พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 903


    ข้อความนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบแก้ไข

    ตอนที่ ๙๐๓

    ณ มูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา

    วันอาทิตย์ที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗


    อ.วิชัย กราบท่านอาจารย์ครับก่อนหน้านี้ท่านอาจารย์กล่าวถึงจิตที่เกิดก่อนเช่นทางใจคือถ้าทางที่จะให้จิตเกิดขึ้นรู้อารมณ์มีหกทางทางตาหูจมูกลิ้นกาย และทางใจท่านอาจารย์กล่าวถึงจิตที่เกิดขึ้นเป็นจิตขณะแรกทางใจซึ่งก็พิจารณาแล้วคือถ้าจะคิดนึกเช่นคิดถึงชื่อดอกกุหลาบคิดถึงเรื่องราวที่บ้านเหมือนกับขณะนั้นมีวิริยเจตสิกเกิดร่วมด้วยกับจิตที่เกิดก่อนเป็นขณะแรกทางตาหูจมูกลิ้นกายเช่นเสียงเสียงดังจิตเหมือนกับได้ยินเลยแต่ว่ารู้ว่ามีจิตที่เกิดก่อนขณะแรกคือปัญจทวาราวัชนจิตแต่ว่าขณะนั้นก็ไม่มีวิริยะเพราะว่ามีเสียงมากระทบแล้วจิตนั้นเกิดขึ้นทันทีเลยใช่ไหมครับท่านอาจารย์ซึ่งต่างกับขณะที่คิดถึง

    ท่านอาจารย์ ไม่มีเสียงแต่คิดถึงเสียงต่างกันแล้วใช่ไหมคะ เพราะฉะนั้นเพราะเสียงนั้นยังปรากฏยังกระทบเป็นปัจจัยให้ปัญจทวาราวัชนจิตเกิดแต่ไม่มีเสียงมากระทบเลยแต่ก็ยังคิดถึงเสียงได้ทางใจ เพราะฉะนั้นจิตนั้นคือมโนทวาราวัชนต้องมีวิริยเจตสิกเกิดร่วมด้วยทุกอย่างฟังไปก่อนเข้าใจไปก่อนค่อยๆ รู้ว่าไม่ใช่เราไปก่อนจนกว่าจะประจักษ์ความจริงว่าเป็นธรรมแต่ละหนึ่งเมื่อไหร่เมื่อนั้นจึงจะไม่ใช่เราจริงๆ

    อ.ธิดารัตน์ ท่านอาจารย์คะหมายความถึงว่าอาวัชนทางปัญจทวารไม่จำเป็นที่จะต้องมีวิริยะเพราะว่าเขารู้รูปที่มากระทบกับประสาทขณะนั้นอยู่แล้ว

    ท่านอาจารย์ แล้วรูปนั้นก็ยังมีจริงๆ ยังปรากฏ

    อ.ธิดารัตน์ แต่ก็มีวิตกวิจารมีอธิโมก

    ท่านอาจารย์ ถ้าไม่ใช่จิต ๑๐ ดวงต้องมีเจตสิกมากกว่านั้น เพราะฉะนั้นจิต ๑๐ ดวง ๑๐ ดวงนี้ไม่ต้องเอ่ยชื่อแล้วพอพูดว่าจิต ๑๐ ดวงก็รู้ว่าหมายความถึงอะไรมีเจตสิกเกิดร่วมด้วยน้อยที่สุดคือเพียง ๗ เท่านั้นเกินนั้นไม่ได้ เพราะฉะนั้นจิตอื่นต้องมีมากกว่าแน่นอน

    อ.ธิดารัตน์ ท่านอาจารย์คะถ้าอย่างมโนทวาราวัชนทำกิจอาวัชนทางมโนทวารคือแน่นอนต้องมีการน้อมคิดถึงอารมณ์ไม่ว่าจะเป็นสีที่เพิ่งดับ หรือว่าเรื่องราวรู้ได้หมดแต่มโนทวาราวัชนที่มาทำโวฎฐัพพนกิจทางปัญจทวารก็มีวิริยะเหมือนกัน

    ท่านอาจารย์ แน่นอนค่ะเพราะเหตุว่าต้องก่อนที่กุศลจิต และอกุศลจิตจะเกิดได้เป็นชวนปฏิปาทกมนสิการ

