พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 892


    ข้อความนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบแก้ไข

    ตอนที่ ๘๙๒

    ที่มูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา

    วันอาทิตย์ที่ ๒๙ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๖


    อ.คำปั่น สนทนาพื้นฐานพระอภิธรรม ก็เป็นการกล่าวย้ำเน้นย้ำให้เข้าใจถึงสิ่งที่มีจริงๆ ในขณะนี้นะครับ ก็มีโอกาสได้ฟังคำยายของท่านอาจารย์ในช่วงหนึ่งซึ่งข้อความตรงนั้นนะครับ สรุปได้ว่าลองคิดถึง ไม่ได้ฟังนะครับ ตั้งแต่เกิดมาจนกระทั่งตายไป ไม่รู้โดยตลอด เมื่อเกิดอีกก็ไม่รู้อีกเกิดอีกไม่รู้อีก ไม่ว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ประสูติทรงตรัสรู้เสด็จดับขันธปรินิพพาน ไปแล้วจีพระองค์ก็ตาม คนๆ นั้นก็ยังไม่รู้อยู่นั่นเอง นี่นะครับ คือคนที่ไม่ได้ฟังไม่ได้ศึกษาพระธรรม แต่ขณะนี้นะครับ ทุกท่านก็มีโอกาสที่จะได้ยินได้ฟังความจริงได้ฟังพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงก็เป็นขณะที่ดีเป็นเวลาที่ดีเป็นโอกาสที่มีค่าอย่างยิ่งนะครับ ที่จะได้สะสมปัญญาสะสมความเข้าใจถูกเห็นถูกจากการที่มีโอกาสได้ยินได้ฟังพระธรรม ในแต่ละครั้งนะครับ สิ่งที่มีจริงจริงมีจริงให้ศึกษาอยู่ตลอดแต่ก็ไม่รู้จนกว่าจะมีโอกาสได้ยินได้ฟังพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงครับคุณคำปั่นมาแล้วนะคะ คำหนึ่งที่ทุกคนน่าจะคิด และไม่ลืมก็คือว่ากำลังไม่รู้สิ่งที่ปรากฏ แน่นอนเลยค่ะไม่ว่าอะไรก็ตามขณะนี้นะคะ กำลังเห็น ยังไม่รู้ลักษณะที่แท้จริงของเปลี่ยน กำลังได้ยินใครรู้ลักษณะที่แท้จริงว่าได้ยินเกิดได้ยินแล้วดับไป เพราะฉะนั้นทุกคนที่ฟังนะคะ ก็จะเป็นผู้ที่มีปัญญาของตนเองที่จะรู้ว่าได้ฟังมานานแสนนานนะคะ แต่ว่าความเข้าใจเนี่ยเข้าใจอะไรเข้าใจเรื่องที่ได้ยินหรือว่าเข้าใจลักษณะของสภาพธรรมะที่กำลังปรากฏเดี๋ยวนี้จริงๆ เพื่อที่จะไม่ลืมค่ะว่าเราฟังมากข้อความในเพื่อใกล้ปิฏกพระสูตรต่างๆ เปรียบเทียบทำ เรามีได้แต่ว่าขณะนี้ค่ะก็ยังไม่รู้สิ่งที่กำลังปรากฏจริงๆ เพราะฉะนั้นฟังต่อไปอีกนะคะ เพื่อที่จะได้เพิ่มความเข้าใจจนกระทั่งมีความเข้าใจที่มั่นคงว่าขณะนี้มีสิ่งที่กำลังไม่รู้ ฟังเรื่องสิ่งที่มี และเหมือนรู้มากในเรื่องของสิ่งที่มีแต่วัดขณะเห็นไม่รู้ว่าขณะนี้ไม่ใช่เราที่เห็นแต่เป็นธรรมะ เพราะฉะนั้นตลอดกี่ปีก็ตามนะคะ ปีนี้กำลังจะเป็นปีก่อน และก็ปีหน้าก็กำลังจะเป็นปีใหม่แต่ว่า บางเรื่องสิ่งที่มีจริงนะคะ และก็เป็นผู้ที่ ที่จะรู้ตามความเป็นจริงว่าแม้ฟังมานานนะคะ เพราะเครื่องข้อความต่างๆ แต่ก็ยังไม่ได้รู้ความจริงของสิ่งที่กำลังปรากฏเพราะว่าสิ่งที่กำลังปรากฏในขณะเป็นสิ่งที่รู้อยู่ ฟังเหมือนเข้าใจมีจริงใครไม่เข้าใจบ้างกำลังมีจริงๆ ใช่มั้ยคะแต่ว่ามีจริงแต่ไม่ใช่เราเลยซักอย่างเดียว และก็ไม่ใช่สิ่งหนึ่งสิ่งใดที่เคยเข้าใจว่าเป็นสิ่งนั้นอย่างมั่นค เป็นคนนั้นเป็นเรื่องนั้นเป็นสิ่งนี้เป็นเรื่องนี้แต่ว่าตามความเป็นจริงไม่ได้เข้าใจธรรมะแต่ละหนึ่งซึ่งปรากฎให้คิดให้จำว่าเป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใด เพราะฉะนั้นกว่าจะได้เข้าใจตามความเป็นจริงนะคะ ว่าฟังพระธรรมเพื่อเข้าใจธรรมะที่มีจริงที่กำลังปรากฏ และกว่าจะเข้าใจได้เลยค่ะ การมากก็เห็นว่าเราสะสมความไม่รู้มานาน เพราะฉะนั้นก็เป็นการเตือนให้เข้าใจถูกต้องนะคะ ว่าเราไม่ได้เข้าใจสิ่งที่กำลังปรากฏจนถึงที่สุดตามที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงจนกว่าปัญญาความเข้าใจในการค่อยๆ เกิดขึ้นนะคะ ค่อยๆ ละคลายความไม่รู้ ไม่ใช่ไปวางว่าจะรู้เหมือนไปหยิบดาวบนฟ้าเอามาเล่นอะไรอย่างเงี้ยเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้เลยนะคะ ไกลแสนไกลยิ่งกว่านี้เพราะว่าอวิชาเป็นสภาพที่ไม่รู้ ปิดบังมานานแสนนานซึ่งทุกคนฟังแล้วก็รู้ตามความเป็นจริงไม่มีปริญญา ไม่มีสิ่งที่กำลังปรากฏจริงๆ แต่เป็นคน และก็เป็นวัตถุเป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใดกว่าจะได้ฟังธรรมะโดยละเอียดจริงๆ นะคะ แล้วก็รู้ว่านี่คือสิ่งที่มีจริงที่ยังไม่รู้แต่ต้องอาศัยการฟังต่อไปอีกเรื่อยๆ นะคะ เราก็จะรู้ว่าความเข้าใจทีละเล็กที่ละน้อยด้วยค่ะ กำลังซะสองอย่าลืมนะคะ จิตขนาดนี้เป็นนามธรรมไม่มีใครเห็นแต่ว่าสามารถที่จะเข้าใจตามความเป็นจริงว่ามีความผิดของเพราะความไม่รู้ และค่างวดส่วนใหญ่ และก็มีกิเลสอื่นๆ อีกมากมายนะคะ ไม่รู้ว่าเป็นเพลงสิ่งที่เกิดขึ้น และดับแปลกไม่ใช่ใครเลย ก็มีความสำคัญต่อ เพราะฉะนั้นอกุศลทั้งหลายนะคะ ก็มาจากความไม่รู้ทั้งสิ้นนะคะ แล้วเราฟังเพื่อที่จะเข้าใจเพราะปัญญาคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่าทรงพระมหากรุณาให้เราได้เข้าใจสิ่งที่มีจริง