมมาที่จะประพฤติตามพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ สละชีวิตคฤหัสถ์ ใช้คำว่าสละชีวิตคฤหัสถ์ เพื่อจะมีชีวิตที่ขัดเกลากิเลส ศึกษาให้เข้าใจพระธรรม เพราะถ้าไม่เข้าใจธรรมก็ขัดเกลากิเลสไม่ได้เลย
ด้วยเหตุนี้ จึงมีทั้งคันถธุระ และวิปัสสนาธุระ ซึ่งเป็นกิจของพระภิกษุเพียง ๒ อย่าง ไม่ใช่กิจอย่างคฤหัสถ์อีกต่อไป ด้วยเหตุนี้ คฤหัสถ์ในครั้งนั้นก็กราบไหว้เคารพอย่างยิ่งในพระภิกษุ ซึ่งสามารถที่จะละเพศคฤหัสถ์ สละเพศคฤหัสถ์เพื่อที่จะขัดเกลากิเลสในเพศบรรพชิต ใครจะไม่กราบไหว้สรรเสริญในคุณความดีของผู้นั้น แต่ต้องเป็นผู้ที่ประพฤติปฏิบัติตามพระธรรมวินัย ต้องศึกษาธรรมด้วย ไม่ใช่บวชแล้วไม่รู้อะไรเลย ไม่ศึกษาอะไรเลย อย่างนั้นไม่ใช่ภิกษุ เพราะไม่ได้ขัดเกลากิเลส และไม่เข้าใจธรรมด้วย
ด้วยเหตุนี้ ภิกษุไม่ใช่เพียงผู้ที่ครองผ้ากาสาวพัสตร์ เพราะเหตุว่าผ้ากาสาวพัตร์ก็คือ ผ้าย้อมน้ำฝาด เป็นผ้าที่ไม่มีคุณค่าอย่างผ้าของคฤหัสถ์ เก็บตกมาเย็บเป็นจีวรซักสะอาด ครองจีวร ไม่เหมือนผ้าของคฤหัสถ์ ซึ่งใครจะอยากเอาไปใส่บ้าง มีใครอยากจะใช้บ้าง ไม่มีเลยใช่ไหม โจรก็ไม่ลัก ไม่มีใครอยากจะได้เลย ท่านมีชีวิตอย่างนั้นได้ แต่ลองคิดดูว่าคนเราอยู่ได้ด้วยอะไร อาหารเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่ง ไม่บริโภคไม่ได้ อาหารเป็นปัจจัยหนึ่งที่จะทำให้ชีวิตดำรงไปได้ เพราะฉะนั้น เมื่อวันหนึ่งมีอาหารที่สมควรที่บริโภค พอไหม ภิกษุเก็บอาหารไม่ได้ เกลือก็เก็บไม่ได้ ถ้าเก็บเกลือนั้นเพื่อที่จะบริโภคเป็นอาหาร หรือใส่เติมเข้าไปในอาหาร นี่คือความบริสุทธิ์อย่างยิ่งเพราะอะไร ขัดเกลากิเลส
ภิกษุเป็นผู้ที่ละความติดข้อง ในรูป ในเสียง ในกลิ่น ในรส ในความเย็นร้อน อ่อนแข็ง ตึงไหว รวมเรียกว่าโผฏฐัพพะที่กระทบสัมผัสกาย เพราะเห็นโทษ ทุกวันนี้เราไม่เคยเห็นโทษของโลภะความติดข้อง ทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ว่าเราเกิดมาแล้วแสวงหาไม่ใช่เพียงเพื่อดำรงชีวิต แต่เพื่อที่จะได้มีความสุขตามสิ่งที่เราติดข้องต้องการ นั่นคือเพศคฤหัสถ์
ถ้าเป็นบรรพชิตคือต้องเห็นโทษจริงๆ เวลาเดินบิณฑบาต ตาทอดต่ำเพียงในระยะที่สามารถที่จะก้าวไป ไม่ได้เหลียวซ้ายแลขวาดูโน่นดูนี่อย่างคฤหัสถ์ เห็นโทษแม้อย่างนั้นว่า ถ้าเห็นแล้วก็ย่อมนำมาซึ่งความติดข้องโดยไม่รู้ตัว เพราะเหตุว่ากิเลสยังอยู่ ยังมี แม้แต่เพียงเห็นดอกไม้ เด็ดดอกบัวในสระก็ไม่ได้ ไม่ใช่เพศของพระภิกษุ
ดังนั้น ต้องเข้าใจในความเป็นภิกษุ จึงกราบไหว้เคารพในผู้ที่สามารถจะขัดเกลากิเลสในเพศนั้น คฤหัสถ์จึงดูแลพระภิกษุทุกอย่าง เมื่อรู้ว่าภิกษุต้องมีอาหาร คฤหัสถ์ถวายอาหารบิณฑบาตเพื่อให้ภิกษุใดดำรงชีพอยู่ได้ พระเจ้าพิมพิสารถวายเวฬุวันวนารามเป็นที่อยู่ของพระภิกษุ เพราะเหตุว่าภิกษุอยู่ป่าลำบาก ท่านเห็นความอยู่ยาก และเห็นว่าผู้ที่อยู่ยากอย่างนั้นก็มีโรคภัยไข้เจ็บสารพัดอย่าง ด้วยเหตุนี้จึงมีศรัทธาที่จะสร้างที่อยู่อาศัยให้พระภิกษุ ซึ่งต้องเป็นไปตามที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงบัญญัติว่า ต้องเป็นอย่างนี้ๆ เกินกว่านี้ไม่ได้ เพราะนั่นคือเพศคฤหัสถ์ แต่ถ้าภิกษุสร้างวัดวาอารามยิ่งกว่าเพศคฤหัสถ์ก็คือว่า ไม่ใช่เพียงเพื่อที่จะเป็นที่อยู่อาศัย
เพราะฉะนั้น มียารักษาโรค เวลาที่ภิกษุป่วยไข้ได้เจ็บ คฤหัสถ์ก็ถวายทุกอย่าง คนเราอยู่ได้ด้วยอาหาร ด้วยที่อยู่ ด้วยเสื้อผ้า ยารักษาโรค ทุกวันนี้พอไหม นั่นคือภิกษุ จะเห็นได้เลยว่า ชีวิตที่ต่างกัน ทำให้ผู้นั้นสามารถที่จะเป็นผู้ที่จริงใจและตรง ถ้าประพฤติตามพระธรรมวินัยไม่รับเงินและทอง แต่ถ้าภิกษุใดรับเงินทอง หรือว่ามีอาชีพวาดรูป หรืออะไรก็ตามแต่ วิชาทั้งหลายของคฤหัสถ์ไม่ใช่วิชาของพระภิกษุ
เพราะฉะนั้น ใครจะประพฤติปฏิบัติตามพระธรรมวินัย หรือใครจะลบหลู่ ก็แล้วแต่การสะสมของกิเลสและความไม่รู้ เพราะไม่รู้จึงสามารถที่จะกระทำได้ถึงอย่างนั้น แต่ถ้ารู้แล้วจะไม่ทำ คฤหัสถ์ที่รู้ว่าการให้เงินพระภิกษุเป็นโทษอย่างยิ่ง พระภิกษุนั้นจะมีความติดข้อง เอาเงินไปใช้อะไร มีผู้ที่ถวายเงินพระ พระเอาเงินนั้นไปทำอะไร อาหารก็เก็บไม่ได้ ซื้อก็ไม่ได้ แลกเปลี่ยนก็ไม่ได้ มีอาหารก็พอแล้ว มีที่อยู่ก็พอแล้ว มีจีวรก็พอแล้ว มียารักษาโรคก็อยู่ได้ที่จะขัดเกลากิเลส จึงเป็นภิกษุ ความหมายหนึ่งคือผู้ขอ ผู้ขอที่นี่หมายความว่าอะไรคุณคำปั่น
อ.คำปั่น โดยคุณธรรม
