พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 863


    ข้อความนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบแก้ไข

    ตอนที่ ๘๖๓

    ที่มูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา

    วันที่ ๑๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๖


    เวลาเราพลาดเกิดบางครั้งก็จะทราบว่ามีโรพระ แต่ใครรู้ล่ะคะ เป็นข่าวโดนค่ะเป็นราวรู้ไม่ใช่ ปรากฎว่าไม่ใช่เหรอ จึงจะเชื่อว่ามีโลก ฉันได้นะคะ โมหะก็ฉันนะ ดังนั้นจริงๆ แล้วโมหะมีตลอดเวลาก็ไม่สามารถที่จะรู้โลหะต้องเข้าใจคำว่าอารมณ์ค่ะหมายความว่าถ้ารู้เกิดขึ้นรู้สิ่งหนึ่งสิ่งใดสิ่งเดียวที่ขาดรู้นั่นรู้สิ่งนั้นเป็นอารมณ์ จิตเกิดขึ้นเป็นธาตุรู้สิ่งหนึ่งสิ่งใดสิ่งที่กำลังถูกจริตรู้เฉพาะสิ่งนั้นสิ่งเดียว เพราะฉะนั้นในขณะนี้นะคะ กำลังเห็นเนี่ยอย่างอื่นจะเป็นอารมณ์ของจิตเห็นไม่ได้เลย ขณะที่ได้ยินนะคะ เสียงเท่านั้นเป็นอารมณ์ของจิตได้ยินแม้เสียงอื่นๆ ก็เป็นอารมณ์ของจิตได้ยินขนาดนั้นไม่ได้ต้องเฉพาะเสียงที่จิตนั้นได้ยินเท่านั้นที่เป็นอารมณ์ของจิต เพราะฉะนั้นจริงๆ แล้วนะคะ ใครมีโลภาเป็นอารมณ์บ้าง ใครมีโทรศัพท์เป็นอารมณ์บ้างหรือว่าแค่คิดเรื่องนั้นเท่านั้นเอง แต่ไม่ใช่มีลักษณะที่เป็นธรรมะไม่ใช่คนไม่ใช่สัตว์เตอร์แต่ลักษณะนั้นปรากฏโดยความเป็นธรรมะจึงจะขนาดนั้นเป็นอารมณ์ของจิตนั้นได้ ถ้าจะกล่าวว่าโรคพาร์เป็นอารมณ์โทสะเป็นอารมณ์ขณะนั้นต้องไม่มีอะไรเลยทั้งสิ้นนอกจากเฉพาะเท่านั้นที่กำลังปรากฏให้จิตกำลังเข้าใจถูกว่าเป็นธาตุนั้นไม่ใช่ทาสอีกขณะนั้นจึงจะกล่าวได้ว่าเป็นอารมณ์ เพราะฉะนั้นวันนึงวันนึงมีโลภาเป็นอารมณ์บ้างหรือเปล่าคะ หรือเพียงคิดเรื่องคลิปชื่อของหนู เพียงคิดค่ะ วันนึงวันนึงมีแข็งเป็นอารมณ์ได้ไม่บ้างไหม บ่อยไหม คำถามเป็นคำตอบไปในตัวนะคะ ได้ไหมคือใดบ้างไม่ถึงบ้านบ่อยมั้ยก็แล้วแต่ใช่ไหมคะ เพราะฉะนั้นก็ต้องแสดงให้เห็นจริงๆ ว่าฉะนั้นอะไรจริงๆ ที่เป็น แข็งเป็นอารมณ์ถูกต้องไหมคะ แล้วรู้ความจริงของแข็งว่ากำลังมีแข็งเป็นอารมณ์หรือว่ากำลังโต๊ะแข็ง ช้อนส้อมแข็ง ไม่ต่างกันแล้วใช่ไหมคะ เพราะฉะนั้นขณะใดก็ตามที่จะกล่าวว่ามีสิ่งใดเป็นอารมณ์ นะคะ ตามปกติธรรมดาใครบ้างที่ไม่รู้แข็ง เพราะฉะนั้นขณะนั้นแข็งเป็นอารมณ์ของจิต ซึ่งอาศัยกายะภาษาไทยเกิดขึ้นจึงรู้สิ่งที่กระทบกาย และภาษาไทยได้ และดับไปเร็วมากเลยค่ะ จะกล่าวว่าเรารู้แข็งจริงๆ ขนาดในขณะที่แขนกำลังปรากฏสร้างมากขณะเดียวกายวิญญาณขณะเดียวแล้วก็มีจิตเกิดสืบต่อนะคะ จนกว่าแข็งซึ่งมีอายุ๑๗ขณะดับไปซึ่งก็เร็วมากจะกล่าววัฒนะนั้นมีแข็งเป็นอารมณ์หรือว่าผ่านไปโดยเข้าใจว่าแข็งเป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใดแต่แม้กระนั้นนะคะ แข็งเป็นสิ่งที่มีจริง ที่จะรู้ใครได้ก็มีคือกาย และวิญญาณแต่ไม่มีความเห็นถูก ที่จะรู้ว่าแข็งเป็นเพียงธรรมะไม่ใช่เราไม่ใช่สิ่งหนึ่งสิ่งใด ก็ต้องเป็นความละเอียดนะคะ ที่จะต้องเข้าใจให้ถูกต้องสภาพธรรมะนี้ปรากฏกับจิตซึ่งเป็นใหญ่เป็นประธานในการรู้แต่ว่าเกิดกับปัญญาหรือเปล่าเกิดกับสติหรือเปล่า แข็งเป็นอารมณ์ของสติหรือเปล่าเป็น ถ้าฉันครับถ้าพูดถึงการเกิดมาเป็นมนุษย์เนี่ยครับซึ่งการกำเนิดเนี่ยก็มีหลายอย่างนะครับ ซึ่งภูมิภาคก็ทรงแสดงไว้แต่สลับกันเกิดเป็นมนุษย์เนี่ยแน่นอนคือต้องมีอาศัยบิดามารดานะครับ ซึ่งมีอุปการะคุณมากนะครับ ต่อบุตรแต่ว่าก็ทรงแสดงนะครับ ว่าการเกิด ยังกล่าวถึงโดยปรมัตถ์กระทำคือการเกิดคือเป็นจิตที่เกิดขึ้นรวมถึงทำให้อื่นด้วยนะครับ ที่จะใช้คำว่าสัมพุทธรรมรวม แปลกขึ้น ยังไงยังไงก็ไม่รู้ขนาดแรกที่เกิดแน่นอนนะคะ แต่ว่าเมื่อจิตเกิดแล้วนะคะ จิตเป็นสภาพที่ทันทีที่ดับไฟก็เป็นปัจจัยให้จิตขณะต่อไปเกิดสืบต่อ เพราะฉะนั้นทุกคนก็ทราบว่านะคะ ที่ตรงนี้ต้องมีปฏิสนธิจิต แต่ถึงแม้ว่าเกิดมาเป็นเด็กเล็กๆ ก็ไม่มีทางที่จะรู้ว่าปฏิสนธิจิตเกิดแล้วเพราะว่ายังไม่รู้เรื่องราวใดๆ ทั้งสิ้นแต่สำหรับผู้ที่รู้เรื่องก็รู้นะคะ ว่าเรามีการเกิดแต่เข้าใจว่าเป็นเราแท้ที่จริงแล้วสิ่งที่เกิดเนี่ยคือ ไม่มีใครสามารถที่จะเข้าใจสภาพธรรมะลักษณะที่ ประวัติตอนนั้นน่ะใครๆ ก็รู้ไม่ได้หรือถึงแม้เวลาผ่านมานานแสนนานก็ยังไม่ได้เข้าใจสภาพธรรมะที่ กฤตแรกที่เกิดขึ้นในโลกนี้ทำให้มีสภาพของธรรมะคือจิต และเจตสิกนะคะ ซึ่งบางท่านที่เคยฟังธรรมะแล้วก็ทราบว่าสภาพธรรมะทั้งหมดนะคะ จะเกิดอาบน้ำทางไม่ได้เลย เพราะฉะนั้นแม้แต่เพียงพูดธรรมะคำเดียวก็จะแสดงถึงสภาพธรรมะอื่นๆ ที่เกิดร่วมด้วย แต่ว่าขณะนั้นนะขณะที่จิตเกิดขึ้นที่คุณวิชัยเพิ่งกล่าวนะคะ ไม่ได้มีแต่จิตมีเจตสิก และมีรูปเกิดด้วยแต่เราก็จะกล่าวเฉพาะแต่ละยะถากล่าวถึงเรื่องจิตเพราะมีปฏิสนธิจิตจึงทำให้จิตขนาดนี้เกิดเพราะเกิดสืบต่อมาจากปฏิสนธิจิตนั่นเอง ถ้าขณะนี้ไม่มีจิตสักขณะเดียวเท่านั้นค่ะมีชีวิตนะคะ ไม่มี เพราะฉะนั้นตราบใดที่จิตเกิดก็แสดงว่ายังมีชีวิต แต่ขณะใดก็ตามเส้นจิตไม่ได้เกิดในโลกนี้นะคะ หยุดเกิดก็แสดงว่าบุคคลนั้นสิ้นชีวิตหรือตายไประหว่างเกิดกับตาย และก็จะมีจิตที่เกิดดับสืบต่อดำรงภพชาตินะคะ แล้วก็ธรรมกิจของจิตค่ะเพราะว่า๗เกิด และก็จิตก็เกิดดับสืบต่อ ทำจิตจนกระทั่งถึงขนาดสุดท้าย แม้ขณะนี้ก็เป็นจิตที่กำลังเกิดจากสืบต่อ การที่กล่าวถึงเรื่องนี้ก็เพราะเหตุว่าถ้าไม่มีคำสอนของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้านะคะ อวิชชาความไม่รู้นะคะ ปกปิดความจริงตั้งแต่เกิดจนตาย ไม่มีทางที่ใครเกิดมาแล้วจะรู้ความจริงได้นะคะ ว่าขณะนี้ไม่มีเราแต่เป็นธรรมะทั้งหมดแต่ละอย่างแต่ละอย่างสภาพรู้ก็มีหลายหลากสภาพที่ไม่รู้ก็มีหลายลาดแต่ว่าทั้งหมดทั้งสภาพรู้ และที่ไม่ใช่สภาพรู้ก็ เพราะฉะนั้นจะเห็นได้ กว่าจะรู้ความจริง โอกาสได้ฟังพระธรรมเลยนะคะ สภาพธรรมะอย่างเดียวเนี่ยก็ถูกปกปิดไว้ด้วยความไม่รู้ หรือแม้ว่ากำลังเริ่มได้ยินได้ฟังนะคะ ก็ยังไม่มีการประจักษ์แจ้งความจริงของสภาพธรรมะตามที่ได้ทรงแสดงไว้ละเอียดยิ่ง จนกว่าจะค่อยๆ เข้าใจเมื่อไหร่เมื่อนั้นสิ่งที่อยู่ใต้ความมืดสนิทเพราะว่าอวิชชาด้วยค่ะปกปิดไว้ก็มีปัญญาที่ทำให้เริ่มเข้าใจความจริงของสิ่งที่กำลังมีในขณะนี้ตามความเป็นจริง นี่แสดงให้เห็นว่าความไม่รู้ความมืดสนิทของอวิชาด้วยค่ะไม่สามารถที่จะเข้าใจถูกเห็นถูกในสิ่งที่กำลังปรากฏแม้แต่จิตซึ่งมีใครรู้จิตขนาดนี้บ้างคะ ไม่มีทางเลยค่ะได้ยินชื่อแต่ก็ยังไม่ได้ประจักษ์ลักษณะของธาตุรู้ซึ่งเป็นใหญ่เป็นประธานในการรู้แจ้งสิ่งที่กำลัง เพราะฉะนั้นการฟังธรรมะเลยนะคะ ฟังเพื่อเข้าใจสู่เห็นถูกสะสมความเข้าใจถูกเห็นถูกเพื่ว่าไม่มีความเห็นถูกมากขึ้นนะคะ เมื่อไหร่ที่มีอะไรปรากฏก็ยังสามารถที่จะระลึกได้ และเข้าใจได้ว่าขณะนั้นเพราะมีธาตุรู้ซึ่งเป็นจิต ซึ่งเกิดขึ้นทำกิจการงานตั้งแต่เกิดจนตายแม้แต่คำว่าจิตคำเดียวนะคะ ให้เข้าใจจริงๆ แหละว่ามีแต่ทำไมไม่รู้ แล้วก็ยังไม่รู้ ด้วยใครรู้แล้วค่ะรู้แต่ชื่อใช่ไหมคะแต่เมื่อสิ่งนั้นมีจริงสามารถรู้ได้เพราะฉันก็มีความอดทนที่ว่าจะรู้ได้ต่อเมื่อเข้าใจยิ่งกว่านี้เพียงใดเริ่มฟังนิดนิดหน่อยหน่อยแล้วก็จิตก็กำลังดีนะคะ ก็ไม่สามารถที่จะประจักษ์ลักษณะของจิตได้จนกว่าจะฟัง ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับจิตเช่นหน้าที่การงานของจิต จิตเกิดขึ้นนะคะ ไม่ใช่เราเกิด จิตทำกิจกันงานไม่ใช่เราครับ เพราะฉะนั้นในขณะใดก็ตามที่ไม่รู้ความจริงก็เข้าใจว่าสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดนะคะ เป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใดแม้แต่เห็นขณะนี้เนี่ยก็เป็นเราเห็น ได้ยินก็เป็นเราได้ยินคิดก็เป็นเราได้ยินคิดก็เป็นเราคิด เพราะฉะนั้นทุกอย่าง ไม่รู้ความจริงก็ถูกปิดกั้น จนกว่าอาศัยการฟังซึ่งเป็นปริยัติ เพื่อทำพระพุทธพจน์ที่ทรงแสดงถึงสภาพธรรมะในขณะนี้โดยละเอียดยิบ จริงๆ มีความมั่นคงเข้าใจว่าขณะนี้ไม่มีล่ะ ท่านการฟังในขณะนี้เดี๋ยวนี้ก่อนนะคะ แต่ว่าความเป็นเราก็ยังไม่หมดไปแต่ก็ฟังอีกเรื่องความไม่มีเรามีแต่สิ่งที่กำลังปรากฏไหนคะ เป็นจิตเป็นเจตสิกเป็นรูปแรดขนาดนี้เราก็กำลังจะกล่าวถึงกิจของจิตวันนี้ทุกคนทำอะไรบ้างเห็นไหมคะตั้งแต่เช้ามาถึงจำไม่ได้ก็ทำ ถูกต้องไหมคะแต่ว่ากิจของจิตด้วยค่ะมีเพียง๑๔เกม ไม่ใช่มีใครเลยนะคะ เหมือนกับว่าเรามีหน้าที่เยอะแยะทำอะไรตั้งมากมายแต่ว่าตามความเป็นจริงแล้วก็เพราะจิตเกิดแล้วก็ทำหน้าที่ของจิตแต่ละหนึ่งจิต เวลาจนถึงในขณะนี้ เพราะฉะนั้นจึงควรอย่างยิ่งที่จะรู้ว่าจิตมีกิจอะไรบ้าง แล้วก็จิตได้ทำกิจใดบ้างเพราะไม่ใช่ว่าจิ๊ดนึงจะทำทั้ง๑๔คิดแต่แวะบ้านจิตทำได้หลายเกมส์ บางจิตทำได้เฉพาะกิจเดี๋ยวนี้ก็เป็นสิ่งซึ่งถ้าไม่มีการฟังนะคะ เราไม่สามารถที่จะเข้าใจเพราะเหตุว่าสภาพธรรมะเกิดดับอย่างเร็วมากแต่ว่าในขณะนี้ค่ะพอจะรู้กิจของจิตด้วยตัวเองได้ใช่ไหมคะขนาดนี้จิตทำผิดอะไร ภาษาไทยก็ได้ ไม่ใช่เรานะคะ เพราะฉะนั้นขณะนี้จิตทำกิจอะไร ทำกิจเห็นนี่แหละค่ะ เพราะฉะนั้นถึงแม้ว่าจะบอกสักเท่าไหร่ว่าขณะนี้ไม่ใช่ แต่จิตเกิดฮือ คิดเห็น มีคำที่แสดงให้รู้ว่าแค่จิตไม่เกิดไม่มีเฮ กว่าจะคุยกันงความยึดมั่นว่าเป็นเราในขณะที่เห็นออกได้ และไม่ต้องทำอะไรเลยทั้งสิ้นคงจะเข้าใจขึ้น มีผู้ถามไม่เข้าใจ และไม่สะสมความเข้าใจนะคะ ก็เพียงพูดต่อ ขณะนี้นะคะ จิ๊บเกิดขึ้น แต่ทุกคำมีความหมายในขณะที่กำลังเห็นเลยค่ะเริ่มเข้าใจเห็นขณะนี้นะคะ มีธาตุรู้เกิดขึ้นเหตุ ค่อยๆ สะสมความเข้าใจอย่างนี้นะคะ หนึ่งกิจ และใช่ไหมคะทั้งหมด๑๔คิดไม่มั้ง หนึ่ง๗นี้กำลังทำ และทำอยู่เรื่อยๆ นอกจากนี้มีจิตอะไรอีกคะ ได้ยิน ใครได้ยินค่ะ ไม่มีใครอีกต่อไปแล้วใช่ไหมคะศึกษาก็คือจิตนั่นแหละเกิดขึ้นได้ยิน เพราะฉะนั้นถ้ามีการไม่ลืมค่ะเพียงแค่ไม่ลืมในขณะที่กำลังได้ยินนะคะ ว่าขณะนี้ก็เป็นธาตุรู้ซึ่งเกิดขึ้นได้ยินแล้วก็ดับไป ก็จะค่อยๆ รู้แล้วใน และเป็นคนไหน และเป็นราวในเมื่อได้เข้าใจสภาพธรรมะละเอียดขึ้นทีละหนึ่งก็จะไม่มีเรา สองจิตแล้วนะคะ ๑๔กิจรู้สังเกต และอะไรอีกคะจิตเห็นจะใช้คำว่าจิตเกิดขึ้นทำทัสสนะกิจในภาษาบาลีก็ได้นะคะ ทัศนะทัศนาจรไปเห็นโน่นเห็นนี่เนี่ยค่ะก็คือจิตเกิดขึ้นทำทัศนคติเดี๋ยวนี้นะคะ แล้วก็ขณะใดที่ได้ยินขณะนั้นก็คือเจ็บ เกิดขึ้นทำสัตว์วนกิจเป็นภาษาบาลีค่ะไม่ตั้งใจก็ได้แต่ว่าให้รู้ว่าภาษาบาลีแชร์ เราก็ใช้ภาษาบาลีมากแต่ไม่ค่อยจะรู้ความหมายแล้วก็อาจจะใช้แค่ครึ่งไปนะคะ ถ้าชนะก็คือเห็นสวนะก็เคยได้ยิน เพราะฉะนั้นขณะนี้จิตเกิดขึ้นได้ยินเสียง บางลายขาว ตรงได้ยิน ได้ยินได้เลยค่ะคลิปจิตเกิดขึ้นได้ยินแถมสวคิด แต่ความจริงเลยค่ะกิจที่ได้กล่าวถึงแรกคือ๘ปีซ้อนที่เก็บ ภาษาบาลีต้องเอาสิว่าปฏิสนธิจิตนะคะ จิตขณะแรกขณะเดียวในหนึ่งชาติจะไม่มีจิตที่เกิดขึ้นทางปฏิสนธิไม่ใช่นั้นอีก เจ็บมาแล้วนะคะ ปฏิสนธิกิจ ทำกิจเศษต่อจากจุติจิตของชาติก่อน เราจะกล่าวถึงเรื่องของเกดนะคะ ไม่จำเป็นที่จะก้าวตามลำดับที่เข้าเรียนมาก็ได้ใช่ไหมคะแต่ว่าให้เข้าใจสิ่งที่เราสามารถที่จะเข้าใจได้สลับกันไปสลับกันมาก็ข เป็นการทดสอบว่าสามารถเข้าใจสิ่งที่ได้ยินได้ฟังแต่ละหนึ่ง ชัดเจน เช่นปฏิสนธิกิจจริตนี้เกิดขึ้นเพราะอะไร ถ้าได้ฟังนะคะ ที่ชินหูก็ถือว่าต้องมี เป็น จิตนี้เกิดขึ้นเป็นผลของการ อีกว่าใครจะรู้ค่ะว่าจิตในธรรมปฏิสนที่คิด แต่เกิดแล้วไหนคะทั้งๆ ที่เกิดแล้วก็ไม่รู้ว่าจิตประเภทไหนแต่ตามความเป็นจริงนะค่ะขนาดนั้นนะคะ ไม่มีการเห็นไม่มีการได้ยินไม่มีการได้กลิ่นไม่มีการรู้รสไม่มีการคิดเล็กแต่ได้สุขทุกข์ขณะนั้นนะคะ ก็ไม่ปรากฏเพราะเหตุว่าศพปรากฏทางกาย