สนทนาปัญหาสารพัน : แสงธรรมส่องถึง L.A. [ตอนจบ]

 
วันชัย๒๕๐๔
วันที่  19 ม.ค. 2563
หมายเลข  31473
อ่าน  2,533

ในรายการสนทนาปัญหาสารพัน : แสงธรรมส่องถึง L.A. [ตอนแรก] คุณพงศ์พิลาส โชติกเสถียร (คุณเปิ้ล) ชาวไทยที่พักอาศัยอยู่ที่ เมืองลอสแอนเจลิส (L.A.) รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกามากว่า ๓๐ ปี ได้สนทนาเล่าถึงประสบการณ์และเรื่องราวของการได้พบเห็นปัญหาสารพันต่างๆ ของวัดและพระพุทธศาสนาในต่างแดนไว้อย่างเข้มข้น น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง (คลิกที่นี่... สนทนาปัญหาสารพัน : แสงธรรมส่องถึง L.A. [ตอนแรก]) และยิ่งเข้มข้นขึ้นไปอีกในตอนนี้ ที่คุณเปิ้ลกล่าวถึงความเห็นผิดและพฤติกรรมผิดๆ ของพระภิกษุและพระธรรมทูต รวมไปถึงเรื่องการเผยแพร่พระธรรมของพระและสำนักต่างๆ ด้วยบุคลิกที่เป็นคนแคล่วคล่อง กล้าพูด กล้าทำ พูดจาฉาดฉาน จริงใจ ตรงไปตรงมา ของคุณเปิ้ล เมื่อมีความเข้าใจพระธรรมที่ถูกต้องจากที่แสวงหามานานจนพบ ก็ยอมรับว่า ไม่อาจอยู่นิ่งเฉยได้ เพราะด้วยอัธยาศัยที่สะสมมาในการเป็นผู้ที่มีความหวังดี เป็นมิตรเป็นเพื่อนที่แท้จริงกับทุกคนที่ได้พบได้รู้จัก เมื่อได้พบความจริงที่ถูกต้อง ตรงตามพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้และทรงมีพระมหากรุณาแสดงไว้ จึงไม่ละโอกาสที่จะกล่าว แสดง ความจริงที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงในหนทางที่ถูกต้องนี้ แก่ทุกคน ที่พบและรู้จัก ตามกาละและโอกาส เท่าที่จะทำได้

(ขอบคุณภาพข่าวจาก.....สยามทาวน์ข่าวแอลเอ ฉบับที่ 447)

เมื่อมีความเข้าใจพระธรรมมากขึ้น แต่ละบุคคลย่อมจะเป็นกำลังสำคัญหนึ่งของการที่จะดำรงรักษา และเผยแพร่ความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องของพระธรรมคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้เจริญรุ่งเรืองเฟื่องฟูต่อไปได้ แม้ในกาลที่พระศาสนาคือคำสอนนี้ใกล้ที่จะอันตรธาน (เพราะไม่มีผู้ใดเข้าใจคำสอนถูกต้อง) ไปมากแล้วก็ตาม แต่บุคคลที่ได้รับประโยชน์จากความเข้าใจในคำสอนที่ถูกต้อง ย่อมเป็นผู้ไม่ละเลยในการที่จะได้เกื้อกูลผู้อื่นตามกำลังความเข้าใจของตน ของตน เพื่อเป็นการตอบแทนคุณอันยิ่งของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้ทรงคุณอันประเสริฐยิ่งพระองค์นั้น และเพื่อให้พระศาสนาคือคำสอนที่ถูกต้องยังคงอยู่ให้ผู้ที่มีความสะสมมา ได้พบ ได้ฟัง ต่อๆ ไป นานที่สุด เท่าที่จะเป็นไปได้ และไม่ลืมว่า จุดประสงค์เดียวของการที่ได้นำเรื่องราวต่างๆ มาเผยแพร่นี้ ก็เพื่อที่จะให้สังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เข้าใจว่าตนเองเป็นชาวพุทธนั้น ได้ฉุกคิดและตระหนักถึงความเข้าใจจริงๆ ในพระธรรมคำสอนที่ถูกต้อง ตรงตามคำสอนของพระพุทธองค์จริงๆ หาไม่แล้ว ความคิดผิด ความเข้าใจผิด (แม้เพียงเล็กน้อย) นั้น ย่อมเป็นการทำลายพระพุทธศาสนา คือคำสอนของผู้ที่ตรัสรู้ ผู้มีพระคุณมากมายมหาศาล ด้วยความไม่รู้ของผู้ที่คิดว่าตนเองเป็นชาวพุทธนั้นเอง หาใช่ผู้ใดอื่นเลยไม่

ข้อความบางตอนจากการสนทนา...

ผศ.อรรณพ ตอนแรกที่คุยกับพี่เปิ้ลก็คือว่า เดิมทีพี่เปิ้ลก็ฟังธรรมะจาก เขาใช้คำว่าพระอาจารย์ใช่ไหม ก็คือพระภิกษุ (คลิกที่นี่...ภิกษุคือใคร)
คุณเปิ้ล พระอาจารย์ทุกองค์ หลายรูป ฟัง
ผศ.อรรณพ ก็เลยถามว่า ฟังจากพระอาจารย์ที่เป็นพระภิกษุมาทั้งนั้น แล้วมาฟังท่านอาจารย์ ซึ่งท่านก็เป็นอุบาสิกาธรรมดา แล้วตอนแรกที่เปิดคลิปแรกเลย ที่ได้ฟัง ก็คือ ธรรมะคืออะไร (คลิกที่นี่...ตั้งต้นที่คำว่าธรรมะ) ใช่ไหม? ที่พี่เล่าให้ผมฟัง แล้วพี่เห็นว่าท่านอาจารย์เป็นผู้หญิง อุบาสิกานี่ จากแต่ก่อนที่พี่ฟังจากพระอาจารย์ล้วนๆ จากภิกษุล้วนๆ พี่คิดอย่างไร?
คุณเปิ้ล คือ ไม่ได้คิดเลย พอยูทูปขึ้นมา พอได้ยิน รูปลักษณ์ไม่ได้มีความสำคัญกับเปิ้ลเลย ขอให้เข้าใจในธรรม แล้วธรรมอันนั้นตรงกับพระพุทธองค์ ไม่ได้ดูว่าผู้นั้นเป็นคฤหัสถ์ เป็นอุบาสิกา ไม่เลย คือ ขอให้ผู้นั้นได้แสดงธรรมตามพระพุทธองค์ แล้วคล้องจองกัน ตามที่เราได้ศึกษามา แค่นั้นพอแล้ว เพราะไม่ได้ติดกับรูปลักษณ์ ไม่ติดว่า จะต้องฟังภิกษุอย่างเดียว ใครก็ได้ สามารถที่จะถ่ายทอดพระธรรมของพระพุทธองค์ ตามความเป็นจริง แล้วไม่เสริมแต่ง ตัดต่อ และสุดท้ายคือ ทุกอย่าง ไม่มีเรา ทุกอย่างอนัตตา จบ เปิ้ลไม่ได้ดูรูปร่างลักษณะว่าท่านเป็นใคร ท่านอยู่ในสภาพไหน อะไรอย่างนี้ ไม่ได้อยู่ในความคิดของเปิ้ลเลย เปิ้ลเคารพเพราะผู้นั้นได้นำพระธรรมมาสอน แล้วเราได้เกิดปัญญา ให้เราได้กระจ่างในสิ่งที่เราได้ถามตัวเองมาตลอด ว่ามันไม่ใช่เพราะอะไร? อะไรอย่างนี้ค่ะ

ท่านอาจารย์ หายากนะคะ อย่างนี้
ผศ.อรรณพ ท่านอาจารย์บอกว่าหายากนี่ ผมนึกถึงพระสูตรที่เพิ่งสนทนากันไปเมื่อสองวันก่อน "รูปสูตร" (คลิกอ่านที่นี่...รูปสูตร) คือพระสูตรที่แสดงถึงการถือประมาณหรือเลื่อมใสในอะไร เลื่อมใสในรูปลักษณ์ภายนอก ถือประมาณในรูป ถือประมาณในเสียงกึกก้อง ก็คือ เสียงสรรเสริญ เสียงยกย่อง ดัง ใครดังมาสอนกันก็ โอ้ เขาว่าอันนี้ดี ก็เชื่อ หรือว่า ถือประมาณในความเศร้าหมอง ก็คือ เห็นแล้ว ดูละคลายมากเลย ดูแต่งตัวก็ปอนด์ๆ เป็นพระภิกษุก็จะใส่จีวรสีกรัก หรืออะไรอย่างนี้ (คลิกที่นี่...ภิกษุคือใคร) แต่ว่าน้อยมาก โดนใจที่ท่านอาจารย์พูดว่า น้อยมากที่จะเป็นอย่างคุณเปิ้ล ผู้ที่ถือประมาณในธรรมะหรือว่าเลื่อมใสในธรรมะ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงว่า แสนส่วนจะมีสักหนึ่งส่วน แต่นั่นคือในยุคโน้น ยุคนี้ไม่รู้ว่าจะมีในกี่ล้าน นี่เป็นเพียงแค่ที่ทรงอุปมาไว้อย่างนี้ครับท่านอาจารย์ น้อย (คน) ที่จะคิดอย่างนี้ ที่จะเข้าใจอย่างนี้ ที่จะประมาณในธรรมะเป็นใหญ่
ท่านอาจารย์ พอได้ฟังและเข้าใจแล้ว คุณเปิ้ลมีความรู้สึกอย่างไรบ้างคะ?
คุณเปิ้ล มีความรู้สึก จริงๆ ลึกๆ แล้ว ปิติ แล้วก็เราโชคดีมากที่ได้มาเจอค่ะ ที่ได้มาเจอคลิป เริ่มต้นคลิกของท่านอาจารย์ แล้วก็ฟังมาตลอด ทิ้งทุกอย่างเลยค่ะ
ท่านอาจารย์ พร้อมที่จะพูดให้คนอื่นได้เข้าใจถูกต้อง?
คุณเปิ้ล ของเปิ้ลพูดมาตลอด พูดมาตลอด และถ้าไม่กล้าอย่างไรก็คงจะไม่รับปากอาจารย์อรรณพ แต่ว่า เราก็ปรารถนาตั้งนานแล้วว่า พอช่วงที่เกษียณแล้ว ขอทำงานให้พระพุทธองค์ ตอบแทนพระพุทธองค์ จนกว่าจะตาย