ท่านอาจารย์ ไม่ต้องเอ่ยปากเลย แค่มีบาตร คนที่เห็นเขาก็รู้แล้วว่าผู้นี้ต้องการอาหาร และผู้นี้มีกิริยาอาการที่สงบด้วย ไม่ใช่อย่างขอทาน ให้ขอทานก็ให้ด้วยความกรุณา ให้พระภิกษุที่ท่านจำเป็นต้องมีอาหารด้วยความเคารพ ต่างกันแล้วใช่ไหม เคารพในคุณธรรมจึงให้ เพราะฉะนั้น ก็ต้องเข้าใจจริงๆ มิฉะนั้นแล้วก็ไม่รู้จักว่าภิกษุคือใคร ภิกษุจะทำกิจของคฤหัสถ์ไม่ได้
อ.อรรณพ อย่างคุณกฤษณ์ก็เป็นทางศิลปะใช่ไหม การที่มีความรู้ในการวาดภาพอะไรต่ออะไร ก็สามารถที่จะทำประโยชน์ในการเผยแพร่พระธรรมได้ อาจจะเป็นภาพพุทธประวัติ หรือภาพอะไรที่เป็นการเตือนให้คนได้เกิดกุศล ก็เป็นสิ่งที่ดีไม่ใช่หรือ
ท่านอาจารย์ เชิญคุณคำปั่น
อ.คำปั่น เรื่องนั้นก็ควรจะเป็นกิจหน้าที่ของคฤหัสถ์ เพราะว่าคฤหัสถ์สามารถที่จะกระทำได้โดยสะดวก พระภิกษุก็มีหน้าที่ศึกษาพระธรรมให้เข้าใจ แล้วก็ประกาศเผยแพร่คำจริงตามที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง แค่นี้ก็เป็นประโยชน์เพียงพอแล้ว
อ.อรรณพ แต่ทีนี้ก็คิดว่าภิกษุ คณะสงฆ์ ถ้าไม่มีการเรียนในวิชาทางโลกต่างๆ การเผยแพร่ธรรมก็คงจะล้าหลัง
ท่านอาจารย์ ก่อนจะล้าหลัง ก่อนจะไปถึงการต้องอาศัยวิชาการอย่างชาวบ้าน มีอะไรจะเผยแพร่ ถ้าไม่ศึกษาให้เข้าใจธรรม
อ.อรรณพ ท่านอาจารย์กำลังจะแสดงว่า จะเผยแพร่อะไรก่อนใช่ไหม คือรู้ว่า มีความรู้อะไรจะเผยแพร่
ท่านอาจารย์ คุณอรรณพอ้างว่าเพื่อเผยแพร่ แต่เผยแพร่อะไรถ้าไม่มีความรู้ ไม่ได้ศึกษา แล้วจะมีอะไรไปเผยแพร่
อ.อรรณพ ก็ศึกษาธรรมแล้วก็เห็นว่าธรรมมีประโยชน์
ท่านอาจารย์ ถ้าศึกษาธรรมแล้ว หน้าที่อื่นเป็นของคฤหัสถ์ หน้าที่วาดรูปเป็นของคฤหัสถ์ ไม่ใช่หน้าที่พระวาดรูป วาดรูปเพราะอยากวาดรูป ใช่ไหม วาดไม่สวยก็พยายามให้มันสวยขึ้น ใช่ไหม ไปศึกษาให้มากๆ เลยว่าทำอย่างไรถึงจะวาดได้สวย แล้วเข้าใจธรรมหรือเปล่า วันเวลาที่ใช้ไปในเรื่องนั้นกับการที่จะเข้าใจธรรมเพิ่มขึ้น เพื่อเผยแพร่คำที่คนอื่นอย่างคฤหัสถ์ไม่มีเวลาพอที่จะศึกษา ตั้งแต่ตื่นจนหลับต้องสำนึกอยู่ตลอดเวลาว่า เราไม่ใช่คฤหัสถ์ ประโยชน์ของพระภิกษุที่ประพฤติปฏิบัติตามพระธรรมวินัย มีค่ามากกว่าอาจารย์วาดรูป ค่ามหาศาลที่จะทำให้คนที่ไม่เคยได้ยินได้ฟังธรรม ไม่เข้าใจธรรมได้เข้าใจธรรม
