มีตัวเราที่จะจัดการ


        ผู้ฟัง มหากุศลญาณสัมปยุตต์เกิดได้ ๖ ทวาร แสดงว่า สติปัฏฐานก็เกิดได้ทางกายทวารได้ใช่ไหมครับ

        สุ. คิดว่าไม่ได้ หรือได้

        ผู้ฟัง คิดว่าได้

        สุ. แล้วสงสัยอะไร

        ผู้ฟัง อย่างทางกาย รู้เย็นร้อน อ่อนแข็ง ตึงไหว แล้วสี เสียง กลิ่น รส แต่เวทนาที่เกิดทางกายทวาร ที่เป็นสุขเวทนา ทุกขเวทนา จะไม่สามารถรู้ได้ทางกายทวารได้

        สุ. เวทนารู้ทางกายไม่ได้ ทางกายสามารถรู้สิ่งที่มีลักษณะอ่อนหรือแข็ง เย็นหรือร้อน ตึงหรือไหว ในขณะที่กระทบปรากฏ

        ผู้ฟัง ทั้งๆ ที่เกิดทางกาย แล้วก็ดับไปแล้ว

        สุ. อะไรเกิดทางกาย

        ผู้ฟัง ทุกข์กายหรือสุขกาย

        สุ. ทุกข์กายเกิดเมื่อไร กับอะไร เกิดกับรูปได้ไหม

        ผู้ฟัง ก็ต้องเกิดกับกายวิญญาณ

        สุ. กายวิญญาณเป็นนามธรรมหรือรูปธรรม

        ผู้ฟัง เป็นนามธรรมครับ แต่จะรู้ได้ ไม่ได้ด้วยทางกายวิญญาณ

        สุ. ลักษณะที่เจ็บ เวลาปรากฏ แข็งหรือเปล่า

        ผู้ฟัง คนละลักษณะกันครับ เจ็บก็เจ็บ

        สุ. เพราะฉะนั้นจะไปรู้เจ็บทางกายได้ไหม

        ผู้ฟัง ทั้งๆ ที่เกิดทางกาย แต่ไม่สามารถรู้ได้ทางกาย

        สุ. เกิดทางกาย หมายความว่าอย่างไรคะ

        ผู้ฟัง เกิดกับกายวิญญาณ

        สุ. เกิดกับจิตที่รู้สิ่งที่ปรากฏที่กาย ต้องอาศัยกายเป็นทวาร หรือเป็นทางที่จะรู้สิ่งที่อ่อนหรือแข็ง เย็นหรือร้อน ตึงหรือไหว การฟังธรรมต้องละเอียดค่ะ ต้องเข้าใจ นามธรรมไม่ใช่รูปธรรม

        ผู้ฟัง แทนที่จะรู้เย็น รู้ร้อน แต่กลับไปรู้เจ็บ

        สุ. ก็เจ็บปรากฏ ลักษณะที่เจ็บไม่ได้แข็ง ไม่ได้เย็น

        ผู้ฟัง ซึ่งเป็นทางมโนทวารไปแล้ว

        สุ. ต้องเป็นนามธรรม ขณะนั้นก็ต้องเกิดกับจิตที่กำลังรู้สิ่งที่เย็น ร้อน อ่อน แข็ง แต่อะไรปรากฏให้รู้ จะไปเลือกไม่รู้เจ็บได้ไหม ขณะที่เจ็บปรากฏ

        ผู้ฟัง ก็แปลกดี แทนที่จะรู้ร้อน รู้แข็ง กลับไปรู้เจ็บ

        สุ. ก็ร้อน แข็ง อะไรรู้คะ

        ผู้ฟัง กายวิญญาณ

        สุ. กายวิญญาณพร้อมทุกขเวทนา แต่ขณะนั้นทุกขเวทนาปรากฏให้เห็นสภาพที่เจ็บ ไม่ใช่สภาพที่แข็ง เพราะฉะนั้นก็เข้าใจความต่างของนามธรรมกับรูปธรรม

        ผู้ฟัง ขณะนั้นข้ามกายวิญญาณไปแล้ว ใช่ไหมครับ

        สุ. คิดใช่ไหมคะ อะไรปรากฏ

        ผู้ฟัง ทุกขเวทนา

        สุ. อะไรปรากฏ

        ผู้ฟัง ก็เจ็บปรากฏ

        สุ. ขณะนั้นคิดหรือเปล่า เรื่องข้ามไปข้ามมา

        ผู้ฟัง ถ้าเจ็บปุ๊บ ก็ปรากฏแล้ว

        สุ. เพราะฉะนั้นจะไปคิดทำไมละคะ เพราะรู้ลักษณะที่เจ็บ เป็นธรรมซึ่งไม่ใช่เราเจ็บ เป็นลักษณะของสภาพธรรมอย่างหนึ่งที่ปรากฏให้รู้ ก็ไม่รู้ คือ ทุกอย่างปรากฏให้รู้ทั้งนั้นเลย แต่ก็ไม่รู้ สิ่งที่ปรากฏทางตาก็ปรากฏให้รู้ตามความเป็นจริงว่า เป็นอื่นไม่ได้ เพียงปรากฏ เป็นธาตุอย่างหนึ่งซึ่งสามารถปรากฏได้ ก็ไม่รู้

        ผู้ฟัง ยังงงครับ คือ เจ็บ เจ็บที่กาย แต่ไปรู้ที่ใจ

        สุ. ไม่มีที่กายนะคะ เจ็บขณะนั้นมีลักษณะของเจ็บปรากฏ แต่เราไปคิดเอง ที่ไหนเราคิดหรือเปล่า ขณะที่กำลังคิดถึงที่ ขณะนั้นเป็นการรู้เจ็บหรือเปล่า

        ผู้ฟัง ไม่ใช่ครับ

        สุ. ก็คนละขณะ สภาพธรรมคนละอย่าง มีตัวเราจัดการด้วย

        ผู้ฟัง ไม่มีครับ

        สุ. ทำไมไม่รู้ที่แข็ง ทำไมไม่รู้ที่กาย ทำไมไปรู้ที่ใจ นั่นคือตัวเราจัดการ

        ผู้ฟัง คือถ้าคิดตามเหตุตามผลแล้ว รู้สึกขัด

        สุ. ตามเหตุตามผลของใคร นามธรรมเกิดที่ไหน เมื่อไร แล้วก็ดับไปพร้อมกับอะไร เจ็บเกิดที่ไหน

        ผู้ฟัง เกิดที่กายวิญญาณ

        สุ. ขณะนั้นอะไรปรากฏ

        ผู้ฟัง เย็นร้อน

        สุ. เย็นร้อนปรากฏ ไม่ใช่เจ็บ เราไปคิดว่าเกิดที่กาย เรายังไม่ลืมว่า มีกายของเรา แต่จริงๆ แล้ว ลักษณะเจ็บเป็นสภาพธรรมที่ปรากฏให้รู้แล้วดับไป ปัญญาไม่สามารถเข้าใจถูก เพราะไม่ได้อบรมที่จะเห็นจริงว่าเป็นอนัตตา เจ็บเกิดปรากฏแล้วหมด จริง ไม่มีอะไรจะจริงยิ่งกว่านี้ คือ สิ่งใดก็ตามที่ปรากฏ เกิดแล้วดับ แต่ความเป็นเราก็ทำให้ไม่รู้ และสงสัย ก็จะสงสัย และไม่รู้ไปอีกนาน ถ้าคิดอย่างนี้

        ที่มา ...

        พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 341


    หมายเลข 12443
    23 ม.ค. 2567