พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 891


    ข้อความนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบแก้ไข

    ตอนที่ ๘๙๑

    ที่มูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา

    วันอาทิตย์ที่ ๑๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๖


    ปัญญาต้องอบรมต่อไปอีกมากจนกระทั่งสามารถที่จะเข้าใจ ไม่เว้นที่กำลังปรับ ไม่มีคำตอบไปด้วยไม่ใช่ว่าไปเข้าใจสิ่งที่ไม่ปรากฏแต่เข้าใจทุกอย่างที่กำลังปรากฏทางตากำลังเห็น และมีสิ่งที่ปรากฏทั้งสองอย่างต้องเข้าใจ และคนที่ได้ฟังแล้วก็จะรู้ได้ว่าจากไม่เคยรู้เลยต้องเริ่มรู้ความต่างของขณะนี้ที่มีจริงๆ อาหารก็สัมมาเศร้าเจ้าทรง จริงทรงแสดงความจริงเพื่อให้คนอื่นรู้ ถึงสามารถที่จะประจักษ์ จริงๆ เช่นท่านพระอัญญาโกณฑธัญญ์ และสาวกทั้งหลายนะคะ ที่ฟังจนสามารถที่จะเป็นปัญญาที่เจริญขึ้นเป็นอารยะปัญญาแต่กว่าจะถึงนะคะ ต้องมีขั้นฟังก่อนแน่นอนค่ะเพราะว่าคิดเองไม่ได้ ครับอาจารย์ครับได้ฟังพระอาจารย์กล่าวถึงคำที่ว่าคำไม่จริงนะครับ เบียดเบียนคำจริงแต่ว่าคำจริงไม่ได้เป็นธรรมะที่เบียดเบียนอะไรเลยขอความกรุณาพระอาจารย์ตรงนี้ด้วยครับใช้คำไม่จริงเบียดเบียนคำจริง ทำจริงคืออนัตตาสิ่งที่มีนะคะ เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัยปรากฏว่ามีแล้วก็ดับไป ไม่มีการที่จะเป็นของใครvใครจะเป็น คุณชายทำให้เกิดหรือทำให้ดับได้เลยนี่คือ ว่าจะสัจจะ คำจริงถูกไหมคะ แต่ถ้ามีการบอกว่าให้ทำอย่างนี้ให้ทำอย่างนั้น เบื่อนความเข้าใจในความเป็นอนัตตาของสภาพธรรมะซึ่งยิ่งเข้าใจอย่างนั้นมากเท่าไหร่ยิ่งไม่เห็นความเป็นธรรมมะซึ่งเป็นอนัตตา เพราะฉะนั้นความเข้าใจธรรมะว่าเป็นอนัตตาเนี่ยก็จะหายไปหมดให้เห็นว่าถูกคำไม่จริงเนี่ยเบียดเบียนคำถาม แต่ว่าขณะใดก็ตามนะคะ คำนั้นเป็นคำจริงสามารถพิสูจน์ได้สามารถเข้าใจได้แม้ในขั้นการฟัง และการใกล้ตรองพิจารณาก็ไม่ผิด เพราะฉะนั้นคำจริงไหมคะอนุเคราะห์ความไม่รู้ และความเข้าใจผิดให้หมดไป เพราะฉะนั้นคำจริงนะคะ วันนี้มีขนาดไหนบ้างหรือเปล่าที่รู้ว่าสิ่งที่กำลังปรากฏขณะนี้เป็นเพียงสิ่งที่ปรากฏให้เห็น