ไม่ใช่สติปัฏฐานแต่เป็นตัวเราที่สังเกต พอ.6342


    บุษกร การสังเกตลักษณะ หนูมาสังเกตว่า เวลาจะสังเกตลักษณะของผู้คนต่างๆ ทำไมสังเกตง่ายจังเลย ลักษณะคนนั้นอย่างนี้ ลักษณะคนนี้อย่างนั้น แต่พอหนูจะสังเกตลักษณะของสภาพธรรมที่ปรากฏ หนูไม่สามารถสังเกตได้

    สุ. ข้อสำคัญจะเข้าใจขึ้น หรือจะสังเกต

    บุษกร หนูก็พยายามสังเกต

    สุ. คือไม่เข้าใจลักษณะของสติสัมปชัญญะ ซึ่งเป็นอนัตตา มีตัวเราที่สังเกต แต่ไม่ใช่ตัวสติที่เกิดเพราะเหตุปัจจัย นี่คือความต่าง เราสังเกต กับรู้ว่าขณะไหนสติเกิด ขณะไหนหลงลืมสติ เพราะฉะนั้นขณะที่เราสังเกต ไม่ใช่สติสัมปชัญญะ ไม่ใช่สติปัฏฐาน เป็นตัวเราที่สังเกต

    พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงอะไร แล้วเราฟังธรรมของใคร ของแต่ละบุคคล หรือที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดง

    บุษกร ของพระผู้มีพระภาค

    สุ. เพราะฉะนั้นจะยากหรือจะง่าย

    บุษกร ก็ต้องยาก

    สุ. และเป็นความจริงหรือเปล่า

    บุษกร เป็นความจริง

    สุ. เมื่อเป็นความจริง สามารถจะอบรมเจริญปัญญา ค่อยๆ เข้าใจถูกต้องขึ้นได้ไหม

    บุษกร ได้ค่ะ

    สุ. และถ้าพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่ทรงแสดง เราจะคิดเองได้ไหม

    บุษกร ไม่ได้ค่ะ

    สุ. เพราะฉะนั้นเราอยากจะฟังเรื่องความคิดเองของคนนั้นคนนี้ หรือเมื่อพระธรรมลึกซึ้ง ก็ฟัง ค่อยๆ เข้าใจความลึกซึ้งของพระธรรม ซึ่งไม่ใช่เรา แต่เป็นธรรม แม้แต่คำว่า “ธรรม” คำเดียว ถ้าเข้าใจจริงๆ ก็คือว่า ไม่ใช่เรา แต่ถ้าจะมีเราสังเกต มีเราอย่างนั้นอย่างนี้ ก็คือว่ายังไม่ได้เข้าใจธรรม

    บุษกร แล้วสภาพธรรมนี่ รู้โดยชื่อว่า ธรรม อะไรก็เป็นธรรม จิตที่คิดก็เป็นธรรม

    สุ. แล้วไม่มีจริงหรือคะ

    บุษกร มีจริงค่ะ

    สุ. แต่ไม่รู้ลักษณะ รู้จักชื่อเท่านั้น เพราะฉะนั้นก็รู้ความต่างของการฟังเรื่องราว จะจากกี่คัมภีร์ก็ตามแต่ จากใครก็ตามแต่ ถ้าเพียงแต่เป็นเรื่องราวของสิ่งที่มีจริง โดยไม่ส่องถึงความจริง ทุกคำที่กล่าวเป็นความจริงของสิ่งที่มีจริงที่กำลังปรากฏ อย่างได้ยินคำว่า อายตนะ ในพระไตรปิฎกมีไหมคะ

    สุ. มี และเดี๋ยวนี้ละคะ อะไรเป็นอายตนะ เรียกชื่อได้ แต่รู้ลักษณะที่เป็นอายตนะหรือเปล่า

    บุษกร ไม่รู้ค่ะ

    สุ. เพราะฉะนั้นการศึกษาธรรมเพื่ออะไร เพื่อจำชื่อ จำเรื่อง หรือว่าเพื่อเข้าใจจริงๆ ว่า ขณะนี้เป็นธรรม ธรรมทั้งหมดเลย แต่ไม่รู้ เพราะฉะนั้นก็ฟังจนค่อยๆ รู้ว่า เป็นธรรม ไม่ใช่ไม่มีธรรมเลย แล้วไปพูดเรื่องลึกซึ้ง เรื่องอะไรก็ไม่รู้ แต่สิ่งที่มีลึกซึ้ง เพราะเหตุว่าเป็นสภาพธรรมที่เกิดดับสืบต่อเร็วประมาณไม่ได้เลย แต่ความจริงก็เป็นความจริง คือ ลักษณะของธรรมก็ต่างกันไป ที่จะแสดงให้เห็นว่า ไม่มีใครเป็นเจ้าของ และไม่ใช่ของใครด้วย เพียงเกิดแล้วก็ดับไป ให้เข้าใจถูกต้องในสิ่งที่มี

    บุษกร ค่ะ


    หมายเลข 12449
    10 เม.ย. 2565