พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 879


    ข้อความนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบแก้ไข

    ตอนที่ ๘๗๙

    ที่มูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา

    วันอาทิตย์ที่ ๑๓ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๖


    ถ้าไม่มีปริยัติ ไม่มีปฏิบัติ ไม่มีปฏิบัติไม่มีปฏิเวธค่ะ จะมีปฏิเวธท่าโดยไม่มีปริยัติไม่ได้จะมีปฏิบัติโดยไม่มีปริยัติไม่ได้ เพราะฉะนั้นที่สำคัญที่สุดก็คือเมื่อทรงตรัสรู้แล้วทรงแสดง เกษตรฯปริยเรื่องสิ่งที่มีจี้ให้เกิดความเข้าใจขั้นฟังก่อนเมื่อมีความเข้าใจที่มั่นคงเป็นสัจจะญาณ ใครเปลี่ยนแปลงไม่ได้เลยขนาดนี้มีแต่เห็นกับสิ่งที่ปรากฏนี้เริ่มใกล้ชั่วขณะที่เห็นจริงๆ ว่าในขณะนั้นมีแต่เห็นกับสิ่งที่ปรากฏเพราะฉันเริ่มเข้าใจลักษณะของเห็นจากการที่ได้ฟังมานานมากมั่นคงขึ้นก็สามารถที่จะเข้าถึงลักษณะที่เป็น ธาตุรู้ซึ่งไม่มีรูปร่างเลยแต่กำลังเห็น เนี่ยค่ะไม่มีอะไรที่จะมาทำให้เข้าใจได้นอกจากว่าฟังบ่อยๆ จนกระทั่งสามารถที่จะละความติดข้องความอยากรู้การแสวงหาทางอื่นซึ่งไม่ใช่ปัญญา และคลายความติดข้องลงไปเรื่อยๆ สภาพธรรมะก็จะปรากฏตามความเป็นจริง เพราะฉะนั้นถ้าพูดถึงสติสติปัฎฐานสติสัมปชัญญะแค่ชื่อถ้าไม่มีความเข้าใจสิ่งที่กำลังปรากฏไม่มีค่ะที่จะเข้าแจ้งลักษณะของสติสัมปชัญญะหรือสติปัฐานได้เพราะว่ายังไม่เกิดขึ้น แต่เมื่อเกิดเมื่อใด จะใช้ชื่ออะไรก็ได้ไม่ใช้ก็ได้แต่กำลังรู้เฉพาะลักษณะของสิ่งที่ปรากฏ และขณะนั้นไม่มีสิ่งอื่นด้วย ต้องรู้ที่ระยะ ที่รูนีย์รู้โดยปัญญาจะ วิชาไม่รู้จะ ถ้ามีเอาวิชาเมื่อไหร่แวะวิชาก็รู้ใช่มั้ยจ๊ะไม่ต้องเรียกว่าเข้าใจ ก็ขณะนั้นกำลังเข้าใจ ตามที่ศึกษามาในประเทศสมบัติปรากฏคงทราบว่าอวิชชาเป็นปัจจัยให้เกิดสงครามแสดงว่าในขณะนั้นปัญญาที่ระลึกรู้นั้นก็เป็นเหตุของอวิชชาใช่ไหม เวลาพูดถึงปฏิจะสู้ป่าท่าหมายความถึงพูดถึงธรรมะซึ่งเป็นองของการที่จะเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในสังสารวัฎผลจากสารวัตรไหม วิชาไม่รู้แล้วจะไปไหน