    อ.ธิดารัตน์ เพราะกระทำทางให้ชวนเกิดเลยมีวิริยะด้วย

    ท่านอาจารย์ เราพูดถึงเรื่องคิดกับเห็นสองอย่างก็ต้องต่างกันแล้วแต่ว่าแทนที่เราจะไปพูดมากๆ หลายๆ เรื่องทีละหนึ่งเหมือนอย่างวิริยเจตสิกเราพูดเพียงคำว่าวิริยินทรีย์แต่ถ้าเรายังไม่รู้ว่าวิริยะคืออะไรเป็นเจตสิกที่เกิดกับจิตอะไรบ้างแล้วเราจะเข้าใจวิริยินทรีย์ หรือ เพราะฉะนั้นการศึกษาธรรมไม่ใช่พอได้ยินชื่อมีคนบอก และอธิบายเป็นสภาพที่ประคับประคองให้จิตดำเนินไปทางหนึ่งทางใดก็แล้วแต่ฟังเหมือนเข้าใจแต่ว่าวิริยเจตสิกจริงๆ เรารู้ได้ไหม และรู้เมื่อไหร่นี่ก็เป็นสิ่งซึ่งความละเอียดจะทำให้เราเข้าใจธรรมขึ้นโดยพูดถึงทีละหนึ่งอย่างจิต ๑๐ ดวงพูดพร้อมกัน ๑๐ ได้เพราะเหตุว่าเห็นมีในชีวิตประจำวันได้ยินได้กลิ่นลิ้มรสรู้สิ่งที่กระทบสัมผัสห้าทางเป็นผลของกรรม เพราะฉะนั้นก็เป็นกุศลวิบากหนึ่งอกุศลวิบากหนึ่งถ้าใช้คำว่าปัญจวิญญาณหมายความถึงจิตเห็นจิตได้ยินจิตได้กลิ่นจิตลิ้มรสรู้สิ่งที่กระทบสัมผัสห้าแล้วถ้าใช้คำว่าทวิปัญจวิญญาณก็เข้าใจได้หมายความถึงกุศลวิบากต้องแยกเป็นกุศลวิบากหนึ่งอกุศลวิบากหนึ่งจึงรวมเป็น ๑๐ เพราะฉะนั้นสำหรับเห็นได้ยินพวกนี้เป็นชีวิตประจำวัน และกำลังมีด้วยเราก็พูดถึงทีเดียวพร้อมกันได้ว่าจิต๑๐ ดวงนี้ไม่มีวิริยเจตสิกเกิดร่วมด้วยไม่ว่าจะที่ไหนเล่มไหนตรงไหนความจริงจะไม่เป็นสอง เพราะฉะนั้นเมื่อวิริยเจตสิก ไม่เกิดกับจิต ๑๐ ดวงนี้จะไม่มีที่หนึ่งที่ใดในพระไตรปิฎกที่จะกล่าวว่าจิต ๑๐ ดวงนี้มีวิริยเจตสิก ๑๐ ดวงเกิดร่วมด้วยได้ความเข้าใจของเราจะค่อยๆ มั่นคง และรู้เพิ่มเติมในจิต ๑๐ ดวงนี้แหล่ะว่าจิต๑๐ ดวงนี้ไม่มีวิริยเจตสิกเกิดร่วมด้วยแล้วยังไม่มีเหตุหกยังไม่มีเจตสิกที่เป็นเหตุเพราะว่าในบรรดาเจตสิกทั้งหมด ๕๒ มีเจตสิกเพียงหกเจตสิกที่เป็นอกุศลเหตุสาม และโสภณเหตุสามโสภณนี่คือเป็นกุศลก็ได้เป็นวิบากก็ได้เป็นกิริยาก็ได้จึงไม่เจาะจงว่าเฉพาะกุศลเหตุแต่กล่าวว่าอกุศลเหตุสาม และโสภณเหตุสามที่เป็นอโลภะอโทสะอโมหะค่อยๆ เข้าใจ และมั่นคงในแต่ละคำที่ได้ยินไปช้าๆ และเข้าใจชัดเจนจะได้ไม่ลืม

    อ.คำปั่น กราบท่านอาจารย์ครับคำว่าปัญญาก็เป็นภาษาบาลีแต่ภาษาไทยใช้คำว่าความเข้าใจถูกเห็นถูกซึ่งก็เป็นความหมายของคำว่าปัญญานั่นเอง เพราะฉะนั้นเมื่อเริ่มฟังเริ่มศึกษาพระธรรมก็จะเข้าใจว่ากิจหน้าที่ของปัญญาก็คือรู้ถูกเห็นถูกตามความเป็นจริงซึ่งก็เป็นธรรมประการหนึ่งเป็นเจตสิกประการหนึ่งซึ่งเป็นเจตสิกที่ดีงามเป็นธรรมฝ่ายดีซึ่งเมื่อกล่าวถึงความเข้าใจถูกเห็นถูกก็มีหลายระดับขั้นแม้แต่ในการฟังการศึกษาพระธรรมก็สะสมความเข้าใจในขั้นของการฟังเรื่องของความเป็นจริงของสภาพธรรมค่อยๆ สะสมความเข้าใจถูกเห็นถูกไปทีละเล็กทีละน้อยนอกจากนั้นก็มีปัญญาที่รู้ถึงความเป็นจริงของเรื่องกรรม และผลของกรรมนี่ก็เป็นปัญญาด้วยที่เข้าใจอย่างถูกต้องตรงตามความเป็นจริงในเรื่องของเหตุของผลเมื่อเหตุมีผลก็ย่อมเกิดขึ้นเป็นไปตามควรแก่เหตุนอกจากนั้นปัญญาในระดับที่เป็นไปกับการอบรมเจริญความสงบของจิตก็มี และที่ประเสริฐจริงๆ ก็คือปัญญาที่เป็นไปพร้อมกับการระลึกรู้สภาพธรรมที่กำลังมีกำลังปรากฏตามความเป็นจริงจนกว่าจะถึงปัญญาที่เป็นโลกุตระก็คือสามารถที่จะดับกิเลสได้ตามลำดับขั้นทั้งหมดทั้งปวงก็เป็นความเข้าใจเบื้องต้นในเรื่องของปัญญาปัญญาคือธรรมที่มีจริงเป็นสภาพธรรมที่เข้าใจถูกเห็นถูกตามความเป็นจริงครับ

    อ.วิชัย ท่านอาจารย์ครับคำที่พระผู้มีพระภาคได้ตรัสเอาไว้ว่านักปราชญ์ทั้งหลายกล่าวชีวิตของบุคคลผู้เป็นอยู่ด้วยปัญญาว่าประเสริฐสุดก่อนอื่นนะครับ ท่านอาจารย์สำหรับบุคคลที่ไม่ฟังเลย หรือยังไม่เคยฟังพระธรรม หรือเริ่มฟังก็ไม่รู้จักว่าพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นใคร และทรงรู้อะไร และจากข้อความที่พระผู้มีพระภาคตรัสจะจริงมากน้อยแค่ไหนอย่างไรครับท่านอาจารย์

    ท่านอาจารย์ เหมือนคนในสมัยโน้นสมัยที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดงธรรมแต่ว่าคนที่ไม่รู้จักพระองค์เพราะไม่เคยเห็นจะรู้มั้ยคะว่าเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเดินไปบิณฑบาตพระผู้มีพระภาคเสด็จบิณฑบาตทุกเช้าแล้วก็ผ่านคนมากมายคนเหล่านั้นจะรู้ไหมว่าพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้ากำลังเสด็จบิณฑบาต

    อ.วิชัย ก็เพียงแต่เห็นครับท่านอาจารย์

    ท่านอาจารย์ ไม่มีทางที่จะรู้ได้เลย เพราะฉะนั้นการที่จะรู้ว่าบุคคลใดพูดจริงรู้จริงประจักษ์แจ้งก็ต้องด้วยการสนทนาธรรมสนทนากันเขาจึงสามารถที่จะรู้ได้ว่าคนนั้นเป็นคนที่มีความเข้าใจถูกมีความรู้ถูกจริงๆ ต้องชื่อว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าต้องเรียกขณะนั้นทันที หรือเปล่าผู้ที่ได้ไปพบพระผู้มีพระภาคในโรงช่างหม้อไม่เคยเห็นมาก่อนเลยไม่รู้ว่าบุคคลนี้เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้วก็พูดกับพระองค์ตามธรรมดาเรียกพระองค์ว่าอาวุโสเหมือนกับทั่วๆ ไปแต่ว่าเมื่อได้ฟังธรรมแล้วจึงรู้ว่าเป็นใคร เพราะฉะนั้นถ้าไม่มีการได้ยินได้ฟังเลยจะรู้ได้ยังไงว่าผู้นี้เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า