แล้วเราจะไปเข้าใจได้ยังไงค่ะถ้าไม่มีการฟัง เพื่อที่จะละความไม่รู้ไม่ใช่เพื่อที่จะไปเป็นผู้ที่รู้แจ้งเรียนสัจธรรมเป็นพระโสดาบันเป็นพระสักกะทางข้ามมีหรือว่าจะเป็นเทวดาเป็นพรหมทั้งหมดก็คือว่าไม่ได้รู้สิ่งที่กำลังมีในขณะนี้ เพราะฉะนั้นแต่ละคณะที่ปัญญาความเห็นที่ถูกต้องเกิดขึ้น เป็นสิ่งที่ไม่มีอะไรจะเทียบได้เพราะเหตุว่าสามารถที่จะเห็นหูเข้าใจถูกในสิ่งที่มีซึ่งกี่คนคะมีโอกาสที่จะได้ฟังพระธรรมแล้วก็พิจารณาพระธรรม โดยที่ว่ารู้คุณค่าของพระธรรมว่าแต่ละคำที่ได้ฟังในขณะมีค่าเพราะเข้าใจขึ้น และก็กำลังสะสมความเห็นถูกซึ่งไม่มีใครสามารถที่จะเปลี่ยนแปลงให้เป็นความเห็นผิดได้ในขณะที่ความเห็นดูค่อยๆ เกิดขึ้น เพราะฉะนั้นก็เป็นเรื่องอบรมนะคะ ไม่มีใครสักคน แต่ว่ามีถ้าเพียงคำวัดธาตุหรือธาตุตุนเลยค่ะกว่าจะรู้ได้ว่าเป็นทาสจริงๆ หนะจะกล่าวโดยนัยอะไรก็ได้นะคะ เช่นขณะนี้มีภาพไม่รู้ ไม่ใช่คุณกำปั้น ไม่ใช่ใครนะคะ แต่ว่าธาตุนี้มีจริงค่ะเพราะว่ามีเห็นแล้วก็ไม่รู้ เพราะฉะนั้นธาตุไม่รู้ก็คือไม่รู้เหมือนกันหมดเลยไม่ใช่ว่าจะต่างกันนะคะ ไม่ใช่ไม่มีชื่อเฉพาะว่าเป็นคนนั้นคนนี้ทุกอย่างที่เป็นธรรมดาก็เป็นสิ่งที่มีจริงเกิดเพราะเหตุปัจจัยแล้วก็ดับไป เคยได้ยินคนที่บอกว่าไม่อยากเกิดใหม่แล้วไงอ่ะคะไม่อยากก็ต้องเกิดใช่ไหมคะเพราะกำลังพูดนั้นก็เกิดแล้ว และกะสิ่งที่เกิดแล้วก็ดับไปแล้วก็มีสิ่งที่เกิดต่อไม่หยุดเลยเพราะเหตุว่าเป็นธรรมะไม่ได้อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใคร เพราะฉะนั้นการที่ได้ฟังพระธรรมเนี่ยนะคะ แล้วก็มีศรัทธาสภาพจิตที่ออกไซด์ในขณะที่เข้าใจว่าเป็นธรรมะคือสิ่งที่มีจริง ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใครโหมดทุกทีจะไปทำอะไรให้เกิดขึ้นหรือบังคับอะไรให้เป็นอย่างนั้นอย่างนี้ใช่ไหมคะเพราะเข้าใจจริงๆ ว่าขณะนั้นก็ต้องมีปัจจัยแน่สำหรับสิ่งหนึ่งสิ่งใดที่เกิดขึ้นตามกฎ เพราะฉะนั้นความเข้าใจนะคะ ก็จะนำมาซึ่งการที่จะเห็นภัย ในแสงสารวัตรนะคะ เพราะว่าแม้แต่คำว่าสังสารวัฏคืออะไรก็ยังไม่รู้เพราะฉันไม่อยากตายหรือว่าอยากตายเพราะไม่รู้ใช่ไหมคะคนที่อยากตายไหมคะ พระไม่รู้คนที่ไม่อยากตายก็มีก็เพราะไม่รู้เพราะฉันเป็นโลกของความไม่รู้เสมอไป