ชีวิตเต็มไปด้วยความไม่รู้

[เล่มที่ 31] พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค เล่ม ๕ ภาค ๒ - หน้า 442
๔. อรหันตสูตร
ว่าด้วยพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
[๑๗๐๔] สาวัตถี. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าเหล่าใดเหล่าหนึ่งในอดีตกาล ตรัสรู้แล้วตามความเป็นจริง พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งหมดนั้น ตรัสรู้แล้วซึ่งอริยสัจ ๔ ตามความเป็นจริง ถึงพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าเหล่าใดเหล่าหนึ่งในอนาคตกาล จักตรัสรู้ตามความเป็นจริง พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งหมดนั้น จักตรัสรู้อริยสัจ ๔ ตามความเป็นจริง ถึงพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าใดเหล่าใดเหล่าหนึ่งในปัจจุบัน ตรัสรู้อยู่ตามความเป็นจริง พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งหมดนั้น ตรัสรู้อยู่ซึ่งอริยสัจ ๔ ตามความเป็นจริง อริยสัจ ๔ เป็นไฉน คือ ทุกขอริยสัจ ... ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทาอริยสัจ ก็พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าเหล่าใดเหล่าหนึ่งในอดีตกาล ตรัสรู้แล้วตามความเป็นจริง ... จักตรัสรู้ ... ตรัสรู้อยู่ตามความเป็นจริง พระอรหันตสัมมาสัมมาพุทธเจ้าทั้งหมดนั้น ตรัสรู้อยู่ซึ่งอริยสัจ ๔ ตามความเป็นจริง ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เพราะฉะนั้นแหละ เธอทั้งหลายพึงกระทำความเพียรเพื่อรู้ตามความเป็นจริงว่า นี้ทุกข์ ฯลฯ นี้ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา.
จบอรหันตสูตรที่ ๔
[เล่มที่ 60] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก เล่ม ๓ ภาค ๖ - หน้า 234
อรรถกถาชวนหังสชาดก
พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ ณ พระเชตวันมหาวิหาร ทรงพระปรารภพระเทศนาทัฬหธัมมธนุคคหสูตร ตรัสพระธรรมเทศนานี้ มีคำเริ่มต้นว่า "อิเธว หํส นิปต" ดังนี้.
ความพิสดารว่า จำเดิมแต่วันที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสพระสูตรนี้ว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เปรียบเหมือนนายขมังธนูมีธรรมมั่นคง ๔ นาย ฝึกฝนดีแล้ว มีมือได้ฝึกปรือแล้ว ยิงแม่นยำ ยืน ๔ ทิศ ลำดับนั้น บุรุษคนหนึ่งมา เขาจักจับลูกศรของนายขมังธนูผู้มีธรรมมั่นคง ๔ นายเหล่านี้ ที่ฝึกฝนดีแล้ว มีมือได้ฝึกปรือแล้ว ยิงแม่นยำ ยิงไปทั้ง ๔ ทิศไม่ทันตกถึงดินเลย แล้วนำมาให้ได้ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย พวกเธอจะสำคัญความข้อนั้นเป็นอย่างไร บุรุษผู้วิ่งไปด้วยความเร็ว ต้องประกอบด้วยความเร็วอย่างยอดเยี่ยม เมื่อภิกษุทั้งหลาย กราบทูลรับว่า อย่างนั้นพระเจ้าข้า จึงตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ความเร็วของบุรุษจะเป็นปานใด ความเร็วของดวงจันทร์ดวงอาทิตย์ยังเร็วกว่านั้น ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ความเร็วของบุรุษนั้นจะเร็วปานใดเล่า อนึ่งเล่า ฝูงเทวดาย่อมเหาะไปข้างหน้าดวงจันทร์ดวงอาทิตย์ ความเร็วของหมู่เทวดานั้น เร็วยิ่งกว่าความเร็วของดวงจันทร์ดวงอาทิตย์ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ความเร็วของบุรุษนั้น ความเร็วของหมู่เทวดาเหล่านั้นปานใด อายุสังขารย่อมสิ้นไปเร็วกว่านั้น ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เพราะเหตุนั้น เธอทั้งหลายพึงสำเหนียกในข้อนั้น อย่างนี้ว่า พวกเราต้องละความกระหายด้วยอำนาจความกำหนัดในกามทั้งหลาย ที่บังเกิดแล้วเสียให้ได้ อนึ่ง จิตของพวกเราต้องไม่ตั้งยึดความกระหายด้วยอำนาจความกำหนัดในกามทั้งหลายไว้เลย พวกเราต้องเป็นผู้ไม่ประมาท
อ.ธีรพันธ์: ได้ยินคำว่า สังขาระ ครับ ก็คือ สังขาร ส่วนใหญ่ก็จะมุ่งไปที่ร่างกายครับ เพราะว่าได้ยินคำนี้มาตั้งนานครับ แต่ถ้าไม่มีการได้ยินได้ฟังศึกษาธรรม ก็จะไม่ทราบว่า สังขาร มีทั้งสภาพที่เป็นนามธรรมด้วยครับ แล้วก็ไม่ใช่เฉพาะสังขารที่เป็นกายเท่านั้น ยังมีสภาพธรรมอื่นที่เป็นสภาพรู้อีกครับ แม้ขณะนี้ ได้ยิน อย่างนี้แล้ว ก็จะเข้าถึงความจริงทั้งที่เป็นนาม ทั้งรูป นี้ก็ยากครับ กราบเท้าท่านอาจารย์ตรงนี้ครับ
ท่านอาจารย์: จึงต้องอาศัยการฟังละเอียดขึ้น สิ่งหนึ่งสิ่งใดมีความเกิดขึ้นต่อเมื่อมีปัจจัย จึงใช้คำว่า สังขารธรรม ถูกต้องไหม?
