พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 894


    ข้อความนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบแก้ไข

    ตอนที่ ๘๙๔

    ที่มูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา

    วันอาทิตย์ที่ ๕ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๗


    จากข้อความในคาถาธรรมบทก็ได้กล่าวถึงเรื่องของจิตหรือว่าเรื่องของใจซึ่งก็เป็นธรรมประการหนึ่งซึ่งได้เคยได้ยินได้ฟังบ่อยแต่ว่าความที่จะค่อยๆ เข้าใจขึ้นในเรื่องของจิตเรื่องใจนะครับ ก็เป็นสิ่งที่เมื่อได้ฟัง แล้วก็ได้พิจารณาไตร่ตรองนะครับ ก็จะเป็นความเข้าใจเพิ่มขึ้นในเรื่องของจิตโดยประการต่างๆ ซึ่งขออนุญาตอ่านข้อความในคาถาธรรมบทธรรมทั้งหลายมีใจเป็นหัวหน้า มีใจเป็นใหญ่ สำเร็จแล้วด้วยใจ ถ้าบุคคลมีใจร้ายแล้วพูดอยู่ก็ดีทำอยู่ก็ดี อ๋อย่อมไปตามเขาเพราะเหตุนั้น เดือดร้อนล้อหมุนไปตามรอยเท้าโคผู้นำแอกไปอยู่ฉะนั้น ธรรมทั้งหลายมีใจเป็นหัวหน้ามีใจเป็นใหญ่สำเร็จแล้วด้วยใจถ้าบุคคลมีใจผ่องใสแล้วพูดอยู่ก็ดีทำอยู่ก็ดีความสุขย่อมไปตามเขาเพราะเหตุนั้น เหมือนเงาไปตามตัวฉะนั้น อันนี้คือข้อความนะครับ ในคาถาธรรมบทซึ่งในเรื่องของจิตหรือใจนะคะ ก็เป็นครั้งที่กล่าวถึงทำมาประการหนึ่งซึ่งทุกท่านก็คงเคยได้ยินได้ฟังมาแต่ว่าความเข้าใจในเรื่องของจิตนั้นก็ต้องค่อยๆ ที่จะพิจารณาแล้วก็เกิดความรู้ความเข้าใจเพิ่มขึ้นนะครับ ขอกราบเรียนถามพระอาจารย์ครับอาจารย์ครับถ้าถามบุคคลที่ยังไม่ได้ศึกษาเนี่ยว่ามีใจไม่บุคคลนั้นก็ตอบว่ามีแน่นอนครับซึ่งความรู้ที่พระภูมิภาคทรงตรัสรู้ธรรมะตามความเป็นจริงในเรื่องของจิตหรือว่าใจนะครับ ต่างกับบุคคลที่ไม่ได้ยินได้ฟังพระธรรมหรือไม่ได้ศึกษาอย่างไรบ้างครับ คนที่ไม่เคยฟังพระธรรมเลยนะคะ พูดคำที่ไม่รู้จักตั้งแต่เกิดจนตายค่ะเพราะฉันก็ยังไม่เคยรู้ตัวเลยว่าพูดแต่งแต่พูดได้ก็พูดไปทุกวันเนี่ยรู้จักอะไร ผู้ที่ได้ศึกษาพระธรรมแล้วก็สามารถที่จะเข้าใจคำนี้ได้จริงๆ และพูดคำที่ไม่รู้จักเช่นใจ พูดแล้วใช่ไหมคะแต่ก็ไม่รู้จักจริงๆ ว่าใจมีแน่แต่ว่าอยู่ที่ไหนขณะนี้ใจกำลังทำอะไรไม่รู้สักอย่างเดียวว่าใจเลยค่ะก็คือธาตุรู้จะใช้คำว่าจิตในภาษาบาลีหรือแวะจะใช้คำว่าใจอื่นก็ต้องแต่แต่สิ่งที่มีชีวิตทั้งหมดนะคะ เป็นสิ่งที่มีชีวิตจริง แต่ถ้าไม่มีชีวิตไหนก็จะไม่มีจิตแต่ อาจารย์ครับบุคคลที่เข้าใจว่ามีนะครับ แต่ว่าไม่รู้จักหรือไม่เข้าใจ จีนเจ้าของโกดังผู้คน ต้องจีบเป็นสูบ จะให้เข้าใจละเอียดอย่างงี้ได้ยังไงครับไปงานศพซึ่งบรรยากาศค่ะกลับไปบ้างไม่ต้องไปถึงรู้ว่า กรุงเทพมีใครสักคนนึงตาย รู้ได้เลยใช่มั้ยคะ ก็รู้ว่าบุคคลนั้นมีจิตไม่มีแต่ง และบุคคลที่กำลังเคลื่อนไหวหรือแม้กำลังที่พูดขนาดนี้มีจุดนะครับ ไม่ใช่แน่นอนค่ะทุกคน และจิตอยู่ที่ไหนอย่างไรครับ คุณวิชัยเห็นอะไรคะ ก็เห็นดอกไม้บางท่านที่มาฟังธรรมะบ้างครับหมายความว่าเห็นจริงๆ ใช่ไหมคะ ก็กำลังมีในขณะนี้ครับแต่มีสิ่งที่ปรากฏให้เห็น ครับค่ะ เพราะฉะนั้นถ้าไม่เห็นจะมีสิ่งที่ปรากฏให้เห็นได้ มีไม่ได้เลยค่ะ เพราะฉะนั้นจะเรียกสิ่งนั้นว่าอะไรก็ได้ไม่เรียกก็ได้ไม่ต้องไปห่วงเชนะคะ แต่มีธาตุชนิดหนึ่งมีจริงๆ จะใช้คำว่าทาสหรือว่าจะไม่ใช่คำใดๆ เลยทั้งสิ้นโดยจะใช้คำว่าธรรมะจะใช้อีกหลายคำก็หมายความถึงขนาดนี้นะคะ มีธาตุรู้หรือความรู้หรือสิ่งที่ รู้สามารถที่จะรู้ว่าขณะนี้มีสิ่งอะไรที่กำลังปรากฏให้เห็น ก็น่าแปลกนะคะ เพียงแค่เห็นคำเดียวก็ ก็พูดถึงเห็นกันตลอดแต่ก็ไม่รู้จักเห็น และขณะนี้ก็กำลังเห็นจนกว่าจะรู้ว่าถ้าจะรู้จักเห็นก็คือในขณะที่กำลังเห็น เพราะฉะนั้นจะได้ยินคำนี้ทั้งชาติไหนอีกกี่ครั้งรวมทั้งชาติก่อน และชาติต่อไปนะคะ ก็รู้ว่าเห็นมีจริงแน่นอน แล้วก็ไม่รู้ความจริงของเห็นด้วยแต่ถ้าสามารถจะรู้ได้เข้าใจได้แต่ควรรู้ และก็มีหนทางจริงๆ นะคะ แต่ต้องเป็นความอดทน และก็เป็นความจริงใจที่จะรู้ว่าความรู้กับความไม่รู้แน่ต่างกัน เห็นเมื่อไหร่ไม่รู้ก็อย่างหนึ่ง แต่พอเริ่มมีผู้ที่สามารถที่จะทรงแสดงให้เข้าใจได้แวะเห็นมีจริงๆ เกิดขึ้นเห็น ค่อยๆ พิจารณาค่อยๆ เข้าใจความจริงไม่ใช่ว่าให้ไปจำเรื่องไวมากๆ นะคะ แต่ขณะนี้เห็นมีจริงจริงกำลังเห็นเกิดขึ้นเห็นแล้วนะ นี่ยังค์เสียง มี เพราะฉะนั้นตั้งแต่เกิดมาไม่ใช่ผู้ที่มีความละเอียด ที่จะรู้ว่าเพราะที่จริงนะคะ ที่เรียกว่าเป็นเราเกิดแล้วก็ตามตลอดชีวิตด้วยนะมีอะไรบ้าง นับไม่ถ้วนค่ะแต่ไม่เคยรู้สักอย่าง ไม่รู้ว่าแต่ละหนึ่งอย่างเลยนะคะ เพียงปลากดแล้วก็หมดไปแล้วก็ปรากฏแล้วก็หมดไป๔ตยังเลือกกิน และก็พูดแต่เรื่องงานต่างๆ นะคะ แต่ก็ไม่รู้จักสิ่งที่พูดว่าความจริงนั่นคือ อาจารย์ครับเมื่อสักครู่ทางอาจารย์กล่าวถึงความรู้ และก็ความไม่รู้ซึ่งความรู้ และก็ความไม่รูนี่ย์กับจิตที่เป็นใหญ่เป็นประธานในการรู้เนี่ยคือจะเป็นธรรมะอย่างไรบ้างครับอาจารย์คะคุณไม่ใช่เห็นดอกกุหลาบช่างไหมคะ ก็ชอบครับอาจารย์ชาติกับเห็น เป็นสิ่งเดียวกันหรือเปล่า เห็นเพียงเห็น ไม่ได้ชอบอ่ะใช่ไหมคะแต่บางครั้งพอเห็นเราชอบเป็นอย่างหนึ่งไม่ชอบเป็นอีกอย่าง เพราะฉะนั้นชอบหรือไม่ชอบไม่ใช่เห็น ด้วยเหตุนี้นะคะ ถ้าไม่มีการเข็น ไม่มีเลยนะคะ จะติดของพอใจในสิ่งที่เห็นได้ไหม ก็ไม่ได้ครับ เพราะฉะนั้นเห็นเป็นใหญ่เป็นพระเจ้าในขณะที่กำลังรู้ว่าสิ่งที่กำลังปรากฏเป็นอย่างนี้ ไม่ต้องมีใครบอกเลยนะคะ ไม่บอกให้เห็นอย่างนี้สิไม่เห็นเป็นดอกไม้สีขาวนะกรี๊ดใหญ่ก็มีกลีบ และก็มีไม่ต้องไปบอกเห็นเห็นเกิดขึ้นเห็นแล้วค่ะ เพราะฉะนั้นก็จะเห็นได้ว่าพลาดที่กำลังรู้แจ้งสิ่งที่กำลังปรากฏ ปืนใหญ่เฉพาะในการรู้ว่าสิ่งนี้ปรากฏ มีท่าทีกำลังรู้สิ่งนั้นจริง ละเอียดมากเร็วมากเลยค่ะก่อนที่จะรู้ว่าเป็นเรากุหลาบ เห็นกี่คณะละ ก่อนที่จะรู้ว่าไม่ใช่ดอกแต่เป็นบ่ายกี่คณะละ เพราะฉะนั้นก็แสดงให้เห็นว่าสิ่งหนึ่งสิ ที่ปรากฎได้ว่ามีเพราะว่าขณะนั้นนะคะ มีธรรมะคือสิ่งที่มีจริงอย่างนึงนะคะ ซึ่งมีปัจจัยเกิดขึ้นทำกิจนั้นคือเห็น ครับอาจารย์ครับที่ทาจารย์กล่าวถึงว่าเห็นกับชอบในสิ่งที่เห็นเนี่ยซึ่งถ้าไม่เคยได้ยินได้ฟังมาก่อนก็จะไม่สามารถจะรู้ถึงความต่างได้เลยครับว่าเห็นขณะหนึ่งกับความพอใจชอบใจเป็นอีกขนาดหนึ่งแต่แมทเคยได้ยินได้ฟังก็ยากที่จะรู้ว่าจิตนั้นเป็นอย่างไรครับ และใครบอกให้รู้อย่างนี้แหละ คิดเองได้ไหม ก็คิดเองไม่สามารถใครหนอก็ได้ที่บอก ให้เข้าใจขึ้นว่าขณะนี้มีเห็นเกิดขึ้นเห็น และก็มีชอบแต่ชอบไม่ใช่เห็น และสิ่งที่ปรากฏให้เห็นก็ไม่ใช่เห็นไม่ใช่ชอบนี่คือความละเอียดของทุกอย่างที่ปรากฏเหมือนเป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใดนะคะ ตามเหตุการณ์ใหญ่ๆ แต่ลืมว่าก่อนที่จะมีอะไรที่ร่วมกันเป็นเรื่องราวใหญ่โต และก็จะต้องมีสภาพที่มีจริงๆ แต่มัน ซึ่งปรากฏ กลับถ้าจารย์ครับที่เมื่อสักครู่ย้อนไปก่อนหน้านี้ที่ท่านจันทร์กล่าวถึงว่าความรู้ และความไม่รู้หมายถึงว่าความรู้คือการที่จะเข้าใจว่าเห็นขณะนี้ต่างกับการพอใจในสิ่งที่เห็นนะครับ อาจาดคือทำมาเป็นเรื่องที่มีจริงนะคะ สนทนากันเรื่องอื่นก็เป็นเรื่องอื่นไปแต่ว่าถ้าสนทนาถึงสิ่งที่มีจริงจริง สามารถที่จะเข้าใจได้ทุกเครื่อง แต่ต้องมาจากการเข้าใจสิ่งที่มีจริงแต่ เพราะฉะนั้นแทนที่จะไปคิดถึงเรื่องราวมากมายใหญ่โตนะคะ เพียงแค่ให้รู้ว่าขนาดนี้หนึ่งขนาดคือเดี๋ยวนี้ เดี๋ยวนี้จะไม่ใช่ขณะอื่นที่ผ่านไปแล้วหรือขณะที่ยังไม่เกิดขึ้นนะคะ เดี๋ยวนี้มีอะไรแล้วก็ตามที่จะรู้ความจริงของสิ่งนั้น ตลอดชีวิตที่เกิดมาค่ะก็มีสิ่งที่มีจริงๆ ทั้งนั้นที่ปรากฏแล้วก็หมดไปเท่านั้นเองไม่เหลืออะไรเลยเช่นเดียวนี้เป็นต้นนะคะ สิ่งที่กำลังปรากฏให้เห็น และใครจะรู้บ้างว่าเพลงเกิดขึ้นเห็นถังสีที่ปรากฏให้เห็น และสภาพที่เห็นก็ไม่เหลือแล้ว ถ้าจะรู้ความจริงนะคะ ดีกว่าไม่รู้หรือว่าชอบไม่รู้ ความรู้ย่อมดีกว่าไม่รู้จริงฟังใช่ไหมคะ และก็รู้ว่าถ้าปัญญาด้วยความเข้าใจถูกเห็นถูกต้องเห็นถูกในสิ่งที่กำลังปรากฏถ้าไม่รู้ก็ต้องไม่รู้ในสิ่งที่กำลังปรากฏนั่นเอง เพราะฉะนั้นแตก และคณะด้วยค่ะเป็นสิ่งที่มีจริงที่สามารถเข้าใจจริงๆ ได้ แต่ว่าไม่ใช่ด้วยความคิดของเราเองนะคะ เพราะว่าเราแต่ละคนนะคะ ไม่ใช่ผู้ที่ได้ทรงบำเพ็ญบารมีที่จะตรัสรู้ความจริงถึงที่สุดของทุกสิ่ง คาดแถบอาจารย์ครับถ้ากล่าวถึงความรู้ความเข้าใจจากการสนทนาเมื่อสักครู่นี้ครับท่านจารหมายถึงว่าการที่กล่าวว่าหุ่นหมีกับความพอใจในสิ่งที่เห็นมีก็ดูเหมือนว่าเคยได้ฟังมามากบ้างแล้วครับอาจารย์ก็คือเข้าใจอย่างนี้ครับเข้าใจเรื่อง ใช่ค่ะทั้งๆ ที่ในขณะที่เห็นหนึ่งขณะแล้วก็มีความชอบไม่ชอบในสิ่งที่เห็น ๑๙ก็ไม่รู้ว่าจะต่างขณะกันแล้วความจริงนี้ยังละเอียดไม่พอนะคะ ถ้าละเอียดจริงๆ เนี่ยทรงแสดงความละเอียดยิ่งของหนึ่งขนาดเสียงธาตุรู้เกิดขึ้นขณะนั้นนะคะ มีสภาพธรรมะที่อาศัยกัน และกันเป็นปัจจัยให้เกิดขึ้นมิฉะนั้นก็เกิด แล้วก็ดับไปเนี่ยค่ะคือชีวิตตามความเป็นจริงนะค่ะในสารสารวัตร และก็จะเป็นอย่างนี้ต่อไปไม่ใช่แค่ฝั่งเพื่อทำไทย และครั้งนี้ให้ทราบว่า ฉันขอซัมเมอร์๓เผด็จแจงที่ส่วนพระมหากรุณา และแสดงให้เราได้ยินได้ฟังเดี๋ยวนี้เรียกเห็น ทำไมจึงทรงแสดงให้เห็น ในชีวิตนี้ไม่เห็นหรอค่ะแต่เห็นจนไม่รู้ว่าเห็นอะไรบ้างตั้งแต่เกิดจนตายแล้วไม่รู้เลย เพราะฉะนั้นการที่มีสิ่งหนึ่งสิ่งใดที่ปรากฏตามความเป็นจริงบังคับให้เกิดก็ไม่ได้ อันนี้เป็นอย่างงี้ เป็นให้รู้เจ้าของความคิดในเรื่องราวต่างๆ จากสิ่งที่พิมพ์ยัง แสนมากแล้วก็ดับไปแต่ว่าเกิดดับสืบต่อจนเหมือนว่ามีจริงๆ ที่เป็นสิ่งไหน เป็นสิ่งของเป็นคนเป็นสัตว์เป็นต้นมาแต่ก็ เนี่ยจะมีสิ่งที่ปรากฏให้เห็นโทษ ต์ไม่ใช่เธอ คุณเห็น ดิฉันกว่าจะรู้ความจริงถึงที่สุดอย่างนี้ได้ต้องมีความอดทน และรู้ว่าประโยชน์อย่างยิ่งนะคะ คือมีความเข้าใจถูกในสิ่งที่ปรากฏ และก็ไม่ใช่แต่เฉพาะเห็นเธอ แต่ว่าเมื่อกำลังเห็นขณะนี้นะคะ เจ้าผู้เห็น ไม่รู้ไม่รู้เรื่องเห็นเนี่ยไม่รู้จริงๆ เป็นแล้วเห็นว่าเป็นเห็นสีน้ำสีไหนบ้างแต่ไม่รู้ว่าถ้าไม่มีศักยภาพที่เกิดขึ้นเห็นสิ่งที่ปรากฏให้เห็นเนี่ยไม่มีค้างวันนะคะ มีแต่สิ่งที่ปรากฏทางตาทางหูทางจมูกทางลิ้นทางกายทางใจลืมว่าเพราะมีธาตุเขา ที่กำลังรู้สิ่งนั้น เพราะฉะนั้นควรรู้จักสภาพรู้หรือธาตุรู้ซึ่งไม่เคยรู้มาก่อน แล้วก็หาว่าจิตเป็นยังไงใจเป็นยังไงอยู่ที่ไหนเดี๋ยวนี้ทำ ขณะใดที่เห็นนะคะ พลาดรู้ต้องเกิดขึ้นเห็นไม่ใช่สิ่งที่ปรากฏให้เห็นเรียกธาตุรู้นั้นว่าอะไรก็ได้ไหนภาษาไหนก็ได้แต่ละทรงแสดงพระธรรมในภาษามาขับขี่นะคะ ก็ใช้คำว่าจิตตวิญญาณมโนมนัส และแตกค่ะ ก็หมายความถึงขนาดนี้เนี่ยถ้าไม่มีแพทย์รู้เลยไม่มีอะไรปรากฏได้เลย อาจารย์ครับถ้ากล่าวถึงถ้ารู้สภาพรู้เนี่ยตามความเข้าใจก็สามารถเข้าใจได้แต่ว่าถ้าดูที่เกิดจากอย่างรวดเร็วเนี่ยจะปรากฏได้หรือครับอาจารย์ เอารู้ก่อนนะคะ ว่าถ้ารู้เกิดรึเปล่า ขณะนี้มีปรากฏย่อมเกิดครับเกิดขึ้นเห็นใช่ไหมครับเห็นครับแล้วขณะที่ได้ยิน และเห็นอยู่ใน หายไปไหน เผ่นหายไปไหนไปหาเห็นไม่ให้เจอสิคะ ขณะที่จำเลยได้ยิน