เมื่อกี้ขึ้นแล้วก็มีจักขุประสาทซึ่งยังไม่ดับเป็นปัจจัยให้ตำแหน่งทำให้จิตเห็นเกิดขึ้นเพียงเห็นยังไม่รู้ว่าเป็นไรเลยทั้งสิ้นนะคะ สั้นมากแล้วก็ดับไปนี่คือคำจริงหรือเปล่า เบียดเบียนความเห็นผิดได้ไหมคะ เพราะเหตุว่าไม่มีใครสามารถทำอะไรได้เลยนอกจากสะสมความมั่นคงที่จะเข้าใจ เพราะฉะนั้นปัญญาเนี่ยนะคะ ไหนอาจารย์คะถ้าจิตตกไปพักกันท่านก็ให้ความหมายของปัญญาว่าย่อมรู้ธรรมะทั้งหลายโดยประการต่างๆ มีความไม่เที่ยงเป็นทุกข์ จึงเห็นได้ว่า มาแล้วมีอัตราที่ทำเพื่อจานก็เป็นความเสื่อมที่ไปจากอริยปัญญาเพราะท่านกล่าวว่าความเสื่อมในที่นี้หมายถึงการไม่ให้เกิดขึ้นแห่งญาณนะที่ควรให้เกิด แล้วทำไมขนาดนี้นะคะ โดย เพียงแค่ กลัวมือของมัน หลากหลายมากไม่เหมือนกันเลย แล้วก็รู้ธรรมะแต่เล่นเก่งจริงๆ ว่าแต่ละหนึ่งแต่ละหนึ่งนั่นคือประการต่างๆ ของพม่าซึ่งไม่ซ้ำกันเลย แม้แต่เห็นขณะนี้นะคะ ก็เป็นเห็น ประการหนึ่งนะคะ ได้ยินขนาดนี้ก็เป็นได้ยิน และรู้อย่างนี้หรือเปล่าโดยประการต่างๆ ทั้งวันเนี่ยค่ะเป็นธรรมะทั้งหมด และก็โดยประการต่างๆ จริงๆ ยังไม่ตั้งต่อไปนะคะ เพียงแค่นี้ก็ยังไม่ได้อบรมพอที่จะรู้ สงกรานต์ฟังธรรมะต้องฟังโดยละเอียด และก็โดยการที่ใส่ตรองจนกระทั่งเป็นความมั่นคงว่า ทำมาเป็นอย่างนั้นแล้วก็ต้องถามคนอื่นไหมถ้ามีความเข้าใจที่ถูกต้องว่าเป็นอย่างนั้นจริงๆ เห็นมีจริงๆ ประการหนึ่ง และอย่างนึง และได้ยินก็มีจริงๆ ก็เป็นแต่ละหนึ่งแล้วรู้อะไรรู้เห็นหรือเปล่ารู้ได้ยินหรือเปล่ารู้ความจริงของสิ่งที่เพียงปรากฏให้เห็นได้หรือเปล่า เพราะฉะนั้นคำจริงทั้งหมดนะคะ จะเป็นความจริงไม่ว่าปัญญาจะเกิดขึ้นนะคะ ฟังแล้วเข้าใจแล้วฝั่งอีกเข้าใจอีกก็จะรู้ความจริงอย่างงี้ โดยที่ว่าไม่เป็น ธรรมะประการต่างๆ แค่คำนี้ค่ะจะอยู่ในใจไปอีกนานเท่าไรไม่ว่าแค่ฟังพระธรรมที่ทรงแสดงไว้เนี่ยมากมายสักเท่าไหร่ใน๑๕วัน ยิ่งแต่ละคำแนะไม่ใช่ผ่าน แต่ละคำเนี่ยเป็นปัญญาจริงๆ ถ้าไม่เริ่มต้นจากการพิจารณา และเข้าใจสิ่งที่ได้ฟังจริงๆ อย่างละเอียด และไม่มีทางที่จะมีความเห็นที่ถูกต้องในสิ่งที่ปรากฏจนประจักษ์ เพราะฉะนั้นสิ่งใดที่จริงคือปกติ เห็นแล้วก็รู้ว่าสิ่งที่เห็นเป็นอะไรเนี่ยเป็นปกติแต่ในขณะนั้นนะคะ ไม่มีใครสามารถที่จะรู้ได้ว่าธรรมะประการต่างๆ จึงจะเห็นพระปัญญาคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้านะคะ และจากการที่เพิ่งเห็นซึ่งทุกคนก็เห็นอยู่แล้วใช่ไหมคะก็เป็นธรรมะในให้รู้ว่าไม่ใช่ขณะที่จาม จำกับเหตุไม่เหมือนกัน และไม่ใช่ขณะที่กำลังรู้รูปร่างสัณฐาน และก็ยิ่งจำ ก็รู้แอร์หนึ่ง คนนึงใส่เสื้ออะไรคะ จะหมดเลยใช่มั้ยคะ เพราะฉะนั้นธาตุรู้ที่เกิดขึ้นรู้แนะเร็วแค่ไหน แม้จะเห็นทันทีก็รู้ทันทีว่าเป็นใครชื่ออะไรใส่เสื้อ เมื่อฉันธรรมประการต่างๆ เนี่ยประมาทได้ไหมว่าเราฟังธรรมะแล้วเราก็ผ่านไปโดยไม่รู้ว่ากว่าจะรู้แม้แต่คำว่าธรรมะประการต่างๆ เพื่อที่จะเข้าใจถูกต้องไม่ใช่เราสักอย่างเรียนแล้วก็จริงทั้งหมดเปลี่ยนแปลงไม่ได้แต่ไม่รู้ว่าเป็นจริงอย่างไรว่าไม่ใช่ตัวตนอย่างไร นี่เป็นแต่เพียงทางเดียวคือทางตายังมีทางหูอีกทางจมูกอีกทางเลือกอีกทางการอีกไทยใจเอ็กซ์ เพราะฉะนั้นอยู่ในโลกของความไม่รู้จิจนกว่าจะค่อยๆ รู้ทีละเล็กทีละน้อยจริงๆ แล้วทุกอย่างก็เป็นปกติค่ะ เพราะฉะนั้นฟังนะคะ เพื่อไม่ให้รอพระมาชักพาไปอยากรู้ อยากบริจาคแจ้งโดยที่ไม่ใช่เหตุที่สมควรเลยค่ะเพียงฝันแค่นี้ทำอะไรได้ ในพระวินัยปิฏกผู้ที่มีศรัทธาแล้วก็ตั้งใจดีการสะสมมานะคะ ที่จะอบรมปัญญาในเพศบรรพชิตคิดดูสิคะแค่คำว่าเพศบรรพชิตธรรมะประการต่างๆ หรือเปล่าจะขึ้หัดที่จะต้องเห็นโทษมีชีวิตที่สะอาดหมดจด และ ความติดข้องในเรือนทุกอย่างในเรือนนอกเรือนทั้งหมดในเพศของคฤหัสถ์เพื่อที่จะรู้ความจริงแสดงว่ายาก แล้วก้อทุกคนค่ะสะสมมาที่จะคิด๕มความคิดไม่ได้เลยแต่เดือดร้อนเพราะความคิดหรือเปล่า ก็ยังเดือดร้อนต่อไปอีกนะคะ ถ้าปัญญาไม่พอที่จะรู้ว่าขณะนั้นนะคะ ก็เป็นธรรมะประการต่างๆ ไปหมดเลยทุกขนาด เพราะฉะนั้นกว่าจะค่อยๆ เข้าใจความจริงค่อยๆ สะสม ถูก ไม่รู้ไปทีละหยาดเพราะว่าถ้ายังไม่โดยประการต่างๆ ไม่มีทางที่จะรู้ความจริงของสภาพธรรมะยิ่งขึ้นจนกระทั่งถือเป็นอารยะปัญญาได้ด้วยเหตุนี้ในขณะฟังธรรมะ และไม่ผ่าน และก็ต้องเป็นขณะนี้ด้วยที่จะรู้ว่าความจริงเป็นอย่างนี้เนี่ยแล้วก็จะไปบริจาคการเกิดแบบของอะไรคะ เมื่อไหร่คะทำยังไงเป็นไปได้ยังไงก็เป็นความเห็นผิดทั้งนั้นด้วยเหตุนี้การฟังเพื่อทำนะคะ ด้วยความเคารพอย่างยิ่งวัดทุกคำจริงแต่ลึกซึ้งลึกซึ้งสุดที่จะประมาณได้ซึ่งความลึกซึ้ง และรู้ได้ด้วยปัญญาที่ค่อยๆ เจริญ ถึงจะสามารถรู้ได้แวะเดี๋ยวนี้ค่ะที่จะเข้าใจลักษณะของสภาพธรรมะโดยประการต่างๆ โดยลักษณะต่างๆ แนะเพราะอาศัยการฟังเข้าใจขอไม่ใช่ว่าไปทำอะไรเพื่อที่จะให้รู้ เมื่อได้ฟังทุกครั้งท่านอาจารย์ก็เป็นการที่จะสะสมความเข้าใจในทุกครั้งที่ได้ยินครับแหม่ถ้าจะกล่าวถึงว่าเห็นอะไรปกติก็เห็นเป็นธรรมดาครับแต่เมื่อได้ยินได้ฟังก็สามารถที่จะเข้าใจเพิ่มทีละนิดว่าเห็นเป็นเห็นคิดเป็นคิด แล้วก็ที่จะเห็นแล้วไม่คิดเนี่ยก็ไม่ได้ด้วยครับ แล้วก็เวลาที่เห็นแล้วคิดแล้วเดือดร้อนไม่เห็นไหมคะ ก็ไม่รู้ความจริง ทั้งหมดนะคะ เพราะไม่รู้ความจริง เพราะฉะนั้นไม่เดือดร้อนใจนะคะ ถ้ามีปัญญา ซึ่งข้อความกลับไปทานพูดถึงความไม่เสื่อมจากอริยปัญญาอยู่กับละภิกษุทั้งหลายสัตว์ทั้งหลายเพื่อไม่เสื่อมจากอริยปัญญาชื่อว่าไม่เสือ สัตว์เหล่านั้นย่อมอยู่เป็นสุข ไม่มีความเดือดร้อนไม่มีความคับแค้นไม่มีความเร่าร้อนในปัจจุบันทีเดียว เมื่อตายไปพึงหวังสุขภาพ คุณจะเห็นกำลังของปัญญานะคะ เพลงเข้าใจแค่นี้ก็ดีขึ้นมาหน่อยที่ได้รู้ว่าอะไรจริงอะไรไม่จริงแค่นี้แต่ว่าถ้ามีความเข้าใจมากขึ้นนะคะ ก็จะต้องหมดจากความคิด ค์ และซากับมาร์กี้ฟังพระอาจารย์สนทนาอาจารย์วิชัยถ้าไม่ฟังก็จะไม่รู้ ชีวิตคือ สิ่งหนึ่งสิ่งใดแต่ลูกฉันเข้าใจ ไม่ต้องตามได้ว่าเห็นเพียงสิ่งที่ปรากฏให้เห็นได้แล้วก็จำว่าเป็นรูปพรรณสัณฐานเป็นอะไรเป็นคิดเป็น ชนินทร์พอใจตรองนะคะ รู้ว่ารู้แค่ไหนฉัน เราเหมือนเข้าใจมากทั้งพิสูจน์ได้เลยใช่ไหม จริงๆ เลยที่กำลังกลางกดขณะนี้เช่นเห็น ได้ยินค่ะ เปล่าไม่ใช่เราด้วยรึเปล่าแต่ละหนึ่งซึ่งเกิดจากสืบต่ออย่างเร็วมากนะคะ ไร้รอยต่อไม่ปรากฏว่าเกิดระดับ ทำให้หลงเข้าใจว่าเที่ยงซึ่งไม่จริงทุกอย่างแต่ละเด็กต้องเกิดแล้วก็ดับไป ปรากฏทีละหนึ่งเดียวเนี่ยค่ะเพราะจิตเกิดมันไปนับไม่ถ้วนจึงปรากฏว่าเป็นคนมากมายเป็นดอกไม้เป็นโต๊ะเป็น๙อี้ถ้าไม่มีจิตจะไม่มีสิ่งของ ใครคิดที่จะ เพราะฉะนั้นขณะที่ฝั่งไหนก็รู้ว่าไม่ใช่ความเข้าใจลักษณะจริงๆ แต่ละเน็ต เพียงแต่ฟังรู้ว่าที่ไม่รู้ก็เห็นว่าสภาพธรรมะที่เกิดดับ๑๒เร็วสุดที่จะ ถ้าชัชชาติของรู้บางคนก็เลยไปทำช้า แต่ช้าอย่างนั้นไม่ใช่การเกิดดับของสภาพธรรมะเลย แล้วก็ลงอีกด้วย ถ้าจะค่ะที่นี่พระสูตรที่นำมาศึกษาที่อาจารย์คนอ่าน อริยะบันยานก็จะหมายถึงวิปัสสนายาหรือว่าหมักขยะ ก็ในทางเรียนเรื่องราวก็ทราบได้ว่าวิปัสสนาญาณก็เป็นปัญญาที่ยังห่างไกลแต่ตอนนี้ให้เริ่มฟังเข้าใจ เพราะฉะนั้นชื่อว่าปัญญาเนี่ยรู้ความจริงใช่ไหมคะไม่ได้รู้ผิดตั้งแต่ขั้นฝัน ฟังแล้วรู้ว่าจริงๆ เป็นอย่างนี้ ไตร่ตรองรู้ว่าขณะนี้ไม่ได้รู้แต่ละหนึ่งที่จะใช้คำว่ารู้แจ้งที่เป็นวิปัสสนาญาณ พระเอกแรกไม่ใช่ความรู้ที่รู้เฉพาะแต่ละหนึ่งจนทั่วถ้าไม่ช่วยจะรู้ได้ไงคะเกิดดับสืบต่อกันล่ะ แต่ว่าถ้าทั่วถึงชื่อเล่นหนึ่งทีละหนึ่งค่อยๆ แยกเป็นทีละหนึ่ง ดูความต่างกันทีละหนึ่ง อาจารย์ก็ตรงนี้เนี่ยก็จะสำคัญมากกว่าถ้าเข้าใจว่าธรรมะเป็นอนัตตาแล้วจะไปทำอะไรไหมเนี่ยก็แปลว่าความไม่จริง เพราะฉะนั้นตรงนี้การที่จะกว่าจะมีปัญญารู้ความจริงก็ต้องรู้ว่าเริ่มจากฟังแบบนี้ก่อนค่ะ และก็เข้าใจแค่ไหน เช่นเดียวได้ยินคำว่าสิ่งที่ปรากฏให้เห็นได้เข้าใจแค่ไหน เห็นไหมคะ เป็นคนโน้นคนนี้อยู่นั่นแหละ เห็นทีไรก็เป็นคนนั้นคนนี้เป็นสิ่งนั้นซีรี่ย์ไม่เห็นเพียงสักแต่ว่าเห็นเพราะรู้จริงๆ ว่า นี่เห็นคนนั้นจะ ค์ใช้สิทธิของคุณหรือไม่ ต์ในขณะที่กำลังเข้าใจไม่ต้องเรียกว่าปัญญาไม่ต้องเรียนวิชาก็เข้าใจแหละ เข้าใจถูกตามความเป็นจริง ไม่ต้องเข้าใจ คุณอรวรรณค่ะตั้งแต่เช้ามารับประทานอาหารหรือยัง เดี๋ยวนี้รับประทานอยู่หรือเปล่า เหนื่อยจัง เดี๋ยวนี้กำลังบริโภคอะไรรึเปล่า อาจารย์เขาก็เห็นแล้วก็พอใจไม่พอใจบริโภคอยู่ตลอดเวลา โดยคุณซันจิตหรืออกุศลจิตไม่ใช่เฉพาะอาหารอาหารเป็นทางเดียวใน๖ชาติ และทางอื่นนะคะ ไม่ได้บริโภคเลยไม่เหมือนกันนะ เวลารถปรากฏอร่อยชอบไม่ชอบใช่มั้ยคะสิ่งที่ปรากฏทางตาสวยนี่สวย ไปโทนี่แบลร์ ไม่ใช่เราเลยนะคะ เสียงวาระที่จะเกิดขึ้นบริโภคจึงบริโภคได้ เพราะฉะนั้นจิตเห็นเกิดขึ้นเพียงเห็น เท่านั้นเองสำหรับให้กุศลจิต และอกุศลจิตเกิดขึ้นบริโภคเหมือนกำลังบริโภครสต่างๆ เพราะฉะนั้นอะไรบริโภคจิตในบริโภคไม่ใช่ทำไปสักอย่าง