สนทนาปัญหาสารพัน : แรงงานพม่า สะท้อนปัญหาชาวพุทธ

 
วันชัย๒๕๐๔
วันที่  1 พ.ย. 2562
หมายเลข  31271
อ่าน  3,917

"สนทนาปัญหาสารพัน : แรงงานพม่า สะท้อนปัญหาชาวพุทธ"

รายการใหม่ของมูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนาได้เผยแพร่ตอนแรกของรายการแล้วในวันนี้ ๑ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๖๒ โดยตอนแรกของรายการที่ได้นำออกเผยแพร่นี้ เกิดขึ้นโดยที่ทางมูลนิธิฯ มิได้มีการเตรียมการล่วงหน้ามาก่อนว่าจะนำออกเผยแพร่เป็นตอนแรกของรายการใหม่ เพราะได้มีการบันทึกถ่ายทำรายการไว้หลายเทปก่อนหน้านี้แล้ว เป็นความอัศจรรย์ของธรรมที่ควรจะบันทึกไว้และเผยแพร่ให้ทุกท่านได้รับทราบ คือ จากการเปิดเผยของ ผู้ช่วยศาสตราจารย์อรรณพ หอมจันทร์ ว่า เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๒๐ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๒ ที่ผ่านมา มีแรงงานชาวพม่าคนหนึ่ง ชื่อคุณป่าย ชื่อจริงในภาษาพม่า คือ KYAW MIN THU ปัจจุบันเพิ่งสมัครเป็นสมาชิกชมรมบ้านธัมมะ มศพ. ลำดับที่ 4236 มาทำงานอยู่เมืองไทยตั้งแต่ปีพุทธศักราช ๒๕๔๑ ด้วยความสนใจที่จะแสวงหาความจริงว่า พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้อะไร ซึ่งเป็นคำถามที่อยู่ในใจของคุณป่ายมาโดยตลอดตั้งแต่จำความได้

จากคำถามที่เกิดขึ้นในใจมาโดยตลอดนั้น วันหนึ่งคุณป่ายก็ได้พบกับการเผยแพร่พระธรรมของมูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนาทางยูทูป ซึ่งคุณป่ายเล่าว่าเพียรที่จะเสาะแสวงหาฟังตลอดมา จนวันหนึ่งได้พบและสะดุดตากับคลิปยูทูปรายการหนึ่ง คือ รายการบ้านธัมมะ ซึ่งตนเองคิดว่า ชื่อว่าบ้านธัมมะ ก็คงจะต้องมีคำตอบของธรรมะที่คุณป่ายสงสัยต้องการรู้ ว่าธรรมะที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสสอนนั้นคืออะไรกันแน่ จึงคลิกเข้าไปดู ก็พบว่าท่านอาจารย์กำลังสนทนาเรื่องพระธรรมวินัย ที่ทางมูลนิธิฯ กำลังรณรงค์เผยแพร่ให้ความรู้ความเข้าใจพระธรรมวินัยที่ถูกต้องแก่สาธารณชนชาวพุทธ เป็นตอนที่ท่านอาจารย์กำลังกล่าวเน้นเรื่องภิกษุในธรรมวินัย ไม่รับและไม่ยินดีในเงินและทอง ตามพระวินัยบัญญัติที่ทรงบัญญัติไว้

คุณป่ายบอกว่า ครั้งแรกที่ฟังรู้สึกขัดใจ โกรธ และคิดว่า ไม่ให้เงินพระแล้วพระจะอยู่อย่างไร ตั้งแต่เกิดมาก็เห็นพระรับเงินรับทองมาโดยตลอด เขาเองก็ถวายเงินทองให้พระมาโดยตลอด จึงปิดและเปลี่ยนไปดูอย่างอื่น แต่ด้วยความสงสัยที่อยู่ในใจยังไม่ได้รับคำตอบ ก็ทำให้คุณป่ายเวียนกลับมาคลิกดูรายการบ้านธัมมะนั้นซ้ำอีก แล้วก็เกิดขัดใจอีกที่ได้ฟังเรื่องภิกษุในธรรมวินัยไม่รับและไม่ยินดีในเงินและทองอีกครั้ง จึงปิดและเปลี่ยนช่องไปอีก เป็นเช่นนี้หลายหน จนสุดท้ายได้ตัดสินใจว่าคืนนี้ต้องรู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้ได้ จึงตั้งใจฟังอยู่นานจนเกิดความเข้าใจ และรู้สึกดีใจจนถึงกับรีบไปบอกกับแม่ว่าเขาพบและได้คำตอบแล้ว

คุณป่ายซึ่งมีความประทับใจมากกับการที่ได้พบและฟังพระธรรมจากท่านอาจารย์ ทำให้คลายความสงสัยหลายประการที่เคยมีมาได้ จึงจำได้แม่นยำถึงวันเวลาที่พบและฟังธรรมจากท่านอาจารย์เป็นครั้งแรกว่าเป็น วันที่ ๑๕ สิงหาคม ๒๕๖๑ เวลาประมาณ ๑๐ นาฬิกา ๑๕ นาที และลังจากที่คุณป่ายได้พบและฟังธรรมะที่ท่านอาจารย์สนทนามาโดยต่อเนื่องเป็นเวลา ๑ ปี ๒ เดือน กับอีก ๕ วัน (ณ วันที่ ๒๐ ตุลาคม ๒๕๖๒) คุณป่ายก็คิดว่าต้องเดินทางมากราบท่านอาจารย์ที่มูลนิธิฯ ให้ได้

วันอาทิตย์ ที่ ๒๐ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๒ ที่ผ่านมา จึงเป็นวันแรก ที่คุณป่ายเดินทางมากราบท่านอาจารย์สมความตั้งใจ และเมื่อได้กราบและสนทนากับท่านอาจารย์แล้ว จึงเป็นเหตุให้เกิดตอนแรกของรายการ "สนทนาปัญหาสารพัน" ที่ถูกบันทึกรายการโดยปัจจุบันทันด่วนในวันนั้นเอง และด้วยความที่ท่านอาจารย์เห็นถึงประโยชน์ว่าการสนทนาดังกล่าวจะเป็นประโยชน์และให้ข้อคิดที่ดีแก่ผู้คนในสังคมปัจจุบันเป็นอันมาก ท่านจึงเร่งรัดและแนะนำให้คณะทำงาน นำออกเผยแพร่เป็นตอนแรกของรายการใหม่ "สนทนาปัญหาสารพัน" ในวันนี้ ทางยูทูป (ไม่นับช่วง "ศิษย์ถามอาจารย์" ซึ่งได้นำออกเผยแพร่ไปก่อนหน้านี้ ... คลิกที่นี่ ... ศิษย์ถามอาจารย์ ตอนแรก) นับเป็นการเปิดตัวรายการที่น่าสนใจมาก เหมาะสำหรับบุคคลทุกเพศทุกวัย ที่จะได้รับข้อคิดที่ดีและเป็นประโยชน์มากๆ จากรายการนี้ ท่านสามารถคลิกชมได้จากลิงค์ด้านล่างนี้

พร้อมกันนี้ ได้ทำการถอดเทปการสนทนาบางตอน ซึ่งน่าสนใจมาก มาบันทึกไว้เพื่อผู้อ่านจะได้อ่านและพิจารณาโดยละเอียด อีกครั้งหนึ่ง เพื่อประโยชน์ตามควร ดังนี้

ผศ.อรรณพ คุณป่ายมาทำงานอยู่ที่เมืองไทยหลายปี เป็นชาวพุทธที่อยู่ทั้งประเทศพม่าและประเทศไทย คุณป่ายมีความรู้สึกอย่างไรกับพระพุทธศาสนาในปัจจุบันนี้ ทั้งเมืองไทยทั้งเมืองพม่า ว่าสภาพการณ์ขณะนี้เป็นอย่างไร ทั้งก่อนที่จะได้เข้าใจธรรมะที่ฟังจากมูลนิธิฯ ดั้งเดิมเราคิดอย่างไรกับพระพุทธศาสนา

คุณป่าย ก่อนที่ผมไม่ได้ฟังคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ท่านอาจารย์สุจินต์ เผยแพร่ ผมคิดว่าศาสนาพุทธ ทั้งชาวไทยและชาวพม่าเป็นคนพุทธที่แท้จริง ผมไม่เคยเห็นปัญหา ตั้งแต่เรามาฟัง (พบว่ามี) ปัญหาเกิดขึ้นมากมายเยอะแยะ เมื่อก่อนผมคิดว่าไม่ใช่ปัญหา พระวินัย ๒๒๗ ข้อ ผมคิดว่ามันเกี่ยวกับพระ ไม่เกี่ยวกับผม ผมก็เลยไม่สนใจศีล ๒๒๗ ข้อ

ผศ.อรรณพ เพราะคิดว่าเป็นเรื่องของพระ ไม่เกี่ยวกับเรา

คุณป่าย ใช่ครับ

ผศ.อรรณพ แล้วตอนนั้นเป็นอย่างไร ทำบุญใส่บาตร ที่เป็นประเพณีของพุทธพม่าหรือว่ามาอยู่เมืองไทยก็ตาม ชีวิตก่อนที่จะมาฟังธรรมะ เกี่ยวข้องกับศาสนาอย่างไรบ้าง

คุณป่าย ก่อนที่ผมจะมาฟังที่มูลนิธิฯ ผมคิดว่าทุกอย่าง ใส่เงินใส่ทอง ก็เป็นเรื่องประเพณีปกติ ทำบุญทำเงินทำทองก็เป็นเรื่องปกติ

ผศ.อรรณพ ก็ทำอย่างนี้เรื่อยมา แล้วครอบครัวที่อยู่กัน

คุณป่าย ครอบครัวผมก็ทำปกติ ใส่เงินใส่บาตรปกติ เหมือนเมืองไทย

ท่านอาจารย์ หมายความว่าเป็นปกติของคนที่คิดว่าตนเองเป็นชาวพุทธ ที่จะต้องใส่บาตร แล้วก็ถวายเงินพระ เป็นปกติ

คุณป่าย ใช่ครับ เพราะว่าตั้งแต่ผมอายุสิบกว่า ผมก็เห็นมาแบบนี้แล้ว ผมคิดว่าไม่ผิด ใส่เงินใส่ทอง เป็นเรื่องปกติ เพราะไม่ได้ศึกษาพระวินัย ๒๒๗ ข้อ

ผศ.อรรณพ แล้วมาทำงานอยู่ที่เมืองไทย ก็ยังทำบุญ เอาเงินให้พระอย่างนี้อยู่ใช่ไหม

คุณป่าย ใช่ครับ

ผศ.อรรณพ แล้วเมื่อได้ยินได้ฟังพระธรรมคำสอนที่ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ท่านบรรยายหรือว่าที่เราสนทนาที่มูลนิธิฯ

