พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 873


    ข้อความนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบแก้ไข

    ตอนที่ ๘๗๓

    ที่มูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา

    วันอาทิตย์ที่ ๒๒ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๖


    เห็นถูกในสิ่งที่มีจริงๆ ที่กำลังปรากฏเพื่อรู้ตามความเป็นจริงว่าเป็นธรรมะแม้แต่คำว่าเป็นธรรมะ จริงหรือยัง ต้องไปความเข้าใจจริงๆ นะคะ ถึงความเข้าใจว่าสิ่งที่กำลังปรากฏนี้เป็นสิ่งที่มีจริงอย่างหนึ่งเท่านั้นจริงๆ นั่นคือรู้ว่าเป็นธรรมะไม่ใช่บอกได้นะคะ นี่ก็เป็นธรรมะนั้นก็เป็นธรรมะแต่ว่ากำลังเห็นเดี๋ยวนี้เนี่ยเป็นธรรมะหรือว่ายังไม่จริงความเป็นธรรมมะตามที่ได้เข้าใจด้วยเหตุนี้นะคะ จากการที่เป็นอุปนิสัยัโคจะระ และก็สามารถที่จะอารักขา ไม่ให้อกุศลจิตเกิด กล่าวจนกระทั่งในขณะที่ฝั่งนี้ค่ะ และก็มีความเข้าใจสิ่งที่ปรากฏทีละเล็กที่ละน้อยจนกระทั่งไม่ว่าการล่ะไหน มีสิ่งที่กำลังปรากฏก็เข้าใจตามที่ได้ฟัง เป็นอุปนิสัยปั่นผ้า โคจะระถ้าจะใช้อีกชื่อนึงนะคะ สติปัฎฐานแต่ไม่จำเป็นต้องไปติดที่ชื่อนะคะ บางสภาพธรรมะบ้างความเป็นจริงถ้าบอกว่าถ้าผู้มีพระภาคตรัสรู้อะไรจัดรู้สิ่งที่กำลังปรากฏตามความเป็นจริงผิดหรือถูกใช่ไหมคะ นี่ก็แสดงให้เห็นว่าขณะที่ตรัสรู้ความจริงต้องมีสิ่งที่ปรากฏไฮโซแพทรู้ความจริงของสิ่ง และเมื่อทรงแสดงธัมมในขณะก็ทรงแสดงว่าสิ่งที่ ไปแล้ว ใครจะไปรู้ความจริง และสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้นใครจะรู้ความจริงได้ไหม แล้วจะไปไหนคะ ในเมื่อสิ่งที่มีจริงกำลังปรากฏแล้วไม่รู้แต่คิดว่าจะไปรู้อย่างก็เรียกว่าไม่ตรงตามพระธรรมที่ทรงแสดงด้วยเหตุนี้การฟังธรรมะทั้งหมดนะคะ เพื่อมีความเข้าใจที่มั่นคงที่ถูกต้องจนกระทั่งวันหนึ่งค่ะสามารถที่จะเริ่มเข้าใจเห็นในขณะที่กำลังเห็น ซึ่งขณะนั้นเนี่ยไม่มีอย่างอื่นเลยเพราะว่าขณะเห็นต้องมีแต่เห็น และสิ่งที่ปรากฏให้เห็น ขนาดนั้นนะคะ ก็เป็นปลูกปะนิพันธ คงจะอารมณ์แล้วนะคะ ทำให้ไม่พลาดไปจากขณะที่กำลังปรากฏเพราะมีความเข้าใจที่ถูกต้องว่าขณะนั้นเท่าที่ได้ฟังมาทั้งหมดก็เพื่อให้รู้ลักษณะของสิ่งที่มีจริงๆ ที่กำลังปรากฏ ถ้าไม่ใช่ลักษณะนั้นก็เป็นเด็กเพียงแค่คิดหรือขั้นเข้าใจแต่ว่าลักษณะที่มี และก็มีความเข้าใจในลักษณะมันแค้น ศูนย์กลางเป็นอุปนิพันธหรือยังเพราะเห็นว่าเพียงบางครั้งบางคราวอาจมีปัจจัยที่แข็งปรากฏ อย่าลืมนะคะ ลักษณะแข็งปรากฏซึ่งแข็งก็เป็นแข็งตลอดเวลาแต่ว่าลักษณะแข็งปรากฏจริงๆ ด้วยดีหรือเปล่าด้วยดีคือตามความเป็นจริง และเป็นเพียงแค่ ถ้าเห็นว่าปกติธรรมดานะคะ แข็งเป็นสมุดแข็งเป็นโต๊ะแข็งเป็นรองเท้าไม่ได้คิดถึงลักษณะแขนจริงๆ ซึ่งหินปลดหนี้ จริงจริงจริง หนึ่ง๘ใดก็ตามนะคะ ที่ลักษณะของธรรมะ นะคะ ก็เป็นผู้ที่จะรู้ตามความเป็นจริงโดยความเข้าใจที่ได้สะสมมาขณะนั้นนะเข้าใจมั้ยวะเนี่ยคือสิ่งที่มีจิตที่กำลังปรากฏให้รู้ว่าเป็นเพียงสิ่งหนึ่งเท่านั้นเอง เพราะชั้นไม่ใช่แต่เฉพาะแข็งนะคะ เสียงกลิ่นรสหรือสิ่งที่กำลังปรากฏกันไปในขณะนี้โดยนัยเดียวกันเป็นแต่เพียงสิ่งที่กำลังปรากฏนี้ค่ะกว่าจะจีนปลูกปะนิพันธ์ถ้าขอจะระนะคะ คือไม่ว่าจะระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรมะได้ตามที่เข้าใจตามที่ได้สะสมมา ไปวันๆ ไม่มีการเดือดร้อนจะเข้าใจสิ่งที่กำลังปรากฏก็ไม่มีนะคะ เพราะเห็นว่าชำนาญหรือว่าคุ้นเคยหรือว่าเข้าใจในสิ่งที่ปรากฏในลักษณะที่เป็นธรรมะพอที่ว่าสติเกิด ก็รู้ว่าขนาดนั้นก็เป็น นี่จึงพูดด้วยว่าเป็นธรรมะนะคะ แต่ว่าลักษณะนั้นมีจริงตามที่ได้ทรงแสดง เพราะฉะนั้นก็เป็นเบื้องต้นในทางที่เป็นที่พี่ตั้งแต่อุปปะริสสะยะโคจะระมีรึยัง ตามลำดับค่ะจะไปถึงลำดับสุดท้ายไม่ได้แต่ต้องเป็นผู้ที่ตรงนะคะ อุปะนิสสะยะโคจะระอารมณ์ธรรมดาอย่างนี้แหละแต่เรื่องฟังแล้วเข้าใจความจริงของสิ่งที่มีจริงๆ ใช่ครับไม่ได้เลยนอกจากตัวเอง เป็นผู้ที่ตรงนะคะ สัจจะบารมี ไม่รู้คือไม่รู้เรื่อรู้คือรู้แล้วก็รู้บ่อยไหมนะคะ อารักขาหรือเปล่า ขณะนี้จิตเป็นอกุศล จะมีอารักขาธรรมะที่เกิดขึ้นหรือเปล่าว่า ไม่ใช่กุศล และก็ไม่ใช่สิ่งที่ควรสะสม แพร่สร้างสะสมไปก็ไม่ใช่ที่ที่ น่าจะเกิดมาแล้วนะคะ ภัยมากมายไหม เรื่องที่ไม่น่าพอใจก็เป็นภัย ถ้าทำให้จิตนี้ค่ะไม่สงบแล้วก็หวั่นไหว เพราะฉะนั้นจึงแสดงให้เห็นว่าอกุศลทุกประเภทอาจไม่ใช่ที่ เผชิญทิพย์หนึ่งต้องไม่ใช่อกุศล และก็กุศลที่ประกอบด้วยปัญญาก็มีกุศลที่ไม่ประกอบด้วยปัญญาก็มีจะมีแต่เพียงกุศลที่ไม่ประกอบด้วยปัญญาเป็นที่ซึ่งหรือเปล่าเช่นถานการณ์ให้ผลก็คือว่าเมื่อเป็นการเสียสละวัตถุ เพื่อประโยชน์สุขของผู้อื่นจิตใจขนาดนั้นนะคะ เป็นจิตใจที่ไม่ได้ทำร้ายใครเลยสามารถที่จะไม่ติดข้องในสิ่งที่ปรากฏก็จะผลก็คือว่ามีสิ่งที่ปรากฏที่ดีนะคะ น่าพอใจแต่ว่าเท่านั้นหรือเพียงแต่ว่าทำกุศลทั้งหลายไม่ประกอบด้วยปัญญาผลก็คือว่าได้ลาภได้ยศได้สรรเสริญได้อะไรก็แล้วแต่เท่านั้นหรือ ด้วยการแสดงให้เห็นว่าต้องมีความเข้าใจในความต่างของแม่แต่สิ่งที่ปรากฏนะคะ จากอุปนิสัยัก็ระลึกซะรู้ตัวซะ ขณะนี้นะคะ มีพี่ขึ้นจากอกุศลหรือเปล่าเวลาที่อกุศลกำลังจะเกิด และเกิดแล้วมีที่พึ่ง ที่จะไม่เป็นสอบในขณะนั้นไม่ใช่ใครเลือกได้นะคะ แต่จากการเข้าใจความจริงของสิ่งที่มีว่าแท้ที่จริงแล้วเพียงเกิด และก็ดับเป็นท่า จนกว่าจะเจ๊งอกปณิฐ์พันธะโกรธฉะก็เป็นที่พึ่งตลอดนะคะ ตามลำดับตั้งแต่อุปนิสสยะโคจราจอะโคจะระโอปป้าริพันธโคตรเจริญ อาจารย์กล่าว ปลุกปากวิทยะโคจรxเป็นประการแรก ก็พูดถึงอารมณ์อาการแสดงว่าจิตเกิดขึ้นเนี่ยก็ต้องมีอารมณ์ บางครั้งก็เป็นกุศลบางครั้งก็เป็นกุศล อีกนะครับ ใช่ครับสำคัญที่ อารมณ์หรือว่าสำคัญที่การสะสมมา อารมณ์กับอุปนิสัยอารมณ์เป็นสิ่งที่ปรากฏเวลาที่จิตรู้อารมณ์ เพราะฉะนั้นขณะนี้ค่ะสิ่งที่กรรม เป็นรูป ใช่ค่ะทราบหรือเป็นรูปารมณ์นะคะ แล้วก็รูบรารมย์เนี่ยบางคนก็บอกว่าไม่ได้มีอิทธิพลอะไรเพราะไม่สามารถจะรู้อะไร เพราะฉะนั้นอะไรทำให้ติดคอ ในอารมณ์ที่น่าพอใจก็ต้องเป็นความไม่รู้ใช่ไหมคะ เพราะฉะนั้นอารมณ์ของความไม่รู้ กับอารมณ์ของความเข้าใจถูกนี้ก็ตั้งแต่ เพราะฉะนั้นเวลาพูดถึง พูดระยะที่เป็นอุปนิสสยะโคจะระหรืออารมณ์ของบิดาคืออารมณ์ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเนี่ยแม่เป็นอารมณ์เดียวกับอารมณ์ไม่ได้เปลี่ยนแต่ทำไมมีชื่อว่าอุปนิสัยัคงจะพระเอกว่าเมื่อมีการคุ้นเคยกับอารมณ์นั้นบ่อยๆ ก็เป็นการที่จะมีอุปนิสัย ในการที่แสวงหาอารมณ์ เพราะฉะนั้นอารมณ์นั้นก็เป็นที่แสวง ของน้องภาของความผิดของนะคะ แต่ว่าเวลาที่ฟังธรรมะเข้าใจแล้วอารมณ์นั้นถ้าไม่ปรากฏปัญญาจะรู้อะไร ยิ่งขนาดนี้ค่ะ สิ่งที่กำลังปรากฏให้เห็น ตามความเป็นจริงนะคะ เป็นธรรมะที่มีจริงอย่างหนึ่งเท่านั้นเองแล้วก็กำลังปรากฏในขณะที่เห็นด้วยในขณะนี้แต่ถ้าไม่มีความเข้าใจถูกในสิ่งนั้นใช่ไหมคะก็อารมณ์นั้นก็เป็นอารมณ์ของลูกค้าไม่ใช่เป็นอุปนิสสยะโคจะระซึ่งเป็นที่พูด เพราะฉะนั้นการที่เราจะกล่าวถึงว่าอารมณ์ทั้งหลายเนี่ยนะคะ เมย์แต่เพราะไม่รู้จึงติดคอแต่อารมณ์ทั้งหลายก็เป็นอารมณ์ของความรู้ความเข้าใจได้เมื่อมีความเข้าใจ เพราะฉะนั้นแม้ว่าจะพูดถึงอารมณ์นะคะ แต่จิตอะไรที่กำลังรู้ เพราะฉะนั้นสภาพธรรมะทั้งหลายเนี่ยเกิดตามเหตุตามปัจจัยให้เกิดโดยร้อย๕หน้าก็เป็นอารมณ์ ปิดอารมณ์ของความไม่รู้หรือว่าเป็นอารมณ์ของความเข้าใจ ตัวอารมณ์นะคะ เป็นสิ่งที่ถูกรู้เท่านั้นแต่อารมณ์นั่นแหละเป็นอารมณ์ที่ไม่รู้ไม่เข้าใจและติดคอหรือเป็นอารมณ์ของความเข้าใจที่มีในอารมณ์ คืออย่างนี้ครับท่านอาจารย์ยากผู้ที่แม้จะสะสมอุปนิสัยในการสนใจธรรมะเข้าใจธรรมะหมายให้แต่เกิดในยุคสมัยที่ไม่มีคำสอนหรือไม่มีอารมณ์ที่เป็นพระธรรมคำสอนก็ไม่มีโอกาสที่จะได้สะสมความเข้าใจหรือระลึกรู้ลักษณะสภาพแม้ยังมีคำสอนแต่ไม่ได้ยินได้ครับ หรือมีคำสอนแล้วก็ไม่ได้ยินได้ฟังหรือถ้าตรงข้ามนะฮะแม่เกิดในสมัยที่มีคำสอนสมบูรณ์หากแต่ไม่ได้สะสมมาก็เลยเหมือนกับเป็นทางอารมณ์แล้วเป็นทั้งอุปนิสัยที่สะสมมาก็ตามการสะสมว่าสะสมความไม่รู้หรือว่าความรู้ ความติดข้อง และความไม่ติดคอ ใช่ครับคงจะละ๓เนี่ยคงจะรักที่เป็นเบื้องต้นคือบุ๊คปั๊นิตยโคจะระเนี่ยซึ่งเมื่อสักครู่ไทยการกล่าวขยายมานิดนึงก็พอเข้าใจว่าถ้าพูดถึงคำว่าอามานะเนี่ยก็คือจิตเกิดขึ้นต้องมีอารมณ์แต่ท่านใช้คำว่าควรจะล่ะนี่คือเป็นอารมณ์ที่เป็นที่แสวงหา ทันทีที่สะสมมาที่จะสนใจอย่างเช่นสนใจพระธรรมก็ไปหาพระธรรมที่ถูกต้อง และสะสมความเข้าใจไปเป็นอารมณ์ของบิดา ใครเป็นบิดาพระอรหันต์สัมมาสัมพุทธเจ้ามีมรดกเยอะนะคะ แต่ว่าใครจะรับหรือไม่รับมรดก เพราะฉะนั้นแม้แต่ปัญญานะคะ ก็ต้องเป็นสีที่เข้าใจสิ่งที่ปรากฏเพราะจิตกำลังรู้ไม่งั้นปัญญาจะไปรู้อะไรจะไปเข้าใจอะไรถ้าไม่ใช่สิ่งที่กำลังปรากฏ เพราะฉะนั้นเดี๋ยวนี้อ่ะค่ะก็มีเห็นเป็นอารมณ์ของบิดาหรือว่าเป็นอารมณ์ของอวิชชา ใช่ไหมคะแม้แต่การที่จะสะสมอุปนิสัยในอารมณ์ อุปนิสัยในอารมณ์ อารัขาก็อ้าราคาในอารมณ์ไม่ใช่คณะ หรือแม้แต่อุปะนี้พันธก็ในอารมณ์นั้นที่ปรากฏไม่ใช่อารมณ์ ใช่ครับการที่จะค่อยๆ มีพระธรรมคำสอนนะฮะเป็นโคจะระหรือเป็นอารมณ์ให้สะสมอุปนิสัยเนี่ยจุดเริ่มต้นซื้อยาง วิธีนี้คุณบอกว่าถ้าไม่ฟังเลย หรือว่าพระธรรมอันตระธาน แม้จะมีความเข้าใจในสิ่งที่ปรากฏได้ เพราะฉะนั้นจุดเริ่มคือเข้าใจ จากแรง จากความศรัทธา และความเห็นประโยชน์เป็นเบื้องต้นคิดเองไม่ได้เลย ใช่ไหมคะแล้วใครล่ะคะที่เป็นผู้ที่กล่าวคำว่าขณะนี้เป็นธรรมะ เมื่อสักครู่ก่อนที่จะมีการสนทนาในพอดีผมเปิดขอความสามารถในการบรรยายฟัง ก็ตรงตรงนี้นะฮะที่ท่านจะ กล่าวว่ากำลังฟังคำของใคร ครับ ที่กำลังฟังไม่ว่าจะเป็นภาษาอะไรเนี่ยแต่เป็นจากคำของขลังของอาหารแต่สามารถคือเจ้านะครับ ภู่ประเสริฐสุดในสากลจักรวาลได้อย่างใช่คับเนี่ยผมก็กล่าวจากที่ได้ฟังเมื่อสักครู่ ก็เหมือนเป็นจุดเริ่มเมื่อผู้ที่มีความศรัทธาแล้วก็มีความเห็นประโยชน์ว่าไม่ได้ไปฟังคำของนักปราชญ์อะไรทั่วไปจะฆ่านายบุกค้นในครั้งโน้นนะคะ จะกล่าวอริยสาวิตรีก็ต่อเมื่อได้ฟังพระธรรมแล้ว จึงกล่าวคำว่าขอจริงพระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาชาวเจ้าเป็นที่พึ่งขอถึงพระธรรมเป็นที่พึ่งนะคะ และก็ขอถึงพระอริยสงฆ์เป็นที่พึ่งเมื่อฝันแล้วรู้ว่าเพิ่งได้เลยค่ะเพราะว่าเข้าใจสิ่งที่มีโดยที่ว่าไม่สามารถที่จะคิดเองเข้าใจเองได้แต่ถ้าเป็นคำคนอื่น คือให้ไปทำอย่างนั้นให้ไปทำอย่างนี้ และก็ให้รู้การเกิดดับของสภาพธรรมชาติแต่ไม่ได้เข้าใจอะไรเลย ไม่เข้าใจแม้สิ่งที่กำลังปรากฏ เพราะฉะนั้นคำนั้นเป็นที่พึ่งรึเปล่าก็ต้องเป็นผู้ที่สามารถที่จะพิจารณาได้นะคะ ว่าคำจีนก็เป็นคำที่พูดถึง๔ที่นี่ทุกขณะไม่ว่าขนาดไหนนะคะ เช้าสายบ่ายค่ำก็แล้วแต่ และก็คำจริงนั่นก็คือกำลังกล่าวถึงสิ่งที่กำลังมีในขณะนั้น เพื่อให้เข้าใจถูกเห็นถูกความจริงของสิ่งที่ แพร่อย่างนี้จะไม่จริงได้เลย แต่ถ้าให้ไปทำอย่างอื่นจะจริงได้เลยว่าเขาไม่ได้เข้าใจความสำคัญของคำวัดความเข้าใจถูกหรือปัญญานั่นเอง อาจารย์ครับถ้าถามว่าที่พึ่งคืออะไรเนี่ย จะตอบสูงสุดโดยที่จำดับเบิ้ลยูเมื่อวานนี้ก็คือที่เพิ่งสูงสุดคือพระนิพพาน หรือจะบอกว่าชาวพุทธก็มีพระพุทธพระธรรมพระสงฆ์เป็นที่พึ่ง และเป็นพัฒนาไตรรัตน์เมื่อวานก็คุยกันว่าปัญญานั่นแหละเป็นที่พึ่งดูเหมือนว่าจะตอบอะไรก็ได้ ขอได้ไหมคะเมนิพพานเป็นพี่ผึ้งใช่ไหมคะ หมายความว่าใครก็ตามตามคำที่ได้ยินมีพระนิพพานเป็นที่พึ่งนิพพานคืออะไร จะพึงแท้ๆ ได้รู้ไหมว่าคืออะ ถ้ายังไม่รู้แล้วไปผึ่งได้ไงค่ะถ้าจะครับถ้ายังไม่ถึงวิภาเนี่ยพระพุทธพระธรรมพระสงฆ์ แล้วก็กล่าวกันอยู่ตลอดนะภูที่กล่าวว่าเป็นชาวพุทธก็กล่าวว่าพุทธัสาระนังคัจฉามิธัมมังสะระนังคัจฉามิสังฆังสะระนังคัจฉามิเน็ตก็กล่าวมันอยู่อาจารย์แตกจะเป็นที่พึ่งได้ขั้นแรกพึงใจค่ะขอบคุณครับแล้วพระพุทธเป็นใคร ก็เข้าใจค่ะไม่ใช่อยู่ดีๆ ได้ยินก็เพิ่ง และเพื่อนอะไรก็ไม่รู้ เพราะฉะนั้นปัญญาที่เข้าใจในความเป็นพระพุทธนพระธรรมรัตนะพระสังฆรัตนะตัวปัญญานั้นจริงๆ ที่บาปให้มรดกคือปัญญา ค่ะให้อะไรล่ะคะไปให้เอาวิชาเลยค่ะเลยให้เราเลยไปโทร ครับอ้อจริงทุกคำที่ได้ฟังนะครับ อาจารย์กล่าวเมื่อสักครู่กล่าวถึงว่าจุดเริ่มต้นคือความเข้าใจถูกเห็นถูก แล้วความเข้าใจถูกไม่ถูกจะเกิดขึ้นเป็นไปได้อย่างไรก็ต้องอาศัยการฟังความจริงฟังพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง การที่จะเข้าใจธรรมะได้นะครับ ต้องมีองค์ประกอบหลายประการทีเดียว พระพุทธเจ้าอุบัติขึ้นในโลก พระพุทธเจ้าทรงแสดงพระธรรมผู้นั้นได้เกิดมาเป็นมนุษย์ พร้อมทั้งมีศรัทธาที่จะฟังที่จะศึกษา และก็ไม่ใช่เพียงแค่ฟังครั้งเดียวนะครับ ก็ต้องสะสมต่อไปบ่อยๆ อย่างเดียวจนเป็นที่พึ่งที่อาศัยที่มีกำลังครับ ถ้าใช่ครับมันก็คนที่จะรู้ว่ามีพระพุทธพระธรรมพระสงฆ์เป็นที่พึ่งเนี่ยก็ต้องเริ่มต้นจากวัวไพ่คืออะไร และก็ พระพุทธพระธรรมพระสงฆ์คืออะไรถึงจะเป็นที่พึ่งได้ตรงนี้ก็จะขอความกรุณาอาจารย์คะเดี๋ยวนี้ภัยคืออะไรคะ ก็เห็นแล้วติดข้องเห็นแล้วไม่รู้ได้ยินแล้วเป้าหมายภัยจริงๆ คือเกิดขึ้น และดับไป ท่าจะคันนั้นหมายความว่าถึงแม้จะเป็นกุศลแต่เกิดระดับก็เป็นภัย ทั้งหมดค่ะสภาพธรรมะใดๆ ก็ตามทุกคนไม่อยากให้ดับเลยอยากให้เป็นอย่างนี้ไปอีกนาน