วิชัยสังข์สังขมณีราคาเข้าใจแล้วก็สามารถที่จะเข้าใจโดยตลอด นี่เป็นซ์เนี่ยกุศลจิตนะคะ จะเกิดทางตาหรือทางหูทางจมูกทางลิ้นทางกายทางใจก็เป็นธรรมะอย่างหนึ่งนะคะ อกุศลจิตเกิดขึ้นตาเวลาเห็นแล้วเกิดอกุศลได้ไม่ได้ เพราะฉะนั้นขณะนั้นไม่ว่าจะทางไหนกุศลก็เป็นกุศล อกุศลก็เป็นอกุศลที่เรากำลังคิดว่าเราชอบไม่ชอบอร่อยไหม ด้วยหล่อพระหรือของสักหรือด้วยกุศล เพราะฉะนั้นแต่ละคำนะคะ ก็คือกล่าวถึงธรรมะโดยในระยะประการแต่ ที่จะทำให้เราเข้าใจขึ้นว่าไม่มีเรา ไม่ใช่ตอนที่กำลังบริโภคอาหารเท่านั้นที่เป็นรสอะไรมากแต่ว่าไม่ว่าขนาดไหนคะกุศลเกิดเมื่อไหร่เกิดขึ้นตาได้ไม่ทันหูได้ไม่ทันจมูกได้ไหมทั้งลิ้นได้ไม่ทันกายได้มั๊ยทางใจได้ไหม เพราะฉะนั้นจึงเป็นธรรมะประกันต่างๆ ถ้าไม่รู้ไม่เข้าใจไม่มีทางเลยนะคะ จะไปพูดถึงอริยปัญญา ไม่มีทางที่จะรู้ได้ว่าหมายความคืออะไร เราต้องเจริญเข้าใจขึ้นมีสิ่งที่กำลังปรากฏให้รู้ให้เข้าใจ แต่ถ้าขณะนั้นปรากฏแล้วไม่รู้ไม่เข้าใจก็จะเป็นปัญญา ถ้าจะก็เตือนอยู่เสมอว่าเนี่ยบริโภคก็ไม่รู้ตัวรู้ว่ากำลังโปรยธุลีเรียกว่ากิเลสลงในจิตก็ไม่รู้ตัว เพราะฉะนั้นคงต้องฟังแล้วให้ถ้าจะเตือนบ่อยๆ ทางเดียวรักษาจิตค่ะด้วยความจริงด้วยธรรมะที่ได้ฟังว่าเก็บความไม่จริงไว้มากนะคะ เพราะไม่รู้คิดว่าเที่ยง ตลอดเวลาความจริงก็สิ่งใดก็ตามเกิดแล้วดับแต่ไม่ประจักษ์แจ้ง เพราะฉันก็หลงยึดถือว่ายังมีอยู่ กว่าจะค่อยๆ บริโภคด้วยความเห็นถูก กราบขอบคุณครับ เพราะฉะนั้นท่านถึงกล่าวถึงความเสื่อมพระอาจารย์ว่าการไม่ให้เกิดขึ้นแห่งญาณี่ที่ควรให้เกิดนั่นแหละเป็นความเสื่อม แน่นอนค่ะ บางคนก็บอกว่าเพราะทำยากไม่ฟัง แล้วฟังใครอ่ะค่ะก็ต้องไม่ใช่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเพราะง่าย แล้วมีใครเป็นที่พึ่ง พูดจริงๆ หรือเปล่า สวัสดีค่ะไม่มีความเข้าใจว่าธรรมที่ควรแสดงก็ไม่มีธรรมเป็นพระราชเชื่อว่ามีพระธรรมเป็นที่พึ่งได้ไหม สวัสดีค่ะ เมื่อกราฟ และข้อมูลของเลยเพิ่มเติมสำหรับผู้ที่มีสัมมาทิฏฐิ และกัมมัสกัดตรายานะเป็นพูดไม่ส่วนใหญ่อริยบรรยาย ขะผู้ประกอบด้วยกำหมัดกัดตายานะนะคะ ไม่เสือก เวลาในประกอบหรือเปล่าคะได้ยินแล้วก็ผ่านไปแต่ว่าต้องละเอียดนะคะ ประกอบหรือเปล่า