ธรรมะที่จะเกิด ต้องอาศัยกันและกันเกิด - การเกิดของรูป
ผู้ถาม ครั้งก่อนที่ได้ฟังรายละเอียดของรูป ก็มีความรู้เพิ่มขึ้นว่า รูปอย่างน้อยต้องเกิดร่วมกันเป็นกลุ่ม ทีนี้ก็มีความสงสัยว่า ลักษณะของรูปที่เกิดรวมกันเป็นกลุ่ม แต่เวลาปรากฏทางหนึ่งทางใด จะปรากฏแต่ละลักษณะ
สุ. ธรรมะที่จะเกิด ต้องอาศัยกันและกันเกิด จะไม่มีสภาพธรรมเกิดเพียงอย่างเดียวโดดเดี่ยว แต่ต้องมีสภาพธรรมที่เกิดร่วมด้วย เช่น จิต ก็มีเจตสิกเกิดร่วมด้วย สำหรับรูปก็เช่นเดียวกัน แม้รูปที่เป็นใหญ่ เป็นประธาน คือ มหาภูตรูป ก็มี ๔ รูปที่อาศัยกันและกันเกิดขึ้น คือมีธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุไฟ ธาตุลม ขาดธาตุหนึ่งธาตุใดไม่ได้เลย ตรงนี้พอเข้าใจ แต่นอกจากนั้นรูปไม่ได้มีเพียงธาตุดิน น้ำ ไฟ ลม แต่ยังมีรูปอื่นๆ ด้วย แล้วรูปอื่นๆ นั้นอยู่ที่ไหน อยู่ลอยๆ ได้ไหม
ผู้ถาม ไม่ได้
สุ. เพราะฉะนั้นก็ต้องอาศัยมหาภูตรูป เกิดกับมหาภูตรูป จึงใช้คำว่า “อุปาทารูป” หรือ “อุปาทายรูป” เมื่อได้ยินคำนี้ สงสัยอีกไหม ถ้าเข้าใจแล้วไม่สงสัย แต่เมื่อได้ยินคำ ไม่รู้คำแปล ไม่รู้ความหมาย จึงสงสัย แต่ถ้าเข้าใจลักษณะของรูป จะไม่สงสัยเลย คำว่า “อุปาทายรูป” ไม่ใช่มหาภูตรูป และรูปที่เป็นมหาภูตรูป มีเพียง ๔ รูป เพราะฉะนั้นรูปอื่นทั้งหมด จะมีจำนวนเท่าไรก็ตามแต่ ก็เป็นอุปาทายรูป พอเข้าใจใช่ไหม เสียงมองเห็นไหม?
ผู้ถาม มองไม่เห็น
สุ. กลาปของเสียง จะมีเสียงโดยที่ไม่มีธาตุดิน น้ำ ไฟ ลม ได้ไหม
ผู้ถาม ไม่ได้
สุ. เมื่อมีธาตุดิน น้ำ ไฟ ลม ต้องมีอุปาทายรูปอีก ๔ รูปขาดไม่ได้เลย รวมเป็น "อวินิพโภครูป ๘" หมายความว่ารูป ๘ รูป ไม่ได้แยกจากกันเลย เกิดพร้อมกันและดับพร้อมกันด้วย ฉะนั้นสำหรับเสียงก็จะต้องมีที่ตั้งของเสียงจึงต้องมีมหาภูตรูป ๔ ธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุไฟ ธาตุลม และต้องมีสี มีกลิ่น มีรส มีโอชาด้วย และเวลาที่มีเสียง ก็มีเสียงเพิ่มขึ้นอีก ๑ รูป เพราะฉะนั้นในกลาป หรือในกลุ่มของรูปที่เป็นเสียง ก็จะต้องมี ๙ รูป ธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุไฟ ธาตุลม สี กลิ่น รส โอชา และเสียง