ไม่มีเห็นเลยแล้วจะบอกว่าไม่แบบใด กลับหมายความว่าเราไม่กลับมา เพราะฉะนั้นความจริงนี้นะคะ ต้องอาศัยกำลังเห็น และรู้ว่าเดี๋ยวนี้มีเห็นแล้วไม่รู้แหละกว่าจะรู้เห็นจริงๆ ได้ตามความเป็นจริงอีกหึหึ และก็ขณะที่กำลังมีเหตุไม่ได้สนใจคิดเรื่องอื่นเลยนะคะ แล้ววันหนึ่งก็ทนต่อการพิสูจน์ว่าเห็นก็คือสภาพที่ไม่ใช่สิ่งที่ปรากฏ อันนี้ไม่สงสัยเรื่องแบบ และใช่ไหม ไปหาเห็นเมื่อกี้มีฐานถ้าหาได้ก็ไม่ดับแต่ไม่มีเลย คือถ้ากล่าวว่าเห็นกับได้ยินต่างกันครับตามความได้คิดพิจารณาตามนะแต่ว่าก็ยังไม่รู้ลักษณะของเขาต้องเข้าใจในขั้นการคิดก่อน ถ้าไม่คิดก็ไม่มีการเข้าใจใช่มั้ยคะแต่ฟังแล้วเห็นกำลังเห็น และจะได้ยินไหมใช่เหตุ และเห็นที่กำลังเห็นก่อนได้ยื่นใน เห็นต้องดับไปก่อนได้ยินจึงไม่กลับไปอีกเลย แต่เห็นก็มีอีกนะครับ เมื่อความจริงเป็นอย่างนี้นะค่ะรู้ได้แต่ไม่ใช่เพราะความไม่รู้ไม่เข้าใจ และก็อยากรู้อยากเข้าใจเดี๋ยวนี้ แต่ว่าสิ่งที่ปรากฏนะครับ เป็นสิ่งที่รู้ยากใครบอกว่าง่ายผิดใช่ไหมคะ แต่ละคำที่ได้ยินเนี่ย เป็นความจริงซึ่งยากที่จะรู้ได้แต่เพราะมีผู้ที่ทรงบำเพ็ญพระบารมีทรงจะสรุปแล้วทรงแสดงให้คนอื่นมีโอกาสได้ยินได้ฟังด้วย มีท่านผู้หนึ่งค่ะได้ฟังมานะคะ บางคนก็อาจจะคิดว่าเป็นเรื่องกระทบกระเทียบเปรียบเปรยบุคคลอื่นแต่ว่าตามความจริง และประโยชน์ของการฟังนะคะ ก็คือเพื่อให้ไตร่ตรองได้รู้ว่าอะไรจริงอะไรไม่จริงถ้าไม่พูดไม่มีการที่จะคิดว่าแล้ว ไม่จริงอย่างไรจริงอย่างไรใช่ไหมคะก็ได้ยินคำที่บอกว่า การที่จะรู้ลักษณะของสภาพธรรมะยา ไม่ผิดเลยใช่ไหมคะแต่พวกนั้นมีหนทางลัด ที่จะทำให้รู้ได้ เริ่มไม่ใช่ค่ะ ที่จะต้องไตร่ตรอง หนทางลัดเป็นหนทางของใคร คนไทยที่จะฟังจนกระทั่งค่อยๆ เข้าใจขึ้น และตรงสภาพธรรมะที่กำลังปรากฏเดี๋ยวนี้คือเกิดขึ้น และดับไปลัดได้ยังไงใช่ไหมคะ เพราะฉะนั้นหนทางรักเป็นของ โย่งที่เจ็บมั้ยสิวนี่กำลังปรากฏกว่าจะค่อยๆ เข้าใจขึ้น จนกระทั่งไปจากการเกิดขึ้น และดับไปเลยค่ะเฝ้าละคลายความไม่รู้ความเข้าใจเพื่อเพิ่มช่วงระดับ คือว่าขณะนี้ทั้งๆ ที่สภาพธรรมให้ผู้ที่ประจักษ์แล้วนะคะ ได้ไปแจกความจริง และเกิดเริ่มดับเร็วสุดที่จะประมาณได้คนอื่นฟังหาทางลับ จะได้รู้เร็วๆ ทางลัดไม่ใช่ทางของสัมมาสัมพุทธเจ้าแน่นอน เพราะฉะนั้นทางลัดเป็นของใครของคนคิด ไม่ใช่เพื่อสัมมาสัมพุทธเจ้า เจนคุณอรวรรณครับ ถ้าจะนะก็อาจารย์วิชัยก็เริ่มด้วยจิตแล้วท่านก็ยกตัวอย่างเห็น ที่มีอยู่ตอนอาจารย์กล่าวว่าการที่จะเข้าใจความจริงของเห็น จะต้องเหมือนกับมีความอดทนที่จะรู้ตรงนี้ ก็จะขอขอบคุณอาจารย์ว่า มันก็เริ่มต้นฟังอย่างที่ทุกคนรู้ว่า จิ๊กมีแต่ไม่เข้าใจความจริงของจิต อาจารย์ก็บอกว่าต้องเนี่ยต้องมีความอดทนที่จะเข้าใจตรงนี้จะขอความน่าจะรอดเป็นอย่างไรล่ะที่จะอดทนเข้าใจว่าจิตเห็นนี้เป็นอย่างไรคะเหมือนแต่ละคำเป็นคำใหม่แต่สิ่งที่มีจริงๆ หนะใหม่หรือเปล่า สิ่งที่ดีจริงๆ จริงๆ ใหม่ๆ แต่ไม่เคยรู้มาก่อนค่ะเพราะฉันเคยได้ยินคำก็ไม่รู้ว่าหมายความถึงสภาพธรรมะที่มีจริงที่เอะไรจึงไม่รู้ ทั้งๆ ที่มี เพราะมีความไม่รู้มีค่ะ เพราะฉะนั้นกว่าจะรู้ใช่ไหมคะก็ต้องฟังจนกระทั่งเข้าใจขึ้น

    ท่านอาจารย์ เมื่อวานนี้ก็ต้องขออนุโมทนาคุณฟองจันทร์นะคะ เพราะเหตุว่ามีชาวต่างประเทศที่มาสนทนาเป็นปกติในวันเสาร์ก็มีผู้ที่ไม่ทานหนึ่งนะคะ ท่านก็สนทนาด้วยแล้วคุณฟองจันทร์ก็พูดถึงประสบการณ์ของตนเอง หลายครั้งแรกที่ฟังธรรมะโดย๓ีนะคะ เป็นผู้ที่ถูกชักชวนให้ คำถามของคุณฟองจันทร์ก็คือถามว่าธรรมะคืออะไร และดิฉันกระเป๋าคุณฟองจันทร์บอกว่า คุณฟองจันทร์ เราจับได้สัมผัสอะไรกับพบอะไรซักอย่างสิคุณฟองจันทร์ก็เริ่มไม่พอใจถามว่าธรรมะคืออะไร และบอกให้จับอะไรสักอย่างนึงนะฮะ คุณฟองจันทร์เล่าเองดีไหมค่ะ

    ผู้ฟัง อยากจะเล่าให้ฟังนิดนึงว่าเมื่อตอนที่ไปฟังธรรมชาติอะไรที่วัดบวนะคะ เมื่อก่อนนะคะ จะสนทนาธรรมกับฝรั่งช่วงรู้สึกมันเป็นวันพุธใช้บ่ายสองบ่าย ๔ อะไรทำนองนั้น แล้วก็คุณไอแว่นจะไปสนทนาธรรมที่วัดวรประจำ ตอนนั้นดิฉันเองก็ยังไม่รู้เรื่องอะไรเลยมากมายเกี่ยวกับธรรมคนในบ้านก็ไปเจอท่านอาจารย์แล้วกลับมาบอกฉันว่าไปเจอผู้หญิงคนนึง คุณสามารถไม่เหมือนใครเลยก็ถามนะว่า แล้วเขาพูดว่ายังไงเขาบอกว่าต้องไปฟัง ขอบคุณฉันไม่ได้หรอกอะไรเงี้ยแล้วเราก็ ใจมากจะไปฟังแล้วกลัวจะตกหล่นเกลื่อนเอาเครื่องอัดเทปไว้ แล้วเสร็จแล้วพอไปถึงเนี่ยก็เรียนถามพระอาจารย์ว่าธรรมคืออะไร