    อ.วิชัย ก็ต้องมีการฟังธรรม และสนทนาธรรม

    ท่านอาจารย์ ก็ต้องมีการฟัง และก็รู้ว่าวาจาที่ได้ยินนั้นจริง หรือเปล่าเป็นคำจริง หรือเปล่าพิสูจน์ได้เข้าใจได้ หรือเปล่า

    อ.วิชัย หมายความว่าพระองค์ทรงเป็นผู้ที่รู้ใช่ไหมครับท่านอาจารย์

    ท่านอาจารย์ เพราะฉะนั้นจะรู้ว่าพระองค์รู้เมื่อไหร่

    อ.วิชัย ก็ต้องฟัง

    ท่านอาจารย์ ก็ต้องฟัง

    อ.วิชัย กราบท่านอาจารย์ครับจากข้อความที่กล่าวในเบื้องต้นสำหรับชีวิตของบุคคลทั่วไปก็มีการเลี้ยงชีพ และก็มีการแสวงหาเพื่อความสุขความสบายต่างๆ แต่ว่าที่พระผู้มีพระภาคตรัสว่าชีวิตของผู้เป็นอยู่ด้วยปัญญาแสดงว่าปัญญาต้องยิ่งกว่าสิ่งของต่างๆ ครับท่านอาจารย์

    ท่านอาจารย์ แน่นอนเพราะว่าธรรมมีขณะนี้ก็ไม่รู้ว่าเป็นธรรมนั่นคือไม่รู้ใช่ไหมคะใครรู้ว่าเดี๋ยวนี้ไม่ใช่เราเป็นสภาพที่มีจริงแต่ละหนึ่ง

    อ.วิชัย ท่านอาจารย์ครับก็ต่างกับความสุขสบายที่อาจจะเห็น และก็ในสิ่งที่น่ายินดีพอใจกับปัญญาคือจะมีความต่างความที่สำหรับบุคคลทั่วไปยังไงครับท่านอาจารย์

    ท่านอาจารย์ ชีวิตนี้มีความสุขสบายใช่ไหมคะ

    อ.วิชัย ก็มีทั้งสุขทั้งทุกข์ครับ

    ท่านอาจารย์ เพราะฉะนั้นคนที่คิดก็จะรู้ได้ว่าไม่ได้สบายตลอดไปไม่ได้สุขตลอดไปแม้แต่รูปร่างกายในวันนี้ไม่สบายแล้วใช่ไหมจึงต้องมีการบริหารร่างกายตั้งแต่ตื่นนอนมีการรับประทานอาหารแล้วสบายไหมคะ หรือว่าไม่รับประทานเพราะไม่หิวสบายกว่าแต่ว่าเป็นไปอย่างนั้นไม่ได้เลย เพราะฉะนั้นถ้าพิจารณาชีวิตจริงๆ วันหนึ่งจะรู้ได้ว่าต้องเป็นอย่างนี้แต่ว่าเมื่อไม่รู้ตามความเป็นจริงก็พอใจที่จะเป็นอย่างนี้ เพราะฉะนั้นคนที่พอใจโดยที่ไม่รู้เลยว่าชีวิตสั้นมากแค่ไหนไม่มีใครอยู่ในโลกตลอดไปแต่ว่าวันหนึ่งก็ต้องจากไป เพราะฉะนั้นระหว่างที่มีชีวิตอยู่ทำอะไรบ้างสุขบ้างไม่เป็นไรแต่ตอนทุกข์นี่สิคะลำบากไหม เพราะฉะนั้นจริงๆ แล้วก็ลำบากทุกขณะเลยต้องหายใจต้องลืมตาต้องรับประทานอาหารต้องไปหมดเลยโดยไม่รู้จริงๆ ว่าทำไมถึงเป็นอย่างนี้ไม่เป็นไม่ได้ต้องเป็น

    อ.วิชัย ท่านอาจารย์ครับ และที่กล่าวว่าปัญญาคืออย่างที่อาจารย์คำปั่นกล่าวคือเป็นสภาพธรรมที่รู้ตามความเป็นจริงนั้นความรู้ที่จะเป็นปัญญาสำหรับบุคคลที่ใหม่เริ่มฟังความเข้าใจอย่างไรที่ชื่อว่าปัญญาครับท่านอาจารย์