สำหรับโสตปสาทรูปเป็นรูปที่สามารถกระทบเสียง จะมีรูปอะไรอยู่ตรงนั้นไม่สำคัญเลย ปรากฏไม่ได้ เพราะไม่ได้กระทบกับปสาทที่จะสามารถปรากฏได้ ถ้าเป็นอ่อนหรือแข็ง ก็สามารถกระทบกับกายปสาท กลิ่นปรากฏได้ไหมคะ แม้ว่ามีกลิ่น ก็ไม่ได้ แม้ว่ามีรส รสปรากฏกับกายปสาทได้ไหม (ไม่ได้) เพราะเหตุว่ากายปสาทเป็นรูปที่สามารถกระทบเฉพาะลักษณะที่เย็นหรือร้อน อ่อนหรือแข็ง ตึงหรือไหวเท่านั้น ฉันใด เมื่อที่เสียงปรากฏ แม้ว่าจะมีรูปรวมกันที่นั่น ๘ รูปที่เป็นอวินิพโภครูป และเสียงอีก ๑ ก็ตามแต่ แต่โสตปสาทรูปสามารถกระทบเฉพาะเสียง เพราะฉะนั้นเสียงจึงปรากฏ อย่างอื่นไม่ปรากฏ แม้ว่าจะมีอยู่ในที่นั้น
ผู้ถาม โสตปสาทรูปก็ต้องมีอวินิพโภครูป ๘ เกิดร่วมด้วยใช่ไหม
สุ. ถูกต้อง แปลว่ามีความเข้าใจแล้วว่า อย่างไรๆ ก็ตามต้องมีมหาภูตรูป ๔ และมีอุปาทายรูปอีก ๔ เป็น ๘ รูป เพราะฉะนั้นกลุ่มของรูปที่มีโสตปสาทรูป ก็มี ๘ รูปที่เป็นอวินิพโภครูป และมีโสตปสาทรูป ๑ และชีวิตินทรียรูปอีก ๑ เพราะเป็นรูปที่เกิดจากกรรม รูป รูปใดก็ตามที่เกิดจากกรรม จะเป็นรูปที่ต่างจากรูปอื่น อ่อนหรือแข็งที่เกิดจากอุตุ อย่างเช่นต้นไม้ใบหญ้า เวลาที่ไม่เป็นรูปที่เกิดจากกรรมจะไม่มีชีวิตินทรียรูป เพราะฉะนั้นกรรมทำให้รูปนั้นพิเศษต่างหากจากรูปอื่น รูปอื่นไม่ใช่รูปที่ทรงชีวิตหรือมีชีวิตเหมือนกับรูปที่เกิดเพราะกรรม ฉะนั้นกลุ่มใดของรูปก็ตามในร่างกายก็มีรูปบางกลุ่มที่เกิดจากกรรม บางกลุ่มเกิดจากจิต บางกลุ่มเกิดจากอุตุ (ความเย็นร้อน) และบางกลุ่มเกิดจากอาหาร เฉพาะกลุ่มของรูปที่เกิดจากกรรมเป็นสมุฏฐานเท่านั้นที่ต้องมีชีวิตินทรียรูปรวมอยู่ด้วย เพราะฉะนั้นในกลุ่มของโสตปสาทรูปจึงมี ๑๐ รูป เรียกว่า โสตทสกะ จากนี้เมื่อได้ยิน “โสตทสกะ” ก็ไม่สงสัยเลย ทสกะ หมายความถึงรูปที่มีโสตปสาทรูปในกลุ่มในกลาปนั้นมีทั้งหมด ๑๐ รูป
ผู้ถาม แต่รูปที่สามารถกระทบเสียงก็มีเพียง ๑ รูป
สุ. แน่นอน
ผู้ถาม การศึกษาและเข้าใจถูกต้องในส่วนละเอียด จะเกื้อกูลอย่างไร
สุ. เป็นคุณสุกัญญาหรือว่าเป็นธรรมะ
ผู้ถาม เป็นธรรมะ
สุ. โสตปสาทรูปเป็นคุณสุกัญญาหรือเป็นธรรมะ
ผู้ถาม เป็นธรรมะ
สุ. อ่อนแข็งเป็นคุณสุกัญญา หรือเป็นธรรมะ
ผู้ถาม เป็นธรรมะ
สุ. เพราะฉะนั้นพระธรรมทั้งหมดทรงแสดง ๔๕ พรรษา จากการที่ทรงบำเพ็ญพระบารมี ๔ อสงไขยแสนกัป เพื่อรู้ความจริงของธรรมะว่าไม่ใช่ตัวตน ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล
ที่มา ...