เทวทหสูตร ... วันเสาร์ที่ ๓ กันยายน ๒๕๕๔

 
มศพ.
วันที่  27 ส.ค. 2554
หมายเลข  19589
อ่าน  2,286

นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทธสฺส
นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทธสฺส
นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทธสฺส

พุทฺธํ สรณํ คจฺฉามิ
ธมฺมํ สรณํ คจฺฉามิ
สงฺฆํ สรณํ คจฺฉามิ

ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย ...

สนทนาธรรมที่ ...

มูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา (มศพ.)

พระสูตร ที่จะนำมาสนทนาที่มูลนิธิฯ

วันเสาร์ที่ ๓ กันยายน ๒๕๕๔ เวลา ๐๙.๐๐ - ๑๒.๐๐ น. คือ

เทวทหสูตร

(ว่าด้วยการกำจัดฉันทราคะในขันธ์ ๕)

...จาก...

[เล่มที่ 27] พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย ขันธวารวรรค เล่ม ๓ - หน้าที่ 18-22

(ภาพแสดงบรรยากาศการสนทนาธรรมที่มูลนิธิฯ ในวันอาทิตย์ที่ ๖ มี.ค. ๒๕๕๔)

...นำสนทนาโดย...

ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ และ คณะวิทยากร


[เล่มที่ 27] พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย ขันธวารวรรค เล่ม ๓ - หน้าที่ 18-22

เทวทหสูตร

(ว่าด้วยการกำจัดฉันทราคะในขันธ์ ๕)

[๖] ข้าพเจ้า ได้สดับมาแล้วอย่างนี้ :-

สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ นิคมเทวทหะของศากยะทั้งหลายในสักกชนบท. ครั้งนั้นแล ภิกษุมากรูปด้วยกัน ปรารถนาจะไปสู่ปัจฉาภูมชนบท เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า ถวายอภิวาทพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้ว นั่งอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่งแล้ว ได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า พระพุทธเจ้าข้า พวกข้าพระองค์ปรารถนาจะไปสู่ปัจฉาภูมชนบท เพื่ออยู่อาศัยในปัจฉาภูมชนบท.

พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสถามว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็เธอทั้งหลายลาสารีบุตรแล้วหรือ? ภิกษุเหล่านั้นกราบทูลว่า พระเจ้าข้า พวกข้าพระองค์ ยังมิได้ลาท่านพระสารีบุตร.

พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายจงไปลาสารีบุตรเถิด. สารีบุตรเป็นบัณฑิต อนุเคราะห์เพื่อนพรหมจารี. ภิกษุเหล่านั้นทูลรับพระผู้มีพระภาคเจ้าว่าอย่างนั้น พระเจ้าข้า.

[๗] ก็สมัยนั้นแล ท่านพระสารีบุตรนั่งอยู่ในมณฑปเล็กๆ แห่งหนึ่งที่มุงด้วยพุ่มตะไคร่น้ำ ไม่ไกลพระผู้มีพระภาคเจ้า. ครั้งนั้นแล ภิกษุเหล่านั้น ชื่นชมยินดีพระภาษิตของพระผู้มีพระภาคเจ้า ลุกจากอาสนะ ถวายอภิวาท ทำประทักษิณพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้ว พากันเข้าไปหาท่านพระสารีบุตร กล่าวคำปราศรัยกับท่านพระสารีบุตร

ครั้นผ่านการปราศรัยพอให้ระลึกถึงกันไปแล้ว จึงนั่งอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง แล้วได้กล่าวกะท่านพระสารีบุตรว่า ข้าแต่ท่านพระสารีบุตร ข้าพเจ้าทั้งหลายปรารถนาจะไปปัจฉาภูมชนบท เพื่ออยู่อาศัยในปัจฉาภูมชนบท.