ไม่รู้ในอะไรไม่รู้ในสิ่งที่กำลังปรากฏก็ไม่รู้ไป เห็นอีกก็ไม่รู้แปลกเพราะเป็นอวิชาไปไหนไม่ได้พ้นจากความไม่รู้ไม่ได้เพราะเป็นแอร์วิชา เพราะฉะนั้นทั้งหมดของปฏิจจเสมอปลายพระก็คือองค์คำที่จะทำให้ อยู่ในสังสารวัฎต่อไป เพราะฉะนั้นไม่มีเราขุด๗ ในปฏิจจสมุปบาทค่ะ แล้วเพียงสิ่งที่ปรากฏในขณะนี้เกลียดมากเพราะว่ากิเลสมีกำลัง เตชะ มีแต่มีฤทธิ์ที่จะปกปิดไม่ให้รู้สภาพธรรมะที่กำลังปรากฏได้ กำลังของอกุศลกำลังของอวิชา จนกว่า กำลังของความเข้าใจเรื่องขึ้น ขณะใดที่เข้าใจขณะนั้นความไม่เข้าใจก็มีไม่ได้จะคะนี่ก็คือกำลังเล็กๆ น้อยๆ จนกว่าจะมีกำลังมากขึ้น จนกระทั่งสามารถที่จะดับอวิชาได้หมดไม่เหลือเลย ก็ต้องมาใส่สตางค์ปัญญาญาณใช่ไหม ในขณะที่ แผ่น แล้วน้าเย็นแล้ว เป็นเพียงสิ่งที่ปรากฏ โดยอาศัยการไม่ยึดเชิง สิ่งที่ปรากฏในขณะนั้นใช่ไม่เข้าใจจะไม่ใช่ไปถามเฉย ไม่ใช่ไม่รู้ แต่ว่าเข้าใจสิ่งที่กำลังปรากฏผิดโดยมีจริงๆ เป็นเพลงสิ่งที่กำลังเห็น เป็นเศษเพียงสิ่งที่กำลังเห็นเท่านั้นเอง อาจารย์ค่ะก็ขอกราบเดินถามพระอาจารย์เพิ่มเติมก็หลงพระที่แอบแฝงมาแม้ขณะด้วยการฟังธรรมะเนี่ยนะคะ ละเอียดมากนะคะ จะค่อยๆ เข้าใจได้นะคะ อาจารย์จะแนะนำยังไงดีคะ ค่ะขนาดนี้ไม่ใช่เฉพาะหล่อพระนะคะ ที่ไม่เป็น เยอะแยะเลยผัสสะเรนาสัญญาเจตนาสารพัดก็ไม่ปรากฏเลย เพราะฉะนั้นขนาดใหญ่มีความจงใจจะหรือ ก็อยู่ตรงที่ความจงใจค่ะหรือไม่พลใช่ไหมคะจนกว่าจะรู้ว่าเป็นธรรมะเป็นธรรมะทุกอย่างเป็นธรรมะไม่ใช่พูดว่าเป็นธรรมดานะคะ แต่ลักษณะนั้นเป็นสิ่งที่มีจริงโชว์ ก็อยากจะกราบเรียนถามพระอาจารย์นะคะ เพราะว่าสืบเนื่องจากเมื่อวาน เมื่อวานนี้ก็ได้มีการ เรื่องของ นะคะ โดย ลักษณะของสีนะคะ ซึ่งเป็นการวิรัตน์หรือว่าวิรตีเจตสิกนะคะ ซึ่งในชีวิตประจำวันในราคาบิวตี้เจตสิกเนี่ยก็มีเกิดขึ้นได้นะคะ แม้กระทั่งเรื่องของ ได้ที่เราจะเข้าใจได้ว่า ขนาดนั้นยังมีการเว้นนะคะ ถ้าจะ คงจะไม่มุ่งหน้าที่จะเข้าใจชื่อแต่ก็ขณะนี้มีสิ่งที่ปรากฏค่ะแล้วก็เข้าใจ อันนี้เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดนะครับ ที่จะไม่ลืมว่าทุกชื่อในพระไตรปิฎกออกหมายความถึงสิ่งที่มีจริงๆ ในขณะนี้แต่ก็ไม่ได้รู้เลยนะคะ เพราะว่าไปแล้วทั้งในฐานะเจ้าตาจริงชีวิตประจำวันจริงจริง ได้ยินคำว่าศีลก่อนอื่นก็ควรจะทราบว่าศีลคืออะไรอย่าลืมนะคะ ทุกคำที่ได้ยินเลยค่ะจะเข้าใจชัดเจนต่อเมื่อรู้ว่าคืออะไร ยางในเส้นละนิเทศนะคะ ท่านก็กล่าวว่า๔นะคะ เจตนาเจตสิ นอกจากจะได้ตีเจตสิกแล้วนะคะ ก็จะมีเจตนาเจตสิกที่เป็นสิ่งอีกนี่คำแปลคำว่าสีละนะคะ คุณ คำที่เราได้ยิน และก็รู้ว่าคำนั้นไม่ใช่ภาษาไทยแน่นะคะ แล้วก็ความหมายของคำนั้นคืออะไร โดยความหมายของคำว่า๔ความหมายหนึ่งนะครับ หมายถึงว่าเป็นเครื่องรวบรวมกายวาจาจากที่ไม่เป็นปกติให้เป็นปกติเรียบร้อยดีงามอันนี้คือความหมายหนึ่งนะครับ อีกความหมายหนึ่งนะครับ หมายถึงเป็นที่รองรับคุณธรรมเบื้องสูงขึ้นไป อีกความหมายหนึ่งที่ได้ฟังจากรายการแนวทางเจริญวิปัสสนานะครับ ซึ่งท่านอาจารย์ก็ยกข้อความจากพระไตรปิฎกมากนะครับ ที่กล่าวถึงคำว่าศีลหมายถึงความเป็นปกติ ซึ่งคำว่าความเป็นปกตินะครับ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงตามความประพฤติเป็นไปของสัตว์โลก เพราะว่าปกติเป็นกุศลก็เป็นกุศล และ๔ ปกติเป็นอกุศลคือมีความเกิดขึ้นเป็นไปของอกุศลธรรมประการต่างๆ ก็เป็นอกุศล๔สำหรับอัพยากตะ๔นะครับ มุ่งหมายถึงความประพฤติเป็นไปของบุคคลผู้ที่ดับกิเลสหมดสิ้นแล้วนะครับ เป็นพระอรหันต์ความประพฤติเป็นไปของท่านที่เป็นความประพฤติที่ดีงามประกันต่างๆ เช่นการแสดงธรรมเกื้อกูลแก่พุทธบริษัทมีการช่วยเหลือเกื้อกูลผู้อื่นอย่างนี้นะครับ เป็นอัพยากะศาสตร์๔ กราบเรียนท่านอาจารย์ในความละเอียดของพระธรรมครับ สำหรับผู้ที่รู้นะคะ ท่านจะกล่าวถึงคำเดียวโดยนัยประการต่างๆ ฝันแล้วอาจจะสับสนสำหรับผู้ที่รู้หน่อย จำศีลโดยนัยนี้โดยนัยนั้นแต่อย่างไรก็ตามสร้างความเข้าใจสำคัญที่สุดว่าเมื่อได้ยินคำไหนแล้วอย่างน้อยที่สุดเนี่ย ถูกใจถูกทั้งนั้นหมายความถึงอะไร ยังไม่ซีหรือซีรั่ สิ่งที่มีจริง และส่วนใหญ่เนี่ยเมื่อมีทั้งกายทั้งใจกายจะประพฤติอย่างไรต้องเป็นไปตามใจ ใจเป็นอกุศลแล้วก็ให้ประพฤติเป็นกุศล ไม่ได้ ใจเป็นกุศลก็ให้ไปทำอกุศลด้วยกายด้วยวาจาได้ไหมก็ไม่ได้ เพราะฉะนั้นก็แสดงให้เห็นว่าถ้ามีความเข้าใจจริงๆ นะคะ ก็จะรู้ได้ว่าสภาพธรรมะที่มีจริงนะคะ สภาพรู้เป็นอย่างไร และสภาพที่ไม่รู้ก็เป็นอีกอย่างนึง สภาพที่ไม่รู้ใช้คำว่ารูปธรรมไม่มีทางที่จะรู้ว่านำมาทำเป็นยังไงเลยไม่มีทางที่จะรู้อะไรเลยทั้งสิ้นนะคะ ไม่รู้จริงๆ ยิ่งลักษณะที่แข็งแข็งจะไปรู้ว่าอะไรเป็นศีลก็ไม่ได้นะคะ ไม่คิดใหม่จะไม่อะไรทั้งนั้น เพราะฉะนั้นสภาพของนามธรรมคือจิต และเจตสิกนะคะ ก็ง่ายมาก อาศัยกัน และกันเกิดขึ้นพร้อมจะ รู้สีเดียวกันก็เป็นรู้ว่าต้องบอกไปก็กันด้วยแล้วมีความสำคัญอย่าง เราวางใจกับกู เครดิตว่าถ้ามีแต่กายเลยค่ะไม่มีใจเกิดที่กายมันทำอะไรไม่ได้เลยค่ะสร้างศกต้นไม้อะไรก็แล้วแต่เคลื่อนไหวไม่ได้พูดไม่ได้ทำอะไรไม่ได้เลยแต่ที่ใดก็ตามที่รูปนั้นมีจิตทนัชรู้เกิดที่นั่นนะคะ ก็จะเป็นปัจจัยให้กลายเป็นไปตามจิตในขณะนั้น ด้วยเหตุนี้แม้แต่คำว่า๔นะคะ ก็ ต์ฟาร์มประพฤติของกายวาจาซึ่งเป็นไปเพราะจิตนะคะ แต่ถ้าศึกษาต่อไปความสำเร็จของสินไหม ต์นี้เป็นความละเอียดยิ่งนะคะ ซึ่งใครก็คิดเองไม่ได้นอกจากจะอาศัยการฟัง เข้าใจว่าประโยชน์คือให้รู้ความจริงของสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันเพื่อรู้ความจริงไม่ใช่ นี่คือจุดประสงค์นะคะ มิฉะนั้นแล้วฟังไปฟังไปก็ยังคงเป็นเราทั้งๆ ที่เข้าใจได้ว่าเห็นเป็นธรรมะได้ยินเป็นธรรมะแต่ก็ไม่ถึงการณ์ที่จะรู้ลักษณะที่เป็นธรรมะของเห็น และได้ยินเพราะต้องอาศัยความเข้าใจอย่างละเอียดมากนะคะ ที่จะทำให้แทนที่จะคิดถึงเรื่องอื่นดีกว่าคิดเอง ก็มาเข้าใจสิ่งที่ได้ฝากแล้วก็สามารถที่จะเริ่มเข้าถึงความจริงว่าไม่ใช่ตัวตนแม้แต่เรื่องของศีลไหนคะเราฟัง ใครบ้างจะรู้ใจใครถ้าไม่ทำ และไม่พูด เวลานี้นั่งเฉยๆ เป็นกุศลหรือเป็นอกุศลค่ะคนอื่นบอกไม่ได้แน่นอนนะคะ แม้แต่บุคคลนั่นเองถ้าไม่มีความเข้าใจก็บอกไม่ได้ไม่รู้ว่ากุศลเป็นยังไงอ่ะกุสอนเป็นยังไงเห็นเป็นกุศลหรือเปล่า อาศัยการปล่อยด้วยกันจริงๆ จึงสามารถจะรู้ธรรมะละเอียดมากแล้วก็เกิดดับอย่างเร็วหลากหลายมากจนแม้แต่จะพูดคำเดียวว่าศีลก็ควรที่จะเข้าใจให้ถูก ความประพฤติแต่งกายทางวาจาเป็นเรื่องแรก ด้วยเหตุนี้อาจกุศล