ท่านอาจารย์ แต่ก่อนนั้นด้วย คืออยากจะทราบว่าก่อนที่จะได้ฟัง ทำอะไร และคิดอะไร ที่เกี่ยวกับพระพุทธศาสนา

คุณป่าย ก่อนที่ผมจะฟังธรรมะของท่านอาจารย์ ผมก็ฟังมา ภาษาพม่า ทุกคนก็บอกว่าคำสอนของพระพุทธเจ้านี้มีจริง เพราะว่าผมไม่เข้าใจว่าคำสอนของพระพุทธเจ้านี้คืออะไร สอนอะไร ทุกวันที่ผมได้ยินได้ฟังก็บอกว่า เห็นไม่มี ได้ยินไม่มี ทุกอย่างไม่มี ผมมาฟังของอาจารย์ อาจารย์บอกว่า เห็นมีจริง ได้ยินมีจริง ผมก็ฟังมาเรื่อยๆ ก็เลยพอเข้าใจ

ท่านอาจารย์ แต่ก่อนฟัง เป็นอย่างนี้มานานเท่าไหร่ ตั้งแต่สิบขวบ

คุณป่าย ตั้งแต่สิบขวบ ผมฟังธรรมะ อ่านหนังสือธรรมะมากๆ เป็นร้อยๆ เล่มครับ (แต่ก็) ทำให้ผมไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจธรรมะ

ผศ.อรรณพ เขาสอนอะไรบ้าง เป็นร้อยๆ เล่ม

คุณป่าย ก็เหมือนทั่วๆ จะมีบอกว่า จิต เจตสิก รูป เขาจะบอกว่า ต้องทำบุญ ทำบุญแล้วต้องได้บุญ ต้องรักษาศีล ส่วนใหญ่ก็จะเป็นแบบนี้

ท่านอาจารย์ แต่ไม่ใช่พระไตรปิฎก เป็นหนังสือของคนอื่น

คุณป่าย ไม่ใช่ครับ

ผศ.อรรณพ เป็นหนังสือที่มีคนเขียนขึ้น พระบ้าง หรือไม่ใช่พระบ้าง

คุณป่าย ใช่ครับ

ผศ.อรรณพ ของพม่ามีเยอะไหมครับ ในพม่า หนังสือธรรมะแบบนี้ แบบที่เขียนๆ กันเองพวกนี้ เยอะไหม?

คุณป่าย เต็มบ้านเต็มเมือง

ผศ.อรรณพ เต็มบ้านเต็มเมืองเลย คงไม่ต่างจากเมืองไทยครับท่านอาจารย์

ท่านอาจารย์ เพราะฉะนั้น ยังไม่ได้อ่านพระไตรปิฎก ได้แต่ "อ่านของคนอื่น"

คุณป่าย ครับ

ผศ.อรรณพ ก็เป็นความเห็นหรือคำสอนส่วนตัวด้วยความคิดของแต่ละคน คิดกันไป

คุณป่าย ใช่ครับ

ผศ.อรรณพ ท่านอาจารย์ครับ ก็แสดงว่าคุณป่ายนี้ก็สะสมการที่จะสนใจหาความจริง คำสอน

ท่านอาจารย์ ถ้าไม่มีการสะสมมาที่จะพิจารณาให้เข้าใจว่า อะไรถูก อะไรผิด อะไรจริง อะไรไม่จริง ก็จะไม่มีวันนี้ เพราะฉะนั้น ขอให้คุณป่ายช่วยเล่า ชีวิตตั้งแต่ก่อนที่จะได้เข้าใจธรรมะ ไปสำนักปฏิบัติด้วย ใช่ไหม?

คุณป่าย ใช่ครับ ก่อนที่ผมจะมาฟังธรรมะที่มูลนิธิฯ ผมก็ไปปฏิบัติแล้วก็ทำบุญแบบคนปกติ ใส่เงินใส่ทอง ตั้งแต่ผมอายุสิบขวบผมเห็นพระรับเงินรับทองมาตลอดชีวิตของผม

ผศ.อรรณพ ก็เคยชิน

คุณป่าย เคยชินครับผม ผมก็ให้เงินให้ทองด้วย

ผศ.อรรณพ แล้วที่พม่า เรื่องปฎิบัติธรรม เขาสอนอย่างไร

คุณป่าย จริงๆ แล้ว ที่พม่าผมไม่เคยไปปฏิบัติเลย

ผศ.อรรณพ มาปฏิบัติที่เมืองไทย

คุณป่าย ใช่ครับ

ท่านอาจารย์ แต่ทราบไหมว่า การปฏิบัติที่เมืองไทยนี้ นำมาจากพม่า

คุณป่าย ผมฟังจากยูทูปท่านอาจารย์ก็พอทราบอยู่ครับ เริ่มต้นก็มาจากพม่า เท่าที่ทราบมาก็หลายสิบปี แล้วตอนนั้น ทำงานอยู่ที่นี่ แล้วก็เอาเงินให้พระด้วย ที่ว่าไปทำบุญคิดว่าเป็นบุญ แล้วก็ไปปฏิบัติ

ท่านอาจารย์ ในชีวิตประจำวันของคนที่คิดว่าเป็นชาวพุทธ มีศรัทธา มีอะไรบ้างในชีวิตจริงของคุณป่ายที่ได้ทำมาแล้ว

คุณป่าย เมื่อก่อนผมคิดว่าพระเป็น (ผู้ที่) ฟังคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เราต้องนับถือพระ ก็เลยต้องใส่บาตรพระ แล้วก็ให้เงิน คิดว่าเป็นเรื่องปกติ

ผศ.อรรณพ แล้วตอนที่มาอยู่เมืองไทย พอมีเวลาก็ไปปฏิบัติธรรมใช่ไหม? แล้วตอนที่ไปแล้วเป็นอย่างไร ตอนที่ยังไม่เข้าใจธรรมะแล้วเราไปที่สำนักปฏิบัติ

คุณป่าย ใช่ครับ ผมเคยไปสองครั้ง ไปแรกๆ ก็ให้ผมยืน เดิน นั่ง นอน ให้จงกรม ให้เดิน เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ผมปฏิบัติ ผมคิดว่าถูกแล้ว ณ ตอนนั้นผมคิดว่าถูกแล้ว ผมมาสถานที่ที่ถูกแล้ว ผมก็เลยไปต่ออีกปีหนึ่ง (ครั้งหนึ่ง) น่าจะเจ็ดวัน

ท่านอาจารย์ แล้วเข้าใจอะไร ได้ประโยชน์อะไรจากการที่ไปอย่างนั้น

คุณป่าย ตอนนั้นคิดว่าเข้าใจ เพราะว่าได้รู้ลมหายใจ หายใจเข้าหายใจออก แล้วก็จะมีพุทธโธ ผมคิดว่า ใช่แล้วอันนี้ ผมก็เลยทำมาทุกวัน วันหนึ่งแบ่งเวลาสองชั่วโมง เช้าชั่วโมงหนึ่ง เย็นชั่วโมงหนึ่ง ผมจะสวดมนต์ ไหว้พระ นั่งสมาธิ ทุกๆ วัน

ก็เลย เมื่อปี ๒๕๖๑ เดือนสิงหาคม วันที่ ๑๕ ประมาณ ๑๐ นาฬิกา ๑๕ นาที ผมเปิดยูทูป ผมมาเจอบ้านธัมมะ ครับผม โดยบังเอิญ

ท่านอาจารย์ หมายความว่ามีความสนใจที่จะเข้าใจธรรมะ พอได้ยินคำว่า "บ้านธัมมะ" ก็อยากจะรู้ว่า มีคำสอนอะไรหรือเป็นอย่างไร ใช่ไหม?

คุณป่าย ใช่ครับ ที่บ้านผมเมื่อสี่ปี (ที่แล้ว) เพิ่งจะมีโรงเรียนธัมมะ ให้เด็กๆ ฟังธรรมะ ผมได้ยินว่า "ธัมมะ" ธัมมะนี่ต้องมีคำสอนของพระพุทธเจ้าในบ้านธัมมะนี้แน่ๆ ผมก็เลยเปิดดูครับ

ท่านอาจารย์ หมายความถึงวันไหน? วันนั้นหรือก่อนวันนั้น

คุณป่าย วันนั้น ที่เปิดเจอ ผมเข้าใจว่า บ้านคือที่อยู่ ธัมมะก็คือคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แต่ว่า สอนอะไรผมยังไม่รู้ครับ

ผศ.อรรณพ แล้วคุณป่ายก็เปิดฟัง แล้วฟังตอนแรกเป็นอย่างไร?

คุณป่าย ผมฟังตอนแรก ในยูทูป อาจารย์จะถามผู้สนทนาธรรมว่า ธรรมะคืออะไร? ผมได้ยินแล้ว คำพูดนี้ ผมไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย ผมได้ยินมาแต่ว่า ธรรมะคือธรรมชาติ ธรรมะคือสภาวะ คำพูดธรรมะคืออะไรนี่ผมไม่เคยได้ยิน ผมก็เลยฟัง ฟังแรกๆ ฟังไป ฟังมา นานประมาณสัก ๕ นาที ผมได้ยินอาจารย์บอกว่า พระรับเงินรับทองไม่ได้ คำพูดนี้ผมรับไม่ได้ ผมรู้สึกขัดใจ ก็เลยปิดโทรศัพท์ (คงจะหมายถึงปิดยูทูปรายการบ้านธัมมะ) ผมหาดูอย่างอื่น เพราะตั้งแต่ผมเกิดมา ผมเห็นแต่พระรับเงินรับทอง ก็ต้องพูดตรงไปตรงมา พระก็มีหลายๆ อย่าง ที่ไม่ควรทำ ผมมาได้ยินแบบนี้ หลายๆ อย่าง ผมก็เลยขัดใจตรงนี้ ผมก็เลยไม่ฟังอาจารย์วันนั้น (ตอนนั้น)

หลังจากที่ปิดไปแล้วประมาณ ๕ นาที ผมก็เปิดต่ออีก ผมไม่สนใจอะไรหรอก ผมสนใจที่เขียนว่า "บ้านธัมมะ" ผมก็เลยเปิดต่อ ฟังต่อ ได้ยินต่อ "พระรับเงินรับทองไม่ได้" ผมก็เลยปิดต่ออีกครับ ปิดอีก

ผศ.อรรณพ ปิดอีก เพราะความรู้สึกเดิมที่เราคุ้นเคยว่า ต้องให้เงินให้ทองพระมาตลอด แล้วมาได้ยินว่าให้เงินให้ทองพระไม่ได้

คุณป่าย ผมคิดว่า ถ้าไม่ให้เงินทอง พระจะกินอะไร จะซื้อกินอะไร พระจะใช้อะไร ผมคิดแบบนี้