เพราะฉะนั้น หน้าที่อื่นเป็นหน้าที่ของคฤหัสถ์ทั้งหมด หน้าที่ของพระภิกษุมีเพียงสองอย่าง จากการที่มีชีวิตโดยได้รับการอุปถัมภ์จากชาวบ้าน ให้ดำรงชีวิตอยู่ด้วยปัจจัย ๔ อาหารบิณฑบาต เสื้อผ้า ที่อยู่อาศัย ยารักษาโรค พอที่จะทำให้เป็นผู้ที่มั่นคงในการศึกษาธรรม เพื่อขัดเกลากิเลสของตนเอง เพราะภิกษุใดที่วาดรูป ภิกษุนั้นรู้ว่าอยากวาด ไม่อยากไม่วาด เพราะฉะนั้น เป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีความเป็นผู้ที่อาจหาญกล้าในทางที่ถูกต้อง เพราะมิฉะนั้นก็จะไม่มีการถูกต้อง แล้วก็จะคล้อยตามทางที่ผิดทั้งหมด
ผู้ฟัง เรื่องพุทธศิลป์ก็เป็นประสบการณ์โดยตรง ก็คือเคยพานักเรียนไปรับรางวัลที่กรุงเทพ แล้วปรากฏว่ามีเณรด้วย เณรได้รับรางวัลวาดรูประดับประเทศ แล้วผมรู้เส้นทางในกรุงเทพฯ ก็เลยอาสานั่งรถไปด้วย ตอนสักทุ่มหนึ่ง ครูด้วยกันก็ลงรถไปที่ปั๊ม จัดขนมปังมาถวายเณรเต็มที่เลย ผมถามว่า ทำอย่างนี้ทำไม คำตอบก็ไม่ได้ยากเลย ก็เณรเขาหิว ผมเลยไม่รู้จะทำอย่างไร เพราะว่าแม้แต่สิ่งเหล่านี้ก็กลายเป็นค่านิยมไปแล้ว
ท่านอาจารย์ ลองคิดดูว่าแล้วอย่างนี้ต่อไปจะล่มจมไหม เพราะขณะนี้ก็กำลังจมลงทุกที โดยที่ช่วยกันทำให้จมด้วย ไม่ได้ช่วยกันที่จะฟื้นฟู หรือว่าทำให้ถูกต้อง เพราะเหตุว่าจริงๆ แล้วไม่ได้เคยเข้าใจตามความเป็นจริงเลยว่า เพราะไม่รู้จึงทำสิ่งซึ่งส่งเสริมสนับสนุนการทำลายพระพุทธศาสนา
เพราะฉะนั้น ต้องพูดถึงสิ่งที่เป็นความจริงในทุกเรื่อง เพื่อที่จะได้เข้าใจให้ถูกต้อง ซึ่งเป็นความหวังดี เพราะเหตุว่าให้ความจริงที่ถูกต้อง ประเทศชาติจะเจริญ แล้วทุกสิ่งทุกอย่างที่กำลังเลวร้ายก็จะค่อยๆ ดีขึ้น ถ้ามีความเข้าใจพระพุทธศาสนาอย่างถูกต้อง เพราะทุกคนก็ยอมรับใช่ไหมว่า ถ้าเเค่ว่าประเทศอย่างเดียวเเล้วไม่มีผู้คน ก็ไม่ใช่ชาติ ก็แค่ภูเขาต้นไม้ แต่คนที่อยู่ในประเทศเป็นชาติ ประเทศไทยก็ชาติไทย ประเทศอื่นก็ชาติอื่นไป แต่ไม่ว่าจะใครในโลกทั้งหมด ถ้ามีความเข้าใจสิ่งที่ถูกต้องประเทศนั้นเจริญ แต่ถ้าไม่มีความเข้าใจสิ่งที่ถูกต้อง นับวันก็ล่มสลายเพราะหาทางแก้ไม่ได้เลย ไม่ว่าจะเป็นนักวิทยาศาสตร์ นักเศรษฐศาตร์หรือใครๆ ก็ตามแต่ มีกิเลส มีความไม่รู้ แล้วจะแก้ปัญหาต่างๆ ได้อย่างไร เราก็บอกว่าชาติ ศาสนา เมื่อมีชาติ มีคนในชาติแล้ว ก็ต้องมีหลักของคนในชาติทุกคนก็คือศาสนา สิ่งที่ถูกต้องที่จะประคับประคองความถูกต้อง ให้อยู่ร่วมกันได้อย่างร่มเย็นเป็นสุข
ถ้ามีความเข้าใจมั่นคงจริงๆ ว่าประเทศเจริญ เมื่อมีผู้ที่เข้าใจพระพุทธศาสนาเพราะเป็นคนดี ถึงแม้ว่าจะมีวิทยาศาสตร์ มีทรัพย์สินมีความมั่งคั่งอะไรก็ตาม แต่ว่าถ้าคนเลว ประเทศจะเจริญได้ไหม เพราะฉะนั้น หนทางเดียวที่จะแก้ปัญหาทุกอย่างของโลกได้ก็คือ เข้าใจความถูกต้อง คือธรรม คือเหตุและผล
ผู้ฟัง เหมือนมีอยู่ข้อหนึ่งที่พระพุทธเจ้าเคยพูดว่าสิกขาบทเล็กน้อย ตัดทอนได้ ตัดออกได้ในกาลข้างหน้า พระที่ทำผิดวินัยส่วนใหญ่จะใช้พระสูตรนี้ในการกล่าวอ้าง
อ.คำปั่น ในเบื้องต้นที่กล่าวถึงข้อความในพระไตรปิฎก ในเรื่องของการเพิกถอนสิกขาบทเล็กน้อย จริงๆ ต้องอ่านโดยละเอียดในส่วนของอรรถกถาด้วย เพราะว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า ถ้าสงฆ์พึงหวังอยู่ จะพึงเพิกถอนสิกขาบทเล็กน้อยได้
ข้อความนี้ในอรรถกถาอธิบายไว้ว่า เป็นการแสดงถึงกำลังที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงรู้ว่า พระอรหันต์ทั้งหลายที่กระทำสังคายนาครั้งที่หนึ่ง ซึ่งเป็นผู้ที่มีความมั่นคงในพระธรรมคำสอนที่พระองค์ทรงแสดง จะไม่มีแม้แต่ท่านเดียวที่จะเพิกถอนสิกขาบท ที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงบัญญัติไว้ เพราะว่าจริงๆ สิกขาบททั้งหมดนั้น จะรู้ได้อย่างไรว่าสิกขาบทใดเป็นสิกขาบทเล็กน้อย เพราะว่าท่านพระอานนท์ก็ไม่ได้กราบทูลถามพระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่า สิกขาบทเล็กน้อยคือสิกขาบทใดบ้าง
ความเห็นก็จะมีแตกต่างกันออกไป แต่โดยรวมความแล้ว ไม่มีพระอริยสงฆ์สาวกแม้แต่ท่านเดียวที่จะเพิกถอนสิกขาบทที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงบัญญัติไว้แล้ว ซึ่งในการประชุมการกระทำสังคายนาครั้งที่หนึ่ง โดยมีท่านพระมหากัสสปะเถระเป็นประธาน ท่านก็กล่าวไว้ชัดเจนว่า เราจะไม่เพิกถอนสิกขาบทที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงบัญญัติไว้แล้ว แต่จะสมาทานศึกษาในสิกขาบทที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงบัญญัติไว้ดีแล้ว