ในบังคับบัญชาไม่ได้ตราบใดที่ยังมีเหตุปัจจัยโลกน์คือสภาพธรรมะที่เกิดเพราะปัจจัยนั้นก็ต้องเกิดแล้วก็ดับไปแล้วก็ต้องเกิดแล้วก็ดับไป เพราะฉันเพียงแต่ได้ยินได้ฟังอย่างนี้เนี่ย เห็นพระคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ทรงบำเพ็ญมาเพื่อคู่ฟ้า ที่จะได้ยินได้ฟังได้เข้าใจความเป็นจริงนะคะ เกิดแล้วต้องตายแต่นานจังกว่าจะตายเลยค่ะเห็นอีกตั้งไม่รู้เท่าไหร่เรื่องราวต่างๆ อีกตั้งเท่าไหร่ เพราะฉะนั้นจริงๆ แล้วนะคะ ถ้าเข้าใจถูกต้อง และตายพบขณะก็ไม่เดือดร้อนเลยเปลี่ยนแปลงไม่ได้ ตายแล้วหรือยังคะเนี่ย ค่ะแต่ไม่ใช่เราเลยค่ะจิตเห็นเกิดขึ้นแล้วก็ไป แบบไม่กลับมาอีกเลย จุดยืนขนาดนี้ตายด้วยค่ะเพียงเกิดขึ้น และกระดาษ เพราะฉะนั้นถ้าเข้าใจธรรมะจริงๆ นะคะ ไม่มีใครกลัว เราอะไรค่ะก็เดี๋ยวนี้ก็กำลังตายไม่กลัวใช่ไหมคะเห็นเกิดแล้วเห็นตายก็ไม่เห็นกลัวอะไรได้ยินเกิดได้ยินก็ตายแบบไปก็ไม่กลัวอะไรเพราะฉันจิตขณะสุดท้ายเกิดขึ้นดับไปก็มีจิตขณะต่อไปเกิดสืบต่อเหมือนเดี๋ยวนี้เร็วยิ่งกว่าทิสในขณะนี้เข้าใจว่าเห็นไม่ใช่ได้ยิน เพราะฉะนั้นดูเหมือนว่า เกิดพร้อมกันซึ่งความจริงไม่พร้อมถ้าจะห่างออกมาอีกนิดหน่อยนะคะ คือว่าเห็นดับ และได้ยินเกิดแต่ก็ยังมีจิตอื่นซึ่งเกิดคันมาก เพราะฉะนั้นระหว่างปฏิสนธิจิตหนึ่งขณะที่เกิดระดับไปขณะที่จิตขณะสุดท้ายคือจุติจิตเกิดขึ้น และดับไปนะคะ ปฏิสนธิจิตคือจิตขณะแรกของชาติมาเกิดสืบต่อทันที ไม่ไกลกันเหมือนกับที่เราคิดว่าขณะนี้เพียงเข้าใจว่าเห็นกับได้ยินคน และคณะไม่พร้อมกันแต่ปฏิสนธิจิตกับจุติจิตใกล้กันยิ่งกว่านั้นอีกคือทันทีที่จิตนั้นดับจิตอื่นเกิดสืบต่อแล้วกลัวอะไร เหมือนเดี๋ยวนี้ค่ะกลัวอะไรแค่รู้ว่ากำลังตายอยู่ทุกขนาดแต่ที่มีโอกาสได้ฟังพระธรรม จะได้ฟังต่อไปอีกนานเท่าไหร่ ไม่มีใครสามารถที่จะรู้ได้เลยนะคะ แต่การได้ฟังแล้วนะคะ ไม่ได้สูญหายไปเลยเป็นสิ่งที่เป็นอริยทรัพย์นะคะ สามารถที่จะอบรมเจริญปัญญาซึ้งมากด้วยกิเลสซึ่งไม่เคยเห็นพูดเลย อยู่เหมือนทุกวันก็สบายดีนะค่ะมีชีวิตไปทุกวัน ไม่เห็นเป็นอะไรอาจมีทุกเล็กน้อยป่วยไข้ได้เจ็บแต่ก็ยังอยู่ต่อไปได้นี้ก็แสดงว่าไม่เห็นพาย ในแสงสารวัตรนะคะ ทั้งๆ ที่ได้ยินคำว่า ทุกขณะที่ธาตุรู้เกิดขึ้นเช่นเห็นเกิดขึ้น และดับไป นี่แหละค่ะคือ สิ่งที่มีหนึ่งในสังสารวัฏคือสภาพที่เกิดดับสืบต่อวนเวียน ไม่มีระหว่างคั่นเลยทั้งชาติก่อนโน้นจนถึงชาตินี้จนถึงชาติต่อไปก็ไม่มีการที่ว่าจะขาดสภาพธรรมะที่เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัยเลยสักขณะเดียวใช่ไหมคะแต่ถ้าผู้มีปัญญาจะรู้ได้เลยค่ะประโยชน์อะไรของสิ่งหนึ่งสิ่งใด พูดเพียงเกิดขึ้นแล้วก็หมดไป และเป็นอย่างนี้นานแสนนานมาแล้วแล้วจะไม่มีวันจบสิ้นด้วยถ้าไม่มีความเข้าใจ และประโยชน์หรือไม่ประโยชน์ในการที่จะต้องเกิด ๕มไม่ได้เลยค่ะเมื่อกี้แบบไปสภาพธรรมะอื่นก็เกิดสืบต่อทันทีไม่มีใครสามารถที่จะยับยั้งได้เลยนะคะ แล้วก็เป็นเด็กเนี่ยแค่นี้ไปเรื่อยๆ ทุกๆ ชาติ เห็นไพ่หรือยังคะ ก็ต้องแล้วแต่ว่าได้ฟังธรรมะได้เข้าใจแค่ไหนแต่ก็จะต้องเห็นไพ่ แม่ยังไม่เห็นโทษภัยของกิเลสความติดข้องซึ่งนำมาซึ่งความทุกข์ก็จะไม่เห็นว่าพวกขณะนี้แม้ไม่ใช่กิเลสก็เป็นทุกข์เพราะเหตุว่าเกิดขึ้นแล้วก็ได้ ก็ต้องฝันต่อไปอีกในสังสารวัฎถ้ามีโอกาส หรือมีปัจจัยที่จะทำให้ได้ยินได้ฟังนะคะ สำหรับผู้ที่กำลังฟังขณะนี้ค่ะมีโอกาสอีกข้างหน้าแต่สำหรับผู้ที่ยังไม่ได้ฟังเลยยังไม่ทราบว่าจะมีโอกาสเมื่อไหร่ ก็จะกราบเรียนอาจารย์นพได้กล่าวถึงว่าสิ่งที่มีจริงๆ ก็ เป็นจริงแต่ละหนึ่งแต่ละหนึ่งก็กราบเรียนว่าเป็นจริงแต่ละหนึ่งแต่ละหนึ่งนั้นเป็นอย่างไร และก็ลองยกตัวอย่างเพิ่มเติมนะครับ ว่าสิ่งที่มีจริงแต่ละหนึ่งๆ นั้นมีอะไรบ้าง ตลอดปีนะคะ ไม่ว่าปีไหนๆ เนี่ย ผู้ที่ฟังพระธรรมเนี่ยนะครับ ก็ได้ยินได้ฟังไม่พ้นเรื่องสิ่งที่ปรากฏ วันแล้ววันเล่าเดือนแล้วเดือนเล่าปีแล้วปีเล่าบางคันก็ฟังมาหลาย๑๐ปี สองปีหนึ่งปี๔ เพราะฉะนั้นสิ่งที่สำคัญ ถ้าโดยชาวโลกสมมติกันก็คือหนี้จะหมดปี และใช้แพะโดยเวลาที่สมบูรณ์กัน เพราะฉะนั้นสิ่งที่ ได้สนทนากันก็เป็นประโยชน์เพราะเป็นสิ่งสำคัญ ความเข้าใจสิ่งที่กำลังปรากฏในขณะนี้ เพราะฉะนั้นถ้าแต่ละคณะเนี่ย ก็ไม่ได้รู้เลยสักคณะหนึ่งว่าเป็นธรรมะ ซะขนาด เราก็รวมแล้วเราก็บอกว่าเนี่ยอยู่ในโลก ก็ถูกน่ะแต่เป็นโรคในความคิดของผู้ที่ไม่เข้าใจธรรมะก็คือเป็นโรคของความไม่รู้ที่ทางการกล่าวไปเมื่อสักครู่ แล้วฟังธรรมะเนี่ยประโยชน์เพื่ออะไร ไม่ใช่ว่าบังคับให้สติเกิดรู้ธรรมะขนาดนี้ด้วยความเป็นตัวตน แต่ฟังแล้วมีความเข้าใจที่มั่นคง ว่า ไม่ใช่ฟังเพื่ออย่างอื่นไม่ใช่ทางเพื่ออย่างอื่น แต่ประโยชน์ก็คือ เพื่อได้ยินได้ฟังแล้วก็ได้พิจารณาแล้วเป็นประโยชน์บ้างควรรู้อะไรอย่างยิ่งก็คือรู้ความจริงในขณะนี้ เพราะฉะนั้นแต่ละขณะนี้ และมีธรรมะแต่ละอย่างแต่ละอย่างเนี่ยถ้าไม่เข้าใจว่าเป็นธรรมะสักอย่าง รวมกันแล้วบอกสังสารวัฎก็ไม่รู้ว่าสังสารวัฎอยู่ที่ไหน สังสารวัฎก็ดูเป็นเรื่องเป็นราวนะแต่จริงๆ แล้วสภาพธรรมะที่เกิดตามเหตุตามปัจจัยแล้วดับแล้วก็มีสภาพทำให้เกิดสืบต่อ ในขณะนี้ จึงเป็นสังสาระไม่เกี่ยว เคยชนะเนี่ยขณะนี้มีสิ่งที่ปรากฏ อย่าจะไม่รู้ตรงโดยการประจักษ์แต่ปัญญาขั้นฟัง คล้อยตามด้วยเหตุด้วยผลแล้วว่าขณะนี้ต้องมีสิ่งที่มีจริงๆ เสียงมีจริง คิดนึกมีจริงจริง ปฏิเสธไม่ได้ เพราะว่าเกิดแบบรวดเร็วเป็นคนเป็นเสียงคนนะฮะเป็นก้อนอิฐแต่ละก้อน นะฮะวันนี้ก็ประดับด้วยอีก ก้อนอิฐแต่ละก้อน และไลก่อนลงร่วมกันก็ดูเป็นรูปร่าง จะให้เราคิดนึกถึง ถ้าเป็นนิมิตให้กุศลเกิดก็ได้นะเมื่อวานถ้าจะบอกว่าเรานึกถึงพระเชตวันเมื่อเห็น กลุ่มก้อนค อิฐก้อนนี่ใช่มะก็เป็นสติ นะฮะที่เกิดขึ้นจาก การเห็นเครื่องหมายต่างๆ แต่ในขณะที่เป็นสีที่ปรากฏทางตาง่ะ ถ้าไม่รู้ขนาดนั้นก็ผ่านสิ่งที่ปรากฏทางตาไปนะครับ เพราะฉะนั้น ถ้าไม่เข้าใจความจริงแต่ละอย่างแต่ละอย่างในขณะนี้ก็ไม่สามารถที่จะ รู้ในสังสาระได้นะครับ เพราะในขณะนี้ ทุกท่านก็ยกตัวอย่างได้เองนะว่าอะไรจริง ก็ไม่พ้นทำมาที่ปรากฏทางตาหูจมูกลิ้นกายใจนั่นเอง เมื่อสักครู่ก่อนที่จะอาจารย์จะยุติลงท่านเจ้าคุณถึงว่าฟังถ้ามีโอกาส ฟังต่อไปถ้ามีโอกาส คิดละเอียดไหมฮะ มีโอกาสเมื่อไหร่ เกิดในสุคติภูมิถูกไหมคะ และเกิดในสุคติภูมิในช่วงเวลาที่มีพระธรรมคำสอนด้วย อยากนะฮะอยากที่หนึ่งก็คือเกิดในสุคติภูมิ ขนาดเมื่อวานอ่ะสนทนาพระสุสุพงศ์ศูนย์เนี่ย ถ้าท่านไม่ได้ฟังธรรมท่านยังต้องไปตกนรกหรือคิดดูใช่ไหมครับ เพราะฉะนั้นฟังถ้ามีโอกาสเนี่ยลึกซึ้งไง มีโอกาสที่จะได้เกิดในสุคติภูมิหรือเปล่า แล้วเกิดในสุคติภูมิ และนะครับ เป็นช่วงที่มีพระธรรมคำสอนใหม่ นะฮะเรามีศรัทธาที่จะฟังมั้ยแล้วฟังแล้วเข้าใจมั้ย จะประจักษ์แจ้งไหม เพราะฉะนั้นเนี่ยโอกาสที่ได้ฟังยาก เพราะฉะนั้นไม่ใช่ว่าอยู่ดีๆ จะได้ฟังธรรมมาในฝั่งได้ยากยิ่งฟังต่อไปถ้ามีโอกาสเนี่ยดูเหมือนฟังแล้วเป็นคำธรรมดาใช่มั้ยว่าเหมือนเชิญชวนให้ฟังแต่จริงๆ เนี่ยยากยิ่งเพราะว่าฟังเพื่อเข้าใจสิ่งที่มีจริงค่ะ อาจารย์วิชัยครับเมื่อสักครู่ได้ยินคำว่าทาสก็อยากจะกราบเรียนอาจารย์วิชัยได้สนทนาเพิ่มเติมในความเป็นทาสว่าความเป็นทาสกับความเป็นธรรมความเป็นขันธ์เป็นต้นนะครับ จะมีความแตกต่างกันหรือเหมือนกันอย่างไรนะครับ เพื่อความเข้าใจธรรมมากที่ได้ยินได้ฟังเป็นการไม่ประมาทในพระธรรมที่ได้ยินได้ฟัง เป็นการศึกษาธรรมะทีละคำให้เข้าใจจริงๆ ครับอาจารย์วิชัยครับ ก็เป็นจุดประสงค์ของการฟังพระธรรมนะครับ ไม่ว่าจะฟังคำได้ก็ให้รู้แล้วก็เข้าใจในคำนั้นๆ นั้นพระธรรมที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดงนะครับ ก็มากมายแต่ว่าบุคคลที่ฟังเนี่ยสามารถที่จะเข้าใจตามที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดงได้มากน้อยแค่ไหน อย่างเช่นคำว่าถ้า นะครับ หรือว่าธรรมะ งั้นคำนี้นะครับ ถ้าบุคคลที่เข้าใจนะครับ ก็รู้ว่าหมายถึงสิ่งที่มีจริงๆ เช่นภาพเนี่ยก็แสดงถึงว่าสิ่งนั้นนะครับ ไม่แปลผันเป็นอย่างอื่นคือทรงไว้ซึ่งลักษณะของตนนะครับ แล้วก็ไม่ใช่สัตว์ไม่ใช่บุคคลไม่ใช่ตัวตนแม้กล่าวอย่างนี้นะครับ เข้าใจอะไร เห็นขณะนี้นะครับ เป็นพาสใหม่นะครับ แล้วก็สามารถที่จะเข้าใจได้ว่าเห็นเป็นสิ่งที่มีจริงๆ ใครจะเปลี่ยนเห็นเป็นอย่างอื่นเนี่ยได้ไหมแล้วก็เห็นเนี่ยเกิดแล้วก็ดับแล้วจะบังคับบัญชาได้ไหมหรือไม่เห็นก็ได้ครับอาจจะสิ่งที่ปรากฏทางกายเย็นขณะนี้นะครับ จะให้เปลี่ยนเย็นเนี่ย เป็นเสียงก็ไม่ได้จะเห็นเย็นเนี่ยครับก็ไม่ได้แต่ว่าธาตุเย็นนะครับ หรือว่าธาตุไฟนะครับ ที่มีจริงๆ นะครับ เห็นว่าตอนนี้กำลังปรากฏ แต่ที่ปรากฏได้นะครับ เพราะอะไร เพราะว่าธาตุเย็นหรือว่าพลาดไฟเป็นสิ่งที่มีจริงๆ ขนาดนี้นะครับ เป็นธรรมะอย่างหนึ่ง เป็นธรรมะที่ไม่รู้อะไรเลยแต่สามารถที่จะกระทบกับกายใประสาทะได้ แม้กายก็ไม่ใช่ถ้ารู้ นะครับ แต่ก็มีจริงๆ แต่เมื่อกระทบแล้วนะครับ มีธาตุรู้เกิดขึ้นเพราะอาศัยการกระทบกัน จึงรู้เย็นขนาดนั้นอันนี้ก็เป็นความละเอียดนะคะ ถ้าบุคคลที่ไม่ได้ฟังพระธรรมเลย จะคิดอย่างนี้ไหมแล้วจะเข้าใจอย่างนี้หรือเปล่าดังนั้นที่อาจารย์นพกล่าวเมื่อสักครู่นะครับ ก็เตือนไม่ให้เป็นผู้ที่ประมาทนะครับ ว่าโอกาสที่จะได้ฟังหรือว่าฟังธรรมะเมื่อมีโอกาส งั้นอ่ะขณะสูตรนะครับ ก็ประกาศก็ แสดงไว้นะครับ ว่าแม้บุคคลนั้นนะครับ สะสมปัญญามาอยู่ในเกิดในการะของท่าสมาร์ทพระเจ้ายังพระชนม์อยู่ แต่ถ้าพระผู้มีพระภาคไม่ทรงแสดงพระธรรม บุคคลนั้นก็ไม่มีโอกาสนั้นก็ไม่ใช่ขนาดไม่ใช่สมัยที่อยู่ประพฤติปริมาจัดนั้นต้องอาศัยพระธรรม