พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 895


    ข้อความนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบแก้ไข

    ตอนที่ ๘๙๕

    ที่มูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา

    วันอาทิตย์ที่ ๕ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๗


    ท่านอาจารย์ เพราะฉะนั้น แทนที่จะตอบควรที่จะให้คนนั้นเข้าใจด้วยความคิดของตนเองจนกระทั่งไม่ต้องถามใครอีกแล้วว่าธรรมะคืออะไรเพราะว่ารู้จักธรรมาสน์แต่ถ้าเพียงตอบเองนะคะ เขาก็ยิ่งสงสัย สิ่งใดก็ตามที่มีจริงที่ปรากฏ เป็นธรรมะคือสิ่งที่มีจริงไม่ทราบว่าเพื่อนที่พามาเมื่อวานนี้เป็นยังไงบ้างคะเพื่อนคุณอาชิตา

    ผู้ฟัง เขาก็ยังงๆ อยู่ค่ะ หนูได้เอาหนังสือพร้อมทำสังเกตที่เป็นภาษาอังกฤษไป

    ท่านอาจารย์ การสนทนาธรรมเนี่ยไม่ใช่การพูดส่วนตัวเพียงสองคนชายย์ เห็นของคุณโน้นบ้างคนนี้บ้างใช่เราจะพูดคน ไม่มีทางเธอจะเข้าใจคำที่กล่าวถึงความจริงที่ทำให้เคยได้ยินได้ทั้งหมด ต์ที่ได้ยินบ่อยๆ คำนั้นไม่ใช่ธรรมของสังคม สองชนิดถึงจะอยู่ค่ะ ที่เป็นธรรมของผู้สาวมอนต์ จีน เห็นเสียงเป็นสิ่งที่มีจริง เขาจะไม่ได้ยินคำนี้ใช่ไหมคะเขาก็จะได้ยินเรื่องราวต่างๆ มากมายเป็นชื่อต่างๆ และเข้าใจว่ากำลังศึกษาธรรมะแต่โดยนัยนั้นเขาจะไม่รู้จัก หรือเปล่าว่าดูสิ่งที่มีจริงซึ่งเป็นตัวแทนวัดแท้ๆ ที่กำลังมีในขณะนี้ เพราะฉะนั้นประโยชน์สูงสุดของท่านที่มีชีวิตไม่นานทุกคนใน คือว่าก่อนที่จะจากโลกนี้ไปซึ่งเกิดมาในขณะที่สุขสบายบ้างทุกข์บ้างน้อยบ้างแต่มีอะไรที่จะติดตามไปสักอย่างเดียวก็ไม่ได้ เส้นผมเส้นเดียว ก็เอาไปไม่ได้นักซิ่งที่เล็กที่สุดนะคะ เพราะฉะนั้นไม่ต้องกล่าวอนุทรัพย์สมบัติเกียรติยศอะไรทั้งสิ้น แต่ว่าสิ่งที่มีค่าที่สุดคือ ไม่เข้าใจความจริงว่าแท้ที่จริงเกิดมาหนะไม่มีสาระ มีแต่สิ่งที่ทำให้ติดข้องนะคะ แล้วก็ไม่สามารถที่จะสละละความติดข้องนั้นได้เลย ถ้าไม่มีการเริ่มรู้เริ่มเข้าใจว่าแท้ที่จริงแล้วแตก และคณะไม่ว่าในชาติไหน โลกไหน ที่ไหน ก็คือสิ่งที่มีจริงจริงที่สามารถจะเข้าใจได้ เมื่อเป็นผู้ที่ได้สะสมบุญไว้ ที่มีโอกาสที่จะได้ฟังแล้วก็ได้เข้าใจด้วย

    การ์ดแท้จานครับ ดูเหมือนว่าการกระทบเช่นจับต้องสิ่งต่างๆ เนี่ยก็เหมือนเป็นปกติในชีวิตจำวันแต่ถ้าไม่มี บุคคลไหนที่กล่าวถึงว่านี่คือธรรมะเนี่ยบุคคลนั้นไม่สามารถจะรู้ได้เลยครับอาจารย์ว่าเป็นธรรมะค่ะได้ยินคำว่าสันสารวัตรได้ยิน คือวนเวียน ไม่รู้จัก นี้หนึ่งฉบับนี้ ดีจะมี สั้นๆ ได้มั้ยก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นแต่เพราะเห็นว่าไม่ได้หยุดเลยตั้งแต่เกิดทุกๆ ขณะเดียวกัมีสภาพธรรมะที่เกิด กิจการงานของสภาพธรรมอันไปจากโลกนี้ไปขณะสุดท้ายที่จิต ทำให้พ้นสภาพความเป็นบุคคลนี้ และดับคือตายทันทีก็เป็นปัจจัยให้ขณะต่อไปเกิดอีกแล้วไม่รู้จบ ก็จะฟังอย่างนี้ไปอีกนะคะ จนกว่าจะเข้าใจขึ้น เพราะฉะนั้นเรื่องเห็นนะคะ เป็นเรื่องธรรมดาที่ได้มั้ย ไม่เข้าใจได้มั้ยเมไม่ในสังสารวัฎหมายความถึงสภาพธรรมะซึ่งเกิดดับสืบต่อไม่ขาดสาย แล้วมีอะไรบ้างล่ะคะไหน การที่จะต้องวนเวียนไปมีสิ่งที่เกิดดับสืบต่อไม่ขาดสายสิ่งนั้นก็คือเห็นบ้างได้ยินบ้างได้กลิ่นบ้าง รู้สิ่งที่กระทบสัมผัสคิดนึก และก็เรื่องราวต่างๆ มากมายซึ่งทำให้ติดของ และทำให้ไม่รู้ความจริงยิ่งขึ้น เพราะฉะนั้นหนทางเดียวก็คือว่ามีโอกาสเห็นประโยชน์ของการได้เข้าใจสิ่งที่มีนะคะ เป็นหนทางเดียวที่จะสิ้นสุดการที่ ไม่มีเราค่ะแต่มีธาตุซึ่งใครก็บังคับบัญชาไม่ได้เลยแต่ละท่าเป็นแต่ละหนึ่งมีเหตุปัจจัยเกิดขึ้นดับ และก็เป็นแปลงภาพที่สำคัญที่สุดที่ปกปิดความจริงก็คือไม่รู้สภาพของธาตุชนิดนึงนะคะ ซึ่งกำลังไม่รู้ไม่เข้าใจสิ่งที่กำหนด และมากด้วยนานแล้วด้วยแต่สามารถจะค่อยๆ ลดน้อยลง เมื่อมีการได้ยินได้ฟังได้เข้าใจตั้งแต่รู้ว่าขณะนี้เห็นเป็นสิ่งที่ควรรู้ยิ่ง และทุกอย่างที่มีก็ควรจะรู้ยิ่งตามความเป็นจริงว่าเป็นเพียงสิ่งที่มีปัจจัยเกิดระดับไป

