พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 862


    ข้อความนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบแก้ไข

    ตอนที่ ๘๖๒

    ที่มูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา

    วันอาทิตย์ที่ ๔ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๖


    อ.ธิดารัตน์ คุณวิชัยค่ะความไม่รู้นะคะ เป็นปัจจัยให้ทำอะไรได้บ้างคะจบ ในชุดประจำวันเพราะว่าเยอะมาก ก็อย่างที่ท่านอาจารย์ได้กล่าวเมื่อสักครู่นี้นะครับ ว่าชีวิตที่เป็นไปท่าตอนหลับสนิทเนี่ยก็เป็นจิตซึ่งเป็นผลของการเกิดดับสืบต่อกันคือเป็นภวังคจิตตามที่เราได้ศึกษามาขนาดนั้นนะครับ เป็นจิตชาติที่บาร์ซึ่งไม่มีอกุศลธรรมใดๆ เกิดร่วมเลย รวมถึงอภิชาด้วยแต่เมื่อลืมตาตื่นขึ้นในขณะที่จิตเป็นไปทากาวโดยละเอียดก็กล่าวถึงชวนใช่ไหมครับคือจิตที่เล่น เกิดดับสืบต่อซ้ำซ้ำกันโดยปกติก็เจ็บขนาดซึ่งขณะนี้ก็มีนะครับ ที่ชวนจิตนะครับ เกิดขึ้นเป็นไปแต่ว่าโดยปกติของผู้ที่ไม่ใช่พระฮั่นนะครับ จิตที่เป็นชาวนาจิตนั้นไม่เป็นอกุศลก็ต้องเป็นกุศลอย่างใดอย่างหนึ่ง ซึ่งแบบถ้าไม่ศึกษานะครับ ก็ไม่รู้เลยว่าแม้จิตรขณะนี้นะครับ เป็นจิตที่มีอกุศลจิตเกิดแล้วหรือมีกุศลจิตเกิดแล้วซึ่งปกติที่ประจำวันนะครับ จิตที่เป็นไปมีอะไรที่เป็นกุศลมากหรืออกุศลมากเพราะเห็นว่าถ้าเราพิจารณาถึง กุศลธรรมนะครับ ก็เป็นไปในทางเป็นไปในศีลหรือว่าเป็นไปในภาวนาที่กุศลที่จะเป็นไปแต่วันวันนึงมีโอกาสที่จะเป็นไปในทางศีลภาวนาไม่เทาไม่เป็นนะครับ จิตขณะนั้นก็เป็นไปด้วยอกุศลแต่ว่าอกุศลแต่ละขณะที่เกิดขึ้นนะครับ ก็มี เหตุปัจจัยที่จะให้ปรุงแต่งมีกำลังมากน้อยต่างกันบางครั้งก็เป็นไปด้วยการเป็นปกติในชีวิตจำวันรับประทานอาหารเดินไปทำกิจการงานต่างๆ ขณะนั้นเป็นจิตอะไรงั้นถ้าไม่เป็นผู้ที่ละเอียดในการศึกษานะครับ ก็รู้ว่าขณะนั้นนะครับ เป็นไปด้วยอกุศลจิต เพราะเหตุว่าขณะนั้นไม่ได้เป็นไปในทางหรือว่าศีลหรือภาวนาแต่อกุศลขนาดนั้นนะครับ เกิดขึ้นตามเหตุตามปัจจัยแต่ว่าไม่ได้เป็นการกลับล่วงทุจริตกรรมใดๆ แต่ก็ยังสะสมอยู่ยังเป็นพืชเชื่อที่จะให้อกุศลเกิดขึ้นในภายหลังดังนั้นถ้าพิจารณานะครับ ถึงอัพวิชาที่พระภูมิภาคกล่าวถึงว่า โดยอกุศลละมุนหรือว่าอกุศลเหตุมี๓อย่างคือโรพระอิศหรือว่าโลข้อมูลหนึ่งโทสะเหตุหรือว่าโทสะมูลหนึ่งโมหะเหตุโมหะมูลหนึ่งซึ่งอกุศลธรรมที่เกิดนะครับ คืออกุศลจิตทุกประเภทที่เกิดเนี่ยจะ เว้นจากมูลเหล่านี้ไม่ได้เธอคือโมหะมูลนะครับ แน่นอนต้องเกิดกับอกุศลจิตครับทุกประเภทไม่ว่เลยว่าจะเป็นโลค่ะโทสะนะคะ ส่วนอกุศลจิตประเภทโลว์คาร์มูลจิตนะครับ ก็ต้องมีโลภาเกิดร่วมด้วยต้องมีโมหะเกิดร่วมด้วย และประเภทที่เป็นโพสต์มูลจิตนะครับ ก็ต้องมีโทสะเกิดร่วมด้วย มีโมหะเกิดร่วมด้วยดังนั้นนะครับ ถ้าพิจารณาวันๆ นึงนะครับ เต็มใช่ไหมครับด้วยความไม่รู้ที่เป็นไปที่เป็นเหตุให้เป็นไปที่มีการกระทำเป็นไปทางกายทางวาจาต่างๆ ก็เพราะมีจิตแต่ว่าจิตที่เกิดนะครับ ด้วยการสะสมมาที่จะเป็นอกุศลมากกว่ากุศล ในชีวิตประจำวันดังนั้นภาพที่จะหน้านะครับ ว่าอกุศลมีมากแต่ว่าไม่มีบุคคลใดที่จะ๕มหรือบังคับไม่ให้เกิดได้เลยแต่ว่ามี อบรมเจริญนะคะ สามารถที่จะล่ะหรือว่าแบบอภิชาได้นะครับ เป็นสมุดเสกแต่ว่าไม่ใช่โดยง่ายเลย ถึงว่าวันๆ นึงซึ่งเต็มไปด้วยความไม่รู้เต็มไปด้วยโลภาเต็มไปด้วยโทสะโมจะห้องหมดไปหรือไม่มีเลยอย่างเงี้ยครับก็ไม่ใช่เป็นไกด์จะอบรมปัญญาซึ่งเป็นสภาพที่ดับอวิชาได้โดยง่ายเลยก็ต้องเป็นการอบรมในการละที่ยาวนาน ค่อยๆ รู้ขึ้นนั้นแม้ขณะที่ฟังอยู่ขนาดนี้ สิ่งที่กำลังปรากฏขณะนี้ ซึ่งก่อนที่ไม่ได้ฟังเนี่ยไม่รู้เลยใช่ไหมครับว่าเป็นสภาพธรรมะที่กำลังมีจริงๆ แต่แม่ฟังอยู่ เริ่มมีความเข้าใจขึ้นจากคำที่ได้ยินได้ฟังถึงสิ่งที่กำลังมีในขณะนี้แต่ก็ไม่ใช่เป็นความรู้ที่รู้ตรงลักษณะของสิ่งที่มี นะปัญญานะครับ แม้จะกล่าวอยู่แต่ก็ยังไม่มีเหตุปัจจัยที่จะห้อยรู้หรือว่าถึงลักษณะของสิ่งที่กำลังมีในขณะนี้แต่ว่าเมื่ออบรมมากขึ้นนะครับ เหตุปัจจัยถึงนะครับ การที่จะให้ความรู้เกิดความรู้ปัญญาที่จะรู้ในลักษณะของธรรมะก็เกิดได้ก็มีได้ตามเหตุตามปัจจัย กราฟเดือนท่านอาจารย์กับมหัโทษมากคลายช้า ถ้าเหตุบารมีมากใช่ไหมคะแล้วอยากด้วยแฉกแล้วก็เกิดกับอกุศลทุกประเภทเนื่องจะให้ใคร