ท่านอาจารย์ ตอนนี้ก็คงมีงานเยอะนะคะ ที่ต้องช่วยกัน
คุณเปิ้ล ค่ะ ได้เลยค่ะ
ผศ.อรรณพ ซึ่งขณะนี้พี่เปิ้ลก็กำลังทำอยู่ ที่จะมาถ่ายทอดประสบการณ์ ทั้งความเป็นไปของฝ่ายอกุศล ความไม่รู้ ความติดข้อง ความเห็นผิดเป็นอย่างไรๆ ก็คือความเป็นไปของอกุศลธรรม แล้วก็ได้เข้าใจ มีความรู้ความเข้าใจ ก็เป็นทางของปัญญา ก็เปรียบเทียบกันได้เลย
ท่านอาจารย์ แล้วคุณเปิ้ลพอที่จะเห็นไหมว่า สำนักปฏิบัติผิดทุกแห่ง (คลิกที่นี่...สำนักปฏิบัติ ครูสมาธิ ทำลายพระพุทธศาสนา)
คุณเปิ้ล ถ้าคำพูดว่า ไปปฏิบัติ มันก็ตอบโจทย์ในตัวแล้ว ก็ไม่เข้าใจว่าบางคนทำไมถึงไม่คลิกตรงนี้ แต่ก็ตามที่อาจารย์อรรณพบอกว่า อาจจะไม่ถึงเวลาเขา
ท่านอาจารย์ ไม่ค่ะ ไม่มีใครที่จะพูดความจริง
คุณเปิ้ล เปิ้ลก็พูดนะคะ เปิ้ลก็พูดตอนที่ฟังท่านอาจารย์ เขาจะไปกัน ก็บอกว่าพี่ไม่ต้องไปไหนหรอก ธรรมะมีอยู่รอบข้าง พี่ไปคือตัวตนพี่ไปปฏิบัตินะ แล้ว "สัพเพ ธัมมา อนัตตา" คืออะไร? พี่ต้องจำอันนี้ให้แม่น เปิ้ลได้ยินท่านอาจารย์บอกต้องจำให้แม่น ต้องจำทุกขณะจิตว่า สัพเพ ธัมมา อนัตตา เราไม่มี แต่บางคนบอกขันธ์ ๕ ไม่ใช่เรา มันก็เลยกลายเป็นมีตัวตนว่า ขันธ์ ๕ ไม่ใช่เรา แล้วอะไรเป็นตัวเรา เปิ้ลก็เลยบอกว่า พี่อย่าพูดว่าขันธ์ ๕ ไม่ใช่เรา พูดว่า เราไม่มี ดีกว่า จบ ถ้าบอกว่าขันธ์ ๕ ไม่ใช่เรา แล้วตัวอะไรคือเรา ก็ไปแสวงหาอีก ถ้าเราไม่มี จบเลย ไม่ต้องพูดถึงเลยว่า จะไปหาว่าตัวตนของเราคืออะไร ก็พยายามที่จะบอก
ท่านอาจารย์ พร้อมที่จะเผยแพร่
คุณเปิ้ล พร้อมเลยค่ะ เพราะว่า เป็นอะไรที่ตัวเองได้รับ แล้วได้เข้าใจ ก็อยากจะเผยแพร่ เพราะว่าไม่ใช่ว่าจะไปอะไรกับใคร แต่ว่าอยากจะเป็นกัลยาณมิตรให้คนเขาทราบ ให้คนเขาได้มาเข้าใจอย่างเรา แต่เขาจะไม่เข้าใจ หรือเข้าใจ ก็แล้วแต่สิ่งที่เขาสะสมมา เราก็แค่ผู้บอก แล้วก็เมตตาเขา เรามาเจอสิ่งที่ดีแล้ว ก็คงไม่หยุด ก็คงจะแบบ ใครเข้ามาอย่างไรก็ต้องพูด ใครจะคิดอะไรอย่างไร ก็คงจะไม่สนใจ เพราะว่าเราน่าจะยำเกรงพระพุทธองค์มากกว่า ต้องยำเกรงพระพุทธองค์ ไปยำเกรงพระอาจารย์นั้น พระอาจารย์นี้ มันไม่ใช่ที่ พระพุทธองค์เป็นเจ้าของธรรมะ เราต้องยำเกรงพระพุทธองค์ มันต้องกล้า คือ จริงๆ แล้ว การที่มาศึกษาธรรมะ ความกล้าต้องมี

ท่านอาจารย์ กล้าที่จะบอกใครๆ ไหม? ว่าสำนักปฏิบัติผิด (คลิกที่นี่...สำนักปฏิบัติ ครูสมาธิ ทำลายพระพุทธศาสนา"
คุณเปิ้ล กล้าที่จะบอกเลย เพราะว่า ถ้าเขาถามว่าผิดอย่างไร ก็คือว่า ตอบโจทย์เลยว่า ไปฏิบัติ บอกมาเลย อธิบายมาเลยว่า การที่ไปปฏิบัติ "อะไร" ไปปฏิบัติ? เขาก็จะไปไม่ถูกค่ะ มันเห็นชัดๆ อยู่แล้ว (คลิกที่นี่...โง่ไหมไปสำนักปฏิบัติ ให้มีสติระลึกรู้)
ผศ.อรรณพ ตรงนี้ต้องขอบคุณพี่เปิ้ลมาก เพราะว่า มีประเด็นที่คนเขาแย้งมา พวกที่เขาชอบสำนักปฏิบัติ ซึ่งในวันนี้ยิ่งชัดว่าแต่ละสำนักเขาก็ยึดสำนักของเขาด้วย ไปปฏิบัติธรรมเหมือนกัน แต่คนละแนว ก็ยังอาจจะเห็นไม่ตรงกัน เขาก็บอกว่า ที่ท่านอาจารย์เผยแพร่ ว่าสำนักปฏิบัติไม่ถูกต้องตามพระธรรมคำสอน ไปมาแล้วทุกสำนักหรือเปล่า? แต่พี่เปิ้ลก็แสดงว่า แค่ที่บอกหรือสอนกันว่า ให้ไปสำนักปฏิบัติ จะไปสำนักไหนก็แล้วแต่ แค่ความคิดที่จะไป หรือการสอนให้ไป ก็ขัดแย้งกันแล้ว ท่านอาจารย์บอกว่า ผิดตั้งแต่ชื่อ ชื่อว่า สำนักปฏิบัติแล้ว เป็นที่ไปปฏิบัติ นี่ไม่ใช่ ไปผลิตตัวตน
คุณเปิ้ล ใช่ สำนักปฏิบัติ ก็เหมือนกับ เป็นที่ไปทำ ไปปฏิบัติ แล้วขอถามแค่คำเดียวว่า แล้วอะไรปฏิบัติ? ก็ตอบไม่ได้แล้ว ตอบไม่ได้ ถ้ากล้าจริง ต้องออกมา กล้าจริงต้องแสดงว่า ต้องรับความเป็นจริง ไม่กล้าจริงก็ยังติดกันอยู่ ตามแฟชั่น ไปกันเป็นกลุ่ม มันเสียเวลา มันเสียเวลามากๆ
ผศ.อรรณพ พี่เปิ้ลครับ นอกจากนี้แล้วนี่ ชาวพุทธเรา ถ้าไม่ได้เข้าใจ เราก็อยากได้บุญ แล้วก็ไม่เข้าใจบุญ แล้วส่วนใหญ่ ก็จะต้องไปยุ่งเกี่ยวกับการที่เอาเงินทองไปให้พระภิกษุ ที่แถวๆ แอลเอ เหมือนเมืองไทยไหม?
คุณเปิ้ล เหมือนเลย ก๊อปปี้มาเลย (หัวเราะ) ไม่ต่างกันเลย (หัวเราะ)
ผศ.อรรณพ เป็นอย่างไรบ้างครับ