ท่านอาจารย์ แต่ก็น่าแปลก ปิดไป ๕ นาที ยังมีเหตุที่จะทำให้อยากฟังต่อ

ผศ.อรรณพ นิดหนึ่ง สงสัยว่าตอนปิดไปแล้วครั้งแรก แล้วนึกอย่างไรถึงเปิดอีก

คุณป่าย วันนั้นผมปิดสามครั้ง ครั้งแรกผมปิด ๕ นาที แล้วผมก็หาดูอย่างอื่นต่อ ผ่านมา ๕ นาที ผมก็เปิดต่อ ผมก็ได้ยินต่อ ผมได้ยินต่อ (ว่าพระรับเงินรับทองไม่ได้) ผมก็ปิดต่อ คราวนี้ประมาณสัก ๑๐ นาที ผมก็เลยปิดอีก ปิดแล้วก็คราวนี้นานหน่อย ประมาณครึ่งชั่วโมง ผมก็ฟังอย่างอื่นต่อ ฟังพระอื่นสนทนาธรรม พระอื่นสนทนาธรรม ผมก็เลยคิดว่า คืนนี้ผมก็เลยคิดว่า คืนนี้ผมต้องได้ยินคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่แท้จริง ผมก็เลยดีใจ กลับไปหาแม่ผม แม่ที่ประเทศไทย ผมบอกแม่ว่าคืนนี้ผมต้องรู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แม่ก็บอกว่า ถ้าเจอแล้วก็บอกแม่ด้วย

ตอนนั้น ประมาณสักสี่โมงครึ่ง ผมก็กลับไปเปิดโทรศัพท์ พอดีโทรศัพท์เสีย เลยไม่ได้ฟัง รู้สึกว่าเสียใจ พอเลิกงานประมาณสัก ๕ โมง ผมทำเรื่องส่วนตัวเสร็จ คืนนี้ผมต้องฟังธรรมะ ก็เลยกลับมาเปิดต่อ คิดว่าคราวนี้ผมต้องฟังให้จบ ผมต้องฟังให้เข้าใจให้จบ เพราะไหนๆ ผมก็ตัดสินใจว่าคืนนี้ผมต้องรู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

ท่านอาจารย์ คุณป่ายก็เข้าใจว่าดิฉันสอนผิด แล้วทำไมจะคิดว่าจะได้ฟังคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า?

คุณป่าย ผมเข้าใจว่าผิด เพราะว่าตอนนั้นอาจารย์บอกว่า พระรับเงินรับทองไม่ได้ ผมพูดตรงๆ ผมโกรธอาจารย์ครับ ผมโกรธอาจารย์แล้วผมก็กลับไปคุยกับแม่ว่า อาจารย์คนนี้พูดมาได้อย่างไร พระรับเงินรับทองไม่ได้

ผศ.อรรณพ นี่ไปพูดกับคุณแม่ ว่าอาจารย์สุจินต์ทำไมพูดอย่างนี้ โกรธเลย

คุณป่าย ใช่ครับ

ท่านอาจารย์ อาจารย์คนนี้พูดอย่างนี้ได้อย่างไร

คุณป่าย ใช่ครับ ผมก็เลยปิดโทรศัพท์ (คงหมายถึงปิดยูทูปรายการบ้านธัมมะ) วันนั้นผมปิดสามครั้งครับผม

ท่านอาจารย์ ตอนนั้นไม่คิดว่าได้พบพระพุทธศาสนา ใช่ไหม?

คุณป่าย ผมไม่คิดว่าคำสอนของพระพุทธเจ้า ผมไม่ได้คิดเลยครับ ตอนกลางคืนก่อนที่ผมจะฟัง โทรศัพท์ (อินเทอร์) เน็ตหลุด ดับ โทรศัพท์ไม่ค่อยดี ผมก็เลยเปิดโทรศัพท์ใหม่ คืนนั้นผมก็กลับไปฟัง ผมฟังอาจารย์กับอาจารย์ธิดารัตน์สนทนาธรรมคืนนั้น ผมฟัง อาจารย์ก็บอกว่าพระรับเงินรับทองไม่ได้ ผมได้ยินต่อ (ในรายละเอียด) ผมได้ยินต่อ ก็เลยไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ผมต้องฟังเรื่องนี้ให้จบ ผมก็เลยฟัง

ก็มาตรงกับชีวิตของผม พระต้องอยู่แบบ ไม่ใช่วัด พระก็อยู่ได้ พอดีว่า ในบ้านนั้น เจ้านายให้ผมอยู่ชั้น ๓ จะอยู่ที่ไหนก็ได้ มี ๔ ชั้น ผมเลือกชั้น ๓ พอดีว่าชีวิตของผม ผมนอนหน้าห้องน้ำ สองเมตรคูณสามเมตร ผมทำกับข้าวก็ตรงนั้น ผมซักผ้าก็ตรงนั้น กินข้าวก็ตรงนั้น นอนก็ตรงนั้น ผมฟังอาจารย์ด้วย ชีวิตผมก็เป็นแบบนี้ด้วย ทำไมผมอยู่แบบนี้ได้ ทำไมพระอยู่ไม่ได้ เริ่มต้นจากตรงนั้น ทำไมพระต้องอยู่วัดใหญ่ๆ ทำไมพระต้องสร้างวัดมโหฬาร ขนาดผมยังอยู่แค่สองเมตรคูณสามเมตร ผมอยู่ได้ ผมกินตรงนี้ ผมอยู่ตรงนี้ ผมนอนตรงนี้ ผมก็เลยฟังอาจารย์ต่อครับ