ต์ใครที่โกรธยังมีโอกาสที่จะหายได้ ความโกรธไม่เสร็จ แต่โมโหแอดก็ยังเป็นปัจจัยต่อไปนี้ใครโกรธทั้งวันทั้งคืนบ้าง ไม่มีนะคะ โกรธ และก็มีเรื่องอื่นที่ทำให้ไม่โกรธนะคะ แต่ว่าไม่ว่าจะโกรธหรือไม่โกรธถ้าเป็นอกุศล และก็ต้องมีอวิชาเกิดร่วมด้วยโมหะเกิดร่วมด้วย เพราะฉะนั้นขอหยุดโกรธอะไรเกิดคะโนพระเกิด แต่ไม่ว่าจะโกรธหรือหยุดโกรธอวิชากซิ ถ้าใช่ค่ะเอาวิชาเนี่ยเป็นเหตุให้ทำกุศลกรรมอยู่พอเข้าใจได้ว่าเพราะไม่รู้จึงโลกเพราะไม่รู้จริงโครตแต่ถ้าเอาวิชาเป็นปัจจัยให้ทำกุศลกรรม เข้าใจยากอ่ะถ้าจะขอความกรุณาว่าเป็น ค่ะขณะนี้เป็นกุศลที่กำลังฟังธรรมะนะคะ โหมดอวิชาหรือยัง ขณะที่กำลังฟังธรรมะยาก เพราะฉะนั้นถ้าจะศึกษาโดยปัจจัย พอที่จะทำให้เข้าใจได้อีกปัจจัยคือสภาพธรรมะที่เป็นสิ่งที่ทำให้สภาพกลับมาอีกอย่างนึงเกิดสนับสนุนเรียกว่า เพราะฉันได้ยินคำ ตามนั้นนะคะ สิ่งนั้นเป็นแบบใจหรือว่าเป็นสิ่งที่ปัจจัยปรุงแต่ง เช่นในขณะที่ขณะนี้นะคะ อวิชาไม่ได้หายไปไหนเลยขณะใดก็ตามที่มีอกุศลเกิดขึ้น แต่ว่านะคะ ขณะใดที่กุศลวิชาไปไหนหรือว่าอยู่ที่มาสภาพธรรมะใดๆ ก็ตามนะคะ ที่เกิดแล้วแม่ดับไฟ โดยฐานะที่เกิดแล้วเป็นแล้ว แม่ดับไปมั้ยคะแต่เชื่อพืชของความเป็นธรรมะนั้นยังอยู่กับสืบต่อในจุดนี้ เพราะฉะนั้นเพชรเกิดกรูดในขณะ หมดไม่เคยขนาดนั้นแต่ว่าพอซาบซึ้งเกิดแล้วนะคะ แม่ดับไปแล้วก็เป็นปัจจัยที่สะสมอยู่ในจิตที่จะทำให้ อีก สมบูรณ์สุขนิยมมาที่มีแรงเกิดแล้ว ชวนสะสม๑๐ตอยู่ในจิตในการใช้คำว่าอาจจะถูกอัดลิตรแสยะกับใจนิตย ๔นะคะ อาจจะตัดอื่นธรรมะที่เกิดแรง ไม่ใช่พูดอะไรที่เกิดแล้วแม่ดับไปแล้วเนี่ยนะคะ ก็เป็นที่อาศัยสะสมอยู่ในจิตที่จะทำให้สภาพธรรมะนั้นเกิดอีก เพราะฉะนั้นเวลาที่กุศลเกิดขึ้นไม่มี โมหเจตสิกหรือวิชาเกิดร่วมด้วยก็จริงนะคะ แต่อวิชา และโมหะที่เคยเกิดแล้วมานานแสนนานเราก็ยังเป็นปัจจัยหนึ่งนะคะ ที่ยังมีอยู่โดยเป็นประตูปะริสสะยะปัจจัยแต่ว่าในขณะนั้นนะคะ เราจะเห็นความต่างของปัจจัยโดยละเอียดเนี่ยยากมาก เกรซว่าบางคนนะคะ ทำกุศลเพราะกุศลไม่ได้หายไปไหนเลยอกุศลที่สะสมแล้ว เพราะฉะนั้นขณะนั้นที่เป็นกุศลอันวิชาไม่เกิดมีจริงแปลว่าเพราะอวิชาที่สะสมมาที่ไม่รู้ก็ทำให้มีความยินดีต้องการที่จะ สอนได้โดยหวังผลก็ได้ใช่ไหมคะว่าถ้าทำกุศลอย่างนี้ผลของกุศลจะเป็นอะไรจะได้เกิดในสวรรค์จะรูปงามจะมีทรัพย์สมบัติอะไรก็นะแต่ที่เป็นผลทางฝ่ายดีของธรรมะฝ่ายดีแต่ว่าก็ยังมีอวิชาความไม่รู้นั่นแหละเป็นเหตุแต่ไม่ใช่โดยการเกิดร่วมกันในขณะนั้นนะคะ แต่เป็นพื้นฐานที่สะสมมาที่ไม่ได้หายไปไหนแต่เป็นพื้นที่จะทำให้เมื่อขณะนั้นเพราะไม่รู้จึงมีความติดข้องเมื่อมีความติดข้องแม่ทำกุศลก็ยังมีความติดข้อง เพราะฉะนั้นในขณะที่มีความติดข้องก็มีความไม่รู้อยู่ด้วย เพราะฉะนั้นอกุศลทั้งหลายนะคะ และอวิชาเนี่ยก็เป็นรินเป็นสาธารณะเหตุไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นทั้งนั้นที่เป็นฝ่ายกุศลอกุศลก็มีอวิชชาหรือความไม่รู้นั่นแหละเป็นเหตุ สาขานั่นหมายความว่า จะทำกุศลกรรม ยังต้องมีอะไรที่เอาวิชาที่สะสมอยู่หากเป็นปัจจัยไม่ใช่โดยเหอะปัจจัยแต่โดยสัจจะตูฟัดเดือดใส่ขอบใจ ต์ถ้าไม่มีหิริโอตตัปปะที่รู้ว่าไม่รู้เนี่ยก็จะไม่ศึกษา แต่เมื่อมีความละอายความเกรงกลัวต่อความไม่รู้ว่ามาศึกษา ในตรงนี้จะเป็นเพราะว่ามีวิชาเป็นปัจจัยใคร และคณะผู้ศึกษา ก็ยังมีความเป็นตัวตนครับถูกต้องค่ะ เพราะฉะนั้นกิเลสที่จะตั้งแบบก่อนนะคะ ซึ่งเป็นโทษนะ ต์ซึ่งไม่ได้เป็นยังรู้เลยประยุทธ์ถึงที่ ซ์ซ์ แจงคิดถึงศาลไม่พูดอยู่แล้ว อาจารย์ครับคือไม่เข้าใจว่าเป็นไปเพื่อวิวรรธแล้วทำไม๙ว่าเป็นกุศล และอกุศลเพราะถ้าผมซ่อนอาวุธก่อนมันจะต้องได้รับผลวิบากขอศาล๑๐ ค่ะเดี๋ยวนี้อวิชามีไหมคะ น้ำอยู่เต็มเลยครับกรรมแรงเป็นอารมณ์ของจิตเพราะจิตกำลังรู้ลักษณะของอวิชารึเปล่า เห็นไหมคะ ทำไมเป็นเรื่องที่ต้องค่อยๆ ฟังแล้วค่อยๆ เข้าใจสิ่งที่กำลัง ไม่ว่าจะกล่าวถึงอะไรก็ตามนะคะ เข้าใจสิ่งที่กำลัง เพราะฉะนั้นรู้ว่าวิชามีแน่นอน แม้เวลาที่เกิดกับอกุศลก็เป็นหิวจูข้องใจเผื่อว่าสภาพของธรรมะซึ่งเป็นเหตุที่จะให้ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นกุศล และอกุศลด้วยนะค่ะไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตามทุกข์จะศึกษาต่อไปโดยประโยชน์ และก็จะขาดเหตุ๖ไหม