    อาจารย์ธิดารัตน์ครับเมื่อสักครู่ในช่วงต้นรายการได้กล่าวถึงว่าธรรมทั้งหลายมีใจเป็นหัวหน้าซึ่งข้อความในอรรถถาก็ได้กล่าวถึงเรื่องของนามขันธ์๔คือเวทนาขันธ์ สัญญาขันธ์สังขารขันธ์ และวิญญาณขันธ์ซึ่งถ้ากล่าวถึงนามขันธ์๔นะครับ ใจหรือวิญญาณ เอมี่หัวหน้า รูปลักษณ์คัญ๓ประการนั้นซึ่งก็มีคำเยอะแยะเลยนะครับ แต่ว่าการที่จะเข้าใจว่าขณะนี้เห็นมีย่อมมีจิตแน่ๆ การที่จิตขณะที่เกิด และก็เห็นสิ่งที่ปรากฏเป็นหัวหน้าของนามขันธ์อื่นที่เกิดร่วมด้วยจะให้เข้าใจยังไงบ้างคะ ถ้ากล่าวถึงจริงนะคะ ไม่ว่าจะเป็นจิตประเภทได้นะคะ หรือดวงใดก็ตามนะคะ มีความเป็นใหญ่เป็นอินทรีย์ด้วยนะคะ นี่เป็นบริเวณ๔เป็นใหญ่ในกิจนาทีแล้วก็เป็นประธานของนามธรรมทั้งหลายโดยความเป็นธาตุลง และจิตนะคะ เกิดขึ้นแต่ละขณะนั้นนะคะ ก็มี๗๐ คำว่าเจตเซตนะคะ เป็นนามธรรมที่อาศัยจิตเกิดเจตสิก็ได้นะคะ อาศัยจิต เพราะฉะนั้นจิตก็เป็นใหญ่เป็นหัวหน้าอยู่แล้วนะคะ โดยเจตสิกเนี่ย มาอาศัยจิตเกิดไม่มีจิตเจตสิกก็เกิดไม่ได้หรือโดยนัยกลับกันด้วยนะคะ จิตก็อาศัยเจตสิกเหมือนกันแต่จิตเป็นใหญ่ในนามธาตุทั้งหลายโดยความเป็นธาตุรู้ แล้วก็ยังจิตเห็นเนี่ยนะคะ จิกแนะอังกฤษนาทีอังกฤษเห็นทัศนคติ เพราะฉะนั้นเนี่ยนะคะ ก็เป็นใหญ่ในการเห็นเป็นอินทรีย์ อาจารย์ครับการฟังพระธรรมหรือว่าการศึกษาธรรมะนะครับ ก็ต้องมีคำอื่นๆ ที่พระภาคทรงแสดงว่าสัตว์เอาไว้อย่างเช่นในเรื่องของคัน และก็อรูปขันธ์นะครับ และก็กล่าวถึงเรื่องของจิตซึ่งเป็นใหญ่กว่ารูปขันธ์ซึ่งคำต่างๆ เหล่านี้การที่จะเข้าใจว่าขันธ์คือรูปขันธ์คือเวทนาสัญญาสังขารคือยังไงครับ ความรู้ความเข้าใจที่จะเข้าใจโดยอาศัยคำเหล่านี้คือยังไงครับเราเข้าใจตั้งแต่ต้นแล้วใช่ไหมคะว่าธรรมะหลากหลาย ไม่ใช่มีเพียงหนึ่งคือจิตแม้แตกต่างที่จิตหนึ่งจะเกิดขึ้นก็จะต้องมีสัก ที่อาศัย เป็นปัจจัยให้จิตมันเกิดขึ้นซึ่งเมื่อกี้นี้คุณที่จะหรัฐก็กล่าวถึงสภาพสมัยนั้นซึ่งเกิดกับจิตนะคะ เป็นสภาพรู้แต่ไม่ใช่เป็นใหญ่ในเกาหลีใต้ อย่างจริงว่าสภาพธรรมะนั้นคือเจตสิก เพราะฉะนั้นก็จะเห็นได้ข่าวว่าเมื่อสภาพธรรมะมีมากจะให้พูดคำเดียว อืมก็ไม่ได้ใช่มั้ยคะแล้วแต่ละคำที่พูดเนี่ยไม่ได้เข้าใจลักษณะของสภาพธรรมะนั้นโดยประการทั้งปวงยิ่งขึ้นเช่น๗เมลักษณะ มีเก็บ มีอาการปรากฏมีเหตุใกล้ให้เกิดไม่ใช่ลอยๆ เลยนะคะ แม้แต่เพียงคำเดียวหรือสภาพธรรมะอย่างเดียวเพื่อแสดงเห็นความเป็นจริงว่าไม่ใช่เราเลยค่ะเป็นแต่ละสิ่งซึ่งมีจริงแล้วก็ต้องเป็นไปตามเหตุตามปัจจัยเป็นอื่นไม่ได้เลยคือลักษณะนั้น ไมเกรนแปลงเป็นต้นนะคะ แล้วก็แต่ละสภาพธรรมะก็ยังต้องมีจิตเฉพาะของแต่ละอย่างด้วย เพราะฉะนั้นการฟังเพื่อให้เข้าใจสิ่งที่กำลังมีเดี๋ยวนี้ ขณะนี้เองนะคะ แต่กว่าจะเข้าใจได้ก็ต้องรู้ว่าเคยไม่เข้าใจมานาน น่าจะเข้าใจวันนี้หมดเลย และเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้แต่ว่าแต่ละคำที่ได้ฟังแล้วนะคะ ให้พิจารณาว่าเข้าใจจริงๆ หรือเปล่า เช่นขนาดนี้ค่ะพูดถึงจิตมีจิตเป็นสภาพรู้ธาตุรู้ซึ่งไม่มีรูปร่างใดๆ เลยทั้งสิ้น แต่มีเพราะ ทำหน้าที่รู้สิ่งที่กำลังปรากฏ ขณะนี้จิตทั้งนั้นเลยค่ะไม่มีจิตก็ไม่เห็นไม่มีอะไรปรากฏไม่มีจิตก็เซงก็ปรากฏไม่ได้อะไรก็ปรากฏไม่ได้ เพราะฉะนั้นใครเกิดค่ะ จิตเกิดขึ้นบางทีคุณพ่อคุณแม่อาจจะเตรียมตั้งชื่อไว้ให้ก่อนเกิดด้วยซ้ำไปนะคะ แต่ว่าความจริงไม่ใช่เลยคะธาตุหรือธรรมะเท่านั้นที่เกิดถ้าไม่มีธาตุรู้เกิดขึ้นจะไม่มีการเป็นสัตว์บุคคลใดๆ ทั้งสิ้น ชั้นที่วันเกิดไม่ใช่ แต่เมธารุ่งเก็บขึ้นนะคะ คือจิตพร้อมเจตสิก และโรคคือสภาพที่ไม่รู้ ขณะนี้มีธรรมะประเภทใหญ่สองอย่าง มีสภาพใหม่ที่มีจริงแต่ไม่ ไม่ได้เลย เราเรียกว่าดอกกุหลาบเราเรียกนะคะ และสภาพนั้นรู้อะไรหรือเปล่ามองเห็นคุณไม่ใช่รึเปล่า ไม่เห็นแค่ไม่ใช่เลยเพราะไม่ใช่เห็นไม่ใช่สภาพรู้ธาตุรู้ได้เสนอสภาพธรรมะไม่ว่าจะที่ไหนก็ตามนะคะ ก็จะมีลักษณะที่ต่างกันเป็นประเภทใหญ่ๆ ก่อนค่ะคือสภาพธรรมะอย่างหนึ่งไม่สามารถจะรู้อะไรได้เลย เป็นราวหรือเปล่าเห็นไหมคะเมื่อไม่รู้แม้สภาพธรรมะที่ไม่ใช่สภาพรู้ก็ยังมาเป็นร้า ยูจินของเรา ตาเรา เสียงเรา ฮูเรา จมูกร้าวหรือเปล่าคะ ต้องตอบตามความเป็นจริงค่ะเป็นรูปธรรมซึ่งไม่ใช่ รู้เขาไม่รู้เลยว่ารวมกันแล้วเนี่ยจะไปยึดถือเขาว่าเป็นเรา แต่สภาพนั้นก็เป็นลักษณะนั้นๆ ซึ่งเปลี่ยนแปลงไม่ได้ ได้ฤกษ์สักทีของแท้มา๔เกิดแต่ไม่ใช่สภาพรู้ เดือดร้อนอะไรไม่ใช่ใครจะทุบจะตีจะว่าอะไรต่างต่างนานาเนี่ยเดือดร้อนไม่ได้ไม่รู้อะไรเลยไม่ได้ยินไม่เห็น เพราะฉะนั้นสภาพธรรมะเลยนะคะ เป็นรูปแถบซึ่งหมายความถึงภาพที่ไม่รู้ไม่สามารถจะรู้อะไรได้เลยทั้งสิ้นเดี๋ยวนี้ก็มี ใช่ค่ะเพราะจนก็แยกโลกออกเป็นสองอย่างคือธาตุรู้ไม่มีรูปร่างเลยไปหาที่ไหนก็ไม่ได้สูงต่ำดำขาวอะไรก็ไม่มีหวานเค็มอะไรก็ไม่มีทั้งนั้นนะคะ เกิดขึ้นรู้แล้วก็ได้ แล้วใครไปยับยั้งไม่ให้ธาตุใดเกิดขึ้นบ้าง ใครไปยับยั้งให้ลูกทาสคือภาพที่เกิดแล้วไม่รู้อะไรไม่ให้เกิดได้ไหมไม่ได้แม้แต่ธาตุรู้ซึ่งต้องรู้ทันทีที่เกิดก็ต้องรู้ก็บังคับไม่ให้มีไม่ได้เพราะเหตุว่าทุกอย่างเป็นธรรมะ ในความจริงเป็นอนัตตานะคะ ไม่ใช่ของใครไม่ใช่ใคร และก็ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใครด้วย ต้องฟังอีกนานไหมคะ นี่คือบารมีค่ะ ผู้ที่จะทรงบำเพ็ญพระบารมีตรัสรู้ด้วยพระองค์เองนะคะ อบรมบารมีนานกว่าบุคคลอื่น เพราะฉะนั้นขณะนี้นะคะ พวกฟังคือสาวกค่ะได้ยินได้ฟังสิ่งซึ่งผู้ที่ได้อบรมบารมีมันนานมากกว่าจะรู้ความจริง ทำให้เราได้มีโอกาสได้รู้ว่าขณะนี้มีธรรมะสองอย่าง ไม่ใช่เรา และก็แต่ละอย่างก็คือว่าไม่เหมือนที่เราเข้าใจว่าเป็นคนนั้นคนนี้แต่จำเป็นต้องใช้คำเพื่อแสดงความต่างของธรรมะแต่ละอย่างให้รู้ว่าสภาพที่มีจริงแต่ไม่ใช่สภาพรู้นะคะ ลูกทำส่วนสภาพใดๆ ก็ตามหิว ใหม่ทั้งหมดไม่ใช่ลูกสภาพนั้นเมย์จริงๆ นะคะ ไม่อยากให้เกิดก็เกิดอยากให้เกิดก็ไม่เกิดนะคะ คนชอบบัญชาไม่ได้เลยต้องเป็นไปตามเหตุตามปัจจัยนั้นเขตนามธรรม เพราะฉะนั้นที่ว่าเป็นเราเกิดก็คือนามธรรม และรูปธรรมจิต และเจตสิกซึ่งเป็นนามธรรม และรูปเกิดขึ้นโดยมีกรรมที่ได้ทำแล้วเป็นปัจจัย รูปร่างหน้าตาผิวพรรณ ทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตนี้คาดเกิดขึ้นตามเหตุตามปัจจัย อาจารย์ครับการศึกษาเนี่ยก็มีการสามารถที่จะศึกษาได้ไปเรื่อยๆ ครับอาจารย์เล่นกล่าวถึงจิตกล่าวถึงเจตสิกกล่าวถึงรูป และก็กล่าวถึงเหตุสมุทรท่านที่เกิดรูปต่างๆ ก่อนสู้จะกว้างขวางขึ้นเรื่อยๆ ครับชัดนับประมาณไม่ได้แต่ละเด้งเกิดระดับไป และไม่กลับไปอีกมีปัจจัยที่จะให้สภาพนามธรรมใดรูปธรรมใดเกิดขึ้นก็ไม่ใช่อันเลื่องชื่อ ที่จะ พระจันทร์จะประมาณถ้าได้ไหมคะนานาธาตุไม่ซ้ำเดิมเกิดแล้วก็ดับแล้วก็เปลี่ยนแปลงไปเรื่อยเรื่อย อาจารย์ครับถ้ากล่าวถึงจิตนะครับ ที่กล่าวในพระสูตรในข้างต้นที่กล่าวว่าบุคคลมีใจร้ายหรือบุคคลมีใจดีขณะที่ความร้ายหรือว่าความเป็นอกุศลนะครับ กับความดีซึ่งเป็นฝ่ายที่ดีงาม คือก็น่าคิดบุคคลที่ไม่ได้ยินได้ฟังว่าทำไมบางบุคคลในโลกนี้ใจดีก็มีหรือว่าใจร้ายก็มีความดีหรือว่าความรายนี้มีได้ยังไงครับอาจารย์หรือว่าเกิดขึ้นเพราะเหตุใดครับอาจารย์ รูปภาพไม่ดีกับเธอลบภาพไม่เกิดกับจิตจิตจะไม่ดีๆ เมื่อลบไม่เกิดด้วยก็ไม่ได้ค่ะคือก็ไม่ได้ค่ะแล้วก็ไปไม่ให้รบถ้าเกิดได้ไหมหรือว่าไปหาว่าอะโรภาสเกิดมาได้ยังไง เหมือนกับจิตด้วยค่ะเกิดมาได้ ผัสสะ เวทนาเกิดมาได้ยังไง ก็ต้องมีปัจจัยให้ต้องมีปัจจัยนะคะ แล้วก็เร็วนี้ด้วยค่ะขนาดนี้ที่๗เกิดนะคะ มาจากไหน มาจากจิตขนาดก่อนหรือเปล่า ประการหนึ่งด้วยครับต้องอาศัยจิตขณะก่อนไม่มีจิตขนาดนี้มีได้ ก็ไม่ได้ครับถอยไปแสนโกรธกับ แล้วจะรู้อะไรถ้าไม่รู้ขนาดนี้ค่ะเราไปคิดเรื่องราวมากนะคะ แล้วก็เต็มไปด้วยความสงสัย ใหญ่มาจากไหนแต่ว่าเดี๋ยวนี้มีแล้วเพราะเหตุว่ามีปัจจัยแม้แต่จิตขนาดนี้ก็มีแล้วเพราะว่ามีจิตขนาด เพราะฉะนั้นทำมาเป็นเรื่องที่ละเอียดมากนะคะ แล้วแต่ว่าเราสามารถที่จะเข้าใจได้ระดับไหน ถ้าเราจะคิดถอยไปถอยไปก็แค่คิดแต่ก็ไม่รู้ความจริงของสิ่งที่กำลังปรากฏ เพราะฉะนั้นจะรู้ความจริงของสิ่งที่กำลังปรากฏแล้วจึงจะสามารถรู้ได้ว่าเมื่อกี้เนี่ยหดแล้วเป็นปัจจัยให้ขณะนี้เกิด งั้นเดี๋ยวนี้นะคะ โหมดแล้วเป็นปัจจัยให้ขณะต่อไปเกิดได้ ถ้ายังไม่เกิดก็เป็นไปไม่ได้ เพราะฉะนั้นการที่จะศึกษาธรรมะให้เข้าใจ หมดอย่าลืมนะคะ พระอรหันตสัมมาสัมผลิตเจ้าทรงแสดง ยิ่งสิ่งที่ทำสามารถจากที่ ซ์ก้าเป็นเส้นซึ่งแม่ได้ยินได้ฟังเพียงเล็กน้อย ต์เป็นผู้ที่ละเอียด หลากหลายมากไม่เหมือนกันเลยแต่ละหนึ่งขนาดนี้ต่างกันไปโดยหลายนัยต่างกันโดยสภาพธรรมะที่จิตกำลังรู้เช่นจิตเห็น