กับที่พระภูมิภาคทรงพระมหากรุณาแสดง นะครับ เพื่อให้บุคคลนั้นเข้าใจ งั้นบุคคลที่ติดตามครับผู้มีพระภาคเพื่อฟังพระธรรมนั้นการฟังนะครับ เพื่อความเข้าใจแต่ว่าความเข้าใจที่จะเกิด แต่ละบุคคลก็คงจะทราบนะครับ ว่าการฟังแต่ละครั้งความเข้าใจแต่ละครั้งที่ได้ยินได้ฟังก็เล็กๆ น้อยๆ นะครับ สะสม ทีละเล็กทีละน้อย จนกว่าที่จะเริ่มเข้าใจถูก ว่าที่กล่าวสิ่งที่มีจริงๆ นะครับ จิตนำไปป่ะไม่ใช่อย่างอื่นไม่ใช่สิ่งที่จะเป็นชื่อเป็นทาสเป็นธรรมดาต่างๆ แม้ว่าขณะนี้คือสิ่งที่กำลังมีในขณะนี้นั้นขณะแม่ฟังธรรมะนะครับ แต่ว่าจิตนะครับ น้อมไปที่จะเข้าใจสิ่งที่มีจริงๆ ในขณะนี้นะครับ บังคับบัญชาไม่ได้เลยแต่ว่าสะสมฟังแล้วฟังอีก มีปัจจัยที่จะให้ความรู้ความเข้าใจนะครับ เข้าใจในสิ่งที่มีในขณะนี้ งั้นทำมันนะครับ ก็เป็นเรื่องของการสะสมการปรุงแต่งมีเหตุปัจจัยที่จะให้เกิดความรู้ความเข้าใจในแต่ละครั้งที่ฟัง และก็มีการน้อมไปไม่มีตัวตนที่จะนอนค่ะแต่ว่าเป็นสังฆารักฉันจัดการเข้าใจที่เล็กน้อยนะครับ แล้วก็น้องไปป์ที่จะเลื่อนเข้าใจถึงสิ่งที่กำลังมีในขณะนี้ ว่าเป็นจริงเป็นธรรมะไม่ใช่สัตว์ไม่ใช่บุคคลไม่ใช่ตัวตนนะครับ บังคับบัญชาไม่ได้แต่มีเหตุปัจจัยเกิดแล้วเกิดแล้วก็ดับทันทีจนกว่าจะเข้าใจอย่างนี้แม้ว่าการสะสมความไม่รู้ก็มากมายมหาศาลแต่ไม่ได้ยินได้ฟังพระธรรมก็ยึดถือใช่ไหมครับเป็นสิ่งนั้นสิ่งนี้บุคคลนั้นบุคคลนี้ มีความเดือดร้อนนะครับ ถ้าพลาดหรือว่าสูญหายหรือว่าอะไรต่างๆ จากสิ่งที่สำคัญว่ามีแต่ตามความเป็นจริงแต่ละคณะนะครับ มี และก็ไม่มี จนกว่าที่จะเริ่มเข้าใจอย่างนี้ที่เล็กน้อยมากขึ้นค่อยๆ สะสมนะครับ ความรู้ความเข้าใจที่จะเข้าใจถึงสิ่งที่มีนะครับ มากขึ้นเรื่อยๆ ตามกำลังปัญญา พักนี้คือประโยชน์ที่เกิดขึ้นนะครับ จากการที่มีการได้ยินได้ฟังความจริง เชิญคุณอาทิตย์ครับ ตามความเข้าใจของผมเนี่ย นำมารูปเกิด และดับตลอดเวลาแล้วก็ได้ทราบมาว่า น้ำ และรูปเนี่ยมีความเกิดดับที่มีความเร็วที่ต่างกันโรคจะเกิดดับช้าหัวน้ำ๑๗เท่าถ้าหากความเข้าใจของผมนั้นถูกต้องกรณีตัวอย่างว่าผมเห็น ถ้าเห็นคนที่ดับไปแล้วก็ผมก็คิดว่ามันเป็นไมโครโฟนหรือเป็นดอกไม้เนี่ยนะครับ ความสัมพันธ์ ระหว่างรูป และนามที่เกิดดับในกรณีเห็นเนี่ยเป็นอะไรครับ


    ฟังธรรมจากหัวข้อย่อย

    หมายเลข 193
    30 ม.ค. 2567

    ซีดีแนะนำ