    ท่านอาจารย์ ฟังทุกคำ และไตร่ตรองความหมายของปัญญาคือความเข้าใจถูกความเห็นถูกแล้วก็เห็นถูกในอะไรแค่นี้ไม่คิด หรือคะบอกว่าความเห็นถูกก็ฟังความหมายของคำว่าปัญญาแต่ว่าคิดต่อไป หรือเปล่าเห็นถูกในอะไรอยู่ดีๆ ก็บอกว่าเห็นถูก และเห็นอะไรถูกถ้าไม่คิดก็ตามไปเลยปัญญาคืออย่างนั้นคืออย่างนี้แต่เดี๋ยวนี้กำลังเห็น และก็เห็นถูกในอะไรถ้าไม่มีเห็นไม่มีอะไรเลยทั้งสิ้นจะมีอะไรที่จะต้องเห็นถูกไหมแต่เมื่อมีสิ่งที่กำลังมีจริงๆ เช่นเห็นอย่างนี้ค่ะเห็นถูกในอะไรไม่มีอย่างอื่นเลยนะคะ สภาพธรรมปรากฏทีละหนึ่งถ้าเป็นผู้ที่ละเอียดก็จะรู้ว่าปรากฏพร้อมกันไม่ได้เลยในขณะนี้มีเห็น และก็มีสิ่งที่ปรากฏให้เห็นวาจาจริงก็คือสิ่งนี้กำลังมีจริงๆ ที่สามารถจะเข้าใจได้ว่าเดี๋ยวนี้มีเห็น และมีสิ่งที่ถูกเห็นปรากฏให้เห็นกำลังเห็นได้ เพราะฉะนั้นเข้าใจถูกในอะไรอยู่ดีๆ บอกปัญญาคือความเห็นถูก และเห็นถูกในอะไรในเมื่อขณะนี้ถ้าจะกล่าวถึงธรรมหนึ่งอย่างจะต้องไม่มีอย่างอื่นปรากฏร่วมด้วย ไม่ว่าจะเป็นเสียง หรือเป็นสิ่งที่ปรากฏ หรือเห็น หรือได้ยิน หรือคิดก็ตามหลากหลายมากไม่ใช่อย่างเดียวกันเลยแล้วจะบอกว่าเป็นอย่างเดียวกันได้อย่างไรนี่ก็เริ่มแล้วใช่ไหมคะต้องรู้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างมีมากมายแต่ว่าเห็นถูกในอะไรต้องทีละหนึ่ง และในสิ่งที่กำลังมีจริงๆ เดี๋ยวนี้ด้วย เพราะฉะนั้นการฟังธรรมไม่ใช่เผินว่าเข้าใจแล้วว่าปัญญาเป็นสิ่งที่มีจริงหมายความว่าอะไรไม่ใช่เพียงความหมายแต่เป็นความเข้าใจสิ่งที่กำลังมีเดี๋ยวนี้ได้นั่นคือปัญญาฟังเฉยๆ และก็มีสิ่งที่ปรากฏทั้งวันแล้วจะเข้าใจอะไรจะเห็นถูกอะไร เพราะฉะนั้นความเข้าใจก็คือเข้าใจสิ่งที่กำลังมีที่กำลังปรากฏถูกต้องตามความเป็นจริง เพราะฉะนั้นเดี๋ยวนี้ถ้าเป็นปัญญาเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องในสภาพธรรมที่เกิดขึ้นจึงเห็นแล้วดับไปนี่คือความเห็นถูกตามความเป็นจริงของเห็นในขณะที่เสียงปรากฏเสียงปรากฏไม่นานเลยถ้าจิตไม่เกิดขึ้นได้ยินเสียงปรากฏไม่ได้ เพราะฉะนั้นเสียงก็มีปรากฏได้ยินก็มีเข้าใจถูกในอะไรไม่ใช่ว่าเผินๆ เข้าใจถูก และเดี๋ยวนี้ล่ะมีทุกสิ่งทุกอย่างเข้าใจอะไรถูก เพราะฉะนั้นก็ต้องเป็นผู้ที่ละเอียดจริงๆ ทำไมถึงได้พูดถึงเรื่องสิ่งที่ปรากฏให้เห็นทางตาหนึ่งเสียงกำลังปรากฏให้ได้ยินหนึ่งถ้าขณะนี้ใครได้กลิ่นก็มีกลิ่นที่มีจริงอีกหนึ่งถ้ารสปรากฏขณะที่ลิ้มรสรสก็มีจริงๆ หนึ่ง และขณะนี้เย็นไหมร้อนไหมอ่อนไหมแข็งไหมตึงไหมไหวไหมพูดทำไมก็มีจริงๆ เพื่ออะไรเพื่อเข้าใจถูก เพราะฉะนั้นจะเห็นได้ว่าแต่ละคำไม่เผินแม้แต่ปัญญาก็ต้องรู้ว่าเข้าใจอะไรถูกขณะนี้เห็นได้ยินได้กลิ่นลิ้มรสรู้สิ่งที่กระทบสัมผัสคิดนึกเข้าใจอะไรถูกก็เข้าใจเห็นเดี๋ยวนี้แหละแต่เมื่อยังไม่ได้เข้าใจก็ต้องฟังสำหรับผู้ที่ได้ตรัสรู้ความจริงแล้วก็จะได้เข้าใจตามเมื่อได้ฟังว่าความจริงเป็นอย่างนี้ทุกสิ่งทุกอย่างที่ปรากฏเกิดขึ้นชั่วคราวแล้วก็ดับไปที่แสดงให้เห็นว่าขณะนี้เหมือนมีหลายอย่างปรากฏพร้อมกันแต่การเกิดดับอย่างรวดเร็วของแต่ละหนึ่งซ้ำจนกระทั่งปรากฏว่าเป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใดซึ่งไม่ได้ดับไปเลย เพราะฉะนั้นเห็นถูกในอะไรก็เห็นถูกในสิ่งที่มีจริงๆ ที่กำลังปรากฏตามความเป็นจริงนี่แหละ เพราะฉะนั้นไม่ข้ามไปเพียงแค่รู้ว่าปัญญาคืออะไรปัญญาหมายความว่าอะไรเข้าใจอะไรแต่ต้องปัญญารู้อะไรเห็นถูกอะไรเข้าใจอะไรด้วยแล้วสิ่งนั้นต้องมีจริงๆ คือเดี๋ยวนี้กำลังปรากฏ