คุณเปิ้ล ส่วนมาก พอตักบาตรก็ มีเงิน แทนที่จะเป็นข้าวสาร ในบาตร ก็ใส่เข้าไป คือ ท่านไม่ได้ปิดบาตร ก็เปิดอย่างนี้ เดินไป เห็นเลย รับเงิน ก็ยังเป็นคนพูดเลยนะ พูดบอกว่า "ท่านคะ บาตร..."
ผศ.อรรณพ นิดหนึ่งครับ พอดีเมื่อวันอาทิตย์พี่ก็ไปสนทนาที่มูลนิธิฯ ท่านอาจารย์ถามว่า ถ้าเห็นเงินอยู่ในบาตร จะคิดอย่างไร? ทำอย่างไร?
คุณเปิ้ล ก็คือ เกิดขึ้นแล้ว พอเห็นเงินอยู่ในบาตร ก็ถามภิกษุท่านว่า ท่านคะ บาตรนี้สำหรับใส่อะไร? พระพุทธองค์บอกให้ใส่อะไร? ใส่อาหารใช่ไหมคะ? บริหารท้องใช่ไหมคะ? จีวรบริหารกายใช่ไหมคะท่าน? แล้วนั่นคืออะไร? คือเงิน!! (คลิกที่นี่...ภิกษุคือใคร)
ท่านอาจารย์ คุณเปิ้ลพูดแล้ว?
คุณเปิ้ล พูดเลยค่ะ แล้วคนอยู่ข้างๆ เปิ้ล แล้วเขาใส่ทั้งนั้น คือ มีอาหารเสร็จ ตั้งเงินเอาไว้ พอใส่อาหารเสร็จ (ทำมือหยิบเงินใส่บาตร หยิบเงินใส่บาตร) ทุกองค์ พอมาถึงเปิ้ล เปิ้ลก็ต้องถาม เพราะเปิ้ลไม่มีเงิน แค่ใส่อาหารเท่านั้น แต่พอเห็นแล้วก็ถามท่านจริงๆ แล้วท่านก็บอกว่า ก็โยมเขามีศรัทธา โยมเปิ้ล เขามีศรัทธาที่จะให้ ความศรัทธาของคน มันต้องเป็นศรัทธาที่ถูกต้อง ท่านสามารถที่จะพูดกับญาติโยมได้ค่ะ ว่าพระภิกษุไม่รับไม่ยินดีในเงินทอง ท่านก็บอกว่า จะทำได้อย่างไร คือ พูดจนกระทั่งท่านเดินไป ก็แค่พูดให้ท่านทราบ แล้วก็เสียงดัง ก็พูดให้ทุกคนข้างๆ ได้ทราบ จงใจ แล้วเขาก็มองเรา (หัวเราะ) เหมือนกับคำพูดเราเป็นคำพูดชั่วไป แต่ก็ไม่เป็นไร เราพูดในสิ่งที่จริง เขาจะคิดอย่างไร สิ่งปรุงแต่งเขาแล้ว (คลิกที่นี่...ภิกษุคือใคร)
ท่านอาจารย์ คนพูดไม่ผิด
คุณเปิ้ล แล้วยิ่งน้ำมนต์อะไรอย่างนี้ ก็บอก โยมไม่เอานะคะน้ำมนต์ ไม่ต้องมา..เวลาสวดมนต์ พรมน้ำมนต์ ถ้าสามารถพูดได้ก็บอกว่า ไม่นะคะ ไม่รับน้ำมนต์ แล้วก็ตรวจน้ำ อะไรที่เป็นประเพณีใหม่ๆ ขึ้นมา แล้วก็มีครั้งหนึ่ง (หัวเราะ) ท่านให้ เหมือนให้พระ ท่านเป็นพระธรรมทูต ยื่นให้ เอ้าโยมเปิ้ล "โยมขอไม่รับนะคะ"