อ.ธีรพันธ์: ถูกต้องครับ
ท่านอาจารย์: เพราะฉะนั้น เราไม่ใช่ไปจำเพียงแค่สังขารทั้งหลายไม่เที่ยง แต่ต้องเข้าถึงความลึกซึ้งของ คำว่า สังขาร ด้วย
สิ่งที่เกิดนี้แหละ และไม่ใช่เฉพาะสิ่งหนึ่งสิ่งใด ทั้งหมดเลยที่เกิดขึ้น สิ่งหนึ่งสิ่งใดที่เกิดแล้วดับ สังขารทั้งหลายไม่เที่ยง เป็นจริงหรือเปล่า แต่ยังไม่เข้าถึงความเป็นจริงนั้น เพียงแต่ฟัง ไตร่ตรอง เริ่มเข้าใจว่า แต่ก่อนไม่มีสิ่งนี้ ไม่มี เห็น แล้วเห็นก็เกิดขึ้นโดยไม่มีใครทำ แต่มีปัจจัยที่จะให้เห็นเกิด เห็นจึงเกิด แล้วก็ดับ แค่คำพูดนิดๆ หน่อยๆ เล็กๆ น้อยๆ อีกนานเท่าไหร่กว่าจะฝังลึกลงไปในใจที่จะรู้ว่า เดี๋ยวนี้ยังไม่รู้ความจริง แต่เริ่มรู้ว่า ไม่ว่าอะไรทั้งหมดที่เกิดขึ้น ถ้าไม่มีเหตุปัจจัย เกิดไม่ได้
เพราะฉะนั้น แม้แต่ ธรรมดาๆ ๆ นะ เห็นก็ต้องมีปัจจัย มีตา มีสิ่งที่กระทบตา แล้วก็ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นในชีวิต ก็รู้ว่า ถ้าไม่มีปัจจัย เกิดไม่ได้ ไม่ว่าจะสุขจะทุกข์จะเป็นสิ่งที่เราบอกว่า เกิดเพราะกรรม ช่วยไม่ได้ ช่วยไม่ได้เพราะเกิดแล้ว แต่สิ่งที่จะเกิดต่อไปถ้ามีความรู้ความเข้าใจถูกต้อง ก็จะไม่เป็นอย่างที่เป็นอย่างที่เราบอกว่า เกิดขึ้นแล้วก็ต้องตาย แต่ว่าเกิดขึ้นยังไม่ตายก็ดับแล้ว ต้องละเอียดขึ้น จึงจะเริ่มรู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ท่านทรงแสดงพระธรรมถึง ๔๕ พรรษา พระองค์ตรัสทุกคำถึงสิ่งที่กำลังมีเดี๋ยวนี้ ไม่ไกลเลย ทุกขณะ อยู่ใกล้ที่สุด แต่ไม่เคยคิดถึง
เพราะฉะนั้น จึงเริ่มรู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระคุณสูงสุดจึงทรงพระนามพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าได้พระองค์เดียว
เพราะฉะนั้น ฟังแล้วจะเห็นความลึกซึ้ง เมื่อรู้ว่าที่พระองค์ตรัสทั้งหมดเพื่อให้รู้ความจริงของสิ่งที่กำลังมี ไม่ใช่อยู่ในตำรา ไม่ใช่อยู่เพียงคำที่ได้ฟัง แต่กำลังเป็นจริงในขณะที่แม้ฟังด้วย
เพราะฉะนั้น ก็ต้องเป็นผู้ที่เห็นประโยชน์จริงๆ ว่า ไม่รู้เลยถ้าไม่ได้ฟังคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และไม่เห็นโทษอะไรเลยถ้าไม่ได้ฟังคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทั้งๆ ที่สิ่งนั้นกำลังมี ก็ไม่รู้ว่าอะไร และก็ไม่รู้ว่า เกิดขึ้นเพราะอะไร และไม่รู้ว่า ผลของการที่เกิดแล้วต่อไปเป็นอะไร