    อ.วิชัย กราบท่านอาจารย์ครับลักษณะของปัญญาคือมีจริงๆ แม้ไม่ต้องกล่าวชื่อก็มีจริงเมื่อสักครู่ท่านอาจารย์กล่าวถึงว่าสิ่งที่มีจริงคือปัญญารู้สิ่งที่มีจริงคือขณะนี้เห็น และได้ยินก่อนฟังไม่เคยคิดอย่างนี้เมื่อฟังอย่างนี้แล้วก็รู้ว่านี้เห็นนี้ได้ยินอย่างนี้ชื่อว่าปัญญา หรือครับท่านอาจารย์

    ท่านอาจารย์ เดี๋ยวก่อนนะคะ พอฟังแล้วนี้เห็นพูดยังไงนี้เห็นพูดตามทั้งๆ ที่เห็นก็เห็นได้ยินก็ได้ยินแต่ก็ยังพูดตามว่านี้เห็นแต่ตรงเห็น หรือเปล่า หรือว่าเพียงพูดว่านี้เห็นแต่ไม่ได้เข้าใจเห็น เพราะฉะนั้นเข้าใจเป็นสภาพธรรมที่มีจริงจะเรียกว่าปัญญาก็ได้เรียกญาณก็ได้วิชชาก็ได้อะไรก็ได้ทั้งนั้นแต่หมายความถึงขณะที่กำลังเข้าใจจริงๆ ในความจริงของสิ่งที่กำลังปรากฏ

    อ.วิชัย ท่านอาจารย์ครับที่ท่านอาจารย์กล่าวว่ารู้ตรงเห็น หรือเปล่าคือความรู้ตอนเริ่มที่จะเริ่มฟังก็ฟังตามแล้วก็จำคำว่านี้คือเห็น และได้ยินแต่ว่าความรู้ที่รู้ตรงเห็นต้องเป็นอีกแบบหนึ่งใช่ไหมครับท่านอาจารย์

    ท่านอาจารย์ แน่นอนค่ะขณะนี้มีหลายอย่างไม่ตรงเห็นหรอกแต่ถ้ามีอย่างเดียวจะตรงเห็นไหมไม่มีอย่างอื่นเลยนอกจากเห็นเท่านั้นกับสิ่งที่ปรากฏให้เห็นเท่านั้นไม่มีอย่างอื่นขณะนั้นจะรู้ตรงนั้นไหมเพราะไม่มีอย่างอื่น