ผศ.อรรณพ ให้อะไรครับ
คุณเปิ้ล ก็ให้เครื่องราง อาจจะมีกำไล หรือพระ หรือกำไล ที่ท่านก็เหมาๆ มานั่นแหละ (หัวเราะสนุก) เป็นแบบเหมือนอะไรใสๆ ที่แววๆ ก็เลยบอกท่านบอกว่า โยมไม่รับค่ะ ท่านเก็บไว้ค่ะ เพราะโยมยึดธรรมะอย่างเดียว พระธรรมอย่างเดียว
ท่านอาจารย์ แต่ก็เก่งนะคะ คือ พูดได้ โดยที่ไม่กลัว เพราะว่าโดยมากคนจะไม่พูด
ผศ.อรรณพ ท่านอาจารย์ครับ เขากลัวอะไร ที่กลัว กลัวอะไรครับ

ท่านอาจารย์ กลัวไปหมด (หัวเราะ) ไม่กล้าสักอย่าง เพราะว่า ไม่ได้เข้าใจจริงๆ ไม่มีความมั่นคงที่จะแกล้วกล้า ที่จะรู้คุณของความจริงและประโยชน์
คุณเปิ้ล อาจจะเป็นเพราะว่า ในความคิดของเปิ้ล คนคงคิดว่าท่านเป็นภิกษุ ท่านให้อะไรมาก็ควรจะรับ (คลิกอ่านที่นี่...ภิกษุคือใคร) ลักษณะนั้น แต่จริงๆ เราทราบแล้ว เราไม่รับ และถ้ามันผิดอย่างไร ท่านก็ต้องบอกเรา แต่แสดงว่ามันถูกต้อง ท่านถึงเอาเก็บ แบบว่า ใช่ จริงๆ แล้ว มันไม่มีเครื่องรางของขลัง มันเป็นเดรัจฉานวิชา
ผศ.อรรณพ ท่านอาจารย์ครับ พี่เปิ้ลนี่ ทำไมถึงกล้าและทำไมถึงชัดเจนขนาดนี้
ท่านอาจารย์ เพราะมีความเข้าใจที่มั่นคงว่า พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ว่าอย่างไร
ผศ.อรรณพ เรื่องสำนักปฏิบัติก็พูดชัดเจน ท่านอาจารย์ถามพี่เปิ้ลเองว่า สำนักปฏิบัติ ผิดไหม?
ท่านอาจารย์ ทุกแห่งด้วย ไม่มียกเว้น!!
ผศ.อรรณพ คำตอบคือผิด แล้วก็ยังมีคำอธิบายด้วย ว่าที่ผิดเพราะว่า เป็นอัตตา ให้ไปทำ พอพูดถึงเรื่องเงินเรื่องทอง บางทีกลายเป็นว่า ผู้ที่เข้าไปบวช เข้าไปแล้วก็ติดในเงินทอง ลาภ สักการะ เพราะว่าได้มาง่ายมาก ยกมือไหว้ด้วย แล้วก็ถวายด้วย
คุณเปิ้ล อาชีพที่ดีที่สุด ไม่ต้องทำอะไร มีคนให้ ต้องกราบด้วย
ท่านอาจารย์ เต็มใจให้ ด้วยความนอบน้อม แต่ไม่รู้ให้ใคร? แต่ไม่ใช่ให้ผู้ที่เป็นสาวกของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า (คลิกอ่าน...ภิกษุคือใคร)
คุณเปิ้ล แล้วผู้ที่ควรจะพูดได้ ก็คือภิกษุท่านเองนั่นแหละ เพราะว่า ก่อนบวชท่านก็ต้องศึกษาพระธรรมวินัยแล้ว และอันนี้มันเป็นเบื้องต้นเลย
ผศ.อรรณพ ชัดเจนด้วย สิกขาบทเรื่องเงินทอง (คลิกอ่าน...พระภิกษุกับเงิน ความเข้าใจผิดของสังคมและที่ถูกต้องตามพระธรรมวินัย)

.....................................................

[เล่มที่ 3] พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ปฐมภาค-ทุติยภาค เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้าที่ ๙๔๐

พระบัญญัติ

๓๗. อนึ่ง ภิกษุใด รับ ก็ดี ให้รับ ก็ดี ซึ่งทอง เงิน หรือ ยินดีทอง เงิน อันเขาเก็บไว้ให้ เป็นนิสสัคคิยปาจิตตีย์.

[เล่มที่ 29] พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค เล่ม ๔ ภาค ๒ หน้า ๒๑๒

มณิจูฬกสูตร

“...ทองและเงินไม่ควรแก่สมณศากยบุตร สมณศากยบุตรย่อมไม่ยินดีทองและเงิน สมณศากยบุตร ห้ามแก้วและทอง ปราศจากทองและเงิน ... เรามิได้กล่าวว่า สมณศากยบุตรพึงยินดี พึงแสวงหาทองและเงินโดยปริยายอะไรเลย..."

........................................................

คุณเปิ้ล ชัดเจนด้วย แต่ท่านไม่พูด มันก็มีแอบแฝงแล้ว ไม่พูดเพื่ออะไร? ก็เพื่อลาภสักการะ เพื่อมีเงินใช้ มันผิดตั้งแต่ต้นแล้ว ไม่ใช่ไปโทษว่า โยมเขามีศรัทธา อ้าว แล้วถ้าโยมถวายปืนให้ ท่านจะรับไหม? โยมมีศรัทธา ท่านก็ต้องรับสิ หรือถวายอะไรก็แล้วแต่ ใช่ไหม?
ผศ.อรรณพ คือไม่ได้มีเหตุมีผล คืออยากได้เงิน พูดง่ายๆ
คุณเปิ้ล มันก็เลยกลายเป็นประเพณีว่า เพราะอยาก แล้วเงินมันก็ซื้ออะไรได้ โอ้โฮ สงฆ์สาวก คือสาวกพระพุทธองค์เป็นอย่างนี้ เราก็เศร้าใจ
ผศ.อรรณพ ไม่ใช่สาวก
คุณเปิ้ล เป็นแค่รูปธรรม ผ้าห่ม
ผศ.อรรณพ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงทรงแสดง เราก็คงจะได้ยินเยอะ หลายคำ ถ้าเอาผ้าเหลืองมาห่ม แต่ข้างในไม่ได้มีความเป็นภิกษุ ก็เหมือนกับแกลบ มีคำว่าภิกษุแกลบ นี่คำพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
คุณเปิ้ล มีคนบอก อย่าไปว่าพระท่าน แต่มีพระสูตรน่ะ เราพูดด้วยเหตุด้วยผล ถ้าไม่มีในพระสูตร เราก็ยอมรับ แต่มีพระสูตรน่ะ พระพุทธองค์พูดไว้เพื่ออะไร? (คลิกอ่าน...ภิกษุคือใคร)

