พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 880


    ข้อความนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบแก้ไข

    ตอนที่ ๘๘๐

    ที่มูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา

    วันอาทิตย์ที่ ๑๓ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๖


    ถ้าเข้าใจนิดหน่อยก็เห็นโทษแล้วก็เห็นประโยชน์ของกุศลอ้วนควายนิดนึงนะคะ ที่จะทำการ เพียงเล็กน้อยมิฉะนั้นแล้วขณะอกุศล นี่คือต์การไม่รู้ความจริงนะคะ ซึ่งจะ วิชา และก็กิเลส ด้วยเหตุนี้การฟันจริง ความจริง ว่าไม่มีเรา แต่เมื่อมีการเข้าใจถูกว่าอกุศลเป็นโทษเห็นโทษแล้วจะค่อยๆ และการที่เคยทำสิ่งที่ไม่ดีแม้เพียงเล็กน้อยนิดนิดหน่อยหน่อยกายวาจา และไม่ดีเยอะนะคะ อย่างที่คุณนกก็กล่าวถึงเอื้อมมือไปนิดในพระอะไรไม่ว่าจะขยิบตาหันหน้าอาหารหลักนิดนึงเพราะอะไร ก็ไม่พ้นอกุศลมิฉะนั้นพระผู้มีพระภาคจะไม่ทรงแสดงอาสวะ โอ้ข้า และโยคะ ประเภทเดียวกันหมดเลยแต่ว่าทำไมถึงแสดงละเอียดถึงอย่างนั้นละเอียดกับพระเอกว่าทำไมละเอียดจริงๆ ค่ะนั่งเล่นยังไม่ผิดcยังไม่ได้กระทำทุจริตกรรมแฟอกุศล และจิตเกิดแล้ว แล้วถ้าเป็นอย่างนี้ไปเรื่อยๆ ใช่ไหมคะปัญญาไม่เกิดเลย เป็นอในวัด ทำไปด้วยอักษรได้ด้วยด้วยเหตุนี้คงมีเบื่อ ที่จะเพื่อให้เป็นคนดีขึ้น สนใจถูกมากๆ ด้วยอกุศลแม่นั่งเฉยๆ ยังไม่ได้มีการกระทำทางกายทางวาจา เพราะฉะนั้นละชั่วเนี่ยล่ะถึงไหนคะ ไม่ใช่เราก่อนอื่นนะคะ ไม่ใช่เรา และความเห็นที่ยึดถือสภาพธรรมะว่าเป็นเรากอดนี้คือช่วยอย่างยิ่งนะคะ เพราะเหตุว่าเกิดจากอวิชชาจึงยึดถือสภาพธรรมะด้วยความไม่รู้ว่าขณะนี้เป็นสิ่งที่เกิดขึ้น และก็ดับไปหลากหลายมากจนต้องทรงแสดงโดยละเอียดถึง ๑๐นะคะ และเจตสิก และรูปแต่ละประเภทว่าไม่ใช่เราขนาดนี้ค่ะทุกสิ่งทุกอย่างที่กำลังปรากฏดับแล้วแต่ก็มีสิ่งที่เกิดเหตุต่อ คือหมุนสนิทจนไม่เห็นกันกับท้องถนน ต์ของสี สภ ดี ๕ดูสิตั้งแต่เช้ามาตีตรงไหนดีบ้างหรือเปล่า พอจะเจอบ้าง หรือว่าไม่เจอ มีแต่เราตั้งแต่เช้าเลยเราทั้งนั้นไม่ว่าจะรับประทานอาหารไม่ว่าจะแต่งตัวไม่ว่าจะคิดไม่ว่าจะทำอะไรเราทั้งหมด หรือว่ายังคิดถึงคนอื่นบ้างที่จะช่วยนะคะ ถ้าเขาต้องการความชัวร์ เป็นหนทางที่เราจะทำได้ให้เกิดความเข้าใจถูกต้อง ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างยิ่งนะคะ คงไม่มีใครอยากเข้าใจอะไรผิด ซึ่งท่านก็แสดงนะคะ ว่าความสะอาดทั้งความสะอาดทางกายทางวาจานะคะ ที่ปรากฏก็เป็นลักษณะของสีนะคะ แล้วก็ยังมีเหตุใกล้เหตุไกลไกลมากนะคะ คือหิริโอตัปปะ จริงๆ ถ้าไม่มีเจตสิทั้งสองประเภทซึ่งเป็นหิริโอตตัปปากนะคะ ที่จะเป็นปัจจัยที่ทำให้มีการ สะอาดทางกายทางอาจารย์ ค่ะแน่นอนค่ะชื่อมาอีกแล้วนะคะ รู้จักชื่อเยอะไปหมดเลยนะคะ ไม่กี่ก็สิ้นชื่อนึงตอนนี้เหตุหรืออีกชื่อนึง และก็อดแต่ไปชื่อเลยอยู่ในเห็นไหมคะหาเจอหรือเปล่าหรือว่าฟังไปก็มีแต่ชื่อเดี๋ยวนี้มีไหม จากการฟังนะคะ จะทำให้เข้าใจถูกต้องว่ากล่าวถึงอะไรแล้วเข้าใจสิ่งนั้นแค่ไหน ทั้งหมดหนังสือขนาดนี้จึงจะเข้าใจสภาพธรรมะที่ได้ยินได้ฟังแต่เล็ก ขณะที่กุศลจิตเกิดก็มีเฮลิโอต่อปากแต่ท่านก็ยังแสดงว่าดิโอต่อปาก ใกล้๖ ก็ได้นอนค่ะทั้งหมดเป็นเหตุใกล้ของกุศลทุกประเภทไม่ใช่แต่เฉพาะศีลอย่างเดียวนะคะ ข้อสำคัญคือฮิรีบคืออะไร คุณธีรพันธ์ค่ะ อีริคือความละอายต่ออกุศลที่เกิดขึ้นครับมีความที่จะเห็นโทษ และก็ ควรที่จะน้อมประพฤติที่จะเป็นไปในทางที่เป็นกุศลครับ ค่ะขณะที่คุณพีระพันธุ์กำลังพูดอย่างเนี้ยมีหิริ ถ้าไม่มีเฮริจะกล่าวได้ไหมไม่ได้ครับค่ะ เพราะฉะนั้นกุศลทุกประเภทนะคะ ต้องมีหิริความละอายแต่ว่าลองคิดดูนะคะ ๗หนึ่งขณะมีเจตสิกเกิดร่วมด้วยเท่าไหร่แม้แต่ขณะที่เป็นกุศลเพลงขณะเดียวนะคะ ก็จะมีโซนนะเจตสิกเกิดร่วมด้วย อย่างน้อย๑๙ประเภท และเราจะไปรู้จักหิริมั้ยเราจะไปรู้จักอตตัปปะไหมเราจะไปรู้จักอโลภาอโศสมัย จิตแล้วก็ดับไปพร้อมกันในหนึ่งขณะจิต เซ็นชื่อเรียกชื่อ แม้ขณะเด้งนะคะ ก็มีสภาพธรรมะซึ่งเรายังไม่รู้จักค่ะแต่ได้ยินชื่อแล้วก็เรียกชื่อถูกว่ารีบเป็นสภาพที่ละอายต่ออกุศล การไม่ฟังธรรมะเป็นกุศลหรือเป็นอกุศล ทำไมเป็นสิ่งที่คนฟังหรือไม่ควรฟังใช่ไหมคะ เพราะฉะนั้นเมื่อทำให้เป็นสิ่งที่ควรฟังแล้วไม่ฟัง เป็นครูสอนเป็นอักษรมีหิริ แต่ถ้าในขณะใดก็ตามที่เห็นประโยชน์เพราะเอกริ อดกลับป่า และซบนะเจตสิกอื่นๆ เกิดพร้อมกันในจิตหนึ่งขณะทำให้ขณะนั้นเป็นกุศลแต่ก็ไม่ใช่ว่าเราจะไปสามารถรู้ และเข้าใจลักษณะของหิริ และโอตตัปปากอโลภาอรรถโทสะซึ่งเกิดพร้อมกันได้ เพราะฉะนั้นปริยัติtการฟังพระพุทธพจน์ ทำให้เราสามารถเข้าใจความละเอียดในความไม่มีตัวตนนะคะ ว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้น และเกิดขึ้นเพราะปัจจัยครั้งนั้นซึ่งเป็นสิ่งซึ่งสามารถจะรู้ได้เข้าใจได้เมื่อฟังต่อไปแล้วก็เข้าใจต่อไปอีกแต่ถ้าไม่ฝันต่อไม่เข้าใจต่อเพียงเท่านี้นะคะ ก็ได้ยินแต่ชื่อต่อไป อาจารย์คะมีข้อความแสดงว่าหิริโอตตัปปากนะคะ เหมือนกับเป็นธรรมะที่เป็นภาระคือมีกำลังได้นะคะ แล้วถ้าหากขณะที่มีกำลังสามารถจะปรากฏลักษณะได้ใช่ไหมคะแน่นอนค่ะกำลังจะกระทำทุจริต ไม่ทำงดเว้นเพราะจิอด กำลังจะพูดคำที่ไม่จริง อาจจะล้อเล่นสนุกสนานหรืออะไรก็ได้แต่ขณะนั้นเป็นอกุศลแล้วค่ะ เพราะฉะนั้นเมื่อมีหิริโอตตัปปากไม่พูด เพราะฉะนั้นก็แสดงให้เห็นว่า คุ้มครองป้องกันจิตไม่ให้เป็นไปทางฝ่ายอกุศล จะรู้ด้วยตัวเองนะคะ ฟังจบแล้ว กูสัน และจิตเกิดเพิ่มขึ้นอีกบ้างไหมแม้เพียงเล็กน้อยเพราะได้ฟังพระธรรมเข้าใจนี่ก็เป็นเครื่องพิสูจน์แล้วนะคะ เห็นเมื่อวานนี้เหมือนวันก่อนเหมือนเดิมอาจจะอกุศลเพิ่มมากขึ้นก็แสดงว่าคนของการฟังยังไม่มีเพราะยังไม่เห็นโทษจริงๆ เพียงครั้งเดียวฟัง และอาจจะเบื่อใช่ไหมคะพูดเรื่องกายเรื่องวาจาตามปกติพูดเรื่องกุศลอกุศลเพื่ออะไรคะเพื่อประโยชน์ของบุคคลที่ฟาร์ม จะได้เพิ่มกุศลขึ้นไม่ใช่ว่าฟังแล้วก็เก่งมากเลยชื่อนี้ก็รู้ชื่อนั้นก็รู้แต่ว่าเหมือนเดิม อาจารย์ขาเหมือนกับเวลาที่จะเรียนคำพูดที่ไม่เหมาะสมนะคะ บางครั้งก็เว้นเพราะอยู่ในอก ว่าเห็นถึงคอร์ดละอายใจยังไม่สู้ค่ะก็แล้วแต่ว่าขณะนั้นจะมีสภาพทำอะไรปรากฏให้เห็นได้ให้เข้าใจได้แล้วขณะที่เป็นวุ้นตีเจตสิกที่เป็นซับมาว่าจะทับกฤชนะคะ ท่าจะ ไม่ต้องเรียกชื่อเลย ขณะใดก็ตามที่ละเว้นไม่พูดสิ่งที่ไม่จริงไม่พูดคำหยาบไม่พูดคำเพ้อเจ้อไม่พูดคำส่อเสียดขณะนั้นนะคะ อะไรหยุดยั้งไว้ อะไรระงับไม่มีเราแต่ว่าเพราะเหตุว่ามีธรรมะซึ่งเป็นคุณธรรมฝ่ายดีที่ได้สะสมมาทำให้ขณะนั้นนะคะ สามารถที่จะละเว้นได้ แต่ไม่ต้องไปรีดชื่ออะไรเลย แต่ขณะที่มีการเว้นก็หมายถึงก็ต้องมีไว้ติดเรทซิสเกิดขึ้นเวรถ้าเป็นการละเว้นทุจริต ทางกายทางวาจา แต่เวลาที่ทำดีมีวิรตีเจตสิกเกิดร่วมด้วยไหมคะ มีสองอย่างนะคะ เว้นชั่ว และกระทำความดี ในขณะที่กำลังเว้นทุจริตไม่ว่าทางกายทางวาจาไม่ใช่เราแต่เป็นคุณธรรมธรรมะฝ่ายดีนะคะ ถ้าเป็นทางวาจาก็สัมมาวาจาเกิดขึ้นเห็นไหมคะไม่ใช่เราแต่มีธาตุชนิดหนึ่งซึ่งเป็นไปกับการที่จะกล่าวครับ ซึ่งได้สะสมมานะคะ ซึ่งเป็นคำที่ไม่ถูกต้องไม่เหมาะไม่ควรขณะนั้นนะคะ เพราะเจตสิกนั้นเกิดขึ้นวิรัช เพราะฉะนั้นในขณะที่อื่นเช่นในขณะที่ไม่ได้งดเว้นการพูดสิ่งที่ไม่ดีนะคะ แต่เป็นการทำดีขณะนั้นมีวิรตีเจตสิกไหมคะ ถ้าไม่ศึกษาจะไม่รู้เลยคะคิดเองโหมดเหมาเองหมดนะคะ แต่ต้องเข้าใจความละเอียดว่านะคะ แม้คำพูดที่ดีแต่ไม่ใช่ขณะที่กำลังละเว้นคำพูดที่ชั่วขณะนั้นมีวิรตีเจตสิกเกิดรึเปล่า เพราะว่าวิระศรีวิรัตน์งดเว้นจากคำพูดที่ชั่วเป็นวัดจีนทุจริตทั้งหลายด้วยนะคะ มีเจตสิกชนิดหนึ่ง ในเวลาที่ไม่ได้กำลังเป็นไปอย่างนั้นในขณะที่ให้ทานรักษาศีลไม่เป็นเรื่องที่จะเกี่ยว ผู้ทุจริตไม่ได้เลย ก็ไม่มีบิ๊กซี๗๐เกิดขึ้นวิรัตน์กะทำกิตติรัตน์เฉพาะในขณะนั้นนี้เป็นความละเอียดของสภาพธรรมะซึ่งเป็นเจตสิกแต่ละนึงนะคะ ซึ่งเมื่อฟังแล้วก็จะรู้ไม่ใช่เหรอ เพราะฉะนั้นวิรตีเจตสิกก็จะเกิดขณะที่มีการเว้น ก็ต่างกันเพราะว่าเซตนะคะ ก็จะมีซีนที่มีการเว้น ที่๘ปกติ ถ้าเป็นกุศลเสร็จก็คือกุศลจิตที่เกิดขึ้นปกติก็ไม่เ๔ยงโดยปกติ ต์กำลังฝันธรรมะเข้าใจ และมีไว้ตีเจตสิก ค่ะไม่มีค่ะใช่ค่ะไม่ใช่ขนาดนั้นแต่ว่ามี๒๐๐๐นะ๗๐ ต่อไปนี้นะคะ ของจะเจอวิรตีเจตสิกบ้าง ใช่ค่ะเพราะว่ามักจะพูดคำที่รุนแรงบ้างหรือว่าคำหยาบคายบ้างหรือว่าคำไม่จริงก็แล้วแต่นะคะ แต่ว่าบางคนท่านก็บอกว่าอ้าปากค่ะคือไม่ได้ทันพูดออกไปวิรตีเจตสิกก็วิรัตน์วาจาที่ไม่ดีนั้น เพราะฉะนั้นต่อไปนะคะ ก็อาจจะทราบว่าไม่ใช่เรา อยู่ดีๆ กำลังจะพูดก็หยุดนเพราะอะไรก็เพราะเหตุว่าธรรมะทั้งหลายเลยค่ะเป็นอนัตตา ควนวิไลดี อะไรจะสนทนาตรงนี้นะคะ เรื่องของ การเว้นนะคะ หรือว่าเซต จะเห็นได้ว่าช่วงของการสนทนาพื้นฐานพระอภิธรรม ก็ไม่พ้นสภาพธรรมะที่มีในชีวิตประจำวันนั่นเอง