    อ.วิชัย ถ้าเกิดรู้ตรงนั้นนะครับ

    ท่านอาจารย์ เมื่อไม่มีอย่างอื่นจึงสามารถที่จะเข้าใจสิ่งที่มีในขณะนั้นได้ตามความเป็นจริงแต่เมื่อมีหลายๆ อย่างแล้วก็บอกว่านี้เห็นกำลังพูดอย่างนี้นี้เห็นแค่ไหนนี้เห็นเป็นคำแต่ว่าไม่ใช่นี้คือเห็นที่กำลังเห็นจริงๆ

    อ.วิชัย ท่านอาจารย์ครับก็เป็นการยากสำหรับคนใหม่เริ่มที่จะรู้ว่านี้เห็นแต่ว่าก็ไม่รู้อยู่ดีว่านี้เห็นคืออย่างไรนอกจากจะฟังอบรมขึ้นเรื่อยๆ ที่จะค่อยๆ รู้ขึ้น

    ท่านอาจารย์ ถ้าไม่มีการฟังเลยจะมีโอกาสไหมเห็นทั้งวันก็ไม่รู้ว่าเห็นคืออะไรเมื่อฟังแล้วเริ่มรู้ว่าทั้งชีวิตก็แค่นี้เอง และก็ชั่วคราวจริงๆ แต่ละหนึ่งไม่ใช่ว่าชีวิตนี้สั้นแต่ว่าแม่เห็นก็แสนสั้นยิ่งกว่าชีวิตเพียงชั่วขณะที่เห็นเท่านั้นเอง

    ผู้ฟัง เราก็รู้อยู่อีกอย่างหนึ่งว่าปัญญาทางธรรมกับปัญญาทางโลกนี่แตกต่างกันไปมากเลย

    ท่านอาจารย์ เพราะฉะนั้นไม่ใช่ปัญญา

    ผู้ฟัง ก็ไม่ใช่ปัญญา

    ท่านอาจารย์ เพราะฉะนั้นเพียงคำว่าปัญญาถ้าไม่ศึกษาธรรมจริงๆ ก็ไม่รู้จักปัญญาหลงเข้าใจว่านั่นคือปัญญาแต่ไม่ใช่ปัญญา เพราะฉะนั้นเมื่อศึกษาธรรมผู้ที่ทรงแสดงจากการที่ได้ทรงตรัสรู้คือพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะฉะนั้นทุกคำเป็นวาจาจริงกล่าวถึงสิ่งที่มีจริงเพื่อที่จะให้เข้าใจถูกต้องทุกคำเช่นโลกคืออะไรปัญญาคืออะไรสับสนปนกันไม่ได้สับสนปนกันเมื่อไหร่คือไม่ได้เข้าใจเมื่อนั้นกว่าจะเข้าใจจริงๆ ก็ต้องอาศัยการฟังโดยเคารพอย่างยิ่งว่าบุคคลที่ได้ตรัสวาจานั้นได้กล่าวคำที่ทำให้คนอื่นเริ่มมีความเห็นถูกมีความเข้าใจถูกในสิ่งซึ่งไม่เคยเข้าใจมาก่อนเลยจะกล่าวว่าตลอดชีวิต หรือในสังสารวัฏก็ได้ถ้าไม่ได้มีการฟังพระธรรมก็จะมืดอย่างนี้ต่อไป และก็จะมีคำที่ไม่รู้จักจริงๆ เพราะฉะนั้นก่อนอื่นทุกคำต้องชัดเจนตอนนี้ไม่มีทางโลกทางธรรมแล้วใช่ไหมเพราะว่ามิฉะนั้นแล้วต้องปัญญาทางโลกคืออะไรปัญญาทางธรรมคืออะไรคือทุกคำต้องชัดถึงจะเป็นความเข้าใจถูกความเห็นถูกจริงๆ รู้ว่าคำที่พระผู้มีพระภาคตรัส และทรงแสดงมีความจริงที่ลึกซึ้ง และเปลี่ยนแปลงไม่ได้ เพราะฉะนั้นแต่ละคำต้องชัดเจนเดี๋ยวนี้เข้าใจแล้วว่าถ้าเป็นเรื่องวิชาการต่างๆ ทำขนมเก่งตัดเสื้อเก่งผลิตเครื่องมือต่างๆ ทำอาวุธต่างๆ ได้ไม่ใช่ปัญญาแน่นอนแต่เมื่อมีคำว่าปัญญาทางโลกหมายความว่ายังไงโลกคืออะไร และสิ่งที่ไม่ใช่โลกคืออะไรแต่ละคำที่พูดต้องมีความเข้าใจชัดเจนปัญญาคือความเห็นที่ถูกต้องปัญญาทางโลกก็คือปัญญาที่รู้จักโลกถูกต้องไหมคะ

