พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 877


    ข้อความนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบแก้ไข

    ตอนที่ ๘๗๗

    ที่มูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา

    วันอาทิตย์ที่ ๖ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๖


    จะขออ่านช่วงแรกนะคะ แล้วจะขอกราบเรียนท่านอาจารย์ถึงความเข้าใจโดยเฉพาะสภาพธรรมะที่มีจริงค่ะ เพราะเหตุไรทำมั่มีขันธ์เป็นต้นจึงไม่ควรถือมั่นกราบเรียนให้ใจ คุณจริง และก็คงไม่ลืมนะคะ เราต้องฟังแถวมาม่าล้านแต่ก็ลืมอยู่เสมอ เพราะฉะนั้นฟังเท่าไหร่ก็ไม่พอจนกว่าสามารถที่จะเข้าใจสิ่งที่มีจริงที่กำลังปรากฏนะคะ จนกระทั่งไม่ว่าเมื่อไหร่ที่มีสภาพธรรมะได้ สิ่งที่ได้ฟังเข้าใจแล้วที่ค่อยๆ สะสมอยู่ใน เพื่อจะทำให้สามารถมีศักยภาพถึงมะที่เกิดขึ้นระลึกได้ทั้งหมดต้องไม่ลืมนะคะ ไม่ใช่หรอกไม่ว่าจะชุดใหม่ว่าจะมี คือสิ่งที่มีจริงเข้าคณะ เพราะฉะนั้นฟังแล้วฟังอีกก็เพื่อที่จะให้ไม่ลืมจริงๆ ว่าขณะนี้สิ่งที่มีจริงแนะผู้มีทรงจะทรงแสดงให้เราได้เข้าใจความจริงนั้นแต่ก็มึงแน่จริงแสนหรือแยกนี้ ให้เห็นวิธีจุดให้เข้าใจความจริงของสิ่งที่ปรากฏ อยู่ต์ จี จากในบำเพ็ญบารมีจนศรีลังกา และที่จะสำนักงานมาก เพื่อที่จะเข้าใจถูกเห็นถูกในสิ่งที่มีจริงๆ เพราะฉะนั้นขนาดนี้นะคะ เปรียบได้แบบเหมือนอยู่ในความมืดทั้งๆ ที่สว่าง แต่จะวางยังไงก็ไม่เห็นความจริงหูสภากับแม่ จริงๆ สิ่งที่สุดใช้คำว่าอริยสัจจะความจริงที่ประเสริฐไม่มีสิ่งใดจะเปรียบได้คือความจริงของสิ่งที่มีในขณะนี้นะคะ อยู่ในความมืดขณะที่ยังไม่ได้ฟังพระธรรมยังไม่เข้าใจเลยแม้ว่าสิ่งที่ปรากฏเนี่ยชั่วคราวจริงๆ ค่ะ พิสูจน์ได้นะคะ เห็นกับได้ยิน ไม่ได้พร้อมกัน เป็นสภาพธรรมะที่ต่างกันเห็นจะไปรู้เสียงไม่ได้ ได้ยินก็จะมารู้สิ่งที่กำลังปรากฏในขณะนี้ไม่ได้เพราะเห็นว่าธรรมะคือสิ่งที่มีจริงที่เกิดปรากฏเป็นอย่างนั้นตามเหตุตามปัจจัย เพราะฉะนั้นแม้ว่าจะมีการเห็นการได้ยินการได้กลิ่นการลิ้มรสการรู้สิ่งที่กระทบสัมผัส และคิดนึกนะคะ ทุกวันตลอดวัน ไม่ขาดไปเลยสักขณะเดียวแต่ก็ไม่รู้ความจริงมานานแสนนา ถ้ารู้ความจริงนะคะ คงไม่ต้องอาศัยทั้งผู้ได้ยินคำว่าเป็นสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้ทรงกระสุน ชาตินี้ค่ะมีศรัทธาที่จะฟังมั้ย เพราะฉะนั้นจะเห็นได้นะคะ ว่าแม้แต่คำที่เราได้ยินได้ฟังบ่อยๆ เช่นคำว่าศรัทธาสภาพธรรมะที่ปองใส่ไม่เป็นไปกับโรภาสหรือว่าโทสะหรือโมหะขณะนั้นนะคะ ก็เป็นสภาพที่เริ่มที่จะรู้ว่า ต์ซีดีเป็นสิ่งที่ควร ใครคิดยังงัยบ้างใครไม่คิดอย่างนี้บ้าง ความจริงก็เป็นแต่ละธาตุในแต่ละคณะนะคะ ซึ่งเกิดขึ้นเป็นอย่างนั้น เพราะฉะนั้นแม้แต่ศรัทธาได้ยินคำเดียวค่ะศรัทธาในอะไรมีตั้งหลายอย่างในความดีในความ ถูกใจจูบ ต่างกันไปนะคะ เพราะว่าชีวิตก็หลากหลาย ส่วนแต่จะดีขึ้นดีไหมนี้ค่ะ ก็เป็นสิ่งที่ควรที่จะได้ไตร่ตรองนะคะ และจะมีใครมาเตือนเรานะคะ ว่าขณะนี้ไม่ดีตรงไหน และก็ควรจะดีขึ้นจากตรงที่ไม่ดีเช่นไม่ได้มีความเข้าใจถูกในสิ่งที่ปรากฏอย่างเลย ท่านวิสันก็ทำเข้าใจว่าจะเป็นความเข้าใจผิดได้ยังไงนี่ดอกอะไรดอกกุหลาบจะเป็นความเข้าใจผิดได้ยังไงใช่ไหมคะก็เข้าใจดอกกุหลาบเป็นดอกกุหลาบแต่ว่าเป็นของธรรมดาที่ไม่ได้รู้ความจริงของสิ่งที่เพียงปรากฏแค่นี้ค่ะก็แสดงถึงความลึกซึ้งอย่างยิ่งของสิ่งที่มีจริงนะคะ ซึ่งจุดปิดไว้การไม่ได้ยินไม่ได้ฟังวาจาสัจจะให้กล่าวถึงความจริงของสิ่งที่กำลัง ได้ยินได้ฟัง ผู้ทรงการ์ดรู้ความจริงเพราะความจริงของสิ่งที่มีก็แสดงว่าก่อนนี่ไม่รู้ไม่เข้าใจจริงๆ จึงต้องอาศัยการอ่านว่าผู้ที่ส่งศัตรูโดยทรงแสดงความจริงของสิ่งที่มีจริง มีถูกกันรุ่นปืนของสัตว์เ๔ยงเพียงเล็กน้อยมากนะคะ เพราะว่าเห็นสัตว์คณะที่จะ แต่ในขณะที่กำลังฟังก็ต้องมีศรัทธาที่จะ เราเริ่มรู้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่มีจริงในชีวิตประจ ไม่มีความเข้าใจถูกต้องในสิ่งนั้นเลย เพราะฉะนั้นสัตว์ฆ่าเพื่อน กับการที่จะขอได้ฟังความจริง ของสิ่งที่มีจริงเพื่อที่จะได้มีความเห็นที่ถูกต้องถ้ามิฉะนั้นแล้วนะคะ ศรัทธาในการฟังไม่มีมีแต่ศรัทธาอื่นเช่นศรัทธาในการทำความดีการช่วยเหลือสังคมหรืออะไรก็แล้วแต่แต่ยังไม่มีศรัทธาที่จะเข้าใจสิ่งที่มีจริงซึ่งยากที่จะรู้ได้ ถ้าไม่มีการตรัสรู้ของพระสัมมาทรัพย์ ถ้าไม่ทรงแสดงพระธรรม ไม่มีใครสามารถที่จะรู้ เพราะฉะนั้นฟังแล้วฟังอีกนะคะ ไม่ใช่ให้ไปจำเรื่องอื่นเลยค่ะแต่เข้าใจว่าไม่รู้อะไรนะคะ ไม่รู้ว่าเห็นขนาดนี้ไม่ใช่เราเป็นเพียงสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วก็ดับไปมิฉะนั้นจะเข้าใจ คุณวิลัยกล่าวถึงคำนี้จากข้อควรในมโนซากุระนี้อาจจะ เชิญทุกท่านอีกครั้งหนึ่งค่ะทุกครั้งต้องเข้าใจ เพราะเหตุไรทำมั่มีขันธ์เป็นต้นจึงไม่ควรถือมั่น ค่ะ พอเริ่มรู้ในการว่าขณะนี้มีสิ่งที่ปรากฏ และสั้นมากชั่วคราวมากเพราะว่าอะไรคะบางคนจะเข้าใจว่าเห็นด้วยได้ยินด้วยแต่ความจริงเห็นเป็นเห็นได้ยินเป็นได้ยินรู้ความจริงของเห็นเป็นเห็นหรือยัง รู้ความจริงของได้ยินเป็นได้ยินหรือจะคือไม่มีใครเลยสักคนนะคะ เป็นธรรมะจริงๆ ทุกคำต้องตรงถ้ากล่าวว่าเป็นธรรมะสิ่งที่มีจริงเกิดขึ้นปรากฏแล้วดับไปจะเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นไม่ได้จะบอกว่าเป็นเราไม่ได้ เพราะฉะนั้นจากการที่ไม่มีเข้าใจเงินขณะนี้เห็น บีจีเกิดแล้วจึงเห็นเห็นแล้วก็ดับไปดับไปก็ไม่กลับมาอีกจะยึดมั่นในสิ่งนั้นเลยค่ะในเมื่อไม่มีเหลือเท่ากับยึดมั่นในสิ่งที่ไม่มีแล้วค่ะลองคิดดูว่าจะมีความเห็นถูกความเข้าใจถูกลอยแพที่จริงในตลอดชีวิต ยึดมั่นในสิ่งที่เพลงเกิดขึ้นปรากฏ ฯลฯ แล้วก็ไม่มีแล้ว ก็เริ่มจะฉลาดขึ้นหน่อยนึงนะคะ ถ้าสามารถที่จะรู้ว่าถูกต้องคำนี้เป็นคำจริงแต่อย่างไรจึงจะไม่ยึดมั่นได้นี่เป็นสิ่งเส้น ไม่มีใครสามารถที่จะ นอกจากนี้ความเข้าใจขึ้น อาจารย์ได้กล่าวว่าอยู่ในความมืดครั้งที่สลากความมืดในที่นี้ก็คือเอาวิชาแต่จริงๆ แล้วถ้าสว่างก็หมายถึงว่าขณะนี้ก็ต้องมีสิ่งที่ปรากฏทางตาให้เห็นด้วย ค่ะเราเรียกว่าสวาทแต่เมื่อไม่เข้าใจความจริงของสิ่งที่ปรากฏความไม่เข้าใจสว่างไม่ได้เพราะยังไงก็เห็น และมีสิ่งที่ปรากฏต่อไปแล้วก็ไม่รู้ความจริงของสิ่งที่แปลก กระชั้นก็เข้าใจว่าขณะนี้สวาทแต่สว่างเป็นเพียงสิ่งหนึ่งที่มีจริงที่ปรากฏเมื่อจิตเห็นเกิดขึ้นเหมือนเสียงมีจริงไหมเจ็บได้ยินเกิดขึ้นได้ยินเสียง เผชิญสิ่งนี้ก็เป็นสิ่งที่มีจริงอย่างนึงนะคะ ที่ปรากฏในขณะที่จิตเห็นเกิดขึ้นเท่านั้นเองค่ะแล้วก็หมดไปนอนหลับสนิทไม่มีเห็น กระเส็นสิ่งต่างๆ แบบนี้ก็เป็นสิ่งที่ชั่วคราวนะคะ แล้วก็เป็นเพียงสิ่งที่เหมือนอย่างอื่น ที่เกิดขึ้นปรากฏแล้วก็ได้ เช่นเสียงไม่มีแล้วแม้แล้วก็หมด เพราะฉันเห็นขณะนี้ตามความเป็นจริงคือปรากฏนะคะ แล้วก็หมดไปเมนกับเสียงขณะใดปรากฏ และก็หมดไป เพราะฉะนั้นสิ่งหนึ่งสิ่งใดที่เกิดแล้ว ตายมาระเมื่อวานนี้เราพูดจิงนะคะ ซึ่งจะเป็นคำที่เราใช้คำว่ามารหรือมาระ แต่ก็คือสิ่งหนึ่งสิ่งใดนี่ และเดี๋ยวนี้เองค่ะเกิดแล้วก็ตาม ไม่ต้องคั้นเองก็เป็นมารด้วยแน่นอนค่ะอะไรก็ตามที่เกิดระดับเราใช้คำว่าตายเพราะเราไม่รู้กันดับเร็วมากเลยนะคะ เวลานี้อะไรตายบ้างยังไม่เห็นอะไรตายสักอย่างแต่ว่าเกิดแบบอย่างเร็ว และก็สืบต่อนะคะ จนปิดบังไม่ให้เห็นการตายหรือกันดับไฟ ของสิ่งที่กำลังดับอยู่ในขณะนี้ ในการแล้วถ้าไม่รู้จักขันธ์ตามความเป็นจริงก็ถือมั่นยึดมั่น แน่นอนค่ะ ทุกวันนี้ก็ยึดมั่นอยู่แล้วใช่ไหมคะมีอะไรอะไรอะไรอะไรที่ว่ามีนก็คือความยึดมั่นในสิ่งซึ่งเพียงแค่ แล้วก็ไม่กลับไปอีกเลยเมื่อไหร่จะรู้จริงๆ อย่างนี้ค่ะนี่คือสิ่งที่พระผู้มีพระภาคทรงตรัสรู้ และทรงแสดงให้คนอื่นเนี่ยสามารถที่จะเข้าใจถูกเห็นถูกตามความเป็นจริงได้เราไปเห็นเพียงความไม่แน่นอนของความตาย แต่เดี๋ยวนี้ก็ไม่ได้นอนใหญ่นั้นเหมือนกันเลย และก็ทุกอย่างด้วยปรากฏจริงๆ ตายจริงๆ บทจริงๆ แต่ต้องเป็นปัญญาที่สามารถที่จะรู้ว่าสิ่งซึ่งเหมือนที่กดเป็นรูปร่างสมฐานร่วมกัน Ccในแท้ที่จริงก็มีลักษณะแต่ละหนึ่งนะคะ หลากหลายมากเกิดขึ้น และก็ดับไป เพราะฉะนั้นมาระ ตายในขณะนี้ก็คือธรรมะเกิดแล้วดับไปนั่นเองความเป็นคันว่างเปล่างั้นเรายังติดข้องในสิ่งที่ไม่มี อาจารย์กล่าวถึงเราจึงปิดของแม่ในสิ่งนั้นไม่มีด้วยเพราะเกิดแล้วก็หมดไป ข้อความต่อไปนะคะ ท่านอาจารย์ท่านกล่าวว่าเขาธรรมะเหล่านั้นไม่ตั้งอยู่โดยอาการที่จะยึดถือไว้ค่ะขาดตรงตามที่กล่าวถึงบิกินี่ใช่มั้ยคะเหมือนมีอยู่ตลอดเวลาแต่ความจริง ต้องตรงตามที่เป็นวาจาสัจจะ ดูไม่มืดเลยใช่ไหมคะทางตา ทั้งดีธรรมะเกิดแล้วต้องดับไป แต่ความไม่รู้ในธรรมะตามความเป็นจริงอุ้มหอม จริงอยู่ธรรมะเหล่านั้นแม้ตนจะยึดถือเอาว่าสังขารทั้งหลายเป็นของเที่ยงเป็นสุข และเป็นอัตราก็ย่อมสำเร็จผลว่าเป็นของไม่เที่ยงเป็นทุกข์เป็นอนัตตา สั่งแล้วก็เลยทั้งหมดได้ยินแล้วทั้งนั้นเลยสังขารทั้งหลายหมายความถึงสภาพธรรมะที่มีปัจจัยปรุงแต่งเกิดขึ้น และดับไป ไม่เพียงก็คือเกิดขึ้น และก็ดับไป ก็ฟังอย่างนี้นะคะ จนกว่าไม่ลืมค่ะ ขณะใดที่เห็นไหมเล ขณะที่ได้ยินไม่ลืมที่จะถึงความเป็นจริงคือเป็นเพียงสิ่งที่มีลักษณะอย่างนั้นเกิดขึ้นเป็นอย่างนั้นเพราะเหตุปัจจัยแล้วก็ได้ เพราะฉะนั้นคำถามที่ทรงแสดงเมื่อ๒๕๐๐กว่าปีนะคะ ไม่ใช่เพื่อให้คนยุคนั้นทั้งหมดที่ได้ฟ้า ประจักษ์แจ้งความจริง ได้ทันทีต้องแล้วแต่การสะสมว่าบุคคลนั้นอ่ะเคยฟังมาแล้วนานเท่าไหร่ สองแอดสองขายโดยแหวนหนึ่งอาจส่งขายหรือว่าแสนกัปแต่ก็มีความเข้าใจขึ้นมั่นคงขึ้นเหมือนกับการสะสมไหนคะไม่เคยสะสมความเข้าใจสิ่งที่กำลังปรากฏแต่พอฟังแล้วจะเข้าใจมากน้อยแค่ไหนก็เริ่มสะสมความเห็นถึง ซึ่งวันนึงนะคะ ก็สามารถที่จะรู้ว่าสิ่งที่ได้ยินได้ฟัง และเป็นความจริงอย่างที่ได้ฟังนั่นแหละแต่ว่าต้องเข้าใจขึ้นจึงสามารถที่จะคล้ายกันยึดถือสภาพธรรมะซึ่งกำลังเกิดดับสืบต่ออย่างเร็วว่าแท้ที่จริงแล้วทั้งหมดนะคะ แต่ละเด้งไม่เที่ยง เกิดขึ้นแล้วก็ดับไป รู้อย่างนี้ดีมั้ยคะ เพราะอะไรต้องมีคำถามไปตลอดค่ะไม่ใช่ว่าดีเท่านั้นเพราะอะไร ทำไมไวดีค่ะรู้อย่างนี้ทำไมไม่ดีราเป็นความจริงค่ะใครไม่อยากรู้ความจริงก็ได้ใช่ค่ะระหว่างรู้ความจริงกับรู้สิ่งที่ไม่จริงจะรู้อะไรเท่านั้นเองไม่ว่าในทางโลกทางธรรมนะคะ ทุกคนก็ไม่อยากจะได้ยินได้ฟังสิ่งที่ไม่จริง ไม่มีประโยชน์เลยร่วงหลอกทำไมพูดทำไมให้หลงเชื่อทำไมเพราะไม่จริงแต่ถ้าเป็นสิ่งที่มีจริงแล้วนะคะ ไม่มีอะไรที่ไพเราะ และก็น่าฟังภาวะเปลี่ยนความจริงไม่ได้ความจริงเป็นอย่างนี้เอง เพราะฉะนั้นก็สะสมอุปนิสัยการคุ้นเคยกับการฟังพระธรรมจนกระทั่งสามารถที่จะมีความเห็นถูก จนกระทั่งสามารถที่จะรู้คุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และพระรัตนตรัยว่าถ้าไม่มีพระรัตนตรัยนะคะ ไม่มีโอกาสเลยที่จะมีความเข้าใจแม้สักเล็กน้อยหน่อยสิที่กำลังปรับ จากนั้นรู้ความจริง จริงแท้ถึงที่สุดก็คือความเป็นธรรมมะนั่นเอง เที่ยงเป็นทุกข์เป็นอนัตตา ฟังมานานเหมือนเดิมเท่าเดิมหรือเปล่าคะ ความจริงขยับขึ้นทีละเล็กที่ละน้อยมากนะคะ เหมือนกำลังย่ำเท้าอยู่เรื่อยๆ ให้ก้าวไปอย่างมั่นคงแต่ไม่รู้ตัวนะคะ ว่าแท้ที่จริงแล้วการฟังแต่ละครั้งเนี่ยทำให้มั่นคงในสิ่งที่ได้ยินได้ฟังแม้ยังไม่ประจักษ์แจ้งความจริงนั้นแต่ก็ไม่เปลี่ยนแปลง รู้ว่านี่เป็นสิ่งที่สามารถที่จะรู้ได้ ไม่เข้าใจอยู่นี่นะคะ ถูกต้อง และความเจ็บคอ เพราะฉะนั้นไม่มี ที่จะมีความ มีผู้ที่เขียนมาเรียนถามท่านอาจารย์นะคะ ว่าปัญญาคือความรู้ความเข้าใจธรรมะที่กำลังปรากฏไม่ใช่ตัวตน คลังพระธรรมนี้เข้าใจเบื้องต้นว่าถ้าปัญญาไม่เกิดก็จะมีการยึดถือธรรมะที่กำลังปรากฏว่าเป็นตัวตนตลอดเวลาในสังสารวัฏอันยาวนานจนคุ้นเคยเป็นปกติธรรมดา เห็นผิดเข้าใจผิดว่าเป็นตัวตนตลอดมาจนถึงในขณะนี้เองขอความกรุณาเรียนถามว่าข้อที่หนึ่ง ปัญญาเกิดรู้ธรรมะที่กำลังปรากฏคืออย่างไรกราบเรียนท่านอาจารย์ เกิดหรือยัง ปัญญานั้นเกิดหรือยังคะ ท่านเขียนว่าปัญญาเกิด รู้ธรรมะที่กำลังปรากฏคืออย่างไร เพราะฉะนั้นปัญญาเกิดรู้ธรรมะที่กำลังปรากฏเกิดเลี้ยง แล้วจะรู้ได้ยังไงอะคะ แต่ว่าขณะนี้กำลังฟังธรรมะรู้ได้ใช่ไหม ฟังแล้วฮือใจสิ่งที่กำลังได้ยินได้ฟังตื่นใช่ไหม สรุปไหมคะถ้าสู้ก็คือว่ารู้จักปัญญาคันนี้ค่ะแต่จะไปรู้จักปัญญาคันอื่นที่ยังไม่เกิดได้ยังไงในเมื่อยังไม่เกิด เพราะฉะนั้นปัญญาขั้นไหนเกิดก็รู้ปัญญาขั้นนี้ว่าปัญญาขั้นฟังจากการที่ไม่เคยฟัง และเกิดแล้วเป็นปัญญาที่ได้ฟัง นั้นแต่ปัญญาก็ต้องมีหลายระดับ แน่นอนค่ะขั้นฟังก็คือคันเรื่องราวของธรรมะที่เป็นความจริงแต่ก็ไม่ใช่ตัวธรรมะที่ไม่เที่ยงเป็นทุกข์เป็นอนัตตา ปริยติปฏิปฏิปฏิเวทท่าคงไม่ลืมนะคะ ไม่เคยได้ยินได้ฟังเลย ฟังแต่คนอื่นมานานมากคนโน้นบ้างคนนี้บ้างพูดอะไรก็พูดเรื่องสิ่งที่กำลังปรากฏเนี่ยแต่ไม่ได้พูดจริงสิ่งนี้คืออะไร เกิดขึ้น และดับไปเพราะเหตุปัจจัยอย่างไร และหนทางที่จะทำให้เข้าใจขึ้นก็คือคำพูดที่กล่าวถึงสิ่งที่มีจริงจริงขณะนี้นั่นเอง ถ้าไม่มีคำใดๆ เลยนะคะ นั่งกันเฉยๆ สามารถที่จะเข้าใจสิ่งที่กำลังปรากฏในขณะนี้ ก็ไม่ได้เชิญค่ะ เพราะฉะนั้นสำหรับแม่บุคคลในครั้งพุทธกาลนะคะ พานั่งนิ่งนะคะ ก็คือพิจารณาหรือเข้าใจสิ่งที่กำลังปรากฏมีการกระทำสองอย่างสนทนาคำหรือนั่งนิ่งๆ ไม่ต้องไปหาคำถาม และต้องไปคิดอยากที่จะให้ถามนะคะ แต่ว่าฟัง สิ่งที่ มีจริงๆ นะคะ แล้วก็แลกเปลี่ยนสนทนากันเพื่อที่จะได้มีความเข้าใจเพิ่มขึ้นว่าคนนี้คิดอย่างไรคนนั้นเข้าใจอย่างไรถ้าไม่มีก็คือว่านั่งนิ่ง นั่งนิ่งๆ ไม่ใช่นั่งหลับ นะคะ เรียกว่าไม่ใช่ว่าไปทำอย่างอื่นเลยคะแต่หนิงที่นี่เพราะได้ฟังธรรมะแล้วแล้วก็มีธรรมะกำลังปรากฏ เพราะฉะนั้นการที่จะรู้ว่าขณะนั้นเป็นธรรมะก็โดยไม่ลืมว่าแม้แต่ลักษณะหนึ่งลักษณะ อันนี้จริงๆ ก็ปรากฏให้รู้ว่านั่นเป็นสิ่งที่ได้ฟังมาแล้ว เป็นสิ่งที่มีจริงอย่าง แต่การครั้งใหม่ เพราะฉันฟังอยู่เรื่อยๆ บ่อยๆ นะคะ เพื่อการเดี๋ยวกินเผื่อเข้าใจจริงๆ จนกระทั่งไม่ลืมไม่สามารถที่จะรู้ความจริงนั้นเพิ่ม ไม่มีหนทางอื่นที่จะไปถามว่าปัญญารู้อย่างนั้นเป็นยังไงทำยังไงแล้วไม่ใช่ ผู้กองกล่าวถึงปัญญายังไม่พอตั้งทั้งที่กำลังฟังในสิ่งที่กำลังมีจริงที่กำลังปรากฏแต่ก็ไม่ได้ปัญญาที่จะรู้ตัวจริงที่ปรากฏในขณะนี้ท่านพระอานนท์ฟังมานานเท่าไหร่ ท่านพระสารีบุตรฟังมานานเท่าไหร่ อาจารย์พระมหากษัตริย์ป้าท่านพระอนุรุทธะฟังมานานเท่าไหร่มาณมากๆ ค่ะแล้วเราหล่ะค่ะถามถึงปัญญาที่รู้ความจริงของสภาพธรรมะโดยที่แบบเพิ่งจะฟังเรียกว่าถ้าฟังมานานแล้วก็ต้องสามารถที่จะรู้ว่านานเท่าไรวันเดือนปีไม่มีใครสามารถจำได้ ชาติไหนได้ฟังชาติไหนไม่ได้ฟังน้อยฟังมากก็ไม่รู้นะคะ แต่ว่ากำลังฟังสามารถจะรู้ได้ไง สะสมความเข้าใจ ๗เข้าใจแม้คำที่ได้ยินขณะนี้ เป็นสีที่มีจริงๆ ช่วงแข็งแค่ชั่วคราวนี้คนนั้นไม่สงสัยฉันเห็นไม่ใช่ได้ยิน ไม่คิด ไม่ใช่สิ่งที่ปรากฏให้เห็น ไม่ใช่ความสุขไม่ใช่ความทุกข์ พระจันทร์ก็จากการที่สะสมมานะคะ เพียงฟังก็สามารถที่จะเข้าใจ ทุกข์ความไม่รู้มีมากนะคะ ทั้งๆ ที่เพื่อสามารถสำรวจโดยเจ้าทรงแสดงถึงธรรมะที่เป็นครรภ์ไม่ควรยึดมั่น ถือมันทั้งๆ ที่สิ่งเหล่านี้เป็นธรรมะไม่เที่ยงเป็นทุกข์เป็นอนัตตาแต่เราก็ยังยึดถือว่าเป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใดก็เพราะไม่รู้ตามความเป็นจริงนั้น เพราะฉะนั้นที่แบบฟังเลยค่ะมาเพื่อจะรู้สิ่งที่กำลังเกิดดับเดี๋ยวนี้ประจักษ์แจ้งที่จะทำหรือว่ามาเพราะรู้ว่ายังไม่เข้าใจพระธรรมที่ทรงแสดงโดยละเอียด เพราะฉะนั้นฟังเพื่อเข้าใจก่อนแน่นอนก่อนที่จะไปประจาดกันเกิดปรากฏสภาพประมาทหรือรู้ความเป็นธรรมมะ ก็ต้องมีความเข้าใจเพิ่มขึ้น เพราะฉะนั้นทุกท่านมาเพื่อฟังแล้วเข้าใจขึ้นเข้าใจขึ้นสะสมฝ่าย อาจารย์คะ เพราะฉะนั้นปัญญาที่จะรู้ธรรมะที่กำลังปรากฏก็ไม่ใช่คันฝั่งที่เป็นปริยัตแต่ต้องขณะขั้นที่สามารถที่จะรู้ตัวจริงที่กำลังปรากฏในขณะนี้ค่ะ ปริยติไม่ใช่ภาษาไทยนะคะ ภาษาบาลีคืออะไรฟังพระพุทธะผช ไม่ใช่เพียงได้ยินนะคะ ด้วยความเข้าใจ แค่นั้นไม่พอค่ะด้วยความรอบรู้อย่างมั่นคงจนเป็นสัจจะญาณจึงสามารถที่จะเป็นปัจจัยให้มีการเข้าใจลักษณะของสภาพธรรมะ อาจารย์ข้อที่สองท่านถามว่าผู้ฟังธรรมะจะรู้หรือไม่ว่าปัญญาเกิด ค่ะรู้จักปัญญาหรือเปล่าคะเนี่ย ปัญญาคืออะไรถ้าคำถามนี้ปัญญาคือความไม่รู้ เพราะยังไม่รู้เลยว่าปัญญารู้ไหม ก็แสดงว่ามีแต่ชื่อปัญญาแต่ไม่ได้เข้าใจเลยว่าปัญญาหมายความถึงความเห็นถูก เห็นอะไรถูกเห็นสิ่งที่มีจริงที่ปรากฏถูกต้องตามความเป็นจริงของสิ่งที่ปรากฏแต่ละหน่วย อาจารย์จะรู้มั้ยในเมื่อเป็นความเห็นถูกความเข้าใจถูกเกิดขึ้น ท่านที่ถามเพราะเขียนมาตอนต้น ปัญญาคือความรู้ความเข้าใจธรรมะที่กำลังปรากฏไม่ใช่ตัวตน เพราะฉะนั้นจะเห็นได้นะคะ คำแรกกับคำสุดท้ายแล้วจะขานกันถ้าไม่ใช้ความเข้าใจจริงๆ เพียงจังแต่ก็สงสัยไปถึงสงสัยปัญญารู้ได้ไหมแต่ตอนตอนเนี้ยบอกแล้วว่าปัญญาคืออะไรรู้อ่ะ ก็ยังไม่มั่นคงนะคะ ยังไม่ได้เข้าใจจริงๆ เพราะฉะนั้นถ้าเข้าใจจริงๆ ปัญญาไม่ใช่ ไม่ต้องเรียกชื่ออะไรก็ได้แต่ขณะนี้มีสิ่งที่กำลังปรากฏ ถ้าไม่สั่งเลยไม่มีทางรู้เลยคะว่าเพียงปรากฏให้เห็นได้หลับตาไม่ปรากฏลืมตา หลับตาอีกก็ไม่ปรากฏเพราะฉันเห็นอะไรเห็นสิ่งที่ปรากฏให้เห็นได้แล้วเป็นใครนะคะ เพียงสิ่งที่ปรากฏเมื่อเห็นเกิดถ้าเห็นไม่เกิดจะมีใครที่ไหนนั่งอยู่ที่นี่รึเปล่า มีใครที่ไหนนั่งอยู่ที่นี่รึเปล่าถ้าเห็นไม่เกิดขึ้น นี่เป็นศรัทธาหรือเปล่าคะที่จะฟังต่อไปเพราะละเอียดยิ่งยาร์ดเยลึกซึ้งยิ่งเป้าบารมีนะคะ คุณความดีที่สะสมเพื่อที่จะละคลายความเป็นตัวตนเพราะทุกบารมีนะคะ เพื่อคนอื่น


    ฟังธรรมจากหัวข้อย่อย

    หมายเลข 193
    29 ม.ค. 2567

    ซีดีแนะนำ