ท่านพระสารีบุตรกล่าวว่า ท่านทั้งหลาย กราบทูลลาพระศาสดาแล้วหรือ? ดูก่อนท่านผู้มีอายุทั้งหลาย ก็กษัตริย์ผู้เป็นบัณฑิตบ้าง พราหมณ์ผู้เป็นบัณฑิตบ้าง คฤหบดีผู้เป็นบัณฑิตบ้าง สมณะผู้เป็นบัณฑิตบ้าง เป็นผู้ถามปัญหากะภิกษุผู้ไปไพรัชประเทศ (ต่างถิ่น) ต่างๆ มีอยู่

ดูก่อนท่านผู้มีอายุทั้งหลาย ก็พวกมนุษย์ที่เป็นบัณฑิต ทดลองถามว่า พระศาสดาของพวกท่านมีวาทะอย่างไร? ตรัสสอนอย่างไร? ธรรมทั้งหลาย พวกท่านฟังดีแล้ว เรียนดีแล้ว ใส่ใจดีแล้ว ทรงจำดีแล้ว แทงตลอดดีแล้ว ด้วยปัญญาบ้างหรือ? ท่านผู้มีอายุทั้งหลาย พยากรณ์อย่างไร? จึงจะชื่อว่า เป็นผู้กล่าวตามที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสแล้ว จะไม่กล่าวตู่พระผู้มีพระภาคเจ้าด้วยคำไม่จริง และพยากรณ์ธรรมสมควรแก่ธรรม ทั้งการคล้อยตามวาทะที่ถูกไรๆ จะไม่พึงถูกวิญญูชนติเตียนได้.

ภิกษุทั้งหลาย กล่าวว่า ข้าแต่ท่านผู้มีอายุ ข้าพเจ้าทั้งหลาย มาแม้แต่ที่ไกลเพื่อจะรู้เนื้อความแห่งภาษิตนั้นในสำนักท่านพระสารีบุตร ดีละหนอ ขอเนื้อความแห่งภาษิตนั้น จงแจ่มแจ้งกะท่านพระสารีบุตรเถิด.

[๘] ท่านพระสารีบุตร กล่าวว่า ถ้าเช่นนั้น ท่านทั้งหลายจงฟัง จงใส่ใจให้ดี เราจักกล่าว ภิกษุเหล่านั้นรับคำท่านพระสารีบุตรแล้ว ท่านพระสารีบุตรได้กล่าวว่า ท่านผู้มีอายุทั้งหลาย ก็กษัตริย์เป็นบัณฑิตบ้าง พราหมณ์เป็นบัณฑิตบ้าง คฤหบดีเป็นบัณฑิตบ้าง สมณะเป็นบัณฑิตบ้าง เป็นผู้ถามปัญหากะภิกษุผู้ไปไพรัชประเทศต่างๆ มีอยู่

ดูก่อนท่านผู้มีอายุทั้งหลาย ก็มนุษย์ทั้งหลายที่เป็นบัณฑิต จะทดลองถามว่า พระศาสดาของท่านผู้มีอายุทั้งหลาย มีวาทะว่าอย่างไร ตรัสสอนอย่างไร? ดูก่อนท่านผู้มีอายุทั้งหลาย ท่านทั้งหลายถูกถามอย่างนี้แล้ว พึงพยากรณ์อย่างนี้ว่า ดูก่อนท่านผู้มีอายุทั้งหลาย พระศาสดาของเราทั้งหลาย ตรัสสอนให้กำจัดฉันทราคะ เมื่อท่านทั้งหลายพยากรณ์อย่างนี้แล้ว กษัตริย์ผู้เป็นบัณฑิตบ้าง พราหมณ์ผู้เป็นบัณฑิตบ้าง คฤหบดีผู้เป็นบัณฑิตบ้าง สมณะผู้เป็นบัณฑิตบ้าง พึงถามปัญหายิ่งขึ้นไป