เพราะฉะนั้น พระภิกษุรูปใดก็ตามที่กล่าวอ้างว่าสิกขาบทเล็กน้อยให้ตัดทอนได้ ผู้นั้นก็คือไม่มีความเคารพในพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นผู้ที่ลบหลู่ในพระคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ท่านอาจารย์ คำใดที่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้แล้ว ทุกคำ ใครเปลี่ยนได้ เพราะฉะนั้น การที่พระองค์ตรัสว่า ถ้าหวังที่จะเปลี่ยน หรือแก้ไข หรือยกเลิก จะทำอะไรก็ได้ ตัดทอนสิกขาบทที่คิดว่าเล็กน้อย ทำได้ แต่ว่าพระองค์รู้ว่าไม่มีใครทำ
- ปกิณณกธรรม ตอนที่ 1141
- ปกิณณกธรรม ตอนที่ 1142
- ปกิณณกธรรม ตอนที่ 1143
- ปกิณณกธรรม ตอนที่ 1144
- ปกิณณกธรรม ตอนที่ 1145
- ปกิณณกธรรม ตอนที่ 1146
- ปกิณณกธรรม ตอนที่ 1147
- ปกิณณกธรรม ตอนที่ 1148
- ปกิณณกธรรม ตอนที่ 1149
- ปกิณณกธรรม ตอนที่ 1150
- ปกิณณกธรรม ตอนที่ 1151
- ปกิณณกธรรม ตอนที่ 1152
- ปกิณณกธรรม ตอนที่ 1153
- ปกิณณกธรรม ตอนที่ 1154
- ปกิณณกธรรม ตอนที่ 1155
- ปกิณณกธรรม ตอนที่ 1156
- ปกิณณกธรรม ตอนที่ 1157
- ปกิณณกธรรม ตอนที่ 1158
- ปกิณณกธรรม ตอนที่ 1159
- ปกิณณกธรรม ตอนที่ 1160
- ปกิณณกธรรม ตอนที่ 1161
- ปกิณณกธรรม ตอนที่ 1162
- ปกิณณกธรรม ตอนที่ 1163
- ปกิณณกธรรม ตอนที่ 1164
- ปกิณณกธรรม ตอนที่ 1165
- ปกิณณกธรรม ตอนที่ 1166
- ปกิณณกธรรม ตอนที่ 1167
- ปกิณณกธรรม ตอนที่ 1168
- ปกิณณกธรรม ตอนที่ 1169
- ปกิณณกธรรม ตอนที่ 1170
- ปกิณณกธรรม ตอนที่ 1171
- ปกิณณกธรรม ตอนที่ 1172
- ปกิณณกธรรม ตอนที่ 1173
- ปกิณณกธรรม ตอนที่ 1174
- ปกิณณกธรรม ตอนที่ 1175
- ปกิณณกธรรม ตอนที่ 1176
- ปกิณณกธรรม ตอนที่ 1177
- ปกิณณกธรรม ตอนที่ 1178
- ปกิณณกธรรม ตอนที่ 1179
- ปกิณณกธรรม ตอนที่ 1180
- ปกิณณกธรรม ตอนที่ 1181
- ปกิณณกธรรม ตอนที่ 1182
- ปกิณณกธรรม ตอนที่ 1183
- ปกิณณกธรรม ตอนที่ 1184
- ปกิณณกธรรม ตอนที่ 1185
- ปกิณณกธรรม ตอนที่ 1186
- ปกิณณกธรรม ตอนที่ 1187
- ปกิณณกธรรม ตอนที่ 1188
- ปกิณณกธรรม ตอนที่ 1189
- ปกิณณกธรรม ตอนที่ 1190
- ปกิณณกธรรม ตอนที่ 1191
- ปกิณณกธรรม ตอนที่ 1192
- ปกิณณกธรรม ตอนที่ 1193
- ปกิณณกธรรม ตอนที่ 1194
- ปกิณณกธรรม ตอนที่ 1195
- ปกิณณกธรรม ตอนที่ 1196
- ปกิณณกธรรม ตอนที่ 1197
- ปกิณณกธรรม ตอนที่ 1198
- ปกิณณกธรรม ตอนที่ 1199
- ปกิณณกธรรม ตอนที่ 1200