ประกอบเพลงฟัง แววมีกรรมซึ่งเป็นเหตุ เพราะฉะนั้นก็ต้องมีผลของกรรมแต่เป็นอย่านะรึเปล่านี่ใช้คำว่ากัมมัสกัดตายานะนะคะ หมายความถึงปัญญาที่รู้เรื่องกรรม และผลของจำด้วย การตรัสรู้ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้ากระแส สรุปสิ่งที่แ ไม่ได้มีอะไรที่จะเหนือที่จะเปลี่ยนแปลง เพราะฉะนั้นในขนาดไหนก็ตามขณะนี้นะคะ กำลังเห็น มีจริงๆ ใช่มั้ยคะเป็นเราหรือเปล่า เป็นธรรมะที่เกิดขึ้นเพราะกรรมเป็นปัจจัยใช่ไหมคะตามที่ได้เรียนกรรมไม่ได้ทำให้เปลี่ยนเกิดกันแต่ต้องทำให้มีการเห็นการได้ยินการได้กลิ่นการลิ้มรสการรู้สิ่งที่กระทบสัมผัสนี้ผิวฝั่ง แต่ถ้าคณะได้นะคะ สามารถที่จะเข้าใจเห็นที่กำลังเห็นเดี๋ยวนี้นะคะ แบบนั้นไม่ได้คิดถึงอย่างอื่นเลยก็ฟังจนกระทั่งมีความเข้าใจที่มั่นคง ว่าขณะนี้ค่ะใครก็ทำเห็นไม่ได้ แม้แต่เห็นยังไม่เป็นเรื่องเป็นราวอะไรเลยนะคะ ใครก็ทำให้เกิดไม่ได้แค่เกิดมาเห็นยังทำไม่ได้แล้วที่จะไปทำอื่นเลยทำได้ไหมคะทำให้คนนั้นเป็นคนดีทำให้โลกเป็นอย่างนี้ทำให้โลกเป็นอย่างนั้นทำได้ไหมในเมื่อแค่เพียงเห็นก็ยังทำไม่ได้ เพราะฉะนั้นถ้ามีความเข้าใจจริงๆ นะคะ ในหนึ่งนะคะ ทีละหนึ่งชัดเจนขึ้นเพราะขณะนั้นรู้ว่าเห็นเกิดแล้วบางครั้งเห็นสิ่งที่ดีบางครั้งเห็นสิ่งที่ไม่ดีเลือก แล้วแต่กลับว่าเป็นกุศลกรรมหรืออกุศลกรรมนั้นก็คือขณะที่กำลังฟังแต่ขณะนั้นก็ยังไม่เข้าใจเห็น ขณะนี้ใครจะบอกได้คะว่าเห็นที่เกิดระดับเนี่ยเป็นกุศลวิบากผลของกุศลกรรมหรือว่าเป็นผลของอกุศลกัน เพราะฉะนั้นเห็นขณะนั้นเป็นอกุศลวิบากเปลี่ยนใหม่ได้ เพลงฟังใครรู้ ผู้ที่ทรงตรัสรู้ทรงแสดง เพราะฉะนั้นก็เริ่มเห็นพระปัญญาคุณ และความลึกซึ้ง และความละเอียด เพียงแค่ความเข้าใจว่าเห็นขนาดนี้เป็นผมตั้งใจ ต์ที่เกิดขึ้น ต์ไม่ใช่ความผิดผู้ในสิ่งที่ ขณะที่กำลังติดคลองขนาดนั้นไหม นะคะ เห็นแบบไปแล้วยังไม่รู้เลยว่าอะไรแต่ว่าจิตที่เกิดดับสืบต่อจำลักษณะรูปร่างสัณฐาน และก็ มีความติดข้องแต่ละหนึ่งขณะนั้นเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัยทั้งนั้นใครรู้ว่าขณะไหนเป็นผลของจากขนาดไหนเป็นใครเห็นไหมคะคุณชื่อแต่ชื่อคำเครื่องมือจริงๆ ให้เข้าใจขึ้นถึงสภาพที่เป็นอยู่ ไม่น่าจะไปอยู่ ถูกกุศลไม่ว่าจะเป็นผลของกรรมก็ไม่ใช่ทีมชื่อแต่สามารถเข้าใจลักษณะที่ต่างกัน เห็นไหมคะเห็นความต่างไม่ว่าเห็นเนี่ยเกิดแล้วบังคับบัญชาไม่ได้แค่เห็นแค่เห็นนะคะ ได้ยินก็เกิดแล้วบังคับบัญชาไม่ได้แค่ได้ยินแต่เห็นแล้วชอบกับไม่ชอบไม่ใช่เพราะกันเพราะทำไมถ้าเป็นกรรมก็ต้องให้ไม่ชอบไปตลอดหรือไม่ชอบไปตลอด แต่นี่ไม่ใช่ว่าชนะที่ชอบ และไม่ชอบนั้นเป็นผลของจะไม่ใช่ แต่ว่าผลของกรรมจริงๆ นะคะ เพียงแค่มีสิ่งที่ปรากฏให้เห็นเท่านั้นค่ะเล็กน้อยมากสั้นมากแต่ความไม่รู้ก็ปรุงแต่งจนกระทั่งเป็นความเดือดร้อนมากมายนะคะ เป็นครูสอนว่าอกุศลบ้านซึ่งผู้มีปัญญารู้ความ จับนำเสนอที่ชอบหรือไม่ชอบก็รู้ว่าคณะ มีเรียกชื่อเป็นสิ่งนั้นเกิดขึ้นเพราะคนของกลางแต่ขณะใดก็ตามที่ชอบไม่ชอบนะคะ ไม่ได้เพราะเป็นผลของการแต่เพราะการสะสมที่ว่าทำไมบางครั้งเห็นแล้วก็ชอบเหมือนกันเห็นตลอดไหม เลือก โดยจงใจเรื่องของกรรม และผลของกรรมนะคะ เอาท์เล็ตซึ่งขึ้นอีกคือเต้าทึงการที่สามารถที่จะเข้าใจลักษณะของสภาพธรรมะในขณะนั้นตามความเป็นจริงว่ามีความตามถึงจะสามารถเป็นผู้ที่เข้าใจในเรื่องกรรมว่าเห็นขณะนี้ค่ะหลีกเลี่ยงไม่ได้เลย เสร็จแล้วกรรมเป็นปัจจัยให้เกิดแล้วแต่หลังจากนั้นนะคะ หน้าใสการสะสมว่าสะสมความพอใจไม่พอใจความโกรธพยาบาทหรือว่าปัญญาที่สามารถที่จะเข้าใจลักษณะซึ่งไม่ใช่ตัว เพราะฉะนั้นเมื่อเข้าใจอย่างนี้นะค่ะจึงมีคำกล่าวว่ากัมมัสกัดหญ้านะเพราะว่าเป็นปัญญาที่รู้ถึงกับเพราะว่าทรงแสดงแล้วนะคะ ตั้งแต่ต้นแวะทุกอย่างเป็นธรรมะประการต่างๆ เพราะฉะนั้นแม่กำก็ไม่ใช่ใครแต่เป็นธรรมะที่เป็นเหตุ มีผลของกรรมก็ไม่ใช่ใครแต่เป็นธรรมะที่เกิดขึ้นเป็นผลเพราะฉันไม่รู้ความหลากหลายของสภาพธรรมะใหญ่นี้นะคะ ก็ชื่อว่าเป็นผู้ที่รู้ตัวจริงๆ ของผลของกรรม และกรรมไม่ใช่เพียงแต่กล่าวเป็นคำเป็นชื่อแวะเป็นปัญญาที่เข้าใจเรื่องกรรม และผลของกรรม เพราะฉะนั้นการฟังธรรมะนะคะ แล้วนำไปซึ่งการเข้าใจตัวธรรมะจนถึงที่สุดจึงจะเป็นอริยปัญญาเพราะเหตุว่าเจริญจนกระทั่งสามารถที่จะเข้าใจถูกในสภา ต์ซึ่งเป็นวิปัสสนาญาณแต่ล่ะขั้น


    ฟังธรรมจากหัวข้อย่อย

    หมายเลข 193
    30 ม.ค. 2567

    ซีดีแนะนำ