ระลึกถึงคำที่ได้ฟัง

[เล่มที่ 17] พระสุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย มูลปัณณาสก์ เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้า 141
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ส่วนอริยสาวกผู้สดับ ผู้เห็นพระอริยเจ้าทั้งหลาย ฉลาดในธรรมของพระอริยเจ้า ได้รับแนะนำด้วยดีในธรรมของพระอริยเจ้า ผู้เห็นสัตบุรุษ ฉลาดในธรรมของสัตบุรุษ ได้รับแนะนำด้วยดีในธรรมของสัตบุรุษ ย่อมรู้ธรรมที่ควรมนสิการ และไม่ควรมนสิการ เมื่ออริยสาวกนั้นรู้ธรรมที่ควรมนสิการ และไม่ควรมนสิการ ย่อมไม่มนสิการธรรมที่ไม่ควรมนสิการ และมนสิการธรรมที่ควรมนสิการ.
อ.คำปั่น: ท่านอาจารย์ก็ได้กล่าวถึงความเป็นจริงของธรรมะที่เป็นธาตุรู้ จิตเป็นใหญ่เป็นประธาน แล้วก็เจตสิกที่เกิดร่วมด้วยก็ประกอบด้วยตามควรแก่จิตขณะนั้นๆ ครับ กระผมขออนุญาติอ่านในข้อความใน อัฏฐสาลินี อรรถกถาพระอภิธรรมปิฎก ธัมมสังคณี ที่อธิบาย มนสิการะ ครับ ที่ได้ฟังเมื่อสักครู่ทั้งหมดแล้วที่ท่านอาจารย์ได้อธิบายแล้ว มีข้อความดังนี้ครับ ที่ชื่อว่า มนสิการะ เพราะทำไว้ในใจโดยแยบคาย ทำจิตให้รับอารมณ์นั้น มีการยังสัมปยุตตธรรม คือธรรมะที่เกิดพร้อมกันให้รับอารมณ์เป็นลักษณะ มีการประกอบสัมปยุตตธรรมทั้งหลายไว้ด้วยอารมณ์เป็นรสะ คือเป็นกิจหน้าที่ มีการมุ่งต่ออารมณ์เป็นปัจจุปัฏฐนะ คืออาการปรากฏบับเนื่องด้วยสังขารขันธ์ และมีอารมณ์เป็นปทัฏฐาน คือเป็นเหตุใกล้ให้เกิด พึงเห็นเหมือนสารถี เพราะยังสัมปยุตตธรรมให้ดำเนินไปในอารมณ์ครับ
ท่านอาจารย์ครับ นี่เป็นข้อความที่อธิบายความเป็นจริงของมนสิการะครับ
ท่านอาจารย์: ฟังแล้วเข้าใจได้ไหม?
อ.คำปั่น: ก็ไตร่ตรองในเหตุในผลตามที่ได้ฟัง
ท่านอ าจารย์: ยากๆ ๆ ที่จะเข้าใจโดยคำ จะกล่าวอีกตั้งร้อยแปดพันเก้าคำก็ยาก เพราะว่า โดยคำที่พยายามที่จะกล่าวถึงมนสิการะ แต่ถ้าเป็นตัวอย่างพอที่จะเข้าใจได้ในเบื้องต้น แต่ความละเอียดต้องเป็นอย่างที่กล่าว
แต่ถ้าไม่มีการที่จะเริ่มเข้าใจเลย ใครที่เขาสนทนากันแต่เรากำลังฟังธรรมะเราไม่ใสใจ ได้ยินแต่เสียงก็ได้ยินไปใช่ไหม?
อ.คำปั่น: ใช่ครับ
ท่านอาจารย์: แต่ถ้าใส่ใจปุ๊บ เราสนใจที่จะเข้าใจว่า คำนั้นหมายความว่าอะไร เพราะฉะนั้น เจตสิกไม่ได้เกิดเพียงลำพัง ต้องอาศัยเจตสิกอื่นด้วยที่จะช่วยประกอบกันให้เป็นหนึ่งขณะจิตในขณะนั้นที่จะเป็นประเภทใด ซึ่งละเอียดมาก ยากมาก ต่างกันมาก แม้ว่าเป็นเจตสิกประเภทเดียวกัน แต่ระดับความลึกซึ้งต่างกัน
ปัญญาความเห็นถูกมีตั้งแต่เริ่มฟัง ฟังแล้วไม่ได้ไตร่ตรอง แต่ขณะที่คิดขึ้นได้มีปัจจัยพอที่จะระลึกถึงคำที่ได้ฟังแล้ว สัญญาจำได้ว่าฟังอะไรมา
เพราะฉะนั้น ก็เริ่มใส่ใจในคำที่เคยได้ฟังแล้ว เพราะฉะนั้น มนสิการะก็เกิดกับจิตทุกขณะ
อ.คำปั่น: เป็นประโยชน์มากครับ ท่านอาจารย์ได้กล่าวถึงตัวอย่างชัดเจนมาก ก็อาศัยตัวอย่างที่เกิดขึ้นเป็นไป นี่พอที่จะเข้าใจได้ แต่ถ้าจะเป็นความละเอียดก็เข้าใจตามคำที่แสดงถึงความเป็นจริงโดยอย่างถูกต้องโดยละเอียด นั่นแหละคือประโยชน์จริงๆ ครับท่านอาจารย์
ท่านอาจารย์: เพราะฉะนั้น มนสิการะ หวังได้ไหม?
อ.คำปั่น: มนสิการะไม่ใช่หวัง หวังไม่ได้ครับ
ท่านอาจารย์: หวังไม่ได้ เห็นไหม!! ถ้าหวังเป็นอีกอย่างหนึ่ง ไม่ใช่มนสิการะ เป็นความผูกพัน เป็นความต้องการ เป็นความติดข้องซึ่งไม่ใช่ใส่ใจกำลังใส่ใจในสิ่งที่กำลังเป็นอารมณ์ขณะนั้น
ไม่ทราบคุณแอนพอจะเข้าใจขึ้นไหม ก็เป็นคำถามให้คุณแอนได้ไตร่ตรองอีก
อ.คำปั่น: ก็กราบขอบพระคุณท่านอาจารย์อย่างยิ่งครับ
ขอเชิญอ่านเพิ่มได้ที่ ..
มนสิการธรรมที่ควรมนสิการ [มูลปัณณาสก์]
ว่าด้วยโยนิโสมนสิการได้บรรลุผลสูงสุด [ปฐมเสขสูตร]
ขอเชิญฟังได้ที่ ..
มนสิการ-โยนิโสมนสิการ-อโยนิโสมนสิการ
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพยิ่งค่ะ
กราบยินดีในกุศลจิตของ อ.คำปั่น ด้วยความเคารพค่ะ