ไม่ใช่จิตได้ยินค่ะจะเป็นจิตได้ยินไม่ได้เพราะว่าจิตเห็นต้องมีจักขุประสาท จึงสามารถกระทบกับสิ่งที่ ปรากฏเดี๋ยวนี้นะคะ เป็นปัจจัยให้เกิดเจ็บที่รู้เฉพาะสิ่งที่กระทบจักขุประสาทค่ะจะไปดูอื่นไม่ได้เลยเนี่ยคะก็เพียงใช้ชื่อเพื่อให้รู้ความจริงว่าแท้ที่จริงแต่ละหนึ่งขณะนะคะ ก็มีปัจจัยเกิดขึ้น และก็ดับไปแต่ว่าไม่สามารถที่จะเข้าใจโดยละเอียดโดยถ่องแท้จากพระอาจารย์สัมมาสัมพุทธเจ้าได้ แต่รู้ว่าขนาดนี้ครับ ต์ก็เอามาแจกปลาได้แบบแต่ว่ามีฝ่ายเกิดขึ้น ไปนั้นมาจากไหนมองเห็นมะก่อนที่จะเป็นไฟไหม้ไฟอยู่ แต่ถ้าไม่มีปัจจัยที่จะให้เกิดไฟเกิดไม่ได้เลยเราจะรู้หรือไม่รู้ก็ตามแต่ เพราะฉะนั้นปัญญาของเราเพียงแค่จะเข้าใจสิ่งที่กำลังแปล มี ต์ถ้ายังไม่สามารถที่จะเข้าใจจน จินต์ อืม มี แม่ก็ไม่กลับมาอีกแต่ยังจำไว้แล้วก็ยังดี มาเพื่อประโยชน์ที่ว่านั้นเข้าใจสิ่งที่กำลังจะปรากฏเร็วนี้ อีสานยูไนเต็ด ต์เรียกถือเป็นปัจจัยบูชา ที่ได้ยินเป็นเจ็บ ในความเข้าใจของเราก็จะตามลำดับเริ่มขึ้นจนกระทั่งรู้ชัด และก็ละคลายการติดคลองเข้าใจทุกข่าวเท่าที่จะเข้าใจได้ที่เป็นประโยชน์ต่อการที่จะรู้ว่าไม่ใช่เราเช่นสัตว์แต่ว่าเห็นแค่นี้ค่ะเพิ่มอีกรายละจากเห็นนะคะ หมาเป็นสัตว์แต่ว่าเห็น เราสักแต่ว่าเห็น หรือว่าเราไม่รู้อะไรก็สักแต่ว่าเห็นเรียกว่าจะเป็นสัตว์แต่ว่าเห็นเพราะเห็นเกิดระดับ แม้แต่แต่ละคำจะเป็นคำว่าอธิบดีโดยจะเป็นคำว่าอะไรอีกมากมายในพระไตรปิฎกนะคะ ก็เป็นการกล่าวถึงเพื่อเข้าใจสิ่งที่มีจริงให้ละเอียด จนกระทั่งสามารถที่จะเริ่มรู้ลักษณะที่เป็นจริงของสภาพธรรมะ กราบเรียนถามแพทย์อาจารย์ครับจากข้อความในอังคุตตรนิกายเอกนิบาตนะครับ ซึ่งมีข้อความนะครับ ว่าดูกราฟที่สูบทั้งหลายเปรียบเหมือน๕งแหลมของเมล็ดข้าวสาลีหรือแข็งแรงของเมล็ดข้าวเหนียวที่บุคคลตั้งไว้ผิดมือหรือเท้าเหยียบย่ำแล้วจักทำลายมือหรือเท้า หรือจักให้ห้อเลือดข้อนี้มิใช่ฐานะที่จะมีได้ข้อนั้นเพราะเหตุไรเพราะ๕งแหลมของเมล็ดข้าวอันบุคคลตั้งไว้ผิดฉันใดภิกษุนั้นก็ฉันนั้นเหมือนกันจะทำลายอวิชชาจักยังวิชชาให้เกิด จะทำนิพพานให้แจ้งด้วยจิตที่ตั้งไว้ผิดข้อนี้มิใช่ฐานะที่จะมีได้ข้อนั้นเพราะเหตุไรเพราะจิต ตั้งไว้ผิด ดูกราฟภิกษุทั้งหลายเปรียบเหมือน๕งแหลมของเมล็ดข้าวสาลีหรือ๕งแหลมของเมล็ดข้าวเหนียวที่บุคคลตั้งไว้ถูกมือหรือเท้าเหยียบย่ำแล้วจักทำลายมือหรือเท้าหรือจักให้ห้อเลือดข้อนี้เป็นฐานะที่มีได้ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะเดือยข้าว อันบุคคลตั้งไว้ถูกฉันใดภิกษุนั้นก็ฉันนั้นเหมือนกันจักทำลายอวิชาจะยังวิชาให้เกิดขึ้นจากทำนิพพานให้แจ้งด้วยจิตที่ตั้งไว้ถูกข้อนี้เป็นฐานะที่มีได้ข้อนั้นเพราะเหตุไรเพราะจิตตั้งไว้ถูก กราบเรียนถามท่านอาจารย์ครับถ้ากล่าวถึงเรื่องของจิตเนี่ยจากข้อความนี้ก็มีการที่จะยังจิตให้ถูกหรือให้ผิด และแพทย์ คุณวิชัยฟังธรรมะทำไมคะเพื่ออะไร เรียกเข้าใจบ้างตั้งจิตเวชชาติ เพื่อเข้าใจสิ่งที่มีไม่ใช่หวังว่าจะประจักษ์การเกิดดับจะรู้แจ้งหรือสัตว์พราหมณ์จะหมดกิเลส ต์ยังมีอีกมีฉัน ต์ทำให้เข้าใจสิ่งที่ ดีละความไม่รู้ซึ่งเป็นวิชาที่ใหญ่มากนะคะ และจะค่อยๆ ลดน้อยลงไปได้ก็คือว่าเมื่อมีความเข้าใจขึ้นเพื่อเชิญฟังธรรมเพื่อเข้าใจ และก็ทุกคนก็รู้ว่าเมื่อเข้าใจแล้วนะคะ ฝั่งต่อไปอีกก็เข้าใจเพิ่มขึ้นอีกเป็นการสะสมความเข้าใจซึ่ง ความเข้าใจหรือปัญญาเท่านั้นที่สามารถที่จะละความไม่รู้ใดที่จะทำลายความไม่รู้ได้ เพราะฉะนั้นก็ไม่ใช่ฟังด้วยความหวังใดๆ ทั้งสิ้นนอกจากรู้ว่าขณะที่ฟังเข้าใจดับแล้วก็ธรรมดานะคะ แล้วก็เป็นอกุศลอีกก็ธรรมดา และก็ฟังอีกก็เข้าใจขึ้นก็ธรรมดาจะต้องการอะไรยิ่งกว่านี้นั่นคือผิดใช่ไหมคะไม่เป็นปกติที่จะรู้ว่าทุกอย่างเกิดแล้วเป็นสิ่งที่เป็นไปตามเหตุตามปัจจัยที่สะสมมาเมื่อความเข้าใจหน่อยอวิชามีมาก มีหน้าที่เดียวค่ะตั้งจิตไว้ชอบคือไม่ใช่เราตั้งนะคะ แต่วัดสะสมความเห็นถูกว่าอวิชาจะหมดไปไม่ได้ด้วยความหวังด้วยความไม่รู้แต่ต้องด้วยความเข้าใจสิ่งที่กำลังปรับ ทั้งหมดกล่องเริ่มต้นด้วยความเข้าใจเลย


    ฟังธรรมจากหัวข้อย่อย

    หมายเลข 193
    30 ม.ค. 2567

    ซีดีแนะนำ