ออกมาถ้าโดยละเอียดก็จะรู้ว่าขนาดไหนมีเจตสิกซึ่งเป็นเหตุเกิดร่วมด้วย และคณะในหมู่เจตสิกซึ่งเป็นเหตุเกิดรู้ เราไม่รู้ใช่ไหมคะเราจึงฝัน ณเวลาฟังนะคะ เราก็สามารถที่จะเข้าใจเรื่องราวของสิ่งที่กำลังฟังแต่ว่าเรารู้สิ่งที่ ซึ่งเป็นสิ่งที่ฟังเป็นเรื่องราวของสิ่งนั้นหรือเปล่าเช่นเวลาที่เราพูดถึงวิชา เราไม่ได้พูดถึงสิ่งที่ไม่มีใช่ไหมคะแล้วทั้งๆ ที่แอพวิชาก็มีแล้วขนาดนั้นน่ะจิตกำลังรู้ลักษณะของอวิชาหรือว่าโมหเจตสิกหรือเปล่า ผ่านเจตสิกไม่ได้เป็นอารมณ์ของจิตจึงไม่ใช้อารมณ์นะปัจจัย พระเอกก็เอาวิชา และก็เวลาที่เป็นปัจจัยนะคะ ก็จะมีอารมณ์นะปัจจัยในขณะที่กำลังเข้าใจธาตุซึ่งไม่รู้อะไรเลยในขณะนั้น เพราะฉะนั้นด้วยสติสัมปชัญญะก็จะปรากฏว่ามีลักษณะของสิ่งที่ปรากฏแต่ละหนึ่ง และเมื่อเป็นสติสัมปชัญญะซึ่งชื่อ T ๔มีชื่อสติความสงบแต่เป็นขณะที่ขณะนั้นเป็นกุศลอีกประเภทนึงนะคะ ซึ่งกำลังเริ่มเข้าใจถูกในลักษณะของสิ่งที่ปรากฏ เพราะฉะนั้นในขณะนี้แม้อวิชามีแต่แอร์วิชากำลังเป็นอารมณ์ของจิตที่กำลังเข้าใจลักษณะของโมหเจตสิกรึเปล่า เป็นสิ่งที่ดู นี่ไม่ได้ถนัดที สนใจธรรมะทำกุศลต่างๆ ทั้งหมดเนี่ยอวิชาโหมดรึเปล่ายังมีเพราะการสะสมเป็นปกติ พี่เป็นอกุศลไม่ว่าจะเป็นโรภาสหรือโทรสารหรือแม้ว่ามีแนวผ้าถุง ศูนย์๔ ต์ที่จะเกิดกับจิตหลากหลายเกิด และก็ดับสืบต่ออย่างเร็วมากสะสมจนประมาณไม่ได้ว่าขณะนี้ค่ะแต่ละคนแนะสะสม๗๐ได้มาใหม่ ส่วนกุศล มามากน้อยแค่ไหนแต่กำลังฟังให้เข้าใจว่าตราบใดที่แม้เป็นกุศลเกิดขึ้นแต่ก็ยังไม่หมดความเป็นอวิชาสาเหตุ และยังไม่เข้าใจลักษณะของกุศลนั้นว่าไม่ใช่ตัวตนเป็นแต่เพียงสภาพธรรมะชนิดหนึ่ง เพราะฉะนั้นในขณะที่ไม่รู้ไม่เข้าใจ ขนาดนั้นนะคะ เพราะบัตรกับตู้ปันนิตย นิตยที่อาศัย ที่มีกำลังสิ่งที่ได้เกิดแล้วคือปกติ คือซิ้งค์ว่าสิ่งที่เคยเกิดแล้วนะคะ กลับแล้วไม่สูญหายสะสมอยู่ในจิตเป็นรูปเชื่อที่จะทำ สักครู่คงมาเน้นกู้หรือถึงแม้ไม่ผูกนะคะ แต่ก็ วิชาอยู่วิชาจะเป็นสาว สำหรับทุกอย่างที่กลับไปที่ยังไม่ดับวิชา เราจะไปอันนี้ไหมคะถ้าไม่ศึกษา เพราะฉะนั้นเมื่อศึกษาแล้วจะมีอวิชชาหรือโมหเจตสิกเป็นอารมณ์นะปัจจัยใดใหม่ก็ยัง ไม่ใช่เจ้าเพียงแต่เข้าใจคือเข้าใจขึ้นทีละเล็ก แม้แต่สิ่งที่เกิดแล้วปรากฏแล้วกำลังเป็นอารมณ์ของจิตก็ยังไม่ได้เห็นถูกตามความเป็นจริงของสิ่งนั้นแล้วจะไปค้างเจอแต่มิใช่เป็นปัจจัย สังขารคือท่านกุศลธรรมกุศลจิต และอกุศลจิตประเภทเป็นไปได้ อย่างที่ทรงแสดงไว้ชาวแสดงความเห็นปัจจัยหลากหลายว่าไม่ใช่เป็นแต่เฉพาะเหตุปัจจัยนะคะ แต่ก็ยังเป็นปกติพาณิชยปัจจัย และก็เป็นอารมณ์มัน และปัจจัยได้ด้วย สำหรับอวิชา กับอาจารย์เดียว๓ข้อหนึ่งคือว่าพระโสดาบันซึ่งละศักยพิจิกไม่มีตัวตนแล้วก็ไม้พะโสดาบันยังมีอาวุธชาย ถ้าโสดาบันดับอกุศลโหมดรึเปล่า ก็ยังไม่หมดครับ เพราะฉะนั้นถ้าไม่มีอวิชชาอกุศลเกิดได้ไหม ค่ะ เพราะฉะนั้นก็ยังมีเอาวิชาซึ่งยังเกิดกับหนูผ้าขาวศาสตร์นะคะ แต่ว่าไม่มีแอร์วิชาซึ่งเกิดกับความเห็นผิด เป็นเราค่ะที่มีความเห็นแต่ครบด้วย เคยเอาวิชามันจะมีเป็นหลายๆ ขั้นหลายๆ ชั้นนะครับ ค่าเราฟังบ้าง เข้าใจว่าเรื่องกรรมผลของกรรมอันนี้ก็ลาวิชัย คนละสีรักกันดีละกัน จนกว่าจะเข้าถึงนะคะ จะเกิดถ้ายังไม่รู้อวิชาที่เกิด ซึ่งไม่ใช่ทางมาเอก แต่ว่าฟังแล้วก็ไม่เข้าใจว่าขณะที่มีปัญญาเนี่ยมีปัญญาประกอบด้วยนายจิเนียร์ ปัญญามีหลายระดับนะคะ เดี๋ยวนี้เป็น สติปัฎฐานหรือเป็นปฏิบัติหรือเปล่า ก็เห็นว่าปริญาตหมายความถึงความเข้าใจธรรมะคือสิ่งที่กำลังปรากฏจากการฟัง และก็ไตร่ตรองจนกระทั่งเป็นความเข้าใจเรื่องราวของสิ่งที่มีจริงที่กำลังปรากฏไหนคะ หวังเห็นเนื้อสัตว์มีกำลังฟังเรื่องเห็นเห็นไม่ใช่เราเห็นเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัยแล้วก็ดับไป เพิ่งเห็นแล้วดับแล้วก็ไม่กลับมาอีก และก็มีปัจจัยหลายอย่างที่ทำให้เห็นเกิดขึ้นนะคะ พอจะเห็นว่าเห็นขณะนี้ไม่ใช่เราเห็น ต์แต่สภาพธรรมะที่กำลังเห็นจริงๆ นะคะ แต่สิ่งที่ดำเนินการกฏให้เห็นเป็นเพียงชาติรู้ต้องไปหาที่ไหนไหมคะไม่ต้องครับต้องไปทำอะไรให้เกิดความเข้าใจธาตุรู้มั้ยคะทำไม่ได้ใช่ไหมคะแต่จากการฟัง ก็ไม่ต้องไปหาธาตุรู้เพราะธาตุรู้กำลังเกิดแต่เพราะไม่เข้าใจต่างหากสะสมอวิชามันนานมากนะคะ แม้จะได้ยินได้ฟังว่าขณะนี้ไม่มีแล้วแต่สิ่งที่มีจริงคือสิ่งที่ปรากฏให้เห็น และสิ่งที่ปรากฏให้เห็นในขณะนี้จะปรากฎได้ก็ต่อเมื่อท่านรู้ ฟังอย่างนี้ค่ะแต่ในขณะนี้ก็ยังไม่รู้จักพลาดรู้ซึ่งไม่ใช่เรา และก็กำลังเห็ด เพราะฉะนั้นขณะที่ค่อยๆ เข้าใจขึ้นนะคะ เป็นปริยัติแล้วขณะหลายล่ะที่เป็นปฏิบัติคือขณะที่กำลังเริ่มเข้าใจธาตุที่เห็น โดยไม่ต้องไปแสวงหาไม่ต้องไปทำอะไรเลยนะคะ แต่เห็นอย่างนี้ และเราก็รู้ว่าไม่มีรูปร่างไม่มีอะไรเลยความจริงก็เหมือนกับว่าถูกเอาวิชาฉากท่าไว้นะคะ มิดเลย ไม่เห็นเลยว่าถ้าเห็นก็คืออย่างนี้ธรรมดาอย่างนี้นะคะ แต่เพราะไม่เคยรู้อย่างนี้ก็ไปพยายามมากมายเหลือเกินที่จะไปรู้ถ้าที่กำลังเห็นในขณะนี้ เพราะฉะนั้นเมื่อไหร่ เข้าใจถูกต้องวัดไม่ต้องทำอะไรเพราะว่าถ้าเห็นเกิดตามเหตุปัจจัยแล้วก็ดับไปเร็วมากแต่มีนิมิตตะให้รู้ว่าเห็นคืออย่างนี้ไม่ใช่สิ่งที่กำลังปรากฏให้เห็นค่อยๆ เข้าใจขึ้นทีละเล็กที่ละน้อยนะคะ ขณะนั้นคุณภัทรวัฒน์คิดถึงเรื่องอื่นหรือเปล่า ตอนนี้ไม่ได้คิดครับแล้วกำลังรู้ และเข้าใจลักษณะเห็นเดี๋ยวนี้หรือเปล่า ก็ขอข้าวสารครับเพราะฉันพอเข้าใจเป็นปริยัติถูกต้องไหมคะแล้วก็ขณะนั้นนะคะ ที่เมื่อไหร่ที่เริ่ม เข้าใจ ไม่เห็นยากนี่แหละก็เป็นธรรมะสิ่งที่มีจริงอย่างหนึ่งเหมือนสิ่งที่ปรากฏให้เห็นทีละเล็กทีละน้อยในขณะนั้นก็ถือว่าปฏิบัติเพราะว่าวิตรรกก็ไม่ไปคิดถึงเรื่องอื่นเลยใช่มั๊ยคะเสียงก็มีแข็งก็มีแต่ขนาดนั้นไม่ได้คิดถึงสิ่งที่ ต่างจากเห็นที่กำลังปรากฏเป็นเหตุ เพราะฉะนั้นขณะใดที่เริ่มเห็น และก็เข้าใจเห็นรู้ไวเห็นมีจริงๆ ซึ่งเดี๋ยวนี้กำลังเห็นนั้นคือปฏิบัติ ระลึกว่าด้วยเหตุผลว่าเอแล้วจิตมันก็เกิดจากทุกขนาดนั้นก็คือตัวตนแล้วค่ะพ่อจิตดับทุกข์กระดาษแบบไม่ได้กำลังเข้าใจเห็นหรือว่าไม่ใช่ขณะที่กำลังเข้าใจสิ่งที่มีลักษณะจริงกำลัง คิดไปได้ใช่ไหมคะครับไม่ได้ครับแต่เข้าใจไหมว่าคิดก็เป็นคิดไม่ใช่เห็น ไม่เข้าใจใช่ไหมคะ ก็สั่งต่อไป ค่ะลักษณะของอวิชาหรือว่าโมหะด้วยนะคะ ปกปิดไม่ให้รู้ลักษณะของสภาพธรรมะตามความเป็นจริง เพราะฉะนั้นตราบใดนะคะ ที่ยังไม่รู้ลักษณะสภาพธรรมะตามความเป็นจริงนะคะ ก็มีอวิชาปกปิด