ผมฟัง อาจารย์ก็บอกว่า ฟังทีละคำ ผมก็เลยฟังทีละคำ ต้องเข้าใจทีละคำ ฟังแล้วคิด แล้วไตร่ตรอง เมื่อก่อนผมฟังมาตลอด ผมไม่เคยคิดไตร่ตรองเลย ตั้งแต่คืนนั้น ผมก็เลยฟังแล้วคิดไตร่ตรอง

ท่านอาจารย์ ตอนที่ฟังครั้งหลัง ยังไม่ชอบอยูู่หรือเปล่าคะ

คุณป่าย ตอนที่ฟังครั้งหลัง ผมคิดว่าอันนี้เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้าแล้ว

ท่านอาจารย์ ทำไมคิดอย่างนั้น

คุณป่าย เพราะว่าผมไม่เคยได้ยิน ได้ฟัง แบบนี้ อาจารย์ก็บอกว่า ผิดคือผิด ถูกคือถูก ผมก็จะได้ยินคำนี้ อาจารย์บอกว่าคำสอนของพระพุทธเจ้า ผิดคือผิด ถูกคือถูก ผมก็ ถ้าสิ่งที่ผิด ผมไม่เอา ผมจะเอาสิ่งที่ถูก ผมจะฟังสิ่งที่ถูก ตั้งแต่วันนั้นถึงวันนี้ ๑ ปี ๒ เดือน กับ ๕ วัน (แล้วที่ได้ฟัง)

ผศ.อรรณพ ๑ ปี ๒ เดือนและ ๕ วันในวันนี้

คุณป่าย ใช่ครับ

ผศ.อรรณพ ทำไมมีแรงบันดาลใจอย่างไรถึงจำได้ขนาดนี้ว่า ๑ ปี ๒ เดือน ๕ วัน

คุณป่าย เพราะว่า ตั้งแต่ผมฟังครั้งแรก ผมเกิดเข้าใจผิดอาจารย์ เพราะว่าวันนั้นเป็นวันแรกที่ผมได้ฟังคำสอนของพระพุทธเจ้าที่แท้จริง ผมก็เลยต้องจำวันนี้

ท่านอาจารย์ การที่จะได้รับประโยชน์จริงๆ จากพระธรรมก็คือชีวิตประจำวันถ้าตราบใดชีวิตประจำวันเหมือนเดิม ก็คือจำคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้วก็ไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน? ไม่รู้ว่าอยู่ตรงนี้ ทุกขณะ ไม่ใช่ตรงอื่นเลย

เพราะฉะนั้น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่ได้สอนคนอื่นที่ไม่ได้อยู่ตรงนั้น แต่สอนเราที่กำลังนั่งอยู่ตรงนี้!! ซึ่งไม่เคยรู้มาก่อนเลย ว่า ไม่มีเรา!! อันนี้ไม่ทราบว่าคุณป่ายมีความเห็นว่าอย่างไร จากที่ได้ฟังแล้ว "ไม่มีเรา"

คุณป่าย เพราะว่าไม่มีเรา จริงๆ แล้ว ก่อนที่ผมจะมาที่นี่ เมื่อสองอาทิตย์ก่อน เวลาสามทุ่ม ในยูทูปจะบอกว่า เงินอยู่ในธนาคารสิบล้าน ตกลงอยู่ที่ไหน? มาตรงกับผม (เป็นคลิปสนทนาธรรม) นานประมาณ ๑๓ นาที ผมได้ยินอาจารย์บอกว่า ไม่มีแล้วมี แล้วหามีไม่ จริงๆ แล้ว มีหรือไม่มี เมื่อหนึ่งปีกว่าๆ ผมก็เคยได้ยิน ผมไม่เคยคิดเลยว่าคำพวกนี้ผมจะกลับมาได้ยินอีกครั้งหนึ่ง คืนนั้นผมได้ยินว่า ไม่มี แล้วมี แล้วหามีไม่ แล้วอาจารย์บอกว่า เงินอยู่ในกระเป๋าสิบบาท ตกลงมีหรือเปล่า? ตกลงมันมีไหม? ผมก็เลยถามตัวเองว่า ตอนนั้นผมเงินเหลือไม่มาก ต้องอยู่อีกสักอาทิตย์หนึ่ง ตกลงเงินในกระเป๋านี่ใช่ของผมหรือเปล่า? ตกลงไม่ใช่ เพราะฉะนั้น สุดท้าย ผมตัดสินใจว่า นี่ไม่ใช่ เพราะว่าไม่มี แล้วมี แล้วหามีไม่ จากไม่มี แล้วก็มามี แล้วก็ไม่มี เพราะฉะนั้น ผมก็ไม่มีจริงๆ ผมหาเงินมายี่สิบกว่าปี ตกลงผมหาสิ่งที่ไม่มีหรือ?

ท่านอาจารย์ ต้องคิดทุกคำ ความจริงเป็นสิ่งที่ลึกซึ้งมาก เพราะไม่เหมือนความคิดก่อนที่จะได้ฟังความจริง คิดว่ามีทุกอย่าง แต่มีชั่วขณะที่เกิด พอดับแล้วก็ไม่มี แต่ก็มีเกิดอีก ก็ทำให้เข้าใจผิดว่ามีอยู่ตลอดเวลา

ผศ.อรรณพ ผมก็ชอบที่ท่านอาจารย์กล่าวว่า "มีเมื่อคิด" เวลาเราหลับนะครับคุณป่าย ไม่ได้คิดอะไรเลย หลับสนิทไม่ได้ฝัน บ้านก็ไม่มี ไทยก็ไม่มี พม่าก็ไม่มี ตัวเราก็ไม่มี แต่พอตื่นมาแล้วคิด มันก็มีครับท่านอาจารย์

ท่านอาจารย์ เพราะฉะนั้น มี "ความคิด" สารพัดเรื่อง แต่ก็ "แค่คิด" ถ้าไม่คิด ไม่มี!!