เป็นการสะสมความเห็นถูก และก็ตรงกับพระธรรมที่ทรงแสดงเพราะว่าทั้งหมดเป็นธรรมะไม่ใช่เรา งั้นแม้แต่ความหมายของคำว่าศีลที่แปลว่าปกติ ซึ่งก็คือชีวิตประจำวันนั่นเองเพราะว่าโดยสภาพธัมมะของจิตจิตศิษย์ และลูก ก็ไม่พ้นสภาพสมาธิเป็นกุศลธรรมก็มีอกุศลธรรมก็มี และธรรมะที่เป็นอัพยากตะทำก็คือไม่ใช่กุศลธรรม และอกุศลธรรมก็ เพราะฉะนั้นสภาพจิตขนาดนี้เป็นปกติที่เป็นกุศลศิลป์หรืออกุศล นี่คือชีวิตประจำวันนั่นเอง แต่ถ้าขณะใดที่หลงลืมสติ ดูเหมือนกับว่าเป็นคนดีแต่ท่านอาจารย์ก็ให้ความเข้าใจนะคะ ว่า เราอาจจะคิดว่าเราเป็นคนดีแต่ถ้าเป็นเราอยู่จะดีได้อย่างไร งั้นขนาดนั้นก็เป็นไปกับอกุศลธรรม เพราะว่าถ้าดีอยู่แล้วต้องเป็นกุศลธรรมนั่นเอง แมนแต่ทำกล่องการที่จะคิดถึงผู้อื่นช่วยเหลือผู้อื่นจะรู้หรือไม่ก็ตามขณะนั้นก็ต้องเป็นไปด้วยกุศลธรรม แต่เมื่อได้เป็นเราตลอด แล้วก็ไม่รู้ธรรมะตามความเป็นจริง ก็เป็นอกุศลธรรมนั่นเอง เพราะฉะนั้นชีวิตก็ไม่พ้นกุศลธรรมก็มีอกุศลธรรมก็มีอารยธรรมคือไม่ใช่กุศลธรรม และอกุศลธรรมก็ ซึ่งเราก็สนทนาถึงเรื่องของการที่จะเว้นที่เป็นวีรสตรี ซึ่งดนตรีเกียรติสิทก็เป็นโสพณยึดสิทธิ์นั่นเองแต่ก็ไม่ได้เกิดกับกุศลจิตทุกประเภทหรือโสพณจิตทุกประเภทว่าโสพณสาธารณะเจตสิก จะไม่มีวี่ย์ แต่เมื่อได้มีการวิรัตน์งดเว้นทางกายทางวาจาขณะนั้นก็เป็นไปเพราะว่ามีสภาพธรรมมาธิเป็นวีร๔ ๗สิทธิ์นั่นเองที่เป็นสภาพธรรมะที่เว้นชั่ว เพราะว่าเท่ากับไก่ที่เรายังมีอกุศล และจิตอยู่ แล้วเราก็เป็นไปกับกลางกายทางวาจาเรื่องด้วยอกุศลจิตนั่นเอง แต่เมื่อมีการวิรัตน์โหมดเว้นแม้แต่คำพูดหรือการกระทำขณะนั้นก็ด้วยวิรตียึดสิทธิ์ที่เป็นโสพณเจตสิกที่เกิดกับกุศลจิตนั้นเองแหละถ้าพูดถึงหิริ และโอตัปปะ ๒๐๐๐นะสาธารณะเจตสิกเกิดกับกุศลจิต พี่รู้เลยว่าคุณสุรจิตต์เกิดเมื่อไรขนาดนั้นมีความละอาย และเกรงกลัวกัปปะ ซึ่งก็คือชีวิตประจำวันนั่นเอง เพราะฉะนั้นการศึกษาในส่วนของพี่ทำเนี่ยก็จะเป็นส่วนที่จะให้เราเข้าใจถูกเห็นถูกในสภาพธรรมะตามความเป็นจริงนั้นอาจจะคิดว่าเป็นคนดีทั้งวันเพราะนั่งเฉยๆ กูเข็ด ฆ่าสัตว์ไม่ได้ลักทรัพย์ไม่ได้ดื่มน้ำเมา ก็ดูเหมือนเป็นคนดี แต่จริงๆ แล้วอย่าลืมว่าจิตนั้น ๔ชาติ ชาติกุศลก็มีอกุศลก็มีบ้าก็มีกิริยาค่ะ เพราะฉะนั้นต้องเฉยๆ ขนาดนั้นจะเป็นกุศลหรืออกุศลธรรมไม่ใช่ปัญญาที่รู้ลักษณะสภาพธรรมะตามความเป็นจริง และถ้าไม่มีความเข้าใจพระธรรมที่ทรงแสดงซึ่งดิฉันก็ชอบมากเลยด้วยอาจารย์พูดถึงธรรมะเตชะ ถ้าไม่มีคุณของพระธรรม ไม่สามารถจะมีความเจริญขึ้นของกุศลธรรมได้เลย เพราะว่าเปลี่ยนเตชะเอาธรรมะฝ่ายตรงกันข้าม กุศลธรรม เป็นธรรมะฝ่ายดี เพราะฉะนั้นก็ต้องอาศัยการได้ยินได้ฟังพระธรรมนั่นเองจึงจะเผาอกุศลธรรมซึ่งตรงกันข้ามกับกุศลธรรม และธรรมดาอยู่แล้วที่จะเป็นเพิ่งละเว้นชั่วทั้งหมดก็ต้องไม่ควรปัญญาที่เห็นถูกในสภาพธรรมะตามความเป็นจริง พูดถึงไม่ได้ตั้งใจจะ๗ที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันในราคาการเว้นทาง วาจานะคะ ก็เป็นสัมมาวาจาขณะที่เวลส์คำพูดที่ไม่เหมาะสมนะคะ หรือว่าจีนทุจริตทั้ง๔ประเภท เราก็ตีเจตสิกที่เกิดขึ้นเวร ขณะที่เป็นไปทางกาย และกายกรรมจากฟ้า ที่จะมีการรวมสิ่งแล้วก็เกิดขึ้นเวรซึ่งก็แต่ละคณะราคาก็จะเกิดขึ้นทีละครั้ง ไม่เกิดออฟกัน ร์โรงเรียนดวงใจนะคะ เกิดขึ้นทำหน้าที่ แล้วก็ยังเหลืออีกนะคะ สัมมาอาชีว คือทุกคนนะคะ ถ้าจะตอบอาจารย์ทุกคนก็ต้อง อาชีพการเลี้ยงชีพชอบนะคะ อาจารย์ อ๋อจะมีการเว้น ทุจริตก็ไม่พ้นจากกายวาจาใช่ไหมคะ ทั้งหมดก็มาจากจ่ายแต่ที่ทรงแสดงธัมมโดยละเอียดแม้แต่ ที่กูเอลสุจริตก็ให้รู้ว่าไม่ใช่เรานะคะ แต่เมื่อเป็นธรรมะก็ต้องเป็นธรรมะฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดถือเป็นรูปธรรมหรือเป็นนามธรรม เพราะฉะนั้นในขณะนั้นเราก็รู้อยู่แล้วว่ารูปเลยค่ะไม่ใช่สภาพรู้เลย เพราะฉะนั้นทุกอย่างในชีวิตแนะเป็นไปด้วยกำลังของจิต แล้วแต่ว่าจะเป็นกุศลหรืออกุศล เพราะฉะนั้นชีวิตประจำวันเนี่ยเรามีการเว้นทุจริตถูกต้องไหมคะ แต่ไม่ใช่เราแสดงตามความเป็นจริงให้เข้าใจถูกต้อง และแม้ขนาดนั้นก็เป็นธรรมะ เพราะฉะนั้นทั้งหมดไม่ว่าจะแสดงโดยชื่อต่างๆ ก็หมายความถึงขนาดนั้นชื่อนั้นเพราะอย่างนั้นฉันใช้คำวีรตีเจตสิกก็คือขณะที่กำลังยกเว้นทุจริต ทางไกลทางว่าจะไม่พร้อมกันนะคะ ถ้าเป็นกายะ พลังกายก็เป็นวิรตีที่เป็นไปทางกายถ้าเป็นทางวาจาก็เป็นการงดเว้นที่เป็นไฟล์ทางวาจาคนละ๗สิทธิ์แต่ก็ยังมีอีกหนึ่งเจตสิกนะคะ ซึ่งการงดเว้นนั้นเป็นไปในการเลี้ยงชีพหรือในการที่เราจะดำรงชีวิตต่อไป เพราะฉะนั้นก็ ไม่มีความจำเป็นใดๆ เลยที่จะต้องเลี้ยงชีพโดยการทุจริตใช่ไหมคะแต่เมื่อมีอนุสรณ์เกิดขึ้นก็เป็นไปตามกำลังของอกุศลนั้นจนกว่ามีปัจจัยที่ทำให้สัมมาวายามะเกิดขึ้นวิรัตน์แม้ว่าขณะนั้น จะเป็นไปเพื่อการเลี้ยง นี่ก็แสดงให้เห็นว่าต่างกันนะคะ เพราะเหตุว่าการสะสมทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นในชีวิตนะคะ จะติดตามสืบต่อแม่ในชาติซึ่งอาจจะเกิดเป็นนกกะย่านก็ไม่กินอาหารที่เป็นสัตว์ที่มีชีวิตก็ได้แล้วแต่ทำไม่มีใครสามารถที่จะไปเลือกชีวิตของแต่ละคน ในชาติลายให้เป็นมนุษย์เป็นหญิงแต่ที่สำคัญที่สุดนะคะ คือเข้าใจถูกว่าเป็นธรรมะไม่ว่าจะฟังเรื่องวิรตีซ้ำมาว่าจัง สุจิตต์ หรือหวังสะมาแอลชี้หวังแต่เมื่อขนาดนั้นเป็นไปในการเลี้ยงชีพ แต่ก็ต้องเห็นประโยชน์ว่าที่ทรงแสดงเพื่อให้เข้าถึงความเป็นธรรมมะซึ่งไม่ใช่ตัวตนที่เน้นแต่ต้องเป็นสภาพของเจตสิ ค่ะอาจารย์รัก ข่า เหมือนกับว่าเวลาที่เว้นทุจริตนะคะ ทเวนทางวาจาก็ต้องมีสัมมาวาจาทเวนธรรมกายก็ต้องมีสัมมากำลังตลอดสัมมาวาจาเจตสิกเกิดขึ้นวิระ สัมมากัมมันตะเจตสิกเกิดขึ้นวิรัชกายทุจริตไม่มีเราค่ะทั้งหมดเพราะเป็นธรรมะ อาจารย์คะเราจะมีการเว้นกายหรือว่าเว้นวาจานะคะ แล้วก็เป็นไปเพื่อการเลี้ยงชีพ อาจต้องขึ้นศาล จะพูดจริงไหม หรือไม่ต้องไปศาลกับพูดไม่จริงไปเรื่อยเรื่อยต่างกันแล้วใช่ไหมคะ สัมมาวาจาปกติ นะคะ จะเป็นไปกับการเลี้ยงชีพเพื่อความเป็นอยู่เพื่อชีวิต ขณะใดก็ตามที่วิรัตน์จากทุจริตไม่ว่าโดยประการใดจะโดยอาชีพหรือโดยการเล่นสนุก เมื่อพูดว่างจ้าไม่รู้เจอหรือว่าเรื่องจริง และก็หัวเราะกันเล่นมือถือว่าไม่เกี่ยวกับการอาชีพก็มีในวาระที่ต่างกันเป็นเพราะ๗๐สตางค์ ที่สามารถที่จะรู้ได้จริงๆ และอย่างนี้หรือเปล่าหรือไม่เพียงแค่ฝันถึงเวลาจริงๆ นะคะ อาจจะนึกไม่ได้แต่ว่าถ้าศึกษาต่อไปปัญญาเจริญขึ้นเข้าใจธรรมะขึ้น ก็จะรู้สิ่งศักดิ์สันปก ถือเป็นชาวนาจริงๆ ขอยกตัวอย่านิดนึงนะคะ จีดีดอกไม้เกี่ยวแข่ง นะคะ หยิบขึ้นมาจิตอะไร ก็ไม่ชอบอ่ะจ้ะ โดย ที่ได้ฟังเพราะว่ายังไม่ให้สติสัมปชัญญะที่สามารถจะเข้าถึงลักษณะที่เป็นธรรมะที่เป็นจิตหรือเป็นเจตสิหรือเป็นรูปนะคะ แต่วันนึงวันนึง และเราก็ทำหลายๆ อย่างด้วยกายด้วยวาจา และทางที่จะเข้าใจสิ่งที่ได้ฟัง และจะเข้าใจเมื่อไหร่เข้าใจเวลากำลังพูดถึงตามันสื่อ หรือว่าขณะนั้นมีความเข้าใจกิริยา ๑๗ขึ้นใน เห้ยต่อการที่จะรู้ว่าเป็นแอพกว่าจะรู้ว่าเป็นธรรมะจริงๆ นะคะ ปัญญาต้องเพิ่มเพราะฉันเพียงแค่เอื้อมมือไปหยิบดอกไม้ทั่วๆ ไฟล์เป็นจิตอะไรคะ ลองค่ะ ค่ะเห็นไหมคะมีใครตอบว่ากุศลบ้างไหม สวัสดีค่ะ จะรู้ได้ยังไงถ้าไม่ใช่กิจของบุคคลนั้นจะเป็นกุศลถึงการดับกิเลสก็ได้ กิริยาอาการเหมือนกันเห็นก็เห็นอย่างนี้นะคะ แล้วก็ถึงเป็นอกุศลจิตปัญญาที่อบรมแล้วยังสามารถรู้ว่าเป็นธรรมะไม่ใช่เรา เพราะฉะนั้นชีวิตประจำวันจากการที่ไม่ได้ฟังธรรมะเลยจนกระทั่งค่อยๆ ได้ยินได้ฟังเพิ่มขึ้นนะคะ เป็นเรื่องราวต่างๆ วิรตีเจตสิกเป็นยังไงเมื่อไหร่นะคะ สมาร์ทกรรมมันแตกต่างกับสำนักงาชีวิตยังไงก็นั่งคิดหนึ่งก่อน แต่ว่าเวลาที่เกิดขึ้นจริงๆ เนี่ยจะรู้อย่างนั้นไหมหรือแม้เพียงแต่จะเข้าใจถูกว่าไม่ใช่เรา เป็นสุรพลสภาพธรรมอย่างหนึ่งนะคะ ไม่ต้องเอ่ยชื่อเรียกเลยว่ารูปธรรมหรือ เพราะฉะนั้นถ้ามันจึงเป็นเรื่องที่ละเอียด คือภูมิใจเรื่องเห็นถูกว่าทุกสิ่งทุกอย่าง และไม่ใช่หรอเป็นแต่เพียงธรรมะที่เกิดจึงปรากฏเป็นสภาพธรรมะหนึ่งใหม่เป็นสภาพธรรมะอื่น พระจันทร์ก็จะตอบได้สำหรับคนที่เข้าใจลักษณะของสภาพธรรมะพาขณะนั้นไม่ได้เข้าใจลักษณะของสภาพธรรมะก็เพียงแค่คิดไตร่ตรองเพราะว่าเมื่อกี้นี้ก็มีคนตอบว่าเอื้อมไปหยิบได้คืออกุศล และจิตนะคะ เป็นโรคพาร์ก็ตอบได้แต่จริงๆ ลักษณะของโรคพาร์ปรากฏหรือเปล่า ก็ไม่รู้จักข้อเพราะว่าก่อนที่ท่านอาจารย์ขาหนูมองหน้าแล้วเราก็รู้สึกว่าอยากจะเอามันออก เป็นความคิดนะคะ และก็ คนละใจก็จริงแต่ก็มีการกระทำอย่างนั้นจริงๆ แต่เมื่อกำลังศึกษาธรรมะฟังธรรมะแล้วสามารถเข้าใจได้ความรู้ของเราที่ได้ยินได้ฟังแล้วอะมากน้อยแค่ไหน


    ฟังธรรมจากหัวข้อย่อย

    หมายเลข 193
    29 ม.ค. 2567

    ซีดีแนะนำ