พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 887


    ข้อความนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบแก้ไข

    ตอนที่ ๘๘๗

    ที่มูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา

    วันอาทิตย์ที่ ๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๖


    ก็เป็นการสนทนาเพื่อความเข้าใจธรรมะที่ละเอียดลงไปจนถึงตัวหรือสภาวธรรมมะ เป็นพื้นฐานความเข้าใจอ่ะที่ทำ ซึ่งในทุกคำสอนนะครับ ไม่ว่าจะพระองค์ท่านจะทรงแสดงโดยพระวินัยพระสูตรหรือแสดงโดยตรงในพระอภิธรรมก็ตามนะครับ แต่ก็คือเพื่อเข้าใจในธรรมะที่มีลักษณะมีสภาพจริงๆ เพราะว่าถ้าไม่มีธรรมะที่มีลักษณะมีสภาวะจริงๆ นะฮะก็จะไม่มีคำสอนที่เป็นพระสูตรหรือพระวินัย อะไรเลยนะฮะเพราะจริงๆ แล้วต้องมีสภาพธรรมะ ซึ่งเมื่อวานนะฮะก็มีการสนทนาพระสุลักษณะของพราน และมนุษย์ ถึงพระองค์ท่านจะทรงแสดงโดยเป็นพระสูตรก็คือลักษณะของพาล และบัณฑิตตา ก็ก็ต้องมีสภาพธรรมะที่เป็นผ่าน และสภาพธรรมะที่เป็นบัณฑิต ไม่ใช่เป็นสัตว์บุคคล ตัวตนแต่อย่างใดนะครับ คำว่าพาลกับบัณฑิตนะคะ ต้องหมายความถึงสภาพธรรมะที่มีจริงๆ ไม่ใช่เพียงที่ผ่านหรือว่าชีพบิ๊กการที่จะเข้าใจว่า ไม่ใช่เราก็ยังอยาก เพราะฉะนั้นที่จะรู้ว่าสภาพธรรมะได้เป็นผ่านสภาพธรรมะได้เป็นบัณฑิตไม่ใช่เพียงแต่สำหรับคลิปนะคะ พอได้ยินก็คิดอยากจะรู้ว่าผ่านต่างกับบัณฑิตยังไงชาตินี้กับชาติหน้าได้ยินแล้วจะเป็น แต่นั่นไม่ต้องเป็นสิ่งที่เราจะคำนึงถึงเลยค่ะเพราะเห็นว่าชีวิตที่มีอยู่ใน จะสิ้นสุดลงเมื่อไรไม่สามารถที่จะรู้ได้เพราะเหตุว่าชีวิตก็คือการเกิดขึ้น และดับไปของจิตแต่ละ วิธวินท์ในขณะนี้เองนะคะ คือ เขียนได้ หนุ่มสิ่งที่มีจริงเพื่อที่จะเข้าใจสิ่งที่มีจริงตามความเป็นจริงของสิ่ง จึงทรงแสดงไว้มอบธรรมะคือสิ่งที่มีจริงนะคะ เพราะเกิดขึ้นแล้วกระดับไปยังไม่ต้องไปถึงการที่ขณะนี้สภาพธรรมมันก็เกิดดับแล้วก็ไปคิดเรื่องคนพาล และบัณฑิตนะคะ แต่ทั้งหมดก็คือผ่านก็ต้องเป็นสภาพธรรมะบัณฑิตก็ต้องเป็นสภาพธรรมะ เพราะฉะนั้นขนาดนี้ยังไม่เข้าใจธรรมะ ยังคงคิดว่าเป็นเราอยู่เสมอ เพราะฉะนั้นก่อนที่จะไปรู้ว่านะคะ ชาติหน้าเราจะเข้าใจคำภาษานี้หรือว่าจำคำปรึกษานี้ก็ถือว่าให้ดูว่าแจ้งความเข้าใจชาตินี้ว่าขณะนี้ค่ะ สิ่งที่มีจริงสิ่งที่มีจริงแน่นอนปฏิเสธไม่ได้เท่านั้นแต่สิ่งนั้นมีจริงเพียงเมื่อเกิดขึ้นปรากฏ ฯลฯ นี่ค่ะคือสะสมความเห็นถูกในสิ่งที่มีจริงว่าไม่ใช่ ไม่ใช่ของ จริงๆ สิ่งที่ดีจริงช่วง ไม่ต้องสะสมเรื่องราวอะไรที่คิดว่าเราจะประจำได้มาริชาร์ด และในขณะจำได้มากน้อยขนาดไหนแค่ไหนชื่อเสียงเร็ว จริงสำหรับขนาดนี้ให้เข้าใจ นะคะ แล้วก็ถ้ายังไม่ถึงชาติหน้าขณะใดก็ตามที่ไม่ลืมว่าเดี๋ยวนี้เป็นสิ่งที่มีจริงที่ปรากฏ และจะเข้าใจเมื่อได้ฟังพระธรรมแต่ถ้ายังไม่ได้ฟังพระธรรมนะคะ ก็ไม่มีโอกาสที่จะเข้าใจ มีใครบ้างรู้ว่าเดี๋ยวนี้เป็นธรรมะ๘ลั่นเด็กซึ่งเกิดแบบเซตต่ออย่างเร็วที่สุดจนไม่ปรากฏว่าขณะนี้สภาพธรรมะได้เกิดระดับ กราบเรียนท่านอาจารย์ครับก็มีข้อความสั้นๆ นะครับ ในพระอภิธรรมปิฏกธรรมสังคณีปกรณ์นะครับ ท่านอธิบายธรรมะที่เป็นพันธุ์ และทำ และบัณฑิตธรรมสั้นๆ เลยครับว่าภาระธรรมเป็นไฉนอาทิริจะแอนดป่ะสภาวธรรมเหล่านี้ชื่อว่า ผ่านหลักธรรม ค่ะสั้นๆ นะคะ คือขนาดนั้นไม่ได้เข้าใจสภาพธรรมะตามความเป็นจริง จึงเป็นเฮลิกัน อาจารย์ครับที่ว่าไม่เข้าใจสภาพธรรมะตามความเป็นจริงถ้าพูดถึงโดยละเอียดเลยสภาพธรรมะที่กำลัง แล้วก็ยังไม่ค่อยเข้าใจถูกต้องตรงตามความเป็นจริงแต่มีความเข้าใจธรรมะในขั้นเรื่องราวที่ถูกต้องครับแม้แต่เพียงจะรู้ว่าขณะนี้นะคะ ๔ทุกร่างกฏมีจีนจีนซึ่งไม่ใช่เรื่อง นี่กินความหมายของการฝัน ไม่ได้เรียกธรรมะเป็นชื่อนั้นชื่อนี้ถึงคนนั้นคนนี้เลย แต่มีจริงๆ ค่ะกำลังแปล แต่ขณะนี้สิ่งที่มีจริง มาก เรียกความหลากหลาย และเกินกว่าที่ใครคนแบ่งคนหนึ่งจะคิดถึงได้ด้วยตัวเอง ถ้าไม่มีการฟังพระธรรมว่าขณะนี้มีเห็น เด้งแล้วนะคะ เห็น ก่อนที่จะมีเห็น มีธรรมะหรือเปล่า มีมีแต่ไม่ใช้เห็น เพราะฉะนั้นเกิดเหตุในกระดาษ คือเข้าใจสิ่งที่กำลังมีในขณะนี้นะคะ ให้มั่นคง ไม่ต้องคิดถึงอะไรเลยทั้งสิ้นค่ะเนี่ยค่ะการเข้าใจเมื่อไหร่ไม่ใช่ผ่านเมื่อนั้นแต่ขณะใดที่ไม่เข้าใจก็คือผ่านเหตุมีวิจาร นี่แหละอายนะคะ ไม่รู้ว่าการที่๔นี้มีปรากฏก็ไม่รู้ พฤษภาไม่รู้เนี่ยก็ไม่ใช่สิ่งที่ มันเด็กหรือว่าเป็นผู้ที่รู้ได้เลยนะคะ ด้วยเหตุนี้จัดการฝังเนี่ยเป็นผู้ที่ไม่ประมาทนะคะ คือพิจารณาคำที่ได้ยิน และโดยละเอียดยิ่งให้เข้าใจขึ้นไม่ต้องไปไหนเลยใกล้กว่านี้นะคะ พวกคำแม้แต่ผ้าหรือบัณฑิตก็อยู่ที่เห็นอยู่ที่ได้ยิน ที่ขณะนี้มีความเข้าใจหรือเปล่าว่าขณะนี้เป็นธรรมะถ้าไม่เข้าใจว่าเป็นธรรมะก็คือผ่านแล้วใช่ไหมคะ เพราะฉะนั้นขนาดเนี้ยจากผ่าน ที่ไม่รู้อะไรเลยนะคะ ค่อยๆ คิดค่อยๆ ฟังค่อยๆ เข้าใจความจริงทีละเล็กทีละน้อยว่าขณะนี้เห็นกำลังเห็นมีจริงๆ เกิดขึ้นเห็นแล้วก็ดับไป เดินมากเราได้ยินคำมากแล้วก็อยากจะเข้าใจคำนั้นๆ นะคะ ที่เราได้ยินมากแต่เราเข้าใจจริงๆ หรือเปล่า อะไรจะเป็นประโยชน์กว่ากันมีชื่อเยอะมีคำอธิบายเรื่องคำต่างๆ เหล่านั้นนะคะ แต่เดี๋ยวนี้เป็นทั้งหมดที่แสดงไว้ใน จึงกล่าวถึงเจตสิกเดี๋ยวนี้นะคะ ก็มีเจตสิก๗กล่าวถึงผ่าน และทำบัณฑิตย์ทำทั้งหมดก็คือเดี๋ยวนี้แต่เราไม่ได้เข้าใจสภาพธรรมะขนาดนี้เราก็ฟังไม่เข้าใจว่าเราควรรู้อะไรคิดว่าเราควรจะรู้เพียงชื่อจำชื่อไว้มากๆ ชี้ก่อนนะคะ จำชื่อไว้เยอะไหมคะ จำคำไว้มากไหมแล้วเดี๋ยวนี้อยู่ใน ดังนั้นผ่านที่ยิ่งกว่าผ่านก็คือความเห็นผิดนะฮะซึ่งขณะที่ความเห็นผิดเกิดขึ้นก็ต้องมีหิริโอตตัปปะแต่เป็นอริกาโนตัปปะคือความไม่ละอายความไม่เกรงในความเห็นผิดนั้นเลยนะครับ เพราะเห็นผิดได้แม้ว่าจะตรงข้ามกับคำสอนของพระราชสัมมาสัมพุทธเจ้านั้นก็รุนแรงตรงข้ามนะครับ ความเห็นถูกสัมมาทิฏฐิเนี่ยก็เป็น บัณฑิตทำที่ยอดเยี่ยมนะครับ เพราะว่าเข้าใจถูกตามพระธรรมที่ถูกต้องเลยนะครับ ไม่ทราบอาจารย์ธิดารัตน์จะสนทนาเรื่องผ่านบัณฑิตย์ในชีวิตประจำวันของตัวเราเองเป็นสภาพธรรมะนะคะ ไม่ว่าจะเป็นลักษณะของ หรือบัณฑิตนะคะ ก็ต้องมีสภาพการมา และที่ อาจารย์นพได้ยกตัวอย่างนะคะ ออีริกะอนกลับเป๊ะนะคะ จริงๆ ก็เป็นอกุศลเจตสิกนะคะ ที่ไม่ละอายเราก็ไม่เคยกลัวตบะเกิดทั่วไปในอ่ะ ซึ่งก็เป็นโสพณเจตสิกที่ทั่วไปแก่ธรรมะฝ่ายดี เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะเป็นอนุสรณ์ดวงใดหรือประเภทใดก็ตามจะประกอบด้วยความเห็นผิดหรือไม่ประกอบด้วยความเห็นผิดก็ต้องมีความไม่ละอายแล้วก็ไม่กลัวบาปคืออาริกะ และอนุรักษ์สัตว์ป่าด้วยนะคะ เกิดร่วมด้วยเสมอเลย เพราะฉะนั้นก็ ยกประหยัด๗สิทธิ์ที่กลัวไปกับอาวุโส เพราะว่าอ่ะจิตทุกประเภทเนี่ยนะคะ เป็น ขณะที่อกุศลจิตเกิดนะคะ จะบอกว่าเป็นคนนั้นเป็นคนดีไม่ได้เลยนะคะ เพราะว่าจิตนั้นเนี่ยเป็นจิตที่ประกอบด้วยเจตสิกเมื่อถูกประกอบพร้อมด้วยเจตสิกอย่างน้อยนะค๊า พระจะรวมมีโมหเจตสิกซึ่งเป็นความไม่รู้นะคะ หมวดเนี่ยนะคะ โมจตุจักรใน๔ประเภทนะคะ ๗๔ประเภทเนี่ยเป็นเจตสิกที่ทั่วไปแก่อกุศลจิตทุกประเภท เพราะฉะนั้นเนี่ยอะนะที่เป็นไปนะคะ ด้วยอำนาจของ กุศลวัดหนองเราด้วยค่ะ แม้จะไม่กลัวบาปนะคะ ไม่เกรงไม่ละอาย ยังไม่รู้ด้วยเพราะมีอวิชาซึ่งปกปิด นะคะ ให้ในโรงแล้วขณะนั้นก็ไม่สงบในอารมณ์ด้วยจะเป็นคนดีไม่ได้เลยนะคะ ถ้าขณะที่จิตเนี่ยประกอบด้วยเดี๋ยวจะสิ่งไม่ดีเหล่านี้ก็ขนาดนั้นนะคะ ถึงแม้ว่าอาจจะไม่ได้แสดงออกทางกายทางวาจาอย่างเช่นผู้ที่ประกอบด้วยความเห็นผิดนะคะ แม้มีเพียงเล็กน้อยเนี่ยความเห็นที่ไม่ถูกต้องตรงตามสภาพธรรมะ หลังจากที่เห็นแล้วเนี่ยนะคะ ยึดถือผิดว่าสิ่งนั้นเที่ยง นะคะ มีอยู่ ก็ประกอบด้วยความผิด หลังได้ยินนะคะ ก็ยึดถือเสียงได้ว่าเป็นสัตว์บุคคลตัวตนเหล่านี้นะคะ เพราะฉะนั้นเทคนิคในชีวิตประจำวันหรือว่าความยึดถือสภาพธรรมะในสิ่งที่ปรากฏไม่ว่าจะเป็นรูปเสียงกลิ่นรสโผพันเนี่ยนะคะ ยึดถือว่าที่ยังที่มีหนูเป็นสิ่งส่วนใหญ่ติดหลังเห็น ก็ต้องสังเกตเองนะคะ แต่ละท่านในชีวิตประจำวันว่าคณะได้นะคะ จะมีความผิดเกิดร่วมด้วยหรือเป็นแค่เพียงโรพระที่ยินดีในรูป เพราะฉะนั้นเนี่ยนะครับ ถ้าไม่ศึกษาธรรมะละเอียดเนี่ยเราได้ยินผ่านๆ ก็คนอื่น บัณฑิตก็หาใหญ่เลยใช่มั้ยฮะก็อยากจะไม่ครบผ่านแล้วก็อยากจะไปหาบัณฑิตที่จะครบแต่ถ้าไม่เข้าใจธรรมะที่เป็นผ่านที่เป็นบัตรจริงๆ เนี่ยก็อยู่ในโลกของความคิดนั่นเอง แต่พระธรรมก็จะเป็นประโยชน์ที่จะทำให้มีการอบรมที่สนนะฮะมีสภาพธรรมะฝ่ายดี นะฮะที่ไม่มีที่ริโอตปากเกิดเลยไหมไม่มีนะฮะได้ที่ริโอตัปปะเกิดกับจิตได้จิตนั้นต้องดู ชะนีฝากท่านอาจารย์ครับว่าในพระธรรมศันสนีย์ท่านก็ยก๗๒อย่างนะครับ คือหิริโอตตัปปะเนี่ยว่าเป็นใบ้ คุ้มครองโรคก็มีแสดง เราก็อยากให้ลูกเนี่ยสงบ แต่ท่านก็แสดงว่าอิริโอตปะเนี่ยเป็นธรรมะที่คุ้มครองโลก คงไม่เลวนะคะ ว่าทำไมละเอียดเล็บเส้น ก็ยากที่จะรู้ และเข้าใจได้แต่เมื่อพระอรหันต์สัมมาสัมพิจารณาสูตรเสมอ จริงๆ ให้คุยขึ้น เหล็กจีนหน่อยไม่ใช่สายผู้จัดเผื่อใจได้พูดถึง อื่นค่ะขอเชิญคุณคำปั่นให้คำแปลของคำว่าภาระกับคำว่าบันทึก ทาง๓ครับโดยกับอาระก็หมายถึงคนที่ ผู้ขาย พูดสักประโยชน์ทั้งในโลกนี้ และประโยชน์ คนที่ ก็คิดไม่ดี พอพูดไม่ทำพอทำไม่ดีนี้คือความเป็นคนผ่านยิ่งกว่านั้นนะครับ ก็แสดงไว้เพื่อ ผู้ที่มี เลอกเลย คือ กูรขอบคุณคนที่ส่งคนอื่นมีความคิดว่า คุณจะไม่พ้นไปจากความเกิดขึ้นเป็นไปของอกุศลธรรมทีนี้ถ้ากล่าวถึงบัณฑิต คือก็คือ ดั้งเดิมไปด้วยปัญญาผู้ที่ อาณาจักรครับซึ่งจากเมื่อวานก็ได้ฟังที่ท่านอาจารย์กล่าวว่าในส่วนนี้ก็ชัดเจน มันดีก็เริ่มตั้งแต่มีความเข้าใจถูกเห็นถูกในสิ่งที่มีจริงในชีวิตประจำวันจนกระทั่งถึงเป็นบัณฑิตที่แท้จริงก็คือสามารถที่จะ ความเป็นประดิษฐ์จริงๆ ก็ไม่ควรได้จากคนมาเกิดขึ้นเป็นไป ครับพี่จินแต่ละค่ะไม่ใช่หมายความว่าเราผ่านไป คือใครแล้วก็ทรงแสดงธรรมะของผ่านก็คือว่าผู้ที่ไม่มีความละอายต่อไป มีหน้าที่ไม่ได้นำความสุขความเจริญมาให้เรือ พาราทำเนี่ยก็คืออาทิตย์ที่๙อานนท์ปะสภาวะเหล่านี้ชื่อว่าผนังถ้ำแล้วก็เป็นธรรมว่าไฟดับ กนชปากสภาวธรรมเหล่าเชื่อว่ากันฮะคำว่าเป็นอกุศลธรรมแม้ทั้งหมดแต่กันครับ๓ที่จะจัดครับ แคร์ใครก็บอกว่าเราเป็นพาลโกรธไหม ค่ะครับเพราะว่าฮะขณะที่เป็นแบบคุณสนก็ต้องผ่านเขาตั้งเข้าใจด้วยนะคะ ว่าผ่านหมายความถึงอะไร ปรับแต่งค่ะคุณจอมขวัญค่ะ ผู้ที่มีกายะทุจริต