และสีนี้มีแน่ถ้าขนาดนั้นจิตเป็นอกุศลกุศล และศิลป์ก็มีแน่เมื่อจิตขนาดนั้นเป็นกุศลนะคะ กายวาจาก็เป็นไปทางกุศล เพราะฉะนั้นก็ต้องเป็นการศึกษาตามลำดับจริงๆ ถ้าเข้าใจอย่างนี้แวะ๔นะคะ เมื่อมีกาย และใจก็มีความประพฤติทางกาย และใจนะคะ และวาจาตามจิตที่เกิดขึ้นในขณะนั้น เพราะฉะนั้นถ้ากล่าวถึงฝ่ายดี กุศลละสิ้นเมนะคะ ถ้าฝ่ายไม่ดีอกุศล และศิลป์ก็มีซึ่งควรที่จะละเว้นแต่ว่าแม้การละเว้นก็ไม่ใช่ละ ทุกคนรู้แน่ค่ะอะไรไม่ดีอะไรเป็นสิ่งที่ไม่ดีทางกายทางวาจาแต่ถามรึเปล่าคะ ทำรึเปล่าคะไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาเมื่อเกิดขึ้นเพื่อเป็นอย่างนั้นใช่ไหมคะยับยั้งไม่ได้หมดแต่จากการฟังนะคะ คุณขอพระธรรมสามารถเปิดชัดก็ทำให้สามารถเข้าใจได้ในขณะนั้นว่าอะไรเป็นสิ่งที่ดีอะไรเป็นสิ่งที่ไม่ดี ดวงหืด ต้องทราบว่าแม่เข้าใจธรรมะแต่บางคนก็บอกว่าไม่เห็นเปลี่ยน ใช่ค่ะก็ยังเหมือนเดิมก็จะเปลี่ยนยังไงนะคะ เพียงฟังเข้าใจโดยชื่อแวะขณะนี้เป็นจิตเห็นแต่ก็ยังไม่เห็นลักษณะของจิต และ ขณะนี้ได้ยินนะคะ เป็นธาตุรู้ก็ยังไม่รู้ว่าที่กำลังได้ยินเดียวเนี่ยไม่ใช่เราเป็นธาตุรู้ เพราะฉะนั้นการฟังจึงต้องละเอียด และรู้ว่านะคะ แต่ละคนแม้ในขณะนี้ค่ะก็ประพฤติตามที่เป็นไปตามที่ได้สะสมแม้แต่การฟังธรรมะเพื่อเข้าใจ หรือว่าสัญกรรมมะเผื่ออยากรู้คำนั้นอยากเข้าใจคำนูณนะคะ เซ็นแทนกล่าวไว้ เพราะเห็นว่าข้อความในสี และไหม เข้มด้วยสันติบุตรเป็นผู้กล่าวถึง๔ ปัญญาระดับไหมคะ คือท่านจะกล่าวถึงc และc และไม่ไันปัญญาซึ่งสำเร็จจากซีน พันตารู้จักซีลอย่างดี และซีนก็จะเกิดขึ้นมาได้เป็นไปเจริญขึ้นด้วยความเข้าใจถูกคือปัญญา เพราะฉะนั้นไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาการฟังธรรมะค่ะเพื่อให้เข้าใจถูกต้องตามความเป็นจริง และเป็นธรรมะนี่คือประโยชน์สูงสุดนะคะ แม้แต่ศีลก็เป็นธรรมะด้วยด้วยเหตุนี้ทุกคนอยากเป็นคนดีนี้แน่นอน คงไม่มีใครอยากไม่ดีนะคะ แต่วันนี้ดีหรือยัง ค่ะถ้าไม่สอนธรรมะไม่รู้เลยค่ะ และก็ดีขนาดไหนเมื่อไหร่ก็ไม่รู้อีก เพราะฉะนั้นจึงเป็นผู้ที่ควรจะได้เข้าใจธรรมะจริงๆ ว่าเส้นมีจริงไม่ใช่เราบังคับบัญชาไม่ได้ และมีทั้งฝ่ายกุศล และอกุศล และรายละเอียดกว่านั้นนะคะ ที่ไม่ใช่กุศลไม่ใช่อกุศลก็ยังมีแต่ปัญญาของเราก็คงจะไม่ต้องตามไปทุกถ้อยคำที่ผู้รู้ ที่ท่านรู้ความจริงแล้วได้กล่าวอย่างท่านพระสารีบุตรเป็นต้นนะคะ ก็ฟังเพลงที่รู้ว่าชีวิตประจำวันวันนี้ค่ะ ทำอกุศลอะไรบ้างหรือเปล่า หรือว่าไม่อยากฟังด้วยตัวเองทำอกุศลใช่ไหมคะแต่เป็นการระลึกได้ดีไม่เพื่อจะรู้ว่าขณะนั้นสะสมแล้ว เปลี่ยนสีไปทำไม ปั่นเพื่ และโอเว่นอนุสรณ์ เพราะฉะนั้นก็ ฟังแล้วนะคะ ก็จะมีความเข้าใจว่าถ้าไม่มีการฝังยังเหมือนเดิม แน่นอนค่ะแต่พอฟังแล้วดีขึ้นนิดหน่อยเมื่อระลึกได้แต่ถ้าระลึกไม่ได้ก็เหมือนก่อนกอดนะคะ เพราะฉะนั้นก็จะเห็นได้จริงๆ ว่าการฟังมีประโยชน์ที่จะรู้ว่าทางกายที่ไม่ดีคืออะไรบ้าง และที่ดีคืออะไรคงจะไม่ต้องกล่าวโดยละเอียด กว่านี้มากมายนะคะ แต่ว่าให้ทราบว่าแม้แต่ทางไกลวันนี้นะคะ ที่ไม่ดี ที่เป็นอกุศล และเส้นคืออะไรบ้าง เรื่องยากฟรานซิสอื่นค่ะ วันนี้พูดบ้างรึเปล่า พูดอะไร ใช่นะคะ นพ ชิปเซ็ตอกุศลก็พูดด้วยอกุศลจิตแย่เลยใช่ไหมคะ เพราะฉะนั้นควรเว้นไหม ควรเว้นควรแต่ยังเวลได้รึเปล่าขึ้นอยู่กับปัญญาหรือความเข้าใจสุด ทางกายนะคะ ดีมั้ยคะ อย่างละเอียดค่ะไม่ใช่ย่านหยาบหยาบที่กล่าวถึงว่าฆ่าสัตว์เร็วกถือเอาสิ่งของของคนอื่นเป็นต้นนะคะ แต่ใยละเอียดละเอียดได้มีไหม ก็ถ้ามีการไหว้ไปทางกายหรือการพูดเป็นทางวาจาก็ตามถ้าเกิดจากอกุศล และจิตก็เป็นอกุศลล่ะสิ เพราะฉะนั้นที่สำคัญคือจิต ลืมไม่ได้เลยค่ะถ้าจิบดีเลยค่ะกายวาจาดีแผ่จิตไม่ดีกายวาจาไม่ดีแล้วจะรู้ได้ยังไงถ้าไม่ศึกษาเรื่องจิตโดยละเอียดให้เข้าใจก่อน ใช่ครับจริงๆ ก็พอจะเข้าใจได้เป็นพื้นฐานนะครับ ว่า ๔๐อาจารย์บำบัดหมอแปลว่าปกติเนี่ยแล้วเราก็หมายถึงจิต แล้วก็รวมถึงเขต๑๐ว่าถ้าไม่ได้ฟังธรรมะไม่อะไรก็มี อกุศลเกิดบ่อยๆ มากตอนนั้นก็มีการไหว้ไปของกายหรือการกล่าววาจาจากอกุศลเริ่มเป็นกายวาจาที่ เป็นอกุศลเป็นอกุศลศีลแต่ถ้าฟังธรรมะเพิ่มขึ้นบ้างก็มีโอกาสที่จะมีกุศล และ๔เกิดเพิ่มขึ้น จนกระทั่งอบรมเจริญปัญญาอย่สูงสุดซึ่งเรายังไม่ถึงจึงเป็นภาระหารก็ไม่มีทั้งอกุศล