    แรกๆ อาจารย์ก็บอกว่าคุณแอ๋วลองจับเครื่องอัดเทปดูสิคะว่าเจออะไรไหมใจหนึ่งก็เถียงท่านอาจารย์ว่าถามว่าธรรมคืออะไรให้จับเครื่องเทพเนี่ย แบบฮืออะไรไม่เข้าใจคือเป็นคนที่ต่อต้าน และไม่ชื่ออะไรง่ายๆ ให้จับเครื่องเขตน้ำจะไปเจออะไร ก็จับอย่างเสียไม่ได้อันนี้ยอมรับต้องกราบขอโทษธรรมาจารย์นะทีนี้โลกแล้วอาจารย์ก็ถามว่าเจออะไรคิดอยู่ตั้งนานก็บอกไม่เห็นเจออะไรเลยท่านบอกว่าจับดูอีกทีสิคะเจอแน่ๆ เลยจับอย่างเสียไม่ได้พอจับเสร็จเห้อ ต้องเจอเลยค่ะ ไม่เห็นมีอะไรนอกจากแค่ เย็นอยากบอกนั่นแหละคือธรรม เราขอ แข็งกับเย็นเนี่ยมันเป็นธรรมได้ยังไง จะเป็นธรรมได้ยังไงแบบฉุนในใจที่ไม่พอใจท่านอาจารย์มากแล้วไม่ตอบอย่างนี้อะไรอย่างงั้นไม่เคยได้ยินมาก่อนทำไมเป็นหนี้ศาสตราจารย์ก็พูดอธิบายให้ฟังแล้วว่า แข็งเย็นเป็นรูปธรรมเป็นรูปธรรมยังไงแล้วก็ไปจนถึงงานมาทำแล้วก็แยกแยะว่าโหพอฟังเสร็จแล้วรู้สึกว่า ขนลุกซู่มาเลยว่า นี่คือความจริงที่เราไม่เคยรู้ และไม่เคยได้ยินใครพูดแบบนี้มาก่อน แล้วมันเป็นอะไรที่เราไม่สามารถจะปฏิเสธได้ว่ามันไม่ใช้ความ เพราะจับแล้วมันก็มีแส ไม่ยาก แล้วมันก็ไม่รู้อะไรอย่างเงี้ยก็เลยโอ้โหแบบประทับใจถ้าอาจารย์ตั้งแต่บัดนั้นจนบัดนี้ ๓๐ กว่าปีแล้ว

    ก็ต้องกราบอนุโมทนาคุณนายแป้นผู้เป็น๓ีไหนที่เป็นคนพามาพบกับอาจารย์ คือในชีวิตเนี่ยเขาคิดเป็นคนที่มีบุญมากเลย ที่จะมาเจอได้มาฟังธรรมที่ลงมันชัดที่สุดมันปฏิเสธไม่ได้ว่ามันคือ มีกัลยาณยา ลงลึกลงไปจริงๆ เพราะฉะนั้นการศึกษาธรรมเนี่ยเผินไม่ได้เลยต้องศึกษาโดยเฉพาะในขั้นต้นน่าจะต้องศึกษาให้เข้าใจจริงๆ ว่านามรูปเป็นยังไงจิตเจตสิกเป็นไงแล้วค่อยๆ ไปเพียง ๓แล้วก็ ต้องการที่จะเป็นอย่างนี้เนี่ยมันเป็นไปไม่ได้ กราบขอบพระคุณค่ะ

    ท่านอาจารย์ เพราะฉะนั้น การที่จะตอบควรที่จะให้คนนั้นเข้าใจด้วยความคิดของตนเองจนกระทั่งไม่ต้องถามใครอีกแล้วว่าทำไมเคอะไรเพราะว่ารู้จักธรรมะแต่ถ้าเพียงตอบเองนะคะ เขาก็ยินสงสัย ขณะนี้สิ่งใดก็ตามที่มีจริงที่ปรากฏ


    ฟังธรรมจากหัวข้อย่อย

    หมายเลข 193
    30 ม.ค. 2567

    ซีดีแนะนำ