ก็ปรากฏทางกายแต่ว่าขณะที่เกิดคณะแรกจริงๆ ลองคิดถึงหนึ่งขณะจิต สร้าง และก็เล็กน้อยสักแค่ไหนแล้วก็ไม่มีอะไรที่จะปรากฎทางตาหูจมูกลิ้นไก่พระเอกว่าขณะนั้นมีแต่จิตขนาดหนึ่งซึ่งเพิ่ง เป็นบุคคลนี้ไม่ชาตินี้ เพราะฉะนั้นการเกิดไหนคะเท่าที่เราเห็นก็หลากหลายมากที่เกิดเป็นคนก็มีเป็นสัตว์เดรัจฉานก็มีเป็นคนพิการก็มีใช่ไหมคะแต่ว่าขณะที่เกิด และยังไม่มีการพิการที่จะปรากฎได้เพราะคิดถึงจิตหนึ่งขนาด ในส่วนที่เก็บ เหนื่อยค่ะคือการที่จะเข้าใจเรื่องกิจของจิตจริงๆ นะคะ สภาพธรรมะเกิดระดับ เพราะฉะนั้นปฏิสนธิจิตซึ่งเป็นผลของกรรมแหน่งแพทย์เป็นผลของกุศลกรรมก็เกิด เกิดเป็นผลของอุตสา๖รรมก็ไม่เป็นมนุษย์ ตามที่เราเห็นเป็นสัตว์เดรัจฉาน เพราะฉะนั้นเมื่อปฏิสนธิจิต ผลของการเกิดขึ้นขณะแรกดับไป กรรมก็ยังให้ผลต่อไปอีกคือไม่เพียงแต่ทำให้จิตเกิดขึ้นทำปฏิสนธิจิตสืบต่อจากจุติจิตของชาติก่อนนะคะ หนึ่งคณะหนึ่งจิตดับไป และกรรมก็ทำให้คณะต่อไปนะคะ ผลของกรรมจะคงมีต่อไป โดยเมื่อจิตขณะแรกคือปฏิสนธิจิตตะนะคะ เป็นปัจจัยให้จิตขณะต่อไปเกิด ทำภวังคกิจมาจากคำว่าภาวะกับอ่ะ ร่วมกัน V หยุดไม่มีการลิ้มรสใดๆ ทั้งสิ้นขอให้คิดถึงธาตุรู้ซึ่งเป็นผลของการที่ได้ทำแล้วนะคะ เกิดขึ้นหนึ่งขณะแล้วดับไปเป็นปัจจัยให้ผลของกรรมซึ่งจะต้องให้ผลอีก ในโรงบาลที่ยังไม่ตายในแคทเกิดสื่อ แต่ว่าไม่ได้ทำกิจปฏิสนธินะคะ เพราะเหตุว่าปฏิสนธิกิจต้องหลังจากที่จุติจิตของชาติก่อนดับไป และปฏิสนธิจึงเกิดได้ เพราะฉะนั้นเมื่อปฏิสนธิจิตขณะแรกซึ่งเป็นผลของกรรมขณะแรกดับเป็นปัจจัยให้คณะต่อไปยังคงเป็นผลของกรรมเดียวกันนั่นเอง เกิดขึ้นแต่ว่าไม่ได้ทำปฏิสนธิกิจแต่ทำเอาหวังกิจ เพราะฉะนั้นสอง๗นะคะ เต๋ากันหลังจากที่ปฏิสนธิกิจจิตที่ทำปฏิสนธิกิจหนักก็จะเป็นปัจจัยให้จิตขณะต่อไปทางภวังค์ธุรกิจสืบต่อทันทีไม่มีการเห็นไม่มีการได้ยินหรือคลิปในแดกแทรกคั่นได้ เพราะฉะนั้นหลังจากปฏิสนธิจิตดับไปแล้วนะคะ ก็เป็นเพราะว่า ไม่ยากเลยใช่ไหมคะถึงไม่รู้ก็เป็นอย่างนี้เวลางูเกิดมีปฏิสนธิจิตไหมคะดับไปแล้วเราไปเป็นอะไรคะขอวันเกิดเก็บ เพราะฉะนั้นนะคะ ปฏิสนธิจิตเกิดระหว่างอะไร ระหว่างจุติจิตของชาติก่อนกับภวังค์จิตซึ่งเป็นปฐมภวังค์แรกของชาตินี้เนี่ยค่ะถ้ามีความเข้าใจ และไม่ว่าจะไปอ่านตำราไหนหรือพระไตรปิฎกหรืออรรถกถาแพทย์กล่าวถึงนะคะ ว่าปฏิสนธิจิตอยู่ระหว่างจิตอะไร ระหว่างจุติจิตนะคะ จิตพอหวังไม่ได้มีขนาดเดียวเลยค่ะแม่เดี๋ยวนี้ก็มีภวังค์คั่นระหว่างที่ไม่มีจิตเห็นจิตได้ยินจิตได้กลิ่นจิตลิ้มรสจิตรู้ที่กระทบสัมผัสหรือคิดนึกเสียดายเลยทั้งเส้นต้องมีสภาพของจิตที่กรรมทำให้ดำรงภพชาติเกิดขึ้นทำภวังคกิจ ๑๐ต่อไป เพราะฉะนั้นจากเห็นจะเป็นได้ยินได้นะคะ ก็มีภวังคกิจค่ะเพราะว่าจะเห็น และได้ยินทันทีไม่ได้ เพราะฉะนั้นถ้าจะพิจารณาสภาพธรรมะไม่ใช่เรานะคะ ก็คือกระแสของภาวะ จึงเป็นผลของกรรมนะคะ เกิดสืบต่อนะคะ เกิดดับเกิดดับสืบต่อดำรงภพชาติยังไม่สิ้นสุดตราบใดที่กรรมยังไม่หมด และระหว่างภวังค์นั้นเองก็มีการเห็นค่าแล้วก็เป็นภวังค์ และก็มีการได้ยิน แล้วก็เป็นเพราะหวานแล้วก็มีจิตที่คิดนึกแขนสั้นมากแต่ละคณะด้วยค่ะยังทันปลาที่เห็นแนะไม่นานเลยดับภวังค์คั่นแล้วก็ถึงวาระที่จะได้ยินก็ไม่นานแล้วก็มีภวังค์คั่น เพราะฉะนั้นเดี๋ยวนี้เรารู้อะไร เราเข้าใจ แทบไม่ได้ฟังกลับมาแต่พอฟังธรรมะแล้วเริ่มเห็นว่าไม่มีราวนะคะ แต่เป็นเรื่องของธาตุรู้ซึ่งเป็นธรรมะซึ่งเกิดกับสิทธิ์ต่อทำให้เข้าใจว่ามี แต่ตามความจริงก็คือกระแสของครูอาจารย์ซึ่งเป็นคนของ ที่จะต้องดำรงความเป็นบุคคลนี้ไว้ยังไม่จากโลกนี้ไปเป็นบุคคลอีกแต่จะต้องเป็นบุคคลนี้เพราะระวังเกิดดับสืบต่อแล้วก็มีการเห็นคันต่อวัน และก็มีการได้ยินคันภวังค์มีการคิดนึกขันภวังค์ขณะที่เป็นภวังค์เลยค่ะโลกไม่ปรากฏชื่อไม่มีความคิดใดๆ ไม่มีเหมือนขณะที่นอนหลับสนิทจริงๆ ไม่มีใครรู้เลยว่ากำลังหลับสนิทเรียกเป็นใครมีสมบัติมีญาติพี่น้องมีเรื่องราววุ่นวายทั้งวันเนี่ย ที่ผ่านไปแล้วแค่ไหนก็ไม่รู้เลยไม่มีใช่ไหมคะโหมดคือโหมดดับคือดับไม่เหลือแต่เพราะเหตุว่าไม่ได้บริจาคความจริงอย่างนี้ว่าดับคือดับแล้วไม่กลับมาอีกไม่เหลือนี้การสืบต่อจนกระทั่งเหมือนยังมีอยู่ตั้งแต่เกิด และก็วันไหนเห็นบ้างมีเรื่องราวต่างๆ บ้าง อีกวันเป็นยังไงบ้างสุขบ้างทุกข์บ้างก็กลายเป็นเรื่องราวของตัวเอง และบุคคลเองนะคะ แต่ความจริงทั้งหมดก็คือเป็นทาสหรือธรรมะซึ่งจะต้องเป็นอย่างนี้ไปตลอด เพราะฉะนั้นกิจที่สำคัญที่สุดต่อจากปฏิสนธิกิจก็คือภวังคะคิดปฏิสนธิจิตเกิดขึ้นทำปฏิสนธิกิจแบบแล้วจุติจิตเกิดเลยได้ไหม น่าคิดใช่ไหมคะปฏิสนธิจิตเป็นผลของกรรมที่ทำให้เกิด