สนทนาปัญหาสารพัน : ธัมมะ กับ โอ ปวีร์ ตอนที่ 2

 
วันชัย๒๕๐๔
วันที่  24 มี.ค. 2563
หมายเลข  31658
อ่าน  1,986

ในรายการสนทนาปัญหาสารพัน : ธัมมะ กับ โอ ปวีร์ ตอนที่ 1 ที่ผ่านไป คุณโอ ปวีร์ นักร้อง นักดนตรี และนักแต่งเพลงวัยรุ่นที่เป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางของวงการเพลงในปัจจุบันได้มาร่วมสนทนาแบบสบายๆ กับท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ถึงเรื่องราวความเป็นมาในชีวิตกับการได้พบและศึกษาพระธรรมคำสอนที่ถูกต้องของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่น่าสนใจอย่างยิ่ง

สำหรับในตอนที่ 2 (ตอนจบ) นี้ คุณโอ ปวีร์ ได้เล่าถึงการได้มีโอกาสใช้ศิลปะของความเป็นศิลปินผู้มากความสามารถ มาร่วมเจริญกุศลประการต่างๆ ในกิจกรรมการเผยแพร่พระธรรมของมูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนาได้อย่างดียิ่ง ซึ่งนอกจากคุณโอ ปวีร์ จะเป็นผู้หนึ่งที่อาสาสมัครมาช่วยเป็นช่างกล้องบันทึกวีดีโอของรายการบ้านธัมมะและรายการสนทนาปัญหาสารพัน ในวันที่ว่างจากภารกิจการเป็นศิลปินแล้ว คุณโอ ปวีร์ ยังสละเวลามาเป็นนักร้องนำให้กับวงดนตรีบ้านธัมมะ ขับร้องเพลงธรรมะ ประพันธ์ทำนอง เรียบเรียงเสียงประสานบทเพลงธรรมะให้กับวงดนตรีบ้านธัมมะอีกด้วย เพลงไตเติ้ลของรายการสนทนาปัญหาสารพัน ที่แม้จะเป็นเวลาสั้นมากที่สุดเพียงไม่กี่วินาที เป็นตัวอย่างหนึ่งของผลงานการทำดนตรีและการใส่เสียงของคุณโอ ปวีร์ เอง แสดงให้เห็นถึงความสามารถของศิลปินหนุ่มผู้มากความสามารถและมีความเข้าใจธรรมะท่านนี้ได้ดีเป็นอย่างยิ่ง ขอเชิญคลิกชมและฟังความคิด ความเห็นทั้งหมดที่น่าสนใจอย่างยิ่งของศิลปินหนุ่มคนเก่ง โอ ปวีร์ คชภักดี ได้ที่ลิงค์ด้านล่างนี้

ข้อความบางตอนจากการสนทนา :

ผศ.อรรณพ ทีนี้ อยากจะให้พูดถึงว่า ชีวิตเป็นศิลปินเพลง เป็นนักร้อง นักดนตรี ประพันธ์ด้วย อะไรต่ออะไร หลายๆ อย่าง ตอนนี้ก็มีคอนเสิร์ตเยอะทีเดียว ชีวิตความเป็นศิลปิน กับการที่เป็นชาวพุทธที่เราเข้าใจธรรมะนี่ ขัดแย้งหรือว่า...
คุณโอ ปวีร์ ทุกอย่างเป็นธรรมดาไงครับอาจารย์ คือทุกอย่างเป็นปกติ ทุกอย่างเป็นปกติจริงๆ คือมันไม่มีอะไรเปลี่ยนไป ทุกอย่างก็เป็นปกติ เราเข้าใจธรรมะ มันก็ขัดเกลาให้เราแบบ ถ้าเกิดเห็นอะไรมีประโยชน์ เราช่วยเหลืออะไรได้เราก็ช่วย เราก็ไปตามกำลังของปัญญาเรา
แต่ว่าทุกอย่างคือปกติ ผมก็มีหน้าที่เล่นดนตรี หาเงิน คือ ทุกอย่างมันปกติ เราใช้ชีวิตแบบเป็นบุคคลที่ทำมาหากินปกติ แต่ว่า เราก็จะมีความเข้าใจเพิ่มขึ้นด้านธรรมะ เวลาเราเจอใครที่มีความเห็นผิด หรือใครที่ชักชวนอะไรเรา เราก็จะวิ่งห่าง ถอยห่าง แล้วก็ไม่ไปยุ่ง ทำให้ป้องกันความเห็นผิดที่จะเข้ามาหาเราได้

แต่ทุกอย่างก็ "ปกติ" คือ หลายอย่างผมก็เอามาใช้ในงานผมด้วย เช่น คำหลายๆ คำ ซึ่งบางทีมันมีอิทธิพลต่อเรา เช่น คอนเสิร์ตล่าสุดของผม เป็นคอนเสิร์ตเดี่ยวครั้งแรกของผม ผมก็ใช้ชื่อว่า "กาลครั้งหนึ่ง" ซึ่งบางคนในทีมผมเขาอาจจะงง ว่าทำไมมันคือ "กาลครั้งหนึ่ง" แต่สำหรับคำนี้ มันเป็นกาลครั้งหนึ่งซึ่งจะไม่มีอีกแล้ว มันเป็น "ขณะหนึ่ง" ในสังสารวัฏ และจะไม่มีเวลานั้นอีกแล้ว ที่เราจะได้มาอยู่ร่วมกัน มาร้องเพลง มาพบปะกัน ขณะแต่ละขณะ มันล่วงไปแล้ว มันหมดแล้ว มันเป็นเพียงแค่ "กาลครั้งหนึ่ง" ซึ่งในพระธรรม หรือในคำสอนก็ชัดเจน อธิบายจนถึงที่สุดอยู่แล้ว ว่าทำไมถึงเป็นอย่างนั้น ซึ่งเราก็ชอบคำนี้ แล้วก็ขอว่า ผมขอใช้แล้วกันนะ คำนี้ อยากจะให้มันอยู่ในช่วงหนึ่งของชีวิต อย่างน้อยเราได้มีโอกาส มีคอนเสิร์ตสักที คอนเสิร์ตแบบเดี่ยวๆ ของเรา เราก็อยากจะมีคำนี้

ผศ.อรรณพ ตรงนี้ต้องกราบเรียนท่านอาจารย์ครับ ท่านอาจารย์ก็ได้กล่าวคำนี้มาหลายครั้ง "ณ กาลครั้งหนึ่ง" ในความลึกซึ้งของคำนี้ ที่จะเป็นการเข้าใจความจริง คืออย่างไรครับ
ท่านอาจารย์ แสดงว่า เมื่อมีความเข้าใจแล้ว ไม่ว่าขณะนั้นเป็นอะไร "ก็เป็นจริง ครั้งเดียว ในสังสารวัฏ" เพราะฉะนั้น ไม่ต้องกลัวอะไรเลยทั้งสิ้น เพราะเหตุว่า เมื่อมีปัจจัยก็เกิดขึ้น ที่คุณโอกล่าว ก็แสดงถึงความเข้าใจอย่างมั่นคง "ปกติ" แสดงความชัดเจนว่า ใครทำอะไรได้? นอกจากสิ่งนั้นมีปัจจัยเกิดขึ้น เป็นปกติ เป็น "ธัมมะตา" ความเป็นไปของธรรมะ ซึ่งจะต้องเกิดขึ้น เป็นอย่างนั้น จะห้ามไม่ให้มีวงดนตรี คอนเสิร์ต อะไรก็ไม่ได้ ใช่ไหม แต่ "ความเข้าใจพระธรรม" ก็สามารถที่จะติดตามไป ไม่ว่าจะกำลังร้องเพลง กำลังเล่นดนตรี กำลังทำอะไรทั้งหมด เป็นโอกาสของการสะสมความเห็นถูก ซึ่งเราไม่สามารถจะรู้ได้เลยว่า ขณะนั้น จะมีความเข้าใจอะไร เพราะสิ่งนั้นยังไม่เกิดขึ้น แต่พร้อมจะมีความเข้าใจสิ่งนั้น "เมื่อถึงเวลา"

เพราะฉะนั้น ก็เข้าใจคำว่า "ณ กาลครั้งหนึ่ง" ชัดเจน ซึ่งเป็นปกติ แล้วแต่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ความเข้าใจธรรมะก็สามารถจะเข้าใจ เพราะขณะนั้นเป็นความจริง ชั่วหนึ่งขณะ แล้วก็ดับไป ครั้งหนึ่ง

ผศ.อรรณพ เพราะฉะนั้น "ทุกขณะ" ก็เป็น "กาลครั้งหนึ่ง"
ท่านอาจารย์ "ความจริง" ที่คนที่เข้าใจว่า "เป็นปกติของธรรมะ ที่จะต้องเป็นอย่างนั้น ไม่เป็นอย่างอื่น" ก็ทำให้ไม่ต้องขวนขวายไปที่ไหน ที่พยายามจะไปทำให้ปัญญาเกิด ซึ่งเป็นหนทางผิด เพราะเหตุว่า ใครพยายาม? ไม่ใช่ความเข้าใจว่าเป็นอนัตตา แต่เป็นความเป็นตัวตนซึ่งทำ ซึ่งละยากมาก แต่ถ้ามีความเข้าใจ ก็ เป็นปกติ เพราะเกิดแล้ว!! ไม่ให้เกิดไม่ได้เลย

ผศ.อรรณพ ทุกอย่างเป็นธรรมะจริงๆ แล้วก็เป็นธรรมะในแต่ละขณะที่ธรรมะนั้นเกิด
ท่านอาจารย์ อยู่ที่ความเข้าใจเท่านั้น พร้อมเมื่อไหร่จึงเกิด ถ้ายังไม่พร้อม ไปทำสักเท่าไหร่ ก็เกิดไม่ได้!!
ผศ.อรรณพ จริงๆ ทุกขณะก็เป็น "กาลครั้งหนึ่ง" ของแต่ละทุกขณะหมดเลย เพียงแต่ว่าถ้าไม่ได้ฟังพระธรรม ก็ไม่ได้รู้อย่างนั้น
ท่านอาจารย์ เพราะฉะนั้น แม้แต่ "ความคิด" ที่จะมีคอนเสิร์ตชื่อนี้ เห็นไหม? เกิดขึ้นมาได้อย่างไร ถ้าไม่มีความเข้าใจพระธรรม ในเรื่องครั้งหนึ่ง "หนึ่ง" จริงๆ
ผศ.อรรณพ เป็นชื่อคอนเสิร์ตที่ลึกซึ้งที่สุด
ท่านอาจารย์ แต่คนที่ไปฟังคอนเสิร์ตไม่รู้ว่า คนที่ทำ มีความเข้าใจธรรมะลึกซึ้งแค่ไหน
ผศ.อรรณพ ผมก็ซาบซึ้ง แล้วก็คงจะมีแฟนเพลงของคุณ ซึ่งกำลังจะเป็นนิสิตนักศึกษาของผม ถ้าเขาได้เข้าใจอย่างนี้ เผื่อเขาจะได้ ณ กาลครั้งหนึ่ง คือแต่ละขณะที่ผ่านไป เป็นธรรมะหมดเลย อันนี้รังสรรค์ออกมาจากศิลปิน โอ ปวีร์ ที่ฟังพระธรรมแล้วเข้าใจ แม้ชื่อคอนเสิร์ต ก็ขอแฝงพระธรรม ความจริงถึงที่สุดในความเป็นธรรมะไว้ ในชื่อว่า คอนเสิร์ต กาลครั้งหนึ่ง
ท่านอาจารย์ แล้วก็ "กาลครั้งหนึ่ง" นี่ "แต่ละหนึ่ง" นะคะ กาลครั้งหนึ่งที่ได้บูชาคุณด้วยการร้องเพลงที่พระวิหารเชตวัน และพระคันธกุฎีด้วย!!

คุณโอ ปวีร์ ใครที่เคยฟังเพลงผม ยังไงอยากให้ลองฟังพระธรรมดู ลองศึกษาความจริง เพราะคนที่บอกตัวเองว่า เราเป็นพุทธศาสนิกชน แต่เรายังไม่เข้าใจอะไรเลย เรายังเชื่อตามคำพูดของทุกคน โดยไม่มีคำตอบของตัวเอง ผมว่าเราลองพิจารณาดู เราลองหาคำตอบจริงๆ ดูว่า สิ่งที่เขาบอกเรา สิ่งที่เขาทำอยู่นั้น ถูกต้องหรือเปล่า? เราควรเชื่อหรือเปล่า? ถ้าเราไม่ควรเชื่อ เราควรเชื่ออะไร? ผมอยากให้ทุกคนลองศึกษาพระธรรมคำสอนดู เพราะว่าตอนนี้ (คำสอน) ทุกอย่างยังคงอยู่ ยังมีพระธรรมให้ทุกคนได้ศึกษาอยู่จริงๆ

ตอนนี้ที่มูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนามีข้อมูล มีคำอธิบายต่างๆ ให้ทุกคนได้ศึกษา แล้วก็มีสื่อมากมายเลย ทั้งเวปไซต์ของมูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา www.dhammahome.com ก็มีข้อมูลทุกอย่างให้ทุกคนได้ศึกษา สามารถสอบถามได้ แล้วก็จะมีวิทยากรมาตอบคำถามให้ทุกคน ยังไงลองศึกษาดู เพื่อความเข้าใจ เพื่อความเข้าใจจริงๆ ลองเปิดใจดู ลองวางสิ่งที่ตัวเองคิดว่าถูก วางก่อน แล้วลองศึกษาดูว่า พระพุทธเจ้า พระองค์สอนอะไร? สอนสิ่งที่ไกลตัวหรือเปล่า? สอนสิ่งที่ลึกลับ? หรือสิ่งที่มหัศจรรย์อะไรหรือเปล่า? หรือว่า พระองค์สอนสิ่งที่กำลังมีอยู่ขณะนี้ แล้วพระองค์สอนว่าอะไร? ทุกอย่างมีคำตอบให้ทุกคน ผมอยากให้ทุกคนลองศึกษาดู แล้วก็หวังว่าเราจะเจอกันที่มูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา

ท่านอาจารย์ ค่ะ แล้วก็ได้เป็นชาวพุทธ ไม่ว่าจะเป็นนักดนตรีหรือเป็นอะไรก็ตามแต่

ขอเชิญคลิกชมตอนอื่นๆ ได้ที่ลิงค์ด้านล่าง...

- รายการสนทนาปัญหาสารพัน รายการใหม่ของมูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา
- สนทนาปัญหาสารพัน : แรงงานพม่า สะท้อนปัญหาชาวพุทธ
- สนทนาปัญหาสารพัน : ๑๐ ปีที่เสียไป เปิดใจอดีตแม่ชี พญ.ธิดา คงจรรักษ์
- แม่ชีคือใคร?
- สนทนาปัญหาสารพัน : เกือบจะหย่า กว่าจะเข้าใจพุทธวจน ๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๒
- สนทนาปัญหาสารพัน : รู้ความจริง ทิ้งสิ่งที่ผิด
- สนทนาปัญหาสารพัน : อดีตแม่ชีวิปัสสนาจารย์เผยวิกฤตการณ์ชาวพุทธ
- อาจารย์สุจินต์ เป็น คริสต์หรือ?
- สนทนาปัญหาสารพัน : ที่พึ่งที่แท้จริง
- สนทนาปัญหาสารพัน : แสงธรรมส่องถึง L.A. [ตอนแรก]
- สนทนาปัญหาสารพัน : เข้าใจโลกธรรม
- สนทนาปัญหาสารพัน : พบพระธรรมเพราะถูกห้าม
- สนทนาปัญหาสารพัน : แสงธรรมส่องถึง L.A. [ตอนจบ]
- สนทนาปัญหาสารพัน : ชาวใต้ใฝ่ความจริง
- สนทนาปัญหาสารพัน : อีกมุมหนึ่งของ นก ศิขรินธาร
- สนทนาปัญหาสารพัน : ธัมมะ กับ โอ ปวีร์ ตอนที่ 1
- สนทนาปัญหาสารพัน : สาระ ใต้ร่มสาละ
- สนทนาปัญหาสารพัน : พุทธศาสนาในแคลิฟอร์เนีย


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
Nattaya40
วันที่ 24 มี.ค. 2563

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
bkitiphorn
วันที่ 24 มี.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
Selaruck
วันที่ 28 มี.ค. 2563

กราบแทบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์เหนือเกล้า

กราบขอบคุณและอนุโมทนาอาจารย์อรรณพและคุณโอยิ่งค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
ธนฤทธิ์
วันที่ 1 เม.ย. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
Bunma
วันที่ 31 พ.ค. 2566

อนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