ดูก่อนท่านผู้มีอายุทั้งหลาย ก็มนุษย์ทั้งหลายที่เป็นบัณฑิต จะทดลองถามว่า ก็พระศาสดาของท่านผู้มีอายุทั้งหลาย ตรัสสอนให้กำจัดฉันทราคะในสิ่งอะไร ท่านทั้งหลายถูกถามอย่างนี้แล้ว พึงพยากรณ์อย่างนี้ว่า ดูก่อนท่านผู้มีอายุทั้งหลาย พระศาสดาตรัสสอนให้กำจัดฉันทราคะในรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ดูก่อนท่านผู้มีอายุทั้งหลาย เมื่อท่านทั้งหลายพยากรณ์อย่างนี้แล้ว กษัตริย์ผู้เป็นบัณฑิตบ้าง พราหมณ์ผู้เป็นบัณฑิตบ้าง คฤหบดีผู้เป็นบัณฑิตบ้าง สมณะผู้เป็นบัณฑิตบ้าง พึงถามปัญหายิ่งขึ้นไป ก็มนุษย์ทั้งหลายที่เป็นบัณฑิต จะทดลองถามว่า ก็พระศาสดาของท่านผู้มีอายุทั้งหลาย ทรงเห็นโทษอะไร จึงตรัสสอนให้กำจัดฉันทราคะในรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ?

ดูก่อนท่านผู้มีอายุทั้งหลาย ท่านทั้งหลายถูกถามอย่างนี้แล้ว พึงพยากรณ์อย่างนี้ว่า ดูก่อนท่านผู้มีอายุทั้งหลาย เมื่อบุคคลมีความกำหนัด ความพอใจ ความรัก ความกระหาย ความกระวนกระวาย ความทะยานอยากในรูป เวทนา สัญญา สังขาร และวิญญาณ ยังไม่ปราศจากไปแล้ว โสกะ ปริเทวะ ทุกข์ โทมนัสและอุปายาส ย่อมเกิดขึ้น เพราะรูป เวทนา สัญญา สังขาร และวิญญาณ แปรปรวนเป็นอย่างอื่นไป

ดูก่อนท่านผู้มีอายุทั้งหลาย พระศาสดาของเราทั้งหลาย ทรงเห็นโทษนี้แล จึงตรัสสอนให้กำจัดฉันทราคะในรูป เวทนา สัญญา สังขาร และวิญญาณ ดูก่อนท่านผู้มีอายุทั้งหลาย แม้เมื่อท่านทั้งหลายพยากรณ์อย่างนี้แล กษัตริย์ผู้เป็นบัณฑิตบ้าง พราหมณ์ผู้เป็นบัณฑิตบ้าง คฤหบดีผู้เป็นบัณฑิตบ้าง สมณะผู้เป็นบัณฑิตบ้าง พึงถามปัญหายิ่งขึ้นไป

ดูก่อนท่านผู้มีอายุทั้งหลาย ก็มนุษย์ทั้งหลายที่เป็นบัณฑิต จะทดลองถามว่า ก็พระคาสดา ของท่านผู้มีอายุทั้งหลาย ทรงเห็นอานิสงส์อะไร? จึงตรัสสอนให้กำจัดฉันทราคะในรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ท่านทั้งหลายถูกถามอย่างนี้แล้ว พึงพยากรณ์อย่างนี้ว่า ดูก่อนท่านผู้มีอายุทั้งหลาย เมื่อบุคคลมีความกำหนัด ความพอใจ ความรัก ความกระหาย ความกระวนกระวาย ความทะยานอยากในรูป เวทนา สัญญา สังขาร และวิญญาณ ปราศจากไปแล้ว โสกะ ปริเทวะ ทุกข์ โทมนัสและอุปายาส ย่อมไม่เกิดขึ้นเพราะรูป เวทนา สัญญา สังขาร และวิญญาณ แปรปรวนเป็นอย่างอื่นไป ดูก่อนท่านผู้มีอายุทั้งหลาย พระศาสดาของเราทั้งหลายทรงเห็นอานิสงส์นี้แล จึงตรัสสอนให้กำจัดฉันทราคะในรูป เวทนา สัญญา สังขาร และวิญญาณ.