เกิดมาแล้วอยากจากโลกนี้ไปเร็วๆ มั้ยคะมากเย็นนี้ดีไหมพรุ่งนี้ดีไหมยังอยากอยู่อย่างอยากเห็นยังอยากได้ยินแต่ใคร ยับยั้งได้ การเกิดขึ้น และดับไปเขาสิ่งที่เดี๋ยวนี้เป็นใหญ่ เพราะฉะนั้นถ้ายังไม่เห็นความจริงอย่างนี้ไม่เห็นภัยค่ะก็สบายดีเห็นแล้วได้ยินแล้วก็คิดนะต่างๆ ใช่ไหมคะเรื่องราวมากมายเยอะแยะแต่ถ้ารู้จริงใช้คำว่ารู้จริง อะไรเป็นภัย แก๊งเกิดแล้วดับแล้วไม่มีใครเลยทั้งสิ้นที่เคยเป็นเรามานานแสนนานในสังสารวัฎเนะก็เป็นเพียงสิ่งที่เกิด แล้วก็กลับไปอีกด้วย และก็เป็นอย่างนี้ไปทำไม มีประโยชน์อะไรคะ แค่เกิดมานิดเดียวค่ะปรากฏเล็กน้อยมากมากที่สุดที่จะคิดไปแวบเล็กน้อยแค่ไหนนะคะ แล้วก็ดับไปเลย ไม่ให้เกิดก็ไม่ได้ไม่ให้ดับก็ไม่ได้ก็เป็นอย่างนี้ไปเรื่อยเรื่อยเหนื่อยไหม บางคนเขาก็บอกว่า เข้าไปดูกันเกิดแบบซะจนเหนื่อย แสดงให้เห็นว่าโดยยังไงไม่ใช่ปัญญาแน่ๆ นะคะ ดูจนเหนื่อยอันนี้ก็ที่เวียดนามนะคะ ที่เวียดนามนี่ก็มีหลายความคิดค่ะหลายสำนักเวรกันแต่ที่แบ่งแยกจริงจริงก็คือแบบปฏิบัติกับศึกษาให้เข้าใจถึงโหมดคนที่ได้ฟังแล้วนะคะ ก็เริ่มความเห็นถูกก็มีแต่คนที่มั่นคงเหลือเกินแม้แต่ก่อนที่จะกลับก็อุตส่าห์ใฝ่หาถึงห้องนอน ก็คือคนที่ปฏิบัติ แทนแต่ก็ยังดีที่ฟังธรรมะ เพราะฉะนั้นเราก็รู้นะค่ะว่า ธรรมะเป็นธรรมะเป็นทาสไม่มีใครสามารถบังคับบัญชาได้เลยจริงๆ การที่เกิดมาได้พบกันได้แบบเอื้อนหวังดีนะคะ ก็ถือว่าให้ความเข้าใจที่ถูกต้องของเต็มจำนวน ผู้ชายคนนี้ระบบบุคคลผู้ที่มี ที่ฟังเรื่องเหตุผล เลอกเลย พูดในที่สุดก็พูดว่าพวกเขาไป ต์ ต์เราไม่ได้เบื่อ ต์รู้สึก ต์คิดถึงเมื่อวันนี้จะมีถุงยังชีพที่มี ปกติสีของ สิ่งที่น่าพอใจขอให้ก็พอใจแต่พอเขาเจอต์ หาซื้อ งงในที่เช่นถูกผูกติด สูงกว่าปลื้มปิติที่ได้เข้าใจความจริงที่กำลังปรากฏนี่ก็แสดงเห็นนะคะ ว่าธรรมะฝ่ายดี และไม่สามารถที่จะทำให้เกิดทุกข์หรือเหนื่อย เพราะฉะนั้นผู้นี้ก็ยังดีค่ะคือยังฟังเพราะฉันก็สามารถที่จะไตร่ตรองไปพิจารณาไปนะคะ แต่ก็ไม่ทราบว่าอวิชชาที่หนาแน่นหนักมากเล่นสลับที่ออกไปไม่ได้ที่กันไว้เนี่ยจะค่อยๆ คลาย และค่อยๆ ยกขึ้น ต์ผู้ที่อยากที่จะ ต์ด้วยความไม่รู้นะคะ ตรวจพบยากลำบากกลัวนั่นกลัวนี่สารพัดใช่ไหมคะแต่ไม่รู้เลยค่ะที่น่ากลัวที่สุดคือสิ่งที่เพียงเกิดน้ำป่า อย่างอื่นอย่างเดียวอย่าได้ใช่ไหมคะแก้ไขได้ไม่สบายไปหาหมอไปโรงพยาบาลกินยาก็พอบรรเทาไปได้แต่ขณะนี้สภาพเหมาะๆ จริง ไม่มี แต่มีสิ่งสื่อ ต์เก่งโหมด สูงผู้สร้างมันจะยับ เพราะฉะนั้นแม้แตกต่างที่จะรู้ว่าอะไรเป็นภัยจริงๆ ก็อยาก การเกิดเป็นภัย เพราะอะไรคะเกิดแล้วแบบนี้อีกยาวมากเลยเกิดแล้วมาพบอะไรไม่รู้ตั้งหลายอย่างล้วนแต่ไม่ดีไม่ดีก็มีใช่ไหมคะเป็นทุกข์แน้นทุกนี้แล้วก็ตายไปนี่คือไกลมากจากการเกิดประโยชน์ ๘ ๔ คือเร็วยนะ ถ้าสังเกตดูเหมือนว่าถ้าไม่ฟังหรือไม่ศึกษาเนี่ยก็จะไม่รู้จริงๆ ว่า ไปก็คือสิ่งที่เกิดแล้วได้ ใครเห็นญาติไม่ใช่เรากล่าวว่าเป็นไปนะคะ แต่ว่าต้องไปจากการเกิดขึ้น และดับไปจนเห็นว่าเป็น ถ้าจะค่ะนั่นหมายความว่า เพราะฉะนั้นในผู้เริ่มต้น ไม่เข้าใจ ความจริงที่ไม่เคยรู้เลยเนี่ย เดี๋ยวนี้เค้าบอกว่าเห็นเกิดจากก็ไม่เห็นเดือดร้อนไม่เห็นว่าเป็นใคร ต้องเป็นปัญญาระดับนั้นไม่สามารถที่จะเห็นว่าทุกสิ่งที่เกิด จริงๆ ในรูปพร้อม เพราะฉะนั้นการฟังเข้าใจที่บอกเป็นถ้าใส่ชื่ออุปนิสัยัโกจาระใส่ใจที่จะฟังในสิ่งที่อธิบายความจริงหรือว่าวาจาสัจจะของพระพุทธะองค์นะว่าจะเป็นปัจจัยให้รู้ขึ้นเรื่อยๆ เพราะฉะนั้นตรงนี้ก็ขึ้นมาถูกทางแล้ว อยากเกิดมาแล้วเจ็บไข้เป็นภัยใช่ไหมคะทุกข์ยากเดือดร้อนเป็นภัยแต่จริงๆ แล้วภัยแค่นั้นแหละเล็กน้อยเมื่อเทียบกับสภาพสมาชิกเกิดระดับไป และไม่ดีอีกไม่กลับมาอีกขณะที่กำลังเป็นทุกข์ก็ยังมีราวแก้ไขได้นะคะ ขณะเจ็บไข้ได้ป่วยก็ยังเป็นราวแก้ไขด้านบนกันทุกอยากจะเป็นเราก็แก้ไขได้แต่ว่าไพ่จริงๆ คือสิ่งซึ่งไม่สามารถแก้ไขได้ ใครก็แก้ไขไม่ได้พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าเปลี่ยน สิ่งที่เกิดแบบไม่ให้เกิดจากได้ไหมไม่ได้ ถ้าจะก็ได้หมายความว่า ก็ฝังให้เข้าใจอย่างนี้แล้วก็ถ้าไม่ฟังก็จะไม่รู้จริงๆ ว่า จริงๆ โดยบอกว่ารู้สึกหึ เพราะฉะนั้นฟังใครอีกมั้ยค่ะ ๓าจากทรงแสดงพระธรรม ให้คนที่ไม่สามารถจะรู้ได้ด้วยตัวเองเลยค่ะเข้าใจความจริงได้


    ฟังธรรมจากหัวข้อย่อย

    หมายเลข 193
    29 ม.ค. 2567

    ซีดีแนะนำ