และกุศลอะไรเลยมาเป็นพยานตัดสินแล้วเคยคิดบ้างไหมคะว่าควรเป็นกุศลเพิ่มขึ้นควรเป็นกุศลเพิ่มขึ้นต้องเป็นผู้ตรงค่ะแต่ว่าไม่มีวันไทยเคยคิดไหมวันนี้คิดถึงรึเปล่า เมื่อวานคิดแบบคิดบ่อยๆ ก็ดีบทแต่บางคนฟังแล้วก็ไม่ได้คิดว่าควรเป็นกุศลเผื่อบ่อยๆ เพราะรู้สึกว่าแย่ที่มีกายวาจาจากอกุศลจิตอยู่บ่อยๆ กแต่ก็ดีมากอาจารย์พ่อได้เข้าใจว่า ควรที่จะเห็นโทษของอกุศลอกุศล และ๔เนี่ยที่เราสนทนากันหนึ่งว่าเป็นการแสดงออกทางกายวาจาซึ่งก็มาจากอสูร และจิต ก็เห็นโทษของสิ่งเหล่านี้แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ามีอำนาจจะบังคับบัญชาไม่ให้เกิดอกุศล และสีใหม่ให้มีกายวาจาจากกุศลเลยเนี่ยเป็นสิ่งที่คล้ายมากถ้าจะแค่ขยับมือขยับเท้าเนี่ย รำคาญมั้งวางมือวางอะไรเงี้ยมันก็เป็นอกุศลจิตนะฮะที่เป็นไป ค่ะ เพราะฉะนั้นฟังธรรมะเพื่อเข้าใจถูกเห็นถูกนะคะ ในสภาพที่มีจริงที่กำลังมีในขณะนี้ กับท่านอาจารย์ครับ เมื่อกล่าวถึงเรื่องของ๔นะครับ ก็กล่าวถึงจิตที่เป็นไปที่จะให้กายวาจาออกมาโดยจิตนะครับ เป็นปัจจัยให้กายวาจาเป็นไปอย่างไรก็เป็นไปตามถ้าจิตเป็นกุศลก็เป็นกุศลศีลคือให้กายวาจาเป็นไปตามจิตที่เป็นกุศลการที่จะรู้อย่างนี้แล้วก็มีความเข้าใจถูกว่าควรที่จะประพฤติที่จะอบรมกุศล ที่เป็นคุณความดีแต่ว่าความรู้ที่จะรู้ถึงความเข้าใจว่าแม้กุศลนั้นไม่ใช่เราแต่จะคือยังไงครับขณะนี้ค่ะที่ฟังเพื่อที่จะเข้าใจว่าขณะนี้เป็นธรรม ไม่มีทางอื่นเลยทั้งสิ้นนะคะ นอกจากความเข้าใจถูกความเห็นถูกแม้แต่ความประพฤติทางกายทางวาจานะคะ ก็จะต้องมีความเข้าใจถูกว่าเป็นผู้ที่มากด้วยอกุศล ยอมรับไหมเพราะว่าจริงๆ แล้วนะคะ พระธรรมที่ทรงแสดงกับคนที่มีอกุศลไหมคะมากๆ และส่งแสดงให้เห็นถึงของคุณ ยังไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องกุศลนะคะ เพียงแต่ว่าให้รู้สึกก่อนว่าเพราะอกุศลมากอย่างนี้เนี่ยจึงควรที่จะละคลายแต่จะหลากหลายด้วยความเป็นตัวตนไม่มีทางสำเร็จได้นอกจากฟังพระธรรมแล้วก็เข้าใจขึ้นก็จะเป็นทางผิดทำให้สามารถที่จะนะอกุศล และเจริญกุศลขึ้นนะคะ เช่นโอวาทะปาติโมกข์ใครบ้างไม่เคยได้ยิน