ผศ.อรรณพ เมื่อกี้นี้คุยค้างไว้ว่า เมื่อมีการฟังธรรมะ แล้วก็มีความเข้าใจ ก็เปลี่ยนไป ก็ไม่ให้เงินให้ทองพระ แล้วก็ไม่ไปทำอะไรที่ไม่ให้เกิดความเข้าใจ การที่จะไปนั่งสมาธิ สวดมนต์ ที่ไม่เข้าใจ คุณก็ไม่เห็นประโยชน์ แล้วก็มีการปรุงแต่งให้มีความเมตตา มีความเข้าใจ เห็นใจ แม้แต่ภรรยาเราก็ไม่ได้ไปใช้อารมณ์ (เหมือนแต่ก่อน) แต่ในอีกด้านหนึ่ง เมื่อไม่ให้เงินพระ ไม่ได้ทำอะไรอย่างนี้ มีคนที่เขามีความรู้สึกไหมว่า คุณกลายเป็นคนที่ไม่ได้สนใจศาสนาเหมือนแต่ก่อนเสียแล้ว เพราะเขายังยึดอย่างนั้นอยู่ มีไหมที่เขารู้สึกว่าเราแปลกๆ ไป ในทางที่ว่าทำไมไม่ให้เงินพระ ไม่ทำบุญ ไม่อะไร

คุณป่าย ถ้าผมกลับบ้าน ที่บ้านผมจะมีนั่งสมาธิ จะมีนั่งสมาธิ ๗ วัน ๗ คืน บางครั้งผมก็อธิบาย (ให้คนรู้จักฟัง) ที่อาจารย์บอกว่า ปรมัตถธรรม ธรรมะสิ่งที่มีจริง ทุกคนก็จะบอกว่า ฟังไม่รู้เรื่อง ฟังไม่เข้าใจ บอกผมว่าให้พูดอย่างอื่น ผมก็เลยพูดไปว่า ธรรมะที่แท้จริงที่ผมได้ยินได้ฟังมา ผมกลับมาถามตัวเองว่า ถึงเวลาที่ผมต้องพูดความจริงแล้ว ผมก็เลยมาวันนี้ ผมจะมาสอบถามอาจารย์ว่า ที่บ้านผม เมื่อก่อนผมไม่เคยเห็นปัญหาศาสนา ผมคิดว่าศาสนาพุทธมันถูกแล้ว ใช่แล้ว ศาสนาพุทธนี้เป็นศาสนาพุทธที่ถูก เมื่อก่อนที่ผมไม่ได้ฟังธรรมะ (เมื่อ) ผมมาศึกษาธรรมะแล้ว ผมเห็นแต่สิ่งที่ผิดๆ ทั้งนั้น พระก็สร้างวัดใหญ่โตมโหฬาร ผมก็สงสารศาสนา และผมสงสารชาวบ้าน เป็นห่วงศาสนา ผมควรต้องทำอย่างไรครับอาจารย์

ท่านอาจารย์ ก็พูดความจริงให้คนอื่นได้เข้าใจถูกต้อง นั่นก็เป็นการที่จะดำรงพระศาสนา เพราะเหตุว่า พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงธรรมะทุกอย่าง ซึ่งเมื่อฟังแล้ว ถ้าเขาคิดไตร่ตรอง มีการสนทนากัน และเขาต้องเป็นคนตรง เขาก็จะเริ่มเข้าใจว่า อะไรถูก อะไรผิด และอะไรเป็นคำสอนที่ถูกต้อง

ถึงแม้ว่าจะมีคนที่น้อยที่จะได้ฟัง เพราะเหตุที่เขาคิดว่ายาก ไม่เข้าใจ แต่ถ้าเรามีความอดทน และมีความเป็นมิตรที่ดี เพราะทั้งหมดนี้ เพื่อประโยชน์ของคนอื่น ซึ่งแท้จริงก็คือประโยชน์ของตนด้วย ที่จะรู้ว่า ไม่ใช่เรา แล้วก็สามารถที่จะสละสิ่งที่เคยคิดว่า เราต้องสบาย เราต้องอย่างนั้น อย่างนี้ เป็นการที่ว่า สิ่งนั้นมีเพื่ออะไร? เพื่อดำรงพระศาสนา โดยวิธีไหน? คือ ให้คนอื่น สามารถได้ฟัง ได้ไตร่ตรอง ด้วยความอดทนของเรา ถ้าเขาไม่เห็นประโยชน์จริงๆ ก็ช่วยไม่ได้