แล้วสภาพของวิชานะคะ ถึงจะรู้เปิดเผยลักษณะของธรรมะตามความเป็นจริง อาจารย์คะขอความเข้าใจเกี่ยวกับการมีมองหาเป็นอารมณ์มาก เดี๋ยวนี้มีอะไรเป็นแอร์รอดขณะเห็นมีอะไรเป็นอารมณ์ เป็นอารมณ์ ขณะเห็นจิตเห็นมีอะไรเป็นอารมณ์ มีสิ่งที่ปรากฏให้เห็นเป็นอารมณ์นะคะ ขณะที่จิตได้ยินเกิดขึ้นมีอะไรเป็นอารมณ์ เสียงอ่ะแบบใดคลิป ขณะลิ้มรสหนีรอดขณะที่กำลังกระทบสัมผัสก็มีเย็นร้อนอ่อนแข็งกันไว้เป็นอารมณ์ค่ะไม่มีโมหะเป็นอารมณ์ใช่ ไม่มีตังค์มันของนะคะ ว่าเห็นเกิดขึ้นจะมีอย่างอื่นเป็นอารมณ์ไม่ได้เลยนอกจากสิ่งนี้ที่กำลังถูกเห็น ไม่ต้องเลือกอะไรเลยทั้งสิ้น และเวลาที่ได้ยินเสียงเท่านั้นที่ปรากฏอย่างอื่นไม่มีเลย เพราะฉะนั้นขนาดนั้นที่ใช้คำว่าเสียงเป็นอารมณ์ก็เพราะเหตุว่าจิตเกิดขึ้นได้ยินเสียงดังเฉพาะเสียงนั้นเท่านั้นที่เป็นอารมณ์ของจิตที่เกิดขึ้นได้ยินว่าต้องได้ยินเสียงเผชิญภัยระวังขณะที่เห็นได้ยินได้กลิ่นลิ้มรสรู้สึกที่กระทบสัมผัสไม่มีโมหะ ลิขสิทธิ์เป็นอารมณ์ ถูกต้องมั้ยคะเพราะจิตเห็นต้องมีสีที่ปรากฏกัน ไม่ใช่อย่างอื่น เวลาคิดเลขเราคะมีอะไรเป็นอารมณ์ อย่างที่คิดนะคะ แล้วจะไปมีโมหะเป็นอารมณ์ไม่ได้ ถ้าเห็นว่าเป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใดแล้วไม่รู้ความจริงของสภาพธรรมะขณะนั้นก็มีมองหาเป็นอารมณ์ไม่ใช่เลยค่ะมีคลิปนึกค่ะมีเรื่องราวที่จำได้ เพราะคิดอะไรก็ด้วยกันจำในสิ่งนั้นถ้าไม่จำสิ่งนั้นก็คิดสิ่งนั้นไม่ได้ บิวนี่นะคะ สิ่งที่กำลังปรากฏทางตาเป็นอารมณ์ของจิตเห็น ถ้าสามารถที่จะเข้าใจถูกต้องว่าสิ่งนี้ไม่ใช่คนไม่ใช่สัตว์เป็นเพียงสิ่งที่ปรากฏให้เห็นเท่านั้นเองฉะนั้นจึงจะกล่าวได้ว่ามีรูปารบหรือรูปที่สามารถกระทบตาเท่านั้นปรากฏเป็นอารมณ์ เพราะฉะนั้นในขณะนี้นะคะ รอพลาดก็มี โมหะก็มีหิริกะก็มีแอนดป่ะก็มีอกุศลเมเท่าที่มีปัจจัยปรุงแต่งเกิดขึ้นแล้วจะรู้อะไร เวลาเราถ้าเกิดบางครั้งก็จะทราบว่ามีโรพระ ค่ะแต่ใครรู้ล่ะคะ โดนค่ะเป็นเรารู้ไม่ใช่กำไรมีโล่ ที่ปรากฏว่าไม่ใช่เรา จึงจะชื่อว่ามีโลภาเป็น


    ฟังธรรมจากหัวข้อย่อย

    หมายเลข 193
    29 ม.ค. 2567

    ซีดีแนะนำ