ใช่ค่ะละชั่วถูกต้องไหมคะแล้วล่ะยังไงไม่ใช่ตัดแต่พิวัฒน์ละชั่วโดยที่ไม่ได้แสดงความจริงของธรรมะโดยละเอียดยิ่งว่าเป็นอนัตตาที่จะก็คือไม่ใช่เรานะคะ แต่ต้องเป็นความเข้าใจถูกความเห็นถูกเพิ่มขึ้นว่า เห็นโทษของอกุศลว่าอกุศล และไม่ได้นำมาซึ่งความสงบมีความสุขเลยมีแต่ความกังวลความเดือดร้อนทุกสิ่งทุกอย่าง และเป็นเพราะอกุศลทั้งสิ้นด้วยเหตุนี้นะคะ แม้แต่ละชั่วก็ไม่ใช่ใครล่ะ คุณธิดารัตน์คิดแรกจะบอกผู้ที่ฟังขนาดนี้ให้เหล่าช่วยได้ไหมคะ ทำไม่ได้อ่ะค่ะแล้วแฟนไม่มีทางเลยไปบอกใครสิคะบอกไปเถอะไม่มีทางสำเร็จนะคะ แต่ว่าเพิ่งเข้าใจขึ้นจริง ซึ่งเป็นอนัตตา ผมต้องลง คือขนาดใหญ่ที่เหตุไม่ดีย่อมนำมาซึ่งผล พอจะเห็นร่างนะคะ ไม่อยากได้ผลไม่ดีก็เลยจะไม่ทำได้ดี กระแทกอาจารย์ครับคือความรู้หรือปัญญาที่จะค่อยๆ เจริญขึ้นนะครับ เป็นสิ่งที่ อยาก และก็เป็นสิ่งที่ต้องอาศัยวิริยะ และความอดทนมากเพราะเห็นว่าการสะสมของบุคคลที่ยังมีความยึดถือแม้จะกล่าวถึงเรื่องของศีลโดยที่ไม่เข้าใจว่าเป็นธรรมะเนี่ยก็ยังเป็นเพื่อเราได้ งั้นความรู้ที่จะไม่ให้ฟังธรรมะแล้วความรู้จะค่อยๆ เจริญขึ้นที่จะรู้ว่านี้ก็คือธรรมะ คือต้องทีละนิดทีละหน่อยครับค่อยๆ เพิ่มขึ้นนี้เป็นปัญญาที่เห็นถูกต้องนะคะ ว่าถูกรุมล้อม รุมล้อมด้วยอกุศลเนี่ยมากมายสักแค่ไหนตั้งแต่เพียงแค่เห็นมีการเกิดแล้วละคิดดูแล้วใครจะมาบอกว่านี้นะยังมีผู้ที่ไม่มีคือพระอรหัน น่าจะเป็นพระอรหันต์ก็ตามว่ามีปัญญารู้ความจริงของสภาพธรรมะที่เป็นอริยสัจธรรมตามลำดับด้วยกิเลสที่สะสมมามากมายแล้วจึงจะค่อยๆ ดับไปจนกว่าจะไม่มีเหลือเลยสักอย่างเดียวนะคะ ถึงความเป็นพระเห็นก็ไม่มีอกุศล เพราะฉะนั้นอย่าลืม ที่ผมก็เป็นอนุสร ด้วยเหตุนี้ไม่ประมาทเจอเลย ในการที่จะรู้ว่า ไม่รู้เมื่อไม่เสร็จผิดคำที่บอกว่าให้ละชั่วก็ต้องฟังให้รู้ตามความเป็นจริงว่าถ้าไม่มีปัญญาจริงๆ นะคะ และไม่ได้ ถ้าเข้าใจนิดหน่อยก็เห็นพ่อแล้วก็เห็นประโยชน์ของกุศลขวนขวายนิดนึงไหมคะที่จะทำกุศลแม้เพียงเล็กน้อยไม่เช่นนั้นแล้วขณะนั้นอกุศลก็เพิ่มอีก


    ฟังธรรมจากหัวข้อย่อย

    หมายเลข 193
    29 ม.ค. 2567

    ซีดีแนะนำ