ว่าจีทุจริตมโนทุจริตนี่ก็คือความเป็นคนพาล ชวนแกนกายทางวาจาทางใจค่ะ แต่ปีนี้เข้าใจแล้วนะคะ ว่าผ่านผิว อันนี้อีกนิดหนึ่งแล้วจะจ่ายตะกี้ที่อาจารย์คำปั่นพูดนะครับ พอดีในบังคลาเทศวันนี้ท่านประมวลมานะฮะพละธาตุเป็นไปในอรรถว่าปราณก็คือลมหายใจเนี่ยปราณก็คือความเป็นอยู่ และการหายใจ ผู้ใดย่อมเป็นอยู่ยังหายใจเข้า และหายใจออกอยู่ ดำรงชีวิตอยู่ด้วยการซัดว่าหายใจเข้าหายใจออกหาเป็นอยู่ด้วยปัญญาอันประเสริฐไม่เอสนั้นผู้นั้นจึงชื่อว่าผ่านอันนี้ก็รุนแรงมากเลยนะครับ ไม่ใช่กันทุกวัยครับไปคุยกินยาเนี่ยเป็นพาร์นะครับ ถ้าจะพูดถึงจะเป็นผ่านเยอะเลยก็เป็นคำเตือนนะคะ ให้รู้จริงๆ ไม่ใช่ว่าคนอื่นมาเป็นผ่าน แต่เป็นการเข้าใจถูกต้องว่าผ่านคืออะไรมีชีวิตอยู่ที่ไร้ประ นะคะ ไม่มีคุณความดีแล้วก็ไม่ได้เข้าใจธรรมะด้วยเพราะฉันมีชีวิตอยู่เท่ากับเพียงแค่ลมหายใจเข้า เวลาที่สนุกมากนะคะ ลืมแล้ว มีชีวิตอยู่ คือเพียงแค่หายใจเข้าออกแต่ว่าขณะนั้นมีประโยชน์อะไรรึเปล่า เพราะฉะนั้นการมีชีวิตอยู่จริงๆ เลยค่ะสามารถที่จะไม่ใช้ พอต้องขอคำแปลของคำว่าบัณฑิตด้วยนะคะ ครับโดยความหมายของบัณฑิตนะครับ บาหลีคือปณิดาความหมายก็คือผู้ดำเนินไปด้วยปัญญาชื่อว่า ค่ะพระราชดันกุศลมีหลายอย่างใช่ไหมคะการสงเคราะห์ช่วยเหลือคนอื่นด้วยอามิสคือด้วยวัตถุให้กับพ้นจากความทุกข์ยากหรือคลอนก็เป็นกุศล แต่ว่าขณะนั้นเป็นบัณฑิตหรือเปล่า เป็นเพลงกุศลหรือเป็นใบ้ คือในขณะที่ละเว้นทุจริต อาจจะไม่ใช่ซับเวย์รักสัตว์เป็นต้น มีอยู สามารถเม้นการที่จะทำให้บุคคลเป็นทุกข์โทษใครได้ด้วยความเมตตาขณะนั้นก็เป็นกุศลจิตนะคะ แต่มีปัญญาหรือเปล่าเป็นบัณฑิตเรียก เพราะฉะนั้นการที่กุศลจิตที่เป็นไปในทางในซีนของทุกชีวิตในโลกนี้ในชีวิตประจำวันยังไม่ใช่เป็นบัณฑิต แต่ว่าเป็นครูสอนได้ เพราะฉะนั้นบัณฑิตต้องเป็นผู้ที่มีความเห็นถูก อืมจริงๆ โอ้โหความจริงของสิ่งที่มีในค่ะ เพราะฉะนั้นขณะนี้นะคะ ผลทางกลุ่มกันอยู่ ถูกใจผู้ต้องไปถามค่ะแล้วก็สามารถที่จะเข้าใจ ผู้หญิงด้วย เข้าใจนะคะ คนบัณฑิตนี้ แต่ยังไม่ถึงของผู้ที่เป็นพระอริยะบุคคลเพราะเห็นว่าเป็นแต่เพียงการเริ่มต้นที่จะมีความเห็นถูกจากการเข้าใจโดยการฟัง บัณฑิตจริงๆ พีระพงษ์ราคาแล้วก็ ปัญญาก็ตามแบบคันนะคะ ก็น้อยลงจนในท่านหญิงขณะที่มีความเห็นถูก เด็กน้อยก็เริ่มหนทางที่จะเป็นบัณฑิต เคยคุณสุธิชา ธนาคารค่ะตะกี้พอฟัง อยากให้ฉันอาจารย์ช่วยอธิบายเพิ่มเติมเพราะยังมงคล๓๘ เป็นครูตัวไหน บูชาบุคคลที่ควรบูชาค่ะคุณเจน ทุกคนเริ่มด้วยไม่คบคนพาล ต้องรู้จักคนผ่านนะคะ โดยกายวาจาแล้วก็ถ้าเป็นผู้ที่ละเอียดก็จะรู้ถึงใจด้วยว่าบุคคลนั้นนะคะ มีจิตใจเป็นอย่าง เพราะฉะนั้นคนพาลคือพวกที่ไนซ์กายทุจริต ว่าจีทุจริตน่าจะคบไหม พบกับผู้ที่มีการทุจริตวจีทุจริต ทั้งหมดนี่นะคะ ก็เพราะใจเป็นอกุศลเป็นมโนจิแต่ก็อยากนะคะ ที่จะรู้ว่าสิ่งไหนเป็นกุศลเป็นอกุศลเค้านั่งกันเด็กๆ เนี่ยค่ะอกุศลจิตเกิดแล้วไม่รู้ต่อเมื่อมีกายหรือวางใจที่กระทำในสิ่งที่ทุจริต จะสามารถรู้ได้ว่า เป็นอุสนใจ เป็นผ้าที่จะทำให้กลายเป็นผ่านวาจาเป็นพาลด้วย สำหรับโรงเรียนขามนะคะ บันดิตก็คือผู้ที่มีกายสุจริต จีสุจริต มโนสุจริตก็รู้ยาก กายสุจริตคืออย่างไรคะถ้าขนาดนั้นจิตเป็นอกุศลกายสุจริตได้ไหม ต้องขนาดนั้นเป็นกุศลจิตกายจึงสุจริตได้ด้วยเหตุที่ทำให้เพิ่งเป็นสิ่งที่ลึกซึ้ง ใจเป็นกุศลกายจึงเป็นสุจริตได้ว่าเจสุจริตได้แต่ว่าจีนสุจริตนะคะ จนถึงความจริง ถ้าเราพูดคำที่ไม่จริงในชีวิตประจำวันนะคะ เช่นบอกว่ารับประทานอาหารแล้วแต่บอกว่ายังไม่ได้รับประทาน พูดไม่จริงใช่ไหมคะขนาดนั้นก็ไม่ใช่ว่าจีนสุจริตแต่ว่าวาจาจริงก็ต้องถึงกับพูดคำที่แสดงความจริงของสิ่งที่กำลังมีในขันธ์ เพราะฉะนั้นใจนะคะ ที่ไม่ประกอบด้วยปัญญาสามารถที่จะกล่าวคำที่แสดงถึงความจริงของสิ่งที่มีเด็ก และนี้ได้ถูกต้องไหม เพราะฉะนั้นถ้าเป็นคำที่ไม่ใช้วาจาสัจจะเช่นให้ทำอย่างนั้นให้ทำอย่างนี้จริงรึป่าว ทำได้หรือเปล่าเพราะว่าคำที่ถูกต้องที่สุดนะคะ ที่ไม่เปลี่ยน มาสองลูกจ๋า จากการที่ทรงตรัสรู้ความจริง คือพระเจ้าท่านกลัวธรรมะทั้งหลายเป็นอนัตตา แต่ถ้ามีใครบอกให้เราทำเพื่อที่จะได้รู้แจ้งอริยสัจจ โดยไม่มีเหตุผลใดทั้งสิ้นไม่เห็นว่า เป็นปัญโยไม่ใช่ เพราะฉะนั้นคำอย่างนั้นนะคะ ไม่ใช่วาจาสัจจะเป็นวัดจีนที่จิ เพราะฉะนั้นการที่จะรู้ว่าคำได้นะคะ เป็นคำสุจริตคำได้พิมพ์คำทุจริตก็ต้องยิ้มปัญญาตามลำดับขั้นด้วย ดีนะครับ ต่อเนื่องกันว่า๓โมงคนก็ในสถานะเดียวกัน แต่ถ้าจะหักก่อนที่จะไม่คบพาลคบบัณฑิตก็ต้องมีปัญญาที่รู้จักผ่านแล้วบรรจงแน่นอนค่ะเพราะว่าถ้าไม่มีไก่ไว้จะจะรู้ได้ กระนั้นมงคลพลอยที่หนึ่งก็ซื้อจริงก็เริ่มจากปัญญาเลยใช่มะจักถ้าทำ ที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดงทุกขะต้องไม่ลืมนะคะ ทุกคำเพื่อให้เข้าใจถูก ความเข้าใจถูกก็คือปัญญา เพราะฉะนั้นคำใดๆ ที่ไม่ทำให้เข้าใจถูกคำนั้นไม่ใช่คำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า คำใดที่ทำให้เข้าใจผิดยิ่งไม่ใช่คำของภาษามาสองเจ้าแน่นอน เนี่ยครับมีสื่อประโยชน์ที่มีจริงๆ นะครับ ไม่ใช่ว่าเราไปดูแค่เป็น ขอไปไม่ครบผ่านคบบัณฑิตบูชาบุคคลที่ควรบูชา แต่ ต้องเป็นปัญญาที่เข้าใจยากพระสุเมื่อวานก็ชัดเจนมากนะครับ ไหนกินตะสูตรนะครับ ที่พูดถึงลักษณะความต่างของบัณฑิต และสะพานนะครับ ผู้ที่จะรู้ว่าอะไรผ่านอะไรเป็นบัณฑิตก็คือคนฉลาด คนฉลาดทั้งหลายตลาดคุณมีปัญญาทั้งความเข้าใจถูกเห็นพวกในธรรมะเนี่ยจะพึงรู้จักได้ว่าอันนี้เป็นสัตบุรุษเป็นพาลตามความเป็นจริง เพราะฉะนั้นเนี่ยมงคลข้อที่หนึ่งนะครับ ถ้าไม่มีปัญญาเนี่ยไม่รู้ผ่านว่าคืออะไรบัณฑิตคืออะไรแล้วจะเสพคุ้นกับกุศล และอกุศล นะฮะแล้วโดยสมมติบัญญัติเป็นบุคคลนะฮะก็รู้ว่าบุคคลใดเนี่ยที่ประกอบด้วยผ่านสถานะบุคคลนั้นก็สมมติกันเนี่ยเห็นว่าเป็นคนพาลก็ได้คนไหนที่มีส่วนหลักธรรมมีความ ถูกก็เป็นมูกเมื่อรู้เช่นนั้นแล้วไหนยอมที่จะเป็นผู้ที่เคารพในธรรมมาสของบัณฑิตหรือธรรมชาติ กำลังใจเคารพบูชา บุคคลที่ควรบูชาเพราะว่าเป็นการชื่นชมในกุศลธรรมในปัญญาในความดีงามนะฮะ เพราะฉะนั้นพระองค์ท่านก็ทรงแสดงต่อเนื่องจากจริงๆ เลยนะฮะ มีสถานพระอภิธรรม


    ฟังธรรมจากหัวข้อย่อย

    หมายเลข 193
    30 ม.ค. 2567

    ซีดีแนะนำ