พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 888


    ข้อความนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบแก้ไข

    ตอนที่ ๘๘๘

    ที่มูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา

    วันอาทิตย์ที่ ๘ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๖


    วันนี้ก็จะเป็นการสนทนาพื้นฐานพระอภิธรรม จากเมื่อวานนี้นะครับ ก็ได้มีการสนทนาเรื่องของพระสูตรในวิชาสูตรก็ได้กล่าวถึงเรื่องของอวิชาซึ่งก็เป็นเรื่องที่ละเอียดมากนะครับ สำหรับอภิชาคือความไม่รู้ดังนั้นการศึกษาทั้งหมดก็คงจะไม่ลืมนะครับ เผื่อเข้าใจสิ่งที่มีจริงในขณะนี้ ว่าขณะนี้นะครับ ที่กล่าวถึงอวิชชา ขณะนี้มีอวิชารึเปล่านะคะ มีปัจจัยเกิดขึ้นใหม่เพื่อเป็นว่าทุกอย่างเป็นธรรม วิชาเนี้ยก็เป็นธรรมะแต่ไม่ใช่มีเฉพาะวิชาอย่างเดียวนะครับ ว่าจะมีธรรมดาอย่างอื่นอีกทั้งที่เป็นฝ่ายที่ดีงามก็มีฝ่ายที่ไม่ดีงามเป็นอกุศลธรรมก็มี จากข้อความที่เป็นปฐมพุทธพจน์ที่ว่าเราแสวงหาช่างผู้ทำเรือนคืออัตภาพเมื่อไม่พบได้ท่องเที่ยวไปแล้วสิ้นสงสารนับด้วยชาติมิใช่น้อย ความเกิดบ่อยๆ เป็นทุกข์ ดูการะช่างผู้ทำเรือนคืออัตภาพเราพบท่าน ท่านจะทำเรือนคืออัตภาพของเราอีกไม่ได้ โครงบ้านของท่านทั้งหมดเราทำลายแล้ว ยอดแห่งเรือนคืออวิชาเรารู้แล้วจิตของเราถึงพระนิพพานแล้วเราได้บรรลุธรรมเป็นที่สิ้นไปแห่งตัณหาทั้งหลายแล้ว ก็ขอกราบพระอาจารย์ครับการอบรมเจริญปัญญากว่าที่จะถึงความเป็นพระหัตสัมมาสัมพุทธเจ้า และกว่าที่จะรู้ถึง นายช่างเรือนคือตัณหาแล้วก็คงเรื่องคือกิเลสทั้งหลายแล้วก็เรือนยอดคืออวิชา สิ่งที่ นะฮะแม้ในขณะนี้การที่จะเริ่มเข้าใจตู้กว่าที่จะอบรมปัญญาให้ถึงการที่จะค่อยๆ รู้ขึ้นนะครับ คือยังไงครับอาจารย์ ก็คงจะไม่มีใครกล่าวว่าแล้วเมื่อไหร่จะรู้แจ้งอริยสัจธรรมใช่ไหมคะ เพราะว่าหยาดแสนยากแม้จะเพิ่งทำใหม่ที่กำลังปรากฏในขณะนี้อ่ะค่ะเห็นเห็นใครลืมอีกแล้วว่า อินทรีที่ปรากฏให้เห็นได้ กี่ครั้งที่ได้ฟังนะคะ และก็ขณะนี้ก็กำลังเห็นแต่คำที่ได้ยินได้ฟังแฮะยังไม่เข้าถึง ด้วยสติสัมปชัญญะด้วยความเห็นถูกจริงๆ ว่าขณะนี้ไทย พูดถึงเห็นอยู่นี้ความจริงก็คือว่าเห็นสิ่งที่เพียงปรากฏให้เห็นได้ เพราะฉะนั้นคงจะไม่มีคำถามนะคะ อีกเท่าไหร่นานเท่าไหร่หรือว่าเมื่อไหร่จะสามารถรู้แจ้งอริยสัจธรรมได้เพราะเมื่อไหร่คือเดี๋ยวนี้ค่ะ มีความเข้าใจถูกต้องว่าเป็นเพียงสิ่งที่ปรากฏให้เห็น จริงเป็นอัน ไม่ใช่สิ่งหนึ่งสิ่งใด จะมีสีหนึ่งสีในสิ่งที่กำลังปรากฏไม่ได้เลยค่ะพระเอกแวะเป็นแต่เพียงธรรมะชนิดหนึ่งนะคะ มีจริงเพียงแ กระทบ แรงกดมือจิตเห็นเกิด เพราะฉะนั้นความจริงแท้ของสื่อที่กำลังปรากฏให้เห็นได้ในขณะนี้จะเป็นอื่นไปไม่ได้เลย เพราะฉะนั้นการฟังธรรมะนะคะ เพื่อรู้ความจริงว่าสิ่งที่มีจริงๆ นะคะ เป็นอนัตตาไม่ใช่เราไม่ใช่ของเราไม่ใช่สิ่งหนึ่งสิ่งใดที่เคยหลงเข้าใจผิด นานแสนนานในสังสารวัฎ เพราะฉะนั้นกว่าจะรู้ความจริงได้เลยค่ะก็ตอบเมื่อได้ฟังพระธรรมจากผู้ที่ได้ทรงตรัสรู้เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะฉะนั้นแต่ละชั้นในขณะประมาทไม่ได้เลย และก็คงไม่ลืมนะคะ การบูชาสูงสุดไม่ใช่บูชาด้วยเครื่องบูชาทั้งหลายดอกไม้ธูปเทียนเพชรนิลจินดาแต่ต้องบูชาด้วยความเข้าใจธรรมะ จากพระธรรมที่ฟังโดยไตร่ตรองโดยไม่ประมาทในความห่างไกลกันของปัญญาของผู้ที่เพียงเริ่มฟังกับพระปัญญาของพระอรหันต์สัมมาสัมพุทธเจ้าทุ่งข้าวแม้แต่เพียงสิ่งที่กำลังปรากฏในขณะนี้เป็นเพียงสิ่งที่ปรากฏให้เห็นได้ อีกนานไหมคะกว่าจะไม่เห็นคุณวิชัย แต่ว่าความจริงนะคะ เห็นคุณวิชัยไม่ได้แตก นี่คือความละเอียดยิ่งขึ้นของจีนเล็กเทร เห็นสิ่งที่ปรากฏทางตาถูกหรือผิดถูกต้องแล้วก็รู้ว่าเป็นคุณวิชัยถูกหรือผิด ก็ถูกต้องนะคะ เพราะเหตุว่าหลังจากที่เห็นดับแล้วนะคะ ก็มีธรรมะซึ่งจิตเป็นปัจจัยให้เกิดทันทีที่จิตดับไป เช่นจิตเห็นต้องดับแม่เร็วมากด้วยนะคะ สุดที่จะประมาณได้กว่าจะเป็นแต่ละนิมิตตะรูปร่างสัณฐานที่จะปรากฏให้รู้ว่าเป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใด เจ็บนับไม่ถ้วนไม่ต้องไปคำนึงถึงขนาดจิตไม่ต้องไปคำนึงถึงอะไรเลยค่ะเพียง ฟังธรรมะเพื่อเข้าใจ เพราะฉะนั้นจะเห็นได้ค่ะว่าอยู่มาในโลกในสังสารวัฎแสน