ไม่ใส่ใจในคำว่าร้าย

อ.กุลวิไล: เพราะว่า แม้แต่ขณะที่หวัง แต่ถ้าขณะนั้นก็ยังมีความใส่ใจก็เกิดร่วมได้ แต่ก็ใส่ใจไม่ดีค่ะ
ท่านอาจารย์: ใส่ใจเฉพาะขณะนั้นใช่ไหม ที่หวังอะไร? เพราะฉะนั้น ใส่ใจอื่นไม่ได้ แต่ใส่ใจในขณะที่หวังอะไร ก็ใส่ใจในสิ่งนั้น
อ.กุลวิไล: ดิฉันก็ใส่ใจในคำที่ท่านอาจารย์กล่าวเมื่อตอนต้นชั่วโมงว่า ภัยที่ยิ่งกว่าเกิดในนรก คือความเห็นผิดว่าเป็นเราค่ะ
ท่านอาจารย์: เพราะฉะนั้น เวลาที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสเรียกภิกขุ จงฟัง จงใส่ใจให้ดี ชัดเจนไหม? แค่ฟังแล้วไม่ใส่ใจให้ดี จะรู้เรื่องไหม? จะเข้าใจไหม?
เพราะฉะนั้น แม้แต่คำที่พระองค์ตรัส ก็แสดงให้รู้แล้วว่า ต่างกับแค่ฟัง ฟังแล้วก็ใส่ใจ
เพราะฉะนั้น ขณะนั้นจะเข้าใจหรือไม่เข้าใจ เข้าใจถูกหรือเข้าใจผิด ขึ้นอยู่กับใส่ใจ ถูกต้องๆ หม?
อ.กุลวิไล: ถูกต้องค่ะ
ท่านอาจารย์: ถ้าขณะนั้นติดข้องมากๆ แล้วก็ต้องใส่ใจในสิ่งที่ถูกติดข้อง สิ่งเดียวกันติดข้องในอะไรก็ใส่ใจในอารมณ์นั้น และขณะนั้นดีไหมล่ะใส่ใจด้วยความหวังด้วยความติดข้อง
อ.กุลวิไล: ไม่ดีค่ะ
ท่านอาจ ารย์: เพราะฉะนั้น ก็เกิดร่วมกันกับสภาพที่ไม่ดีความติดข้อง เพราะฉะนั้น ก็ติดข้องแล้วใส่ใจในขณะนั้นพร้อมกันเลย ใส่ใจในสิ่งที่ติดข้องไม่พ้นไปได้เลย
อ.กุลวิไล: ซึ่งท่านอาจารย์ให้ความเข้าใจความหมายพร้อมกับสภาพธรรมที่มีจริง เพราะถ้าศึกษาโดยคำก็จะมีทั้งที่เป็นโยนิโสมนสิการะ กับอโยนิโสมนสิการะค่ะ
ท่านอาจารย์: เพราะฉะนั้น ใครว่าร้าย ได้ยินใช่ไหม?
อ.กุลวิไล: ได้ยินค่ะ
ท่านอาจารย์: ขณะได้ยิน นั่นก็ต้องมีสภาพที่ใส่ใจในคำนั้น จึงรู้ว่า คำนั้นเป็นคำว่าร้ายใช่ไหม?
อ.กุลวิไล: ใช่ค่ะ
ท่านอาจารย์: แต่ขณะต่อไปไม่ใส่ใจไร้สาระ แต่ความจริงไม่ใส่ใจในความที่ไม่ใช่สาระ แต่ใส่ใจในจิตในขณะนั้นที่กำลังรู้อะไร จึงขาดการใส่ใจไม่ได้เลยหลากหลายมาก เพราะจิตขณะที่ได้ยิน และรู้ว่าเป็นคำว่าร้าย และขณะที่มีความใส่ใจเกิดกับจิตทุกขณะ ก็ยังมีการที่ว่า ขณะนั้นไม่สนใจไม่โกรธเคือง คือไม่อะไรหมด เพราะว่าไม่ใส่ใจในคำว่าร้าย ก็ชัดเจนใช่ไหม?
เพราะฉะนั้น จะมี ๒ คำ สนใ จกับใส่ใจ
อ.กุลวิไล: ท่านอาจารย์คะ สนใจก็ไม่พ้นฉันทะนั่นเอง แต่ก็สามารถเกิดกับธรรมะฝ่ายดีงามได้อย่างกุศลจิต
ท่านอาจารย์: ไม่ว่าจะเป็นกุศล หรืออกุศลทั้งสอง มนสิการะเกิดกับจิตทุกขณะ ใส่ใจในอารมณ์จึงรู้ว่า อารมณ์นั้นเป็นอะไร จิตก็รู้แจ้งอารมณ์นั้น ทำหน้าที่คนละอย่างแต่เกิดพร้อมกัน
เพราะฉะนั้น มีการใส่ใจในอารมณ์ทุกขณะโดยไม่รู้ จนกว่าจะปรากฏว่า กำลังใส่ใจ
อ.กุลวิไล: เพราะแม้แต่ว่า ภัย ในกัปปมาณวกปัญหานิเทส ท่านก็กล่าวถึง ภัยใหญ่ ซึ่งก็คือ ชาติ ชรา พยาธิ มรณะ ซึ่งก็น่ากลัวแล้ว แต่ท่านอาจารย์ยังกล่าวถึง ภัยที่ยิ่งกว่าเกิดในนรก ก็คือความเห็นผิดว่าเป็นเราค่ะ
ท่านอาจารย์: ความไม่รู้ ความหวัง ความเห็นผิดทุกสิ่งทุกอย่างที่ไม่รู้ตัวเลย
อ.กุลวิไล: ค่ะ
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพยิ่งค่ะ
กราบยินดีในกุศลจิตของ อ.กุลวิไล ด้วยความเคารพค่ะ