ผศ.อรรณพ พระวินัยก็ชัด พระสูตรก็ชัด
คุณเปิ้ล ไม่ใช่ว่าไม่มี ก็มีตั้งแต่สมัยไหนแล้ว เราเอาพระสูตรมาพูด เราผิดตรงไหน? เราไม่ได้ไปว่าท่าน แต่ท่านทำอย่างนั้น เราเอาพระสูตรมารองรับ
ผศ.อรรณพ คำพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งสิ้น ผู้เน่าใน เศรษฐีหัวโล้น พอพูดปั๊บ เอ๊ะทำไมเรามาว่า
ท่านอาจารย์ ว่าใคร?
ผศ.อรรณพ เขาคิดว่าเราไปว่าพระ
ท่านอาจารย์ ว่าได้อย่างไร? ก็มีพระธรรมวินัย คำไหนผิดจากพระธรรมวินัย?
ผศ.อรรณพ ผมก็ซาบซึ้ง เมื่อได้เข้าใจ ท่านอาจารย์ก็เคยกล่าวว่า ผู้ที่เข้าใจแล้ว จะไม่อยู่เฉย แต่ว่าความเข้าใจก็มีระดับที่ต่างกัน แล้วการที่จะไม่อยู่เฉยคือเกื้อกูลในทางธรรมะให้กับผู้อื่นนี่ แต่ปัญญาเราก็ยังไม่เยอะ (มีเสียงจากคุณเปิ้ลว่า...ยังน้อยนิด) จะเกื้อกูลกันได้แค่ไหน?
ท่านอาจารย์ ไม่ได้หมายความว่าเราหยุดการที่จะได้ศึกษาพระธรรม เพราะเราเข้าใจถูกต้องใช่ไหมว่าความรู้เท่านี้ไม่พอ เพราะฉะนั้น การที่เราจะมีชีวิตอยู่ ก็เพื่อที่จะได้เข้าใจพระธรรมมากขึ้น เมื่อเข้าใจมากขึ้น เราก็กล่าวสิ่งที่ถูกต้องตามพระธรรมวินัย ตามความสามารถ ต้องระมัดระวังอย่างยิ่งที่จะไม่ผิดจากพระธรรมวินัย เพราะเราเข้าใจละเอียดขึ้น แล้วก็มีความเคารพอย่างยิ่ง ที่จะเป็นผู้ไม่ประมาทในคำของพระองค์ที่ว่า ธรรมะละเอียด ลึกซึ้ง เห็นได้ยาก
ผศ.อรรณพ อันนี้ต้องประจำใจไว้เลยนะครับ
คุณเปิ้ล และคำว่า "เห็นได้ยาก" นี้ ตีความหมายในสิ่งที่ "ตัวเองคิดเอง" แต่ "เห็นได้ยาก" นี้ ไม่ใช่ "ตัวเรา" ไปเห็นได้ยาก หรือเห็นตามที่เราคิดเอาเอง เห็นได้ยาก "ปัญญา" เขาเห็น และเห็นได้ยากขนาดนั้น ไม่ใช่ง่าย
ท่านอาจารย์ เพราะฉะนั้น "ปัญญา" มาจากไหน? เห็นไหม? ไม่ใช่ "เราคิดเอง" แต่ "ตามที่ได้ฟัง" จึง "เข้าใจขึ้น เข้าใจขึ้น" เพราะฉะนั้น ทุกคำของเรา ก็ไม่ประมาทในการที่จะให้คนอื่น ได้ฟังสิ่งที่ถูกต้อง ไม่ใช่คำของเรา แต่เป็นคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทั้งหมด!!