ขณะแรกของชาตินี้ทำปฏิสนธิไม่มีคณะอื่นเลยต้องเป็นคณะแรกจริงๆ ที่เกิด อังกฤษศึกษาจากจุติจิตคือจิตขณะสุดท้ายของชาติก่อนพูดง่ายๆ ก็คือตายแล้วเกิดทันทีไม่มีระหว่างคั่น เพราะฉะนั้นคำถามว่าเมื่อปฏิสนธิจิตเกิดแล้วจุติจิตเกิดต่อปฏิสนธิจิตได้ไหม ยืนยันนะคะ ว่าไม่ได้กรรมอะไรจะให้ผลประหลาดอย่างงั้นล่ะอยู่ดีๆ ทำให้ปฏิสนธิจิตเกิดปุ๊บตาย กรรมอะไรเป็นไปไม่ได้เลยใช่มั้ยคะเพราะว่ากวาดกรรมหนึ่งกรรมใดจะสำเร็จไหมคะจะต้องมีจิตเกิดจากถ้าเป็นกุศลกรรมก็มีกุศลจิตรายขณะไม่ใช่กุศลจิตขณะเดียวจะทำให้กรรมสำเร็จลงไปได้ ขอเชิญที่กรรมจะให้ผลคือปฏิสนธิจิตเกิดโอกับปั๊บแล้วก็ตายทันที และเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ต้องดำรงภพชาติตามเหตุที่ได้กระทำแล้วเพราะว่ากรรมที่ได้กระทำไม่ได้ทำด้วยจิตหนึ่งขนาด เพราะฉะนั้นเมื่อปฏิสนธิจิตดับไปแล้วนะคะ กรรมก็ทำให้จิตเกิดดับสืบต่อดำรงภพ ต์จะคิดจะคือเมินขณะที่ลัคน์สนิท ไม่มีการรู้ใดๆ ทั้งสิ้น แล้วก็ไม่ใช่ตายด้วย ถ้าเห็นว่าตายคือขนาดนั้นไม่มีจิตเกิดในชาตินี้อีกในโลกนี้อีกแต่ว่าเมื่อไม่ตายก็จะต้องมีจิตซึ่งดำรงภพชาติเกิด จนกว่าจะถึงการละที่กรรมจะให้ผลทันตาเห็นต้องเห็นด้วยว่ากรรมให้ผลทางหูนะคะ ต้องได้ยินเว้นขณะนี้เลย ขณะใดที่ได้ยินขนาดนั้นเป็นผลของกรรมที่ได้กระทำแล้วขณะที่เห็นก็เป็นผลของกรรมที่ได้กระทำแล้วแต่กรรมมีหลากหลายมาก เพราะฉะนั้นก็เห็นสิ่งที่ละ อยู่บ้าง และเสียงก็หลากหลายกรรมที่ทำให้ได้ยินเสียง เสียงที่แตกต่างกันหลากหลายไปด้วยนี่คือชีวิตค่ะซึ่ง ไม่จำผิดสัญญาวิปลาสเข้าใจสิ่งที่ไม่เที่ยง เข้าใจสิ่งที่ผู้ชมตัวตนว่าเป็นตัวตนแล้วแต่ว่าจะมีทิฏฐิรูปร่างเกิดเมื่อไหร่แต่ถ้าไม่มีนะคะ ขณะใดที่จิตไม่รู้ความจริงของสภาพธรรมะที่เป็นอกุศลเพราะอวิชาความไม่รู้ขณะนั้นจำเกาะจำคลาดเคลื่อนว่าเป็นเราเริ่มตั้งแต่ต้นนะคะ เริ่มผิดตั้งแต่เกิด เพราะฉะนั้นความผิดที่เข้าใจผิดในเรื่องราวต่างๆ ในความเป็นไปในสัตว์บุคคลในเหตุการณ์ต่างๆ แนะจะมากมายสักแค่ไหน ด้วยเหตุนี้การฟังธรรมะก็คือฟังให้เข้าใจสิ่งที่ กล่าวถึงเรื่องกิจก็ได้หลายกิจแล้ว และก็ไม่ใช่เราด้วยนะคะ แต่เป็นกิจของจิต


    ฟังธรรมจากหัวข้อย่อย

    หมายเลข 193
    29 ม.ค. 2567

    ซีดีแนะนำ