พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 871


    ข้อความนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบแก้ไข

    ตอนที่ ๘๗๑

    ที่มูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา

    วันอาทิตย์ที่ ๑๕ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๖


    ศึกษา และทำด้วยว่าในพระสูตรในพระพิธีธรรมก็ไม่พ้นชีวิตประจำวันแล้วก็มีจริงในค่ะ ค่ะเคยโกรธใครเกลียดใครไม่ชอบใครเข้าไม่ได้ตามไปโลกหน้าเลยค่ะแต่ว่าความโกรธความเกลียดความไม่ชอบจะติดตามบุคคลนั้นไป ดีไปนะคะ มากด้วยอวิชาความไม่รู้ และอกุศลทั้งหลาย เพราะฉะนั้นพระธรรมเท่านั้นค่ะที่จะทำให้สามารถเห็นถูกเข้าใจถูกแล้วก็เริ่มรู้โทษของอกุศล และเห็นประโยชน์ของการที่จะ ดีนะคะ ไม่ใช่เพื่อเรา แต่เพราะเหตุว่าเป็นธรรมะฝ่ายดีซึ่งตรงข้ามกับธรรมะฝ่ายดีแล้วก้อต้องศึกษาธรรมะให้เข้าใจขึ้น เพราะว่าใครจะมาบอกว่าไม่ใช่เราเนี่ยยาก ฟังเท่าไรถ้าปัญญายังไม่ถึงกาลสมควรนะคะ ที่จะเริ่มเข้าใจได้ว่าแม่เห็นดื่มนี่ก็เป็นธรรม นี่ค่ะ เพราะฉะนั้นการฟังเพื่อทำนะคะ ก็มีหลายระดับขั้นของปัญญาปริยัติปฏิปฏิปฏิเวช ปริยติถ้าไม่รู้ว่าเดี๋ยวนี้เป็นธรรมะนะคะ ซึ่งสามารถเข้าใจถูกได้คิดว่าธรรมะเป็นตัวหนังสือ วันนี้คัมภีร์ และคัมภีร์นี้นะคะ มีแต่ความจำ และก็เรื่องราวนั้นไม่ใช่ปริยัติปริยัติหมายความถึงศึกษาพระพุทธพจน์แต่ไม่ใช่เพียงอ่านนะคะ และก็คิดว่าศึกษาต้องเข้าใจว่าขณะนั้นที่ตรัสรู้ และทรงแสดงนั้นก็คือรู้ความจริงของสิ่งที่ มีจริงๆ เดี๋ยวนี้ เพราะฉะนั้นปริยัติทั้งหมดก็คือว่าเมื่อผู้นั้นรู้ว่าเดี๋ยวนี้เป็นธรรมะแล้วก็ศึกษาเพื่อเข้าใจสิ่งที่มีจริงๆ กราบเรียนท่านอาจารย์ครับคำที่ท่านกล่าวว่าเรื่องโกรธเกลียดหรือว่ารับฟังติดตามไปในควบคุมต่อไปขอความเข้าใจท่านช่วยอธิบายครับ ค่ะคุณสมเกียรติมีเพื่อนหลายคนใช่ไหมคะ ใช่ครับนิสัยเค้าเหมือนกันหรือเปล่า แม่มาแม่ใครไปทำให้นิสัยเค้าต่างกัน ขณะนี้นะคะ ทุกคนกำลังฟัง เพื่อเข้าใจสิ่งที่กำลังปรากฏแต่ความเข้าใจของแต่ละคนเท่ากันหรือเปล่า ลึกซึ้งกว้างขวางมากน้อยเท่ากันหรือเปล่าหรือว่าไม่รู้เท่ากัน ใช่ไหมคะไม่ได้เข้าใจธรรมะที่กำลัง แทนตามความเป็นจริงเพราะเห็นว่าอยากจะเข้าใจนะคะ เห็นประโยชน์แล้วก็มาฟังแต่สิ่งที่กำลังเข้าใจน้อยมากเดี๋ยวก็ลืมเดี๋ยวก็ลืมเดี๋ยวก็เป็นเรื่องอื่นไปหมดทั้งวันนะคะ ไม่มีขณะที่กำลังนึกถึงคำที่ได้ฟังว่าคือขณะนี้ เดี๋ยวนี้นะคะ เพราะฉะนั้นปัจจัยที่จะทำให้สามารถรู้ลักษณะสภาพธรรมะที่มีจริงๆ สร้างมากก็ยากมากเว้ยแว้งไม่มีความเข้าใจเพียงพอนะคะ แล้วก็ถ้ามีความปรารถนาความต้องการเมื่อไรก็กันทันที และก็ละเอียดมากนะคะ หล่อพระจะตามไปตลอด จนกว่าจะรู้แจ้งอริยสัจจธรรมดับความสงสัย และจะดับการยึดถือสภาพขั้นต้องทัวร์ในชีวิตประจำวัน เพราะฉะนั้นการอบรมเจริญปัญญาด้วยค่ะก็เป็นเรื่องของการเข้าใจสิ่งที่เกิดแล้วเดี๋ยว ไม่มีใครไปทำอะไรได้ ไม่ให้คิดได้ไหมคะ ค่ะถึงคิดก็เป็นธรรมะ เพราะฉะนั้นกว่าจะทัวร์โหมดเนี่ยการรู้แจ้งเรียนสัจธรรมไม่ง่ายแต่เป็นความจริง การฆ่าความโกรธเนี่ยแน่นอนต้องไม่เป็นประโยชน์เพราะว่าเป็นธรรมะขายไม่ดีทำไมถึงติดตามไป ค่ะทำมาที่ไม่ได้เกิดที่ไหน เราพลาดเกิดที่ไหนต้องเกิดที่คิดค่ะหากเกิดที่จิตนะคะ แล้วจะออกไปนอกจิตที่กำลังเกิดดับอยู่ตลอดเวลาเลยได้ไหม แล้วจะอยู่ที่ไหนก็ต้องอยู่ที่จิต งั้นถ้าไม่ได้ฟังพระธรรมจะมีโทษนะคะ ท่านอาจารย์ถึงตอนที่จิตน้ำสะสมสันดานของตน ก็ต้องสั่งให้เข้าใจจริงๆ ค่ะ จิตเกิดขึ้นมีโลพระเจตสิกเกิดร่วมด้วยจิต และเจตสิกดับไปหมดแต่การที่เกิดเป็นอย่างนั้นนะคะ ไม่ได้หายไปเลยเพราะเกิดที่จิต และจิต และเจตสิตขณะนี้ก็เป็นปัจจัยให้จิต และเจตสิกขณะต่อไปเกิดจะเอาสิ่งที่มีแล้วในจินตนาไปทิ้งที่ไหน ไม่ว่าจิตเกิดดับสืบต่อกันอยู่ตลอดเวลา เพราะฉะนั้นแต่ละคนเนี่ยนะคะ สะสม แสนโกรธกับมันเป็นใครอยู่ที่ไหนเป็นเศรษฐีด้วยว่าเป็นขอทานโรคเรื้อนก็ได้ใช่ไหมคะจะทำบุญทำทานจะทำอกุศลใดๆ ก็ไม่ได้หายไปไหนเลยนะคะ สะสม หนึ่งสะสม๙ สะสมวิบาก ที่จะเกิดเพราะเหตุว่ามีเหตุที่สะสมมาอยู่ในจิตซึ่งจะเป็นปัจจัยให้จิตที่เป็นผลของกรรม และกิเลสที่ได้ทำไว้นะคะ เกิดขึ้นถ้าไม่มีอย่างพระอาหารที่แบบกิเลสหมดแล้วนะคะ กรรมก็ไม่มีจะเอากิเลส และกรรมที่ไหนมาทำให้เกิดวิบัติต่อไป เมื่อเป็นพระอาหารแล้วนะคะ ยังไม่ปรินิพพานเพียงนั้นเป็นผลของกรรมที่ได้กระทำแล้วแต่ว่าหลังจากที่เป็นพระอรหันต์แล้วไม่มีกิเลสไม่มีกรรมเพราะฉันไม่จากโลกนี้ไปก็ไม่มีอะไรที่จะไปทำให้เกิดเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ได้ อาจารย์คะพูดถึงว่าเห็นเนี่ยถ้าเราไม่ศึกษาก็ทำแล้วไม่ทราบว่าเห็นก็ต้องเห็นสิ่งที่ปรากฏ แต่ดูเหมือนว่าทุกคนก็รู้บอกว่ารู้จัก แต่พอเห็นแล้วก็เห็นเป็นคนเป็นสิ่งของมากมาย เพราะฉะนั้นการที่จะมั่นคง และรู้ว่าเห็นไม่ใช่เรา ส่วนประธานฟังก็ไม่ใช่เป็นปัญญาที่จะรู้ตามความเป็นจริงได้ ค่ะถ้าฟังรู้ตามความเป็นจริงได้ก็ไม่ต้องอบรมอะไรเลยทุกคนบรรลุ ใช่ค่ะกิดขึ้นแล้วก็ดับแปลกแต่ว่าเนื่องจากว่าธรรมะเป็นสิ่งที่ลึกซึ้งนะคะ แต่ละคำนะคะ อย่างที่เราพูดเมื่อกี้นี้เพียงแค่คำๆ เดียวนะคะ รูปารมณ์หรือว่าสิ่งที่ปรากฏให้เห็น รู้จัก สภาพธรรมะนี้หรือเปล่า หรือเพียงแต่แน่นอนค่ะเห็นก็ต้องมีสิ่งที่ถูกเห็น เพราะฉะนั้นสิ่งที่ถูกเห็นจะใช้ภาษาอะไรก็ได้หมายความถึงสิ่งที่ถูกเห็นแต่เข้าใจคำว่าสีที่ถูกเห็นพี่ดู๋อารมณ์จริงๆ เพียงแค่คำเดียวในพระไตรปิฎก แล้วยังทำอยู่อีก มากมายเข้าใจจริงๆ หรือเปล่า อยู่นี่เอง ยังไม่เข้าใจหรือว่าเข้าใจแล้ว สิ่งที่ปรากฏให้เห็นได้ ถ้าเข้าใจจริงๆ นะคะ ไม่มีใครเลย กำลังศึกษาอีกโลกหนึ่ง ต่างจากนอกเดิมนะคะ ซึ่งเต็มไปด้วยความไม่รู้เป็นเรื่องเป็นราวต่างๆ มาสู่โลกของสัจธรรมความจริงแท้ซึ่งไม่เปลี่ยน และเป็นสิ่งที่ละเอียดลึกซึ้งมากเช่นสิ่งที่ปรากฏให้เห็นได้นะ ต้องอาศัยกำลัง ผู้จัดการผู้ฝาก และพิจารณาด้วยนะคะ แค่หลับตาไม่เห็น ดูไม่ยาก ใช่ค่ะหลับตาแล้วไม่มีสิ่งที่กำลังปรากฏให้เห็นเลยแม้อย่างนี้ก็ยังอยากที่จะสิ่งที่ปรากฏให้เห็นว่าเป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใด เพราะว่าเกิดสืบต่อเร็วมากทันทีที่จิตที่เห็นด้วยว่ามีสิ่งที่ปรากฏทางตาแต่เมื่อสิ่งที่ปรากฏทางตาดับเห็นต่อไปไม่ได้เลย แต่ว่าเดี๋ยวนี้ได้ค่ะเป็นเด็กนั้นหรือเปล่าก็ไม่ได้เป็นอย่างนั้นนะคะ นี่คืออีกโลกหนึ่ง โลกของสัจธรรมความจริงนะคะ ซึ่งมีอยู่ตลอดเวลาแต่ไม่รู้ต้องอาศัยการฟัง และก็การพิจารณาจนกระทั่งค่อยๆ เข้าใจขึ้นเห็นเมื่อไร ขณะนั้นนะคะ ร้อมที่จะเข้าใจว่าเป็นเพียงสิ่งที่ปรากฏให้เห็นหรือยัง ถ้ายังก็แสดงว่าต้องฟังต่อไปอีกต้องอบรมความมั่นคงว่าสิ่งนี้จริงๆ แล้วนะคะ ไม่มีอะไรเลยทั้งสิ้นในนั้นเหมือนในกระจกนะคะ ส่องกระจกมีคนใหม่ค่ะ มีคนี้ปรากฏให้เห็นเราสัมผัสดูสิ ไม่ว่าคนว่าโต๊ะ๙อี้ดอกไม้ในกระจกก็มีทั้งนั้นในความคิด เพราะฉะนั้นถ้าจะเข้าใจสิ่งที่ปรากฏทางตาจริงๆ ละก็คิดว่าต้องมีความเข้าใจมั่นคงสิ่งที่ปรากฏทางตาเป็นคนไม่ได้เป็นอะไรไม่ได้เลยทั้งสิ้นเป็นธาตุชนิดหนึ่งซินสามารถกระทบตากระทบหูก็ไม่ได้ปรากฏนะคะ แล้วก็ต้องมีจิตเห็นเกิดขึ้น สิ่งนี้ในขณะนี้จึงปรากฏว่าเป็น อีกนานมั้ยเห็นนะคะ ละปัญยามีนาทีหล่ะไม่ใช่มีหน้าที่ติดข้องนะคะ ขณะใดที่เป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใดไม่รู้แล้วค่ะว่าขณะนั้นมีความติดข้องคือถือว่าสิ่งนั้นเถียงว่าเป็นสิ่งหนึ่งสิ่ง ถึงเวลาที่ค่อยๆ เข้าใจความจริงขึ้นตรง ก็จะมีความมั่นคงจนกว่าพอเห็นก็รู้ว่าเป็นเพียงสิ่งที่ปรากฏให้เห็นได้แล้วจะติดข้องในสิ่งที่ปรากฏเหมือนเดิม ถ้าประจักษ์ความจริงยิ่งขึ้นนะคะ เกิดให้เห็นแล้วก็ดับ แล้วก็ไม่กลับมาอีกเลยหาอีกไม่ได้เลย เหมือนสิ่งที่เคยเห็นมาแล้วในสังสารวัฎ เพราะฉะนั้นทุกสิ่งทุกอย่างที่มีในขณะนี้นะคะ แสนสั้นจิตเกิด และจิตก็เป็นธาตุรู้เดียวรู้สิ่งที่ปรากฏให้เห็นเดียวคิดนึกเดียวได้ยินเพราะฉันอายุของจิตในขณะสั้นมากไม่มีเราจริงๆ ที่เถียงถ้าเข้าใจถูกต้องว่าเป็นธรรมะแต่ละหนึ่งด้วยเหตุนี้ความเข้าใจที่มั่นคงต้องทีละหนึ่ง ถ้ายังไม่ทั้วหมดนะคะ ในชีวิตประจำวันก็ยังคงมีความสงสัย และก็มีการยึดมั่นว่าเป็นเรา เพราะฉะนั้นการที่จะถึงการที่รู้ความจริงจนกระทั่งดับการยึดถือว่าสิ่งที่ปรากฏเป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใดที่เที่ยง ที่เคยเป็นตัวตนก็ต้องเลือกปัญญาศิลป์ระดับชั้นของพระโสดาบัน จตากปฏิบัติจิตแต่ไม่ใช่ไม่มีหนทางนะคะ ขณะนี้กำลังดำเนินไปในทางที่จะทำให้เข้าใจสิ่งที่ ถ้าไม่มีอย่างนี้คือการฟังให้เข้าใจไม่มีทางเลยค่ะที่จะรักกันยึดถือสภาพธรรมะว่าเป็นตัวตน บางคนอาจจะเคยฝัน ฟังธรรมะแล้วนะคะ เหมือนอยู่ท่ามกลางมหาสมุทร จริงๆ ค่ะนะคะ แล้วก็มีทางไหนระหว่างสองข้างนั้น เส้นทางนี้ก็แล้วแต่ใครจะเดินด้วยความระมัดระวัง หรือว่าหรือไปแล้วก้าวเท้าพลาดตกลงไปอีก เพราะฉะนั้นธรรมะนี่ก็เป็นเรื่องที่เมือกด้วยความไม่รู้มากเป็นความติดข้องถ้าไม่มีความมั่นคงจริงๆ แล้วคำว่าฟังเพื่อเข้าใจว่าไม่ใช่เรา ฟังเพื่อเข้าใจว่าเป็นสิ่งที่เกิด ฟังเพื่อเข้าใจว่าสิ่งที่ปรากฏขณะนี้ไม่ ก็จะทำให้สามารถที่จะเดินในทางที่เป็นทางในมหาสมุทรนะคะ ทางเดินในมหาสมุทรซึ่งต้องเดินไปด้วยความรอบคอบ ไปด้วยกันเป็นกลุ่มก็ได้คนนั้นตกกันแหละใช่ไหมคะเพราะประมาทเพราะไม่รอบคอบเพราะฉันทำมาทั้งหมดในขณะก็เรียนทุกคำให้รู้ว่า ประมาทเมื่อไหร่ไม่ฟังธรรมะเมื่อไหร่ไม่เข้าใจเมื่อไหร่นะคะ ก็อยู่ไปในสังสารวัฎ และสังสาระวัฏที่ใกล้ที่สุดคือชาติหน้า ถ้าไม่นับชาตินี้นะคะ ชาติใดที่ใกล้ที่สุดคือทุกขณะที่เห็นที่ได้ยินนี่แหละคือสังสารวัฎคาดหนึ่งไปก็ไม่มีสังสาระวัฏแล้ว เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะเป็นเหตุหรือจะเป็นได้ยินหรือจะเป็นรู้สิ่งที่แข็งหรือว่าที่ หนึ่งขณะนั้นคือสังสารวัฎ เพราะฉะนั้นแจ้งความเป็นบุคคลนี้ในสังสาระวัฏที่สุด และถ้าเป็นคนนี้อีกไม่นานแล้วต่อไปจะเป็นอะไรจะไปไหนเดินไปด้วยกันนะคะ สนุกสนานไปบ้างบางคนสนทนากันบ้างอะไรบ้างคนหนึ่งก็ก้าวพลาดไปเสียแล้วก็เป็น เพราะฉะนั้นก็มีหลายอย่างค่ะที่จะทำให้เราเนี่ยเห็นความสำคัญของความ ไม่รู้ อย่างที่เป็นอกุศลเพราะไม่รู้เกิดอีกก็ไม่รู้จะไม่เกิดอีกรู้จริงๆ ตามลำดับ ครับอาจารย์ครับได้ยินท่านอาจารย์อุปมาเนี่ยคือการที่จะก้าวไปหรือว่าดำเนินไปด้วยความระมัดระวังนี่คือยังไงครับอาจารย์ เข้าใจก่อน ใช่ไหมคะว่าถูกเป็นยังไงคิดยังไงถ้าประมาทก็ตกไปแล้ว เพราะฉะนั้นความเข้าใจนะคะ เป็นหนทางมาก่อนอื่นเลยค่ะมักมีองค์๘ขาดความเข้าใจถูกความเห็นถูกไม่ได้เลยเช่นขณะนี้ใครจะรู้ว่าสภาพธรรมมะกำลังเกิดเอ๊ะ และสภาพธรรมะที่เกิดที่เป็นธาตุรู้ก็มีทั้งจิตเจตสิกมากมายตามประเภทของจิตนั้นก็ไม่รู้ทั้งนั้นก็เป็นราว เพราะฉะนั้นที่จะเข้าใจจนกว่าจะประจักษ์แจ้งว่าไม่มีเราก็เพราะเหตุว่าสัจจะญาณฟังธรรมะไม่ใช่ว่าเรียกว่าปริยัตแต่ต้องหมายความว่าปริยัติคือความเข้าใจถูกว่ากำลังศึกษาให้เข้าใจสิ่งที่มีในขณะนี้ เพราะว่ายังไม่ได้ประจักษ์ว่าสภาพธรรมะแต่ละหนึ่งเกิดแบบแต่ต้องมีการฟัง และก็มีความเข้าใจจนถึงขั้นที่เป็นสัจญาณไม่เปลี่ยนความเข้าใจนี้ก็จะเป็นปัจจัยให้มีการระลึก เทพสุ เมื่อวานนี้ระลึกได้หรือเปล่าว่าเห็นเป็นธรรมไม่มีฉัน แค่ฟัง เพราะฉะนั้นจนกว่าจะมี แสดงว่าสัตว์ย่านมีนะคะ จึงทำให้สามารถที่อยู่ที่ไหนไม่ใช่เราพยายามไปคิดไปแต่เกิดตามเหตุตามปัจจัยทำให้สามารถที่จะไม่ละเลย และก็เริ่มเข้าใจสิ่งที่ปรากฏนั้นก็รู้ด้วยค่ะว่ามีขนาดนั้นได้เพราะว่ามีการฟัง และเข้าใจปริยัติ และก็มีการละความต้องการด้วยเพราะว่าส่วนใหญ่นะคะ พอเข้าใจว่าเป็นธรรมะอยากรู้อยากเห็นอยากล่ะแต่ว่าอยากรู้อยากเห็นอยากเป็นโลพอเป็นความติดข้อง เพราะฉะนั้นพระธรรมที่ทรงแสดงนะคะ ละเอียดอย่างยิ่งที่จะรู้ว่าถ้าไม่เห็นโลคาโลพระไม่ได้ คณะพระอาจารย์ครับจากการที่เรา ได้ยินได้ฟังธรรมะมีความเข้าใจมากขึ้น แล้วก็มีการที่จะคิดถึงนะครับ เช่นได้ยินคำว่าสิ่งที่ปรากฏทางตาก็มีการที่จะคิดถึงสิ่งที่กำลังปรากฏทางตาขณะนี้ความต่างกับการที่คิดถึงสิ่งที่มีจริงกับการที่ระลึกได้อาจารย์อย่างวันนี้เมื่อกี้นี้ได้ฟังว่าเมื่อกี้นี้เองนะคะ สิ่งที่ปรากฏต่างๆ และตอนนี้คิดยังไง ก็ไม่ได้คิดถึงสิ่งรอบตัวทันตาเลยครับ และก็คิดเรื่องอื่นเลยครับ เพราะฉะนั้นกว่าจะถึงความเป็นอนัตตาว่าแม้ไม่ได้ฟังแต่ความเข้าใจมีเพิ่มขึ้นนะคะ มั่นคงขึ้นก็ทำให้เห็นความเป็นอนัตตาว่าอาจจะกำลังดูละครดูหนังสนทนากับเพื่อนฟังดนตรี คิดได้เกิดขึ้นแล้วอ่ะเป็นแต่เพียงสิ่งที่ปรากฏทางตา เริ่มไปทีละเล็กที่ละน้อยโดยไม่คาดหวังเพราะเห็นว่าหวังเมื่อไรผิดทันทีเพราะนั่นเป็นโหลค่ะไม่ใช่ปัญญา จำได้นะคะ ว่าสังขารนะคะ สภาพธรรมะที่ลงแต่งก็จะอาศัยการฟัง เชิญอาจารย์ กราบท่านอาจารย์ครับอาจารย์ครับอะไรที่จะทำให้ก้าวพลาดแล้วอัดตกลงไปจมอยู่ในมหาสมุทรประมาท ประมาทอย่างไรบ้างทุกอย่าง แล้วถ้าตกลงแล้วเนี่ยขึ้นมาเดินต่อได้มั้ยผมก็แล้วแต่ปัจจัย ชีวิตจริงเป็นอย่างนี้นะคะ เพราะฉะนั้นไม่ต้องไปหาชีวิตอื่นในสังสารวัฎ บางครั้งบางคราวก็ไม่อยากจะฟังคำว่ามีสิ่งอื่นที่สำคัญกว่า ประมาทเว็บละตอนนั้นก็จบลงไปชั่วคราวขนาดนั้นตรงกันข้ามนะคะ คือเริ่มเข้าใจว่าแม้ขนาดนั้นก็เป็นธรรมะลองคิดดูค่ะทั้งชีวิตทั้งหมดเนี่ยไม่เหลือความสงสัย ในสภาพธรรมะดึงสภาพธรรมะได้เพราะว่าไม่ประมาท และก็เริ่มเข้าใจ โดยละเอียดแล้วทามหาสมุทรก็คือห้วงของกิเลสเนี่ยก็ตกไปอยู่เรื่อยๆ แต่ว่ายังมีโอกาสที่จะมีความระลึกได้ไม่ขาดสิ่งที่น่าเลยใครจะไปรู้ซึ่งสิ่งที่ได้สะสม เดี๋ยวก็จะถึงเวลารับประทานอาหาร ขอประมาทหน่อยหรือเปล่าคะหรือไม่ต้องขอก็ประมาทเองค่ะแต่ก็มีความเป็นตัวตน ใช่ไหมคะความเป็นตัวตนจะตามไปโหมดแม้แต่ความคิด เพราะฉะนั้นต้องเข้าใจแบบขนาดไหนก็ตามในขณะที่๓เมื่อไม่ลืม และเข้าใจว่าขณะนั้นเป็นธรรมะ ชั่วขณะที่ปรากฏลึกลงไปอีกชั่วขณะที่ปรากฏเป็นธรรมะก็เข้าใจนะแต่ชั่วขณะที่ปรากฏ ยิ่งเข้าใจเพื่อน อาจารย์เปรียบเทียบได้เตือนใจมากครับเพราะว่าถ้าสมมติว่ามีเส้นทางอาจจะเป็นเส้นลวดหรือเป็นลวดสลิงนั่งเดินไปละมีแต่มหาสมุทรเนี่ยพวกนักกายกรรมเขาประมาทนี้เขาแต่ก็ส่วนใหญ่ ในทางนั้นนะคะ สนุกสนานกันด้วยชีวิตประจำวันหรือเปล่าใช่แขก๘ถ้าไม่ประมาท สามารถที่จะรู้ว่าขณะนั้นเป็นธรรมะ ถ้าจะถ้าบอกว่าพูดได้ว่าไม่มีเรามีแต่ธรรมะที่ปรากฏแล้วก็ตามเหตุปัจจัยแล้วก็ดัดเป็นอนัตตากล่าวอย่างงี้ได้แต่ว่าในความเป็นไปเนี่ยสามารถทราบได้ไหมว่ามั่นคงแล้วว่าไม่มีเรามีแต่สิ่งที่ปรากฏ พีชว่าเปลี่ยนผู้ทุกอย่างเป็นอนัตตาอะไรจะเกิดขึ้นก็ทุกอย่างเป็นอนัตตามีคำนี้ทำเดียวใช่ไหมค่ะแต่ว่าใครพูด ถ้าจะค่ะทีนี้เหมือนกับว่าความมั่นคงตรงนี้ก็คือต้องฟังฟังเข้าใจ และก็ไตร่ตรองตามมาเป็นเช่นนั้นแล้วเมื่อไหร่ที่รู้ว่าสิ่งที่ประเสริฐที่สุดในชาตินี้ คือปัญญา ความเข้าใจเพื่อทำเพราะเป็นความจริงก็จะทำให้ผู้นั้นเห็นอย่างอื่นไม่มีค่า เพราะว่าไม่ใช่ปัญญาที่สามารถที่จะทำให้ไม่ทุกข์ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ใดๆ ทั้งสิ้น พรุ่งนี้แขนขาดคนไม่มีปัญญาเป็นไงคะ ก็ต้องความโศกเศร้าเสียใจมาก และคนมีปัญญาตามระดับขั้นของปัญญา ฟังมากี่ปีกี่ปีแล้วมันคงไม่ว่าไม่มีเราฟังมากี่ปีกี่ปีนั่นคือตัวตน แม่ไม่มีเราต่อเมื่อเข้าใจธรรมะแต่ละหนึ่ง แต่ละหนึ่งเราเป็นเรา เห็นเป็นเห็นไม่ใช่ ได้ยินเป็นได้ยินไม่ใช่เราโกรธเป็นโกรธไม่ใช่เรา และก็ไม่ใช่เพียงพูดนะคะ ต้องขณะนั้นที่สภาพธรรมะ ในขณะนี้ เพราะฉะนั้นไม่ใช่เพียงพูดว่าไม่ใช่เราเราที่ไม่รู้ ด้วยความรู้ก็ไม่ใช่สิ่งเช่นฟัง และจำได้่ แต่ต้องสามารถเข้าใจลักษณะของสภาพธรรมะที่ปรากฏว่าเป็นธรรมะในขณะนั้นนี่คือความต่างกันนะคะ ที่ใช้คำว่าหลงลืมสติกับสติเกิดขณะใดก็ตามที่สภาพธรรมะไม่ได้ปรากฏเป็นธรรมะแต่เป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใดแม้เป็นแข็งแต่ก็ไม่เข้าใจว่าเป็นธรรมะใช่ไหมคะ เดินถามเด็กถามใครก็ได้ แข้งใหม่ ฉบับแข็ง มันไม่ได้มีความเข้าใจว่าแข็งเป็นธรรมะ เราไม่ใช่ความรู้ใช้มั้ยค่ะว่าแท้ที่จริงแล้วสิ่งที่ว่าเป็นธรรมะก็คือว่าไม่ใช่เขาไม่ใช่เราไม่ใช่ เป็นพี่สิ่งที่มีลักษณะอย่างนั้นเกิดขึ้นปรากฏ เพราะฉะนั้นวันนึงวันนึง และกระทบแข็งบ่อยเป็นธรรมะปรากฏหรือเป็นเพียงแข็ง ถ้าขณะนั้นลักษณะของแข็งปรากฏพร้อมความเข้าใจว่านี่ไงล่ะที่ฟังมาตั้งนานใช่ไหมคะทั้งเห็นทั้งได้ยินทั้งแข็งทั้งหวานทั้งเค็มอะไรก็แล้วแต่ฟังมาตั้งนานว่าเป็นธรรมะเวลาสิ่งนั้นเกิดขึ้นนะคะ แล้วเข้าใจในความเป็นสิ่งนั้น นั่นคือเข้าใจจริงๆ ว่าไม่ใช่เรา ถ้าสายพันธุ์นั่นหมายความว่าความเข้าใจขั้นฟังมั่นคงว่าไม่มีเราเนี่ยแต่ถ้าธรรมะหนึ่งยังไม่ปรากฏเนี่ย ก็ยังมีความเป็นเราตามแม่นอนเงิน เพราะฉะนั้นเข้าใจอย่างนี้นะเขาจะรู้ว่าขณะนั้นเข้าใจธรรม นั่นน่ะค่ะไม่ใช่อื่น ว่าเป็นสิ่งที่ดีจริง และก็เป็นเพียงแค่ จากการที่เคยเป็นส่วนหนึ่งส่วนใดของร่างกายก็กลายเป็นเพียงสิ่งหนึ่งที่มีจริง ถ้าใช่ครับก็ให้นึกถึงไปว่าพอดีถ้าจะเล่าเรื่องเด็กเวียดนามคิดว่าแปลว่ารัตนจิต ก็ได้อ่านที่พี่กาญจนาเข้ารายงาน เว็บไซต์ก็จะมีตอนที่เธอจะไม่ได้กล่าวถึงที่บอกว่าคุณแม่เขาก็บอกว่าให้ครบนั่งเฉยๆ นั่งนิ่งๆ ฟังไม่ได้วิ่งสสเขาก็จะบอกว่าถ้าจะบอกว่าเปลี่ยนแปลงไม่ได้เพราะสะสมมาอย่างนั้นจริงๆ แล้วนะคะ ไม่ได้ความคิดอย่างนี้จะเกิดได้ไหมถ้าไม่มีการสะสมด้วยความเข้าใจ เพราะฉะนั้นไม่ใช่เปลี่ยนคำพูดนะคะ แต่ต้องรู้ด้วยว่าผู้พูดมีความเข้าใจแค่ไหน เพราะฉะนั้นเพลงถามตอบได้ตรง ก็แสดงว่ามีการสะสมความเข้าใจในระดับหนึ่ง ถ้ามีคนถามว่านะคะ เกิดแล้วต้องตายไหมก็ตอบกันว่าต้องตาย แต่ว่าเข้าใจหรือเปล่าว่าไม่ใช่เราเป็นธรรมะ ถ้าสายตรงนี้ก็ยังเป็นเรานะจะกว่าเกาะอ่ะเหมือนกับว่าฟังแล้วไม่มีเรา แล้วในขณะเดียวกันพอมีอกุศลเกิดทำกุศลกรรมก็อุ้ยก็เป็นสะสมมามันเหมือนกับเอาธรรมะมาเข้าข้างอกุศลกันยา สะสมมา เป็นเราต้องเป็นอย่างนี้แต่ถ้าเป็นธรรมะไม่ใช่ความคิดถึง เข้าใจในสภาพนั้นว่าไม่ใช่หรอกในขณะที่สิ่งนั้นปรากฏ


    ฟังธรรมจากหัวข้อย่อย

    หมายเลข 193
    29 ม.ค. 2567

    ซีดีแนะนำ