    ผู้ฟัง ถ้าปัญญาที่รู้จักโลกถ้าเป็นในลักษณะเป็นธรรมแล้วมันเป็นปัญญาทางธรรมนะครับ ท่านอาจารย์

    ท่านอาจารย์ ไม่ไปคิดอย่างที่เราเคยคิดมาก่อนนะคะ คือการฟังธรรม หรือฟังอะไรก็ตามแต่ตั้งแต่เกิดจนตายจะพูดคำที่ไม่รู้จักอย่างเมื่อกี้นี้แม้แต่วิชชาอวิชชาก็พูดคำที่ไม่รู้จักจนกว่าจะได้ฟัง และเข้าใจถูกต้องว่าวิชชาคืออะไรอวิชชาคืออะไร หรือแม้แต่โลกคืออะไรก็ต้องรู้ด้วยว่าเราไม่รู้จักโลกเราบอกว่าเราอยู่ในโลกแต่โลกคืออะไรถามคนที่บอกว่าอยู่ในโลกเขารู้ไหมว่าโลกคืออะไรจึงจะมีคำพูดว่าปัญญาทางโลก เพราะฉะนั้นเมื่อไม่รู้จักว่าโลกคืออะไรก็บอกว่าปัญญาทางโลก และไม่รู้ว่าโลกอะไรพระพุทธศาสนาคำสอนของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกคำเพื่อความเข้าใจถูกต้องไม่ลืมว่าเพื่อเข้าใจมรดกที่ล้ำค่าที่สุดคือให้ความเห็นถูกความเข้าใจถูกของผู้ฟังของผู้ฟังเองใครก็ไปทำอะไรไม่ได้นอกจากไตร่ตรองจนกระทั่งเป็นความเห็นที่ถูกต้องจริงๆ ของบุคคลนั้นแต่ละคำจะไม่ผ่านเลยมิฉะนั้นเราก็จะสับสนคิดว่าเรากำลังพูดเรื่องปัญญาทางโลกกับปัญญาทางธรรมแต่ธรรมคืออะไรโลกคืออะไรปัญญาคืออะไรถ้าเราจะพูดสั้นๆ ทีละคำเราจะเข้าใจขึ้นทุกคนที่ยังไม่ได้ฟังธรรมใช้คำว่าปัญญาทางโลกทุกคนเลยแต่ว่าปัญญาคืออะไรโลกคืออะไรจึงใช้คำว่าปัญญาทางโลกเมื่อกี้นี้ก็เข้าใจแล้วใช่ไหมถ้าเป็นเรื่องอื่นวิชาอื่นๆ ไม่ใช่ปัญญาไม่ใช่ความเห็นที่ถูกต้องในสิ่งที่มีจริง เพราะฉะนั้นวิชาการอื่นไม่ได้กล่าวถึงสิ่งที่มีจริงในขณะนี้เป็นแต่เพียงเรื่องราวความจำของสิ่งที่มีจริงด้วยความคิดต่างๆ แนวความคิดต่างๆ ก็เป็นวิชาการต่างๆ แต่ถ้ากล่าวถึงว่าสิ่งที่มีจริงปัญญารู้ความจริงของสิ่งที่มีจริงก่อนอื่นต้องรู้ว่าสิ่งที่มีจริงคืออะไรจึงสามารถที่จะรู้ได้ว่าปัญญารู้สิ่งที่มีจริง เพราะฉะนั้นก่อนศึกษาธรรมจะใช้คำว่าปัญญาทางโลกกับปัญญาทางธรรมไม่มีความชัดเจนไม่มีแม้แต่ว่าปัญญาคืออะไรรู้อะไรแต่เมื่อศึกษาแล้วผ่านไม่ได้เพื่อที่จะได้เข้าใจได้ถูกต้องแล้วก็จะไม่พูดคำนั้นอีก


    ฟังธรรมจากหัวข้อย่อย

    หมายเลข 194
    23 ธ.ค. 2566

    ซีดีแนะนำ