[๙] ดูก่อนท่านผู้มีอายุทั้งหลาย ก็ถ้าบุคคลเข้าถึงอกุศลธรรมทั้งหลายอยู่ จักได้มีการอยู่สบาย ไม่มีความลำบาก ไม่มีความคับแค้น ไม่มีความเดือดร้อน ในปัจจุบันนี้ และเมื่อตายไปแล้ว ก็พึงหวังสุคติไซร้ พระผู้มีพระภาคเจ้าก็จะไม่พึงทรงสรรเสริญการละอกุศลธรรมทั้งหลาย ก็เพราะเมื่อบุคคลเข้าถึงอกุศลธรรมทั้งหลาย ย่อมมีการอยู่เป็นทุกข์ มีความลำบาก มีความคับแค้น มีความเดือดร้อน ในปัจจุบัน และเมื่อตายไปแล้ว ก็พึงหวังได้ทุคติ ฉะนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงทรงสรรเสริญการละอกุศลธรรมทั้งหลาย.

[๑๐] ดูก่อนท่านผู้มีอายุทั้งหลาย แต่เมื่อบุคคลเข้าถึงกุศลธรรมทั้งหลายอยู่ จักได้มีการอยู่เป็นทุกข์ มีความลำบาก ความคับแค้น มีความเดือดร้อน ในปัจจุบันนี้ และเมื่อตายไปแล้ว ก็พึงหวังได้ทุคติไซร้ พระผู้มีพระภาคเจ้าก็จะไม่พึงทรงสรรเสริญ การเข้าถึงกุศลธรรมทั้งหลาย ก็เพราะเมื่อบุคคลเข้าถึงกุศลธรรมทั้งหลายอยู่ มีการอยู่สบาย ไม่มีความลำบาก ไม่มีความคับแค้น ไม่มีความเดือดร้อน ในปัจจุบันนี้ และเมื่อตายไปแล้ว ก็พึงหวังได้สุคติ ฉะนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงทรงสรรเสริญการเข้าถึงกุศลธรรมทั้งหลาย ท่านพระสารีบุตร ได้กล่าวคำนี้แล้ว ภิกษุเหล่านั้น ชื่นชมยินดีภาษิตของท่านพระสารีบุตร ฉะนี้แล.

จบ เทวทหสูตรที่ ๒.


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
khampan.a
วันที่ 27 ส.ค. 2554

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ข้อความโดยสรุป

เทวทหสูตร

(ว่าด้วยการกำจัดฉันทราคะในขันธ์ ๕)

พระภิกษุมากรูปด้วยกัน เข้าไปกราบทูลลาพระผู้มีพระภาคเจ้า ซึ่งประทับอยู่ที่เทวทหนิคม เพื่อเดินทางไปสู่ปัจฉาภูมชนบท พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสให้ไปลาท่านพระสารีบุตร ด้วย เพื่อจะได้ฟังพระธรรมเทศนาจากท่าน พระภิกษุเหล่านั้น จึงเข้าไปกราบลาท่านพระสารีบุตร ท่านพระสารีบุตรได้แสดงธรรมแก่ภิกษุเหล่านั้น ให้ได้เข้าใจและจะสามารถตอบปัญหาของบัณฑิตผู้ที่เป็นกษัตริย์ พราหมณ์ คฤหบดี และสมณะ ที่มักจะถามปัญหากับพระภิกษุผู้ไปต่างถิ่นอยู่เสมอๆ กล่าวคือ เมื่อถูกถามว่า พระศาสดา ตรัสสอนว่าอย่างไร เป็นต้น ควรตอบไปตามลำดับ ดังนี้

- พระศาสดา ตรัสสอนให้กำจัดฉันทราคะ

- พระศาสดา ตรัสสอนให้กำจัดฉันทราคะในรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ

- พระศาสดา ตรัสสอนให้กำจัดฉันทราคะในรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ เพราะทรงเห็นโทษ ว่า ผู้ที่ยังไม่ปราศจากความกำหนัดติดข้องยินดีพอใจ ในรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ เมื่อสภาพธรรมเหล่านี้แปรปรวนไป ย่อมอยู่เป็นทุกข์ เศร้าโศกเสียใจ

- พระศาสดา ตรัสสอนให้กำจัดฉันทราคะในรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ เพราะทรงเห็นอานิสงส์ ว่า ผู้ที่ปราศจากความกำหนัดติดข้องยินดีพอใจในรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ เมื่อสภาพธรรมเหล่านี้แปรปรวนไป ย่อมอยู่เป็นสุข ไม่เศร้าโศกเสียใจ

- พระศาสดา ทรงสรรเสริญการละกุศลธรรม เพราะกุศลธรรมเป็นเหตุนำมาซึ่งความทุกข์ ความเดือดร้อน เป็นเหตุให้ไปเกิดในทุคติภูมิ

- พระศาสดา ทรงสรรเสริญการเข้าถึงกุศลธรรม เพราะกุศลธรรมเป็นเหตุนำมาซึ่งความสุข ไม่นำมาซึ่งความเดือดร้อน และเป็นเหตุให้ไปเกิดในสุคติภูมิ เมื่อท่านพระสารีบุตร กล่าวอย่างนี้แล้ว พระภิกษุเหล่านั้นก็ได้กล่าวชื่นชมสรรเสริญในภาษิตของท่านพระสารีบุตร.

ขอเชิญคลิกอ่านข้อความเพิ่มเติมเพื่อความเข้าใจยิ่งขึ้นได้ที่นี่ ครับ

ถ้าไม่มีกิเลส อกุศลกรรมก็เกิดขึ้นไม่ได้เลย

ฉันทะและตัณหา

ราคะ

อกุศลธรรม

กุศลธรรม

ในวันหนึ่งๆ เปลี่ยนจากอกุศลเป็นกุศลเพิ่มขึ้นหรือไม่

อยู่เป็นสุขเพราะหมดตัณหา [สุทัตตสูตร]

กิเลสตัณหา

...อนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
paderm
วันที่ 27 ส.ค. 2554

ขอบพระคุณและขออนุโมทนา อาจารย์คำปั่นครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
nong
วันที่ 28 ส.ค. 2554

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
SIRICHAI
วันที่ 29 ส.ค. 2554

ขออนุโมทนาในกุลศลธรรมของท่านทั้งหลายครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
Noparat
วันที่ 29 ส.ค. 2554
ขอบคุณและขออนุโมทนาค่ะ
 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
Jans
วันที่ 31 ส.ค. 2554

ขอบคุณและขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
aurasa
วันที่ 31 ส.ค. 2554
ขอบคุณและขออนุโมทนาค่ะ
 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
paew_int
วันที่ 31 ส.ค. 2554
ขออนุโมทนาค่ะ
 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
Graabphra
วันที่ 1 ก.ย. 2554
ขอบพระคุณมากๆ และขออนุโมทนาครับ
 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
tusaneenui
วันที่ 1 ก.ย. 2554

ขออนุโมทนาและขอบพระคุณมากค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
ทองสุข
วันที่ 2 ก.ย. 2554
ขออนุโมทนา
 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
orawan.c
วันที่ 2 ก.ย. 2554
ขอบคุณและขออนุโมทนาค่ะ
 
  ความคิดเห็นที่ 13  
 
เซจาน้อย
วันที่ 6 ธ.ค. 2554

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ขอบคุณและขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 14  
 
pat_jesty
วันที่ 6 ธ.ค. 2554

ขอบคุณและขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 15  
 
jaturong
วันที่ 7 ธ.ค. 2554

ขอบคุณและขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 16  
 
chatchai.k
วันที่ 6 เม.ย. 2564

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