เพราะฉะนั้น ถ้าใครสามารถที่จะฟัง แล้วคิด แล้วสนทนากัน ทีละเล็ก ทีละน้อย ทีละคำ สองคำ เขาเริ่มมีเหตุผล ต้องอดทน และ ด้วยความหวังดีจริงๆ ทุกคำ คือความหวังดี ที่จะให้เขาได้เข้าใจถูกต้อง แม้เขาจะคิดว่าเราเป็นศัตรู เพราะขณะนี้ เข้าใจว่าสิ่งที่เขาทำอยู่ ถูกต้อง แต่ไม่เป็นไปตามพระธรรมวินัย ก็สมควรที่จะให้เขาได้ยิน ได้ฟัง พระธรรมวินัย ซึ่งก็มีหลายคนที่ได้เริ่มเข้าใจถูกต้อง แล้วก็ทิ้งความเห็นผิด รวมทั้งคุณป่ายด้วย

อนึ่ง รายการสนทนาปัญหาสารพัน เป็นรายการใหม่ของมูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา เกิดขึ้นจากความริเริ่มของท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่ปรารภกับคณะทำงานรายการบ้านธัมมะ ซึ่งออกอากาศทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย ช่อง 11 , TNN2 , รัฐสภาช่อง ๑๐,๒๐ และ Dr.Tv ช่อง ๒๗๒ ว่ามูลนิธิฯ ควรจัดทำรายการสนทนาในแบบพูดคุยสนทนาแบบสบายๆ โดยการเชิญบุคคลต่างๆ มาร่วมสนทนาถึงปัญหาเรื่องราวต่างๆ ของชีวิตผู้คนในสังคมปัจจุบัน เพิ่มเติมอีกรายการหนึ่ง เพื่อเข้าถึงผู้ชมให้หลากหลายมากขึ้น ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อความเข้าใจความจริงที่ถูกต้องในคำสอนของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า อันจะเป็นการดำรงรักษาพระศาสนาคือคำสอนที่ถูกต้องให้แพร่หลายออกไป มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพราะความเข้าใจพระธรรม ความจริงของชีวิตจากการทรงตรัสรู้เท่านั้น ที่จะแก้ไขปัญหาต่างๆ ในชีวิตได้อย่างแท้จริง

อ้างอิง :

[เล่มที่ 3] พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ปฐมภาค-ทุติยภาค เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้าที่ ๙๔๐

พระบัญญัติ

๓๗. อนึ่ง ภิกษุใด รับ ก็ดี ให้รับ ก็ดี ซึ่งทอง เงิน หรือ ยินดีทอง เงิน อันเขาเก็บไว้ให้ เป็นนิสสัคคิยปาจิตตีย์.

[เล่มที่ 29] พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค เล่ม ๔ ภาค ๒ หน้า ๒๑๒

มณิจูฬกสูตร

“...ทองและเงินไม่ควรแก่สมณศากยบุตร สมณศากยบุตรย่อมไม่ยินดีทองและเงิน สมณศากยบุตร ห้ามแก้วและทอง ปราศจากทองและเงิน ... เรามิได้กล่าวว่า สมณศากยบุตรพึงยินดี พึงแสวงหาทองและเงินโดยปริยายอะไรเลย..."


ขอเชิญคลิกชมตอนอื่นๆ ได้ที่ลิงค์ด้านล่าง.....

- รายการสนทนาปัญหาสารพัน รายการใหม่ของมูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา

- สนทนาปัญหาสารพัน : แรงงานพม่า สะท้อนปัญหาชาวพุทธ

- สนทนาปัญหาสารพัน : ๑๐ ปีที่เสียไป เปิดใจอดีตแม่ชี พญ.ธิดา คงจรรักษ์

- แม่ชีคือใคร?

- สนทนาปัญหาสารพัน : เกือบจะหย่า กว่าจะเข้าใจพุทธวจน ๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๒

- สนทนาปัญหาสารพัน : รู้ความจริง ทิ้งสิ่งที่ผิด

- สนทนาปัญหาสารพัน : อดีตแม่ชีวิปัสสนาจารย์เผยวิกฤตการณ์ชาวพุทธ

- อาจารย์สุจินต์ เป็น คริสต์หรือ?

- สนทนาปัญหาสารพัน : ที่พึ่งที่แท้จริง

- สนทนาปัญหาสารพัน : แสงธรรมส่องถึง L.A. [ตอนแรก]

- สนทนาปัญหาสารพัน : เข้าใจโลกธรรม

- สนทนาปัญหาสารพัน : พบพระธรรมเพราะถูกห้าม


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
มกร
วันที่ 1 พ.ย. 2562

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
j.jim
วันที่ 1 พ.ย. 2562

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
wrp2504
วันที่ 1 พ.ย. 2562

(_/\_) กราบอนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
ใหญ่ราชบุรี
วันที่ 1 พ.ย. 2562

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
meenalovechoompoo
วันที่ 2 พ.ย. 2562

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
kullawat
วันที่ 2 พ.ย. 2562

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
Natanaphong
วันที่ 2 พ.ย. 2562

กราบขอบพระคุณครับ ขอ อนุโมทนาในกุศลจิตครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
เซจาน้อย
วันที่ 3 พ.ย. 2562

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
โพธิ์ศรี
วันที่ 3 พ.ย. 2562

ขออนุโมทนาสาธุในมหากุศลจิตของทุกๆ ท่านครับผม

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
จิตโอภาส
วันที่ 3 พ.ย. 2562

กราบเท้าท่านอาจารย์สุจินต์ฯ ด้วยความเคารพยิ่ง และขออนุโมทนาสาธุในมหากุศลจิตของทุกๆ ท่านค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
paengpuff
วันที่ 4 พ.ย. 2562

อนุโมทนาค่า

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
papon
วันที่ 14 พ.ย. 2562

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 13  
 
chatchai.k
วันที่ 23 ก.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