เพราะฉะนั้น ก็คือว่า ถ้ารู้ว่า ชีวิตเต็มไปด้วยความไม่รู้ แต่เมื่อมีผู้ที่ตรัสรู้ทรงแสดง สามารถจะรู้ได้ ก็ฟังด้วยความเคารพ ต้องไม่ลืมคำนี้ ฟังด้วยความเคารพว่า สิ่งที่ได้ฟังเป็นจริงที่ไม่เคยฟังมาก่อน สามารถที่จะเข้าใจว่า เดี๋ยวนี้เป็นอย่างนั้น จนกระทั่งสามารถที่จะรู้ความจริงของสิ่งที่ลึกที่สุดที่กำลังมีเดี๋ยวนี้ได้ นั่นคือประโยชน์ของการฟัง และเข้าใจความลึกซึ้ง
อ.ธีรพันธ์: ครับ ก็จะรู้ว่า เป็นสภาพธรรมที่เกิดขึ้นเพราะมีปัจจัยปรุงแต่งครับ แม้แต่คำว่า ธรรม คำเดียว นี่ก็เข้าใจยาก และก็ยังมีคำว่า สัพเพ อีก คลุมทั้งหมดครอบคลุมทั้งหมดเลยครับ แต่ถึงจะครอบคลุมอย่างไรก็ตาม ทรงแสดง สัพเพ แล้ว แต่ละหนึ่งก็ยังจะไม่ยากที่จะไม่รู้เลยครับ ความยากครับ
ท่านอาจารย์: แต่รู้ได้ใช่ไหม จากการที่เราสนทนากันทีละเล็กทีละน้อยในความลึกซึ้ง
อ.ธีรพันธ์: ทรงแสดงให้เห็นทั้งหมดเลยครับ ทุกอย่างไม่เว้นเลย แสดงถึงความไม่รู้ แม้มีทั้งหมดจะใกล้จะไกลก็ไม่รู้ทั้งหมดเลย ทั้งสัพเพ เห็นความพระปัญญานี่ ถ้าไม่ได้ยินไม่ได้ฟังจะไม่เห็นเลยว่า คำจริงที่จะได้ยินคำ ยากจริงๆ นะครับ และยังยากขึ้นไปตามลำดับอีก ที่กว่าจะ จะสังขารที่ปรุงแต่งนี่ ก็จะคลายจากความยึดถือเป็นไปไม่ได้เลย
ท่านอาจารย์: เพราะฉะนั้น หนทางเดียวที่จะดำรงคำสอนที่มีค่ามีประโยชน์สูงสุด คือเข้าใจให้ถูกต้อง ถ้าหมดความเข้าใจที่ถูกต้อง พระศาสนาก็อันตรธาน ไม่มีใครสามารถที่จะเห็นความลึกซึ้งได้
อ.ธีรพันธ์: ถ้าอันตรธานแล้วก็หมดหวัง สิ้นหวังครับท่านอาจารย์ ไม่มีอะไรที่จะสิ้นหวัง ไม่รู้อะไรที่จะสิ้นหวังด้วยซ้ำไป เพราะว่า ไม่รู้ว่า อะไรจะสิ้นหวัง
ท่านอาจารย์: และ อันตรธาน ก็คืออันตรธานจากความเข้าใจที่ถูกต้องเพราะลึกซึ้ง ก็ประมาท
อ.ธีรพันธ์: ครับ ท่านอาจารย์พูดว่า สำคัญเลยนะครับ ฟังด้วยความเคารพ ก็กราบเท้าท่านอาจารย์ครับ
ขอเชิญคลิกอ่านเพิ่มได้ที่..
สังขารเกิดดับสืบต่อเร็วสุดที่จะประมาณ [อรรถกถาชวนหังสชาดก]
การเกิดดับอย่างรวดเร็วของสังขาร [ธนุคคหสูตรที่ ๖]
ขอเชิญคลิกฟังได้ที่..
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพยิ่งค่ะ
กราบยินดีในกุศลจิตของ อ.ธีรพันธ์ ด้วยความเคารพค่ะ