คุณเปิ้ล เพราะจริงๆ แล้ว อย่างท่านอาจารย์อรรณพบอกว่า คุณเปิ้ลไม่ต้องไปบอกใคร มันก็ทำไม่ได้ เพราะว่าได้รู้ได้เข้าใจ เราอยู่เฉยไม่ได้จริงๆ ไม่ใช่ฐานะที่เราจะอยู่เฉยเลย ถึงอาจารย์อรรณพจะบอกเปิ้ลว่า ไม่ต้องไปพูดกับใครนะ เขาไม่รู้เรื่อง มันอยู่เฉยไม่ได้ มันจะต้องบอก แต่แล้วแต่ปัญญาของเขา เขาจะรับได้หรือไม่ได้ แต่เราต้องเป็นผู้บอก มันอยู่ไม่ได้ มันไม่ใช่ว่า...
ผศ.อรรณพ แต่อยู่ไม่ได้ด้วยกุศลนี้เป็นอย่างไรครับท่านอาจารย์ อยู่ไม่ได้ด้วยอกุศลนี่เราไม่พูดถึง
ท่านอาจารย์ อยู่ไม่ได้ด้วยความเมตตา อยู่ไม่ได้เพราะเมตตาว่าเขาไม่เข้าใจ ถ้าคำของเราสามารถจะให้เขาได้เข้าใจได้ ก็เป็นประโยชน์แก่เขา เราไม่ได้หวังว่าเขาจะต้องมานับถือ ให้เรามีชื่อเสียง หรือเคารพอะไร ใช่ไหม แต่ประโยชน์ของคนที่ฟัง
คุณเปิ้ล เขาน่ะ ได้ประโยชน์ เขาได้ประโยชน์
ผศ.อรรณพ ผมยังคิดเลยว่า อยู่ไม่ได้ด้วยเมตตา สมมติว่าเรานั่งอยู่ตรงนี้หรือว่าอยู่ที่ในบ้าน เห็นอาจจะเป็นสัตว์เล็กสัตว์น้อยกำลังจะจมน้ำ จะอะไร เราก็อยู่ไม่ได้ที่จะนิ่งเฉย ต้องไปเอาอะไรต่อให้เขาปีนขึ้นมาหรือช่วยให้เขาพ้นไป เพราะฉะนั้น ยิ่งซาบซึ้งว่า อยู่ไม่ได้ แล้วท่านอาจารย์ก็ตอบว่า อยู่ไม่ได้ด้วยเมตตา พี่บอกว่าอยู่ไม่ได้ที่จะไม่แสดงความถูกต้อง
คุณเปิ้ล ค่ะใช่
ผศ.อรรณพ ผมก็เลยถามว่าอยู่ไม่ได้ด้วยอกุศลกับกุศลนี่ต้องต่างกัน ท่านอาจารย์ก็บอกว่า อยู่ไม่ได้ด้วยเมตตา ที่จะช่วยเหลือ อุปมาเหมือนเห็นสัตว์เล็กสัตว์น้อยที่จมน้ำหรือติดอะไรอยู่เราก็ช่วยเขาไป แต่คนที่ติดอยู่ในความเห็นผิดล่ะครับท่านอาจารย์ ติดอยู่ในห้วงของความเห็นผิด ถ้าเราจะช่วยเขาได้ ผมซาบซึ้งว่า "ยิ่งกว่าช่วยสัตว์ที่กำลังจมน้ำ" เพราะผู้ที่จมอยู่ในห้วงของความเห็นผิดนี้ ช่างมีโทษมาก แล้วก็ช่างยากที่จะขึ้น ครับท่านอาจารย์

ท่านอาจารย์ เห็นอย่างนี้ก็ยิ่งต้องช่วย เขาไม่ชอบเราไม่เป็นไร เราไม่ได้ทำเพื่อเขาจะชอบเรา แต่ทำเพราะเหตุว่า เป็นสิ่งที่หายากที่สุดในโอกาสที่ยังมีชีวิตอยู่ เพราะว่าจะจากโลกนี้ไปเมื่อไหร่ด้วยความไม่รู้และด้วยการที่หลงเข้าใจผิด ก็น่าเสียดาย...

ขอเชิญคลิกชมตอนอื่นๆ ได้ที่ลิงค์ด้านล่าง...

- รายการสนทนาปัญหาสารพัน รายการใหม่ของมูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา
- สนทนาปัญหาสารพัน : แรงงานพม่า สะท้อนปัญหาชาวพุทธ
- สนทนาปัญหาสารพัน : ๑๐ ปีที่เสียไป เปิดใจอดีตแม่ชี พญ.ธิดา คงจรรักษ์
- แม่ชีคือใคร?
- สนทนาปัญหาสารพัน : เกือบจะหย่า กว่าจะเข้าใจพุทธวจน ๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๒
- สนทนาปัญหาสารพัน : รู้ความจริง ทิ้งสิ่งที่ผิด
- สนทนาปัญหาสารพัน : อดีตแม่ชีวิปัสสนาจารย์เผยวิกฤตการณ์ชาวพุทธ
- อาจารย์สุจินต์ เป็น คริสต์หรือ?
- สนทนาปัญหาสารพัน : ที่พึ่งที่แท้จริง
- สนทนาปัญหาสารพัน : แสงธรรมส่องถึง L.A. [ตอนแรก]
- สนทนาปัญหาสารพัน : เข้าใจโลกธรรม
- สนทนาปัญหาสารพัน : พบพระธรรมเพราะถูกห้าม


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
Selaruck
วันที่ 20 ม.ค. 2563

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น

กราบอนุโมทนากับคุณเปิ้ลยิ่งค่ะ

กราบแทบเท้าบูชาพระคุณท่านอาจารย์สุจินต์บริหารวนเขตต์ที่เคารพยิ่ง

กราบขอบคุณและอนุโมทนาอาจารย์อรรณพและทีมงาน มศพ ยิ่งค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