แต่โอกาสที่จะได้ฟัง และเข้าใจสิ่งที่กำลังปรากฏนะคะ คือในขณะนี้เมื่อไตร่ตรองนะคะ แล้วก็ไม่รู้ว่าจะได้ฟังอีกมากน้อยเท่าไหร่ เพราะฉะนั้นตลอดชีวิตที่ทุกสิ่งทุกอย่างปรากฏ และก็ดับไปปัญญายังไม่เข้าถึงความไม่เทียบซึ่งเป็นทุกข์เพราะว่าเพียงปรากฏแล้วดับแล้วไม่เหลือ เมื่อวานนี้ก็ได้กล่าวถึงคำว่าเสียงใช่ไหมคะ ก่อนเสียงไม่มีเสียง ซิงเกอร์ปรากฏระดับไปแล้วเสียงนั้นไม่ได้กลับมาอีกเลย แล้วไม่ใช่แต่เฉพาะเ๔ยงนะคะ ทุกอย่างเหมือนกันหมดแต่ว่าเกิดดับสืบต่อเร็วจนกระทั่งยากที่จะรู้ได้ เพราะฉะนั้นการเป็นผู้ตรงต่อพระธรรมเนี่ยก็จะรู้ได้ว่าเหตุใดพระผู้มีพระภาคจึงทรงแสดงพระธรรมทิน๔๐ หมายความว่าเพิ่งแต่จะสุดหรูนะคะ อืมที่จะรึ แม่ช้ำสุดช้ำได้แต่แบบซินหัวจังเลยก็ยังทรงตื้น สิ่งใดสิ่งหนึ่งมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งนั้นมีความดับไปเป็นธรรมดาฟังแล้วเดี๋ยวนี้เป็นยังไง เพราะฉะนั้นยังไม่ต้องไปถึงไว้แล้วเมื่อไหร่จะรู้แจ้งนะคะ แล้วจะจงยังความไม่ประมาทให้ถึงพร้อมแม้ในขั้นการฟัง ต้องไม่ประมาทเลยค่ะได้ถึงกว่าคำที่ได้ยินได้ฟังด้วยนะคะ จะสะสมอยู่ในจิต จนกระทั่งมีกำลัง ถ้าเห็นว่าถ้าจะพิจารณาจิตของแต่ละคนนะคะ ไม่ว่าใครค่ะมีความไม่รู้ประมาณไม่ได้ ไม่ว่าจะเห็นเมื่อไหร่ได้ยินเมื่อไหร่ได้กลิ่นเมื่อไหร่นะคะ ไม่รู้ทั้งนั้นใช่ไหมแล้วไม่รู้นั้นนับเป็นสิ่งที่มีจริงนะคะ สะสม๑๐ต่อไปอีกความไม่รู้มากมายมหาศาล เป็นปัจจัยให้กิเลสทั้งหลายเกิดขึ้นมากมายมหาศาล เธอจะถูกประเมินมืดสนิทหรือไม่สิ่งที่กำลังแรงกดดันขณะนี้ก็ไม่ได้รู้ความจริงด้วยความเข้าใจถูกเป็นแต่เพียงสิ่งที่มีจริงเท่านั้นเลยค่ะมีชื่อเราไม่ใช่สิ่งหนึ่งสิ่งใดเธอก็ไม่ใช่ข้อหาต์ แล้วก็ความไม่เข้าใจสิ่งที่กำลังปรากฏมากมายไหมคะแต่ละวัน เห็นมาก และเกิดได้ยินก็มากได้กลิ่นก็มากลิ้มรสก็มากคิดนึกเรื่องราว๓สิ่งที่ปรากฏโดยไม่รู้ความจริงเลย เพราะฉะนั้น เมื่อจิตนั้นนะคะ ดำด้วยความไม่รู้เพราะมืดสนิท แล้วก็สกปรกไหมคะ ไม่สะอาดเลยนะคะ เป็นโรคเอกมากมายยากที่จะรักษาได้เลี้ยงจากเหง้าฮู้ไงจะรู้แจ้งอินเดียสกัด เป็นอย่างนั้นไม่สามารถจะรู้ได้ แล้วอันเนี้ยจะค่อยๆ ชำระรายคนสช Vสะอาดนะคะ และความมืด ให้ค่อยๆ จางลงไปทีละเล็กทีละน้อยอย่างเดียวนะคะ คือปัญญา ถ้าไม่มีความเห็นถูก ความไม่รู้ หมดไปไม่ได้ ความไม่รู้กับความรู้ในต่างกันนะคะ ความเห็นถูกคือความรู้ ความไม่รู้จะเห็นถูกไม่ได้ เพราะฉะนั้น จึงได้ทรงแสดงพระธรรม๔๕พรรษานี้ค่ะเพื่อเกื้อกูลให้ได้รู้จักจริตของแต่ละคนในคณะ เพื่อที่จะได้รู้ว่าอะไรล่ะที่จะค่อยๆ ล้างจิตที่ไม่สะอาดเป็นรูปต่างๆ นะคะ และมืดสนิทแนะให้ค่อยๆ หนักน้อยลงไปจะเด็ดการเชื่อใจเพื่อทำซึ่งมีจริงๆ ในครรภ์ ซึ่งทรงแสดงโดยละเอียด กราบท่านอาจารย์ครับการที่จะเริ่มเข้าใจอวิชาผู้ใหญ่บางก่อนฟังพระธรรมเนี่ยไม่เคยรู้เลยครับว่ามีอะวิชาทหารเพราะเห็นว่าตกtในชีวิตประจำวันก็เป็นอย่างนี้มีการดำเนินชีวิตแม้จะมีการเห็นการได้ยินการได้กลิ่นการลิ้มรสสัมผัสการคิดในเรื่องราวต่างๆ แต่ก็ไม่เคยรู้เลยว่าเป็นธรรมะ เพราะฉะนั้นพระธรรมที่ทรงแสดงนะคะ ทรงแสดงให้เข้าใจอะไรความเป็นผู้ละเอียดนะคะ ต้องรู้ เข้าใจสิ่งที่มีจริงๆ เธอเข้าใจความจริงทุกอย่างที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันปกติจึงจะรู้ว่าตามปกตินั่นแหละค่ะคือธรรมะ ไม่มีใครสามารถที่จะไปดลบันดาลได้เพราะฉันเห็นความละเอียดลึกซึ้งค่ะชีวิตวันนี้ทั้งหมดที่ไม่รู้ว่าจะค่อยๆ รู้ค่อยๆ เข้าใจทั้งหมด ในความเป็นธรรมะแต่ละได้ จนกระทั่งไม่เหลือความสงสัย ดูในสิ่งที่กำลัง ซึ่งเป็นไปได้นะคะ แต่ก็ต้องเริ่มต้นทีละเล็กที่ละน้อยไม่มีอะไรที่จะมากมายมหาศาลได้ทันทีโดยที่แวะไม่มีการสะสมเครื่อง แม้แต่อวิชาได้ค่ะ ขณะที่ไม่รู้มากเลยค่ะทีละเล็กทีละน้อยที่เดินอยู่ขณะไม่ว่าจะเห็นไม่ว่าจะได้ยินไม่ว่าจะคิดในชั้นได้เลยค่ะ อ่านอุปมาว่าเหมือนโรวิชบุหรี่ลงในจิ คำว่าทุเลไม่ใช่ของหยาบของใหญ่แต่ต้องละเอียด มากนะคะ มองไม่เห็น ทำไมเราต้องอาบน้ำนะคะ แทบไม่มีธุรีอย่างละเอียดที่มองไม่เห็นเลยใช่ไหมค่ะแต่ละวันแต่ละวันทำไมต้องล้างหน้าทำไมต้องแปรงฟันถ้าไม่มีทุเรี เพราะฉะนั้นทุเรียนให้ละเอียดมากจนมองไม่เห็นว่าขณะนี้ก็มีธุลีธุลีที่กระทบร่างกายก็อย่างหนึ่งนะคะ ทูเหล่ที่โปรยลงไปในจิตคือความไม่รู้ และอกุศลมากมายเนี่ยต้องมีด้วย เพราะฉะนั้นปัญญาในขณะนี้กว่าจะค่อยๆ เจริญขึ้นเหมือนกับธุรีของอวิชา พระจันทร์ก็ค่อยๆ สะสมไปนะคะ ด้วยความอดทนจึงรู้ว่าพระธรรมที่ทรงแสดงในการอุปการะเครือกุลทุกครั้ง ทั้งๆ ที่ทรงแสดงว่าขณะนี้สภาพธรรมะเกิด ปัญญาทำอะไรไม่ได้เลยเพียงแค่ฟัง และเริ่มรู้ว่าจริงหรือ หนึ่งเงี้ย และเกิดดาบสิ่งที่ปรากฏต่างๆ เกิดอย่างจริงหรือแต่ฟานค่อยๆ ฟังกระทำนะคะ ๑๕พรรษา ที่ทรงแสดงเพื่ออุปการะเอื้อกูลให้เข้าใจสิ่งที่กำลังปรากฏแสนสั้นในขณะนี้ซึ่งเป็นอย่าง แต่ก็ต้องอาศัยการพิจารณาการไตร่ตรองนะคะ ความอดทนด้วยเหตุนี้บารมี๑๐ทรงแสดงเพื่อทำทั้งหมดเลยค่ะถ้าไม่มีความดีกุศลทำไมเกิดขนาดใดอกุศลธรรมเพิ่มพูนขึ้นนับประมาณไม่ได้เลย เพราะฉะนั้นชีวิตที่เป็นไปเนี่ยไม่มีใครไปฝืน ไปบังคับบัญชาให้รู้เร็วๆ ให้เข้าใจง่ายๆ เป็นไปไม่ได้เลยคะยิ่งพ่อคูณความไม่รู้ และนายช่างผู้สร้างเรือนคือโรภาส ๑๐ของต้องการแสวงหาแล้วจะหยุดได้ยังไงแล้วจะจบได้ยังไงในเมื่อติดข้องไม่ใช่ติดข้องเฉยๆ แสวงหาดิ้นรนเดือดร้อน เพราะฉะนั้นก็จะเห็นได้จริงๆ ครับว่าการฝังพลอยทำเพื่อ นะคะ ไม่ใช่เพื่อได้แต่ถ้าไม่รู้ และไม่เข้าใจถูกต้อง และไม่ได้เลย ด้วยเหตุนี้แม้แต่จะได้ยินคำว่าล่ะก็ต้องรู้ว่าด้วยปัญญาค่ะความเข้าใจถูกความเห็นถูกที่แต่ละคณะนี้ค่ะมีรึเปล่า ด้วยเหตุนี้นะคะ ฟังเพื่อละความหวังแววเมื่อไหร่จะรู้แจ้งเรียนสัจธรรม จะเก่งกว่าท่านพระสารีบุตรได้ไหมคะท่านบำเพ็ญบารมีหนึ่งอสงไขยแสน กว่าจะได้เป็นพระโสดาบัน แล้วใครจะเก่งกว่า ไม่ต้องไปนับเลยใช่ไหมคะ บุคคลใดก็ตามที่มีปัญญาบุคคลนั้นรู้เองว่าขณะนี้เข้าใจสิ่งที่กำลังปรากฏหรือว่าก็มีปรากฏ และก็กำลังฟังด้วยแต่ยังไม่ใช่ขณะที่ไม่มีสภาพธรรมะอื่นเลยทั้งสิ้นนะคะ ตามความเป็นจริงเพราะว่าขณะนั้นกำลังมีเพียงเห็น ซึ่งเกิดขึ้นเห็น และดับไปนี่คือความละเอียดลึกซึ้งนะคะ ฟังอย่างนี้ค่ะเพื่อสะสมความเข้าใจลงในจิบทีละเล็กทีละน้อยจนกว่าจิตนั้นจะค่อยๆ เบาบางจากอวิชาความไม่รู้ สงสัยความดีคือบารมีเพราะเห็นว่าอกุศลเนี่ยไม่สามารถที่จะเข้าใจสภาพธรรมะที่กำลังกดดัน ด้วยเหตุนี้นะคะ ต้องเป็นคุณความดีเท่านั้น ที่ส่งประมวลไว้ คือบารมี๑๐ หมายความว่าความดีตั้งแต่ขึ้น การสละสิ่งซึ่งซะ และอย่าภาวะติดข้องแต่ถ้าสามารถสลายได้นะคะ ทีละเล็กทีละน้อยในแสนกัปหรืออะไรก็แล้วแต่ก็อาจจะสละกันวิธีสภา ด้วยเหตุนี้นะคะ คนที่ยังไม่สงัดแต่ ต้องได้ค่ะอกุศลก็เป็นอกุศลกุศลก็เป็นกุศลมิเช่นนั้นแล้วจะไม่มีผู้ที่ก่อนรู้แจ้งริษัทจะทำนะคะ แยกยอกเงินค่าดอกไม้ทุกวัน ก็มีนะคะ ก็แสดงให้เห็นชีวิตที่หลากหลายมากกว่าอกุศลที่สะสมมา ที่สามารถชนะอกุศลได้ด้วยความเห็นที่ถูกต้องนะคะ ก็เป็นเรื่องที่ เป็นธรรมะไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชานะคะ เพราะฉะนั้นคุณค่าของการได้ฟังความจริงที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดงแล้วนะคะ ประเสริฐที่สุด และเป็นสิ่งซึ่งเงินทองซื้อไม่ได้ นะคะ ทรัพย์สมบัติมหาศาลก็ซื้อไม่ได้ แต่ว่าต้องเป็นผู้ที่เห็นประโยชน์ และก็ ด้วยบารมี๑๐นะคะ วิริยะ ฉันtแอนด์สัจจะทั้งอธิษฐานคือทุกอย่างต้องมีความมั่นคงอ่ะปัญญาสามารถเข้าใจถูกเห็นถูกในสิ่งที่มีจริง ถ้ามีความเข้าใจอย่างนี้จริงๆ ดีไหมจะเคยทำอะไรไหมนอกจากฟังพระธรรมแล้วก็เริ่มรู้ว่าความเข้าใจนะคะ ค่อยๆ เพิ่มขึ้นทีละเล็กที่ละน้อยซึ่งวันเด็กนะคะ ตามที่ได้ฟังทุกอย่าง เพราะฉะนั้นขณะนี้ก็กำลังสะสมสิ่งที่มีค่าที่สุดในชีวิตคือการเข้าใจเพื่อนค่ะ กระแทกอาจารย์ครับถ้าจะเอากล่าวถึงคุณความดีที่เป็นบารมีเป็นไปเพื่อการละคลายอกุศลประเภทต่างๆ อ่ากล่าวถึงในขั้นของการฟังพระธรรมกถาจารย์การที่อบรมเจริญความรู้ความเข้าใจขึ้นแต่บางท่านที่อาจจะยังเป็นผู้ที่ฟังแต่ก็ยังมีอกุศลที่ยังเกิดอยู่ครับก็ อาจจะไม่เห็นถึงคุณของความรู้คำว่าใจที่เล็กน้อยที่ว่าเป็นการล่ะถูกไหม เป็นธรรมดาหรือเปล่าก็เป็นจริงอย่างนั้นครับแล้วจะให้เป็นแดงอื่น ก็ไม่ได้เลยครับแต่ก็ตั้งเพื่อทำอีกแต่ก็ยังฟังแล้วก็เข้าใจอีก ครับแต่แต่ถ้าไม่ฟังเมื่อไหร่นะคะ เป็นไงคะอกุศลก็เพิ่มพูนมากเกินกำลังที่จะเข้าใจพระธรรมได้ แต่ก็เห็นความต่างขจัดกับการที่ขณะที่เข้าใจก็เป็นยังไงกันแน่นะคะ เพราะฉะนั้นถ้าสะสมอกุศลไว้มากนะคะ เกินกำลังที่จะเข้าใจกระทำใด ใจไปไหนก็ไม่รู้ กำลังฟังอยู่แท้ๆ ทั้งๆ ที่กำลังมีเสียง ที่สองถึงสภาพที่มีจริง ก็ยังไม่ได้ฟัง เพราะกำลังของอกุศล เพราะฉะนั้นประมาทไม่ได้ไงคะฟังเถอะจะยังไงก็ตามค่ะค่อยๆ ฟังแต่ไม่ใช่ฟังเปล่ากล่าว ฝันลอยๆ นะคะ แต่ต้องฝันแต่ละคำค่อยๆ พิจารณาไตร่ตรองจนเป็นความเข้าใจที่มั่นคงขึ้นเพราะความเข้าใจไม่ใช่เรานะคะ ต้องมีปัจจัยเกิดขึ้นทำไมบางคนฟังด้วยกันนะคะ คนหนึ่งเข้าใจ อีกคนไม่เข้าใจก็มีหลายเหตุใช่ไหมคะอย่างที่ได้กล่าวถึงแล้วนะคะ หรือแม้ฟังก็เพียงแต่จำไม่ได้ไตร่ตรองถึงความลึกซึ้งของคำที่ใด จะให้เข้าใจก็ไม่ได้เพียงแค่ ได้ตอบโหมดจำได้แต่ไม่รู้เรื่องเลยก็เห็นว่าไม่เข้าใจจริงๆ เพราะฉะนั้นการฟันกับขวัญเข้าใจจริงๆ ไม่ต่างกันนะคะ ที่ว่าไม่ใช่เพียงได้ยิน และต้อง เข้าใจในภาษา แต่ไม่เข้าถึงธรรม ที่ทำนั้นกล่าวถึงธรรมะ เพราะฉะนั้นก็จะต้องรู้จริงๆ ค่ะว่าในการที่ฟังพระธรรมเนี่ยนะคะ ด้วยความเคารพในขณะที่ฟัง และด้วยการรู้ว่าประโยชน์คือเพื่อเข้าใจแต่ละคำละเอียดลึกซึ้งถูกต้องยิ่งขึ้นแม้แต่บารมีสิ เป็นสิ่งที่ไม่ใช่ฝ่ายอกุศลนะคะ พระเอกว่าถ้าอกุศลมากมายความดีไม่มีความมั่นคงไม่มีก็ไม่สามารถที่จะฟังอีกเข้าใจต่อไปอีกได้ด้วยเหตุนี้นะคะ เป็นคนดีผิวเห็นโทษของอกุศล และทำความดีด้วยไม่ประมาทแล้วก็ ฟังเพื่อทำด้วย เพลงเจ็บไปรอดจัดไพ่ค่ะคือแสงสารวัตร ครับอาจารย์ครับก็มีโอกาสได้ฟังการสนทนาพระสูตรเมื่อวานนี้จากทางอินเทอร์เน็ตนะครับ อาจารย์ซึ่งอาจารย์ก็ได้ถามนะครับ ว่าเห็นอะไร แต่ถ้าผู้คนที่ได้ศึกษามาแล้วนะครับ ท่านก็ตอบได้ซึ่งเข้าใจว่าการเข้าใจธรรมะเนี่ยไม่ใช่เพียงตอบได้นะครับ แต่ว่าแม่เกาหยูแม่ ที่ปรากฏ ความเข้าใจบุคคลนั้นเช่น เล่น สักวาเห็นดอกไม้ทบูรเข้าใจก็ถูกต้องครับเช่นอยู่ที่ความเห็นถูกนะคะ ไม่ว่าในสถานการณ์ใดๆ พาประมาทปัญญาก็คือว่าไม่พยายามเข้าไปเกี่ยวข้องนะคะ คิดว่าไม่ใช่เรื่องด้วยว่าไม่ใช่ธุระหรืออะไรต่างๆ เดี๋ยวจะเป็นอกุศลประเภทนั้นประเภทนี้นั่นคือผู้ที่ไม่รู้จักธรรมะ ถ้ารู้จักธรรมะจริงๆ นะคะ ใครบังคับบัญชาได้ แต่ละคนสะสมมาต่างๆ กันนะคะ คงจะไม่มีใครไปนั่งเย็บปักถักร้อย อยู่ในห้องสบายๆ ถ้าไม่สะสมอัธยาศัยเมื่อที่จะเป็นยังงั้นก็ไปที่อื่นตามอัธยาศัย เพราะฉะนั้นนะคะ ธรรมะก็คือสิ่งที่ไม่ใช่ของใคร และไม่ใช่เราด้วยแต่เกิดแล้วทุกขณะ ไม่รู้ว่าเป็นธรรมะ และก็ไปหาธรรมะไปกลัวเกรงธรรมะประเภทที่เป็นอกุศลนะคะ โดยไม่รู้เพราะขณะนั้นก็คือเรา ที่กำลังกลัวเหลือเกินแต่อกุศลต่างๆ แล้วอย่างนั้นแหละจะรู้การสะสมในสังสารวัฎแสนกดที่สะสมมาจากการเกิดแล้วเกิดอีกแต่ละชาติก็มีเหตุการณ์ที่ไม่ซ้ำกันแต่ วิสาขามิคารมารดาก็เคยเป็นภรรยาท่านพระอานนท์ อะไรล่ะค่ะชีวิต

    พระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็เคยเป็นบุตรของท่านพระเทวทัต เพราะฉะนั้นถ้าศึกษาจริงๆ แล้วก็จะรู้ว่าไม่มีอะไรนอกจากธาตุหรือธรรมะนะคะ ซึ่งมีปัจจัยเกิดขึ้นแล้วก็ดับไปแล้วไม่กลับมาอีก เพราะฉะนั้นคำนี้ทนต่อการที่จะพิสูจน์ และเข้าใจนะคะ เพราะฉะนั้นในขณะที่กำลังกลัวเป็นธรรมดา เพราะฉะนั้นจะเห็นได้ว่าขณะนั้นไม่ได้รู้จักธรรมะเลยมีการที่พยายามจะไม่ทำอย่างนี้แต่ทำอย่างอื่นเป็นธรรมะหรือเปล่า เป็นก็ไม่รู้ เพราะฉันก็ไม่รู้ไปเรื่อยๆ และคิดว่าตัวเองไม่ระแวดระวังอกุศลทั้งหลายนะคะ แต่ลืมกุศลที่สำคัญที่สุดคืออวิชชา การไม่รู้ลักษณะของสภาพธรรมะที่ปรากฏทำให้รักตัวมาก ลืมสนิทแวะเป็นธรรมะเพราะฉันก็ทำทุกอย่างเพื่อตัวจะเป็นความดีทำเท่าไหร่ก็เพื่อตัวแล้วดีจริงๆ หรือเปล่า ตราบใดที่ยังเป็นเราซึ่งไม่ใช่เป็นธรรมดา เพราะฉะนั้นปัญญาด้วยค่ะไม่ต้องมีใครไปหวั่นเกรงเลยว่าจะรู้อะไรไม่ได้นะคะ แต่เมื่อเป็นปัญญาที่อบรมแล้วไม่ว่าอยู่ที่ไหนในสถานการณ์ใดๆ ทั้งสิ้น ปัญญาที่ได้อบรมแล้วเท่านั้น ที่สามารถจะเข้าใจลักษณะของสภาพธรรมะที่กำลังปรากฏเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัยซึ่งไม่มี


    ฟังธรรมจากหัวข้อย่อย

    หมายเลข 193
    30 ม.ค. 2567

    ซีดีแนะนำ