กำลังศึกษาให้เข้าใจสิ่งที่มีจริง ว่าเป็นธรรมะ


        ผู้ฟัง ความรู้ตอนนี้ก็คือทุกๆ สิ่งที่ปรากฏ

        ท่านอาจารย์ เพราะฉะนั้นฟัง หรืออ่านธรรมะเพื่อให้เข้าใจความจริงของสิ่งที่มีจริงที่ปรากฏ ต้องฟังเพลงไหมระหว่างนั้น

        ผู้ฟัง ไม่ใช่ ไม่ได้หมายถึงอย่างนั้น หมายความว่าเวลาฟังธรรมะของท่านอาจารย์ แล้วจะอ่านหนังสือธรรมะ หรือจะอ่านหนังสืออะไรก็ตาม จะไม่รู้เรื่องเลย

        ท่านอาจารย์ ขณะนี้กำลังฟัง เข้าใจใช่ไหม

        ผู้ฟัง เข้าใจ

        ท่านอาจารย์ พูดเหมือนกับในหนังสือ หรือว่าต่างกัน

        ผู้ฟัง เหมือน

        ท่านอาจารย์ เพราะที่จริงขณะที่อ่านหนังสือ ต้องไม่ลืมว่า ทางตาเห็นเส้นมากมายเลย แต่ความจำ จำเสียง เพราะฉะนั้นขณะนี้กำลังได้ยินเสียง เมื่อไปเจอหนังสือ เหมือนเสียงไหม

        ผู้ฟัง ไม่เหมือน

        ท่านอาจารย์ เช่นคำว่า “ธรรมะ” กำลังได้ยินคำว่า “ธรรมะ” และเวลาในหนังสือมีคำว่า “ธรรมะ” ตัวที่เห็น เสียงเป็นธรรมะ หรือไม่ ออกเสียงของตัวนั้นเป็นธรรมะ หรือไม่

        ผู้ฟัง ไม่ใช่

        ท่านอาจารย์ ทำไมไม่ใช่ แล้วเป็นอะไร

        ผู้ฟัง เป็นเห็น

        ท่านอาจารย์ ไม่มีความหมายที่เป็นเสียงใดๆ เลย หรือ

        ผู้ฟัง มี

        ท่านอาจารย์ เพราะฉะนั้นแสดงให้เห็นว่า ขณะนี้กำลังฟังเสียง ถูกต้องไหม

        ผู้ฟัง ถูกต้อง

        ท่านอาจารย์ และเวลาได้ยินคำว่า “ธรรมะ” และเวลาที่อ่านคำว่า “ธรรมะ” มีเสียงธรรมะเป็นคำที่ส่องถึงเสียงนั้น ไม่ใช่เสียงอื่น ใช่ไหม แต่ปรากฏทางตา แต่คำที่อ่านทั้งหมด ส่องถึงเสียงทุกคำ เพราะฉะนั้นเหมือนฟังไหม เพียงแต่ว่าไม่ได้อาศัยโสตปสาท แต่อาศัยตาทำให้นึกถึงเสียงที่เคยได้ยินได้ฟ้ง ถ้าขณะนี้เข้าใจคำว่า “ธรรมะ” เวลาที่เจอคำว่า “ธรรมะ” ในหนังสือต่างกัน หรือเหมือนกัน (เหมือนกัน) ก็ต้องเข้าใจเหมือนกัน เพียงแต่คนละทวาร คนละทาง แต่ก็เป็นเรื่องของสัญญา ความจำเสียงนั้นเอง แต่ไม่ใช่จำเฉยๆ โดยไม่มีความหมาย หรือไม่มีความเข้าใจ จำด้วยความเข้าใจ จะต่างกับการที่เพียงจำคำโดยไม่เข้าใจ อย่างธรรมะ ใครๆ ก็พูดได้ แต่เข้าใจความหมาย หรือตัวธรรมะ หรือไม่

        เพราะฉะนั้นการศึกษาธรรมะ ก็คือเข้าใจจริงๆ ว่า กำลังศึกษาให้เข้าใจสิ่งที่มีจริง ว่าเป็นธรรมะ ที่ไม่ใช่เรา ไม่ใช่สิ่งหนึ่งสิ่งใดเลย แต่เป็นธรรมะลักษณะต่างๆ เป็นธาตุแต่ละชนิดซึ่งมีปัจจัยจึงเกิดได้ แล้วก็ดับไป ให้เห็นความไม่เที่ยง ให้เห็นการที่กว่าจะได้รู้ความจริงอย่างนี้นานไหม ถ้าเป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าที่จะตรัสรู้ด้วยพระองค์เองอย่างเร็ว เพราะยิ่งด้วยปัญญา ๔ อสงไขยแสนกัป เพราะฉะนั้นสิ่งที่มีจริงทั้งหมด ใครมีโอกาสจะได้ยินได้ฟังบ้าง ทุกคน หรือไม่

        ผู้ฟัง ไม่ แล้วแต่การสะสม

        ท่านอาจารย์ ถ้าไม่เคยสะสมมาที่จะมีฉันทะ ที่จะมีศรัทธา ที่จะเห็นประโยชน์ที่จะฟังต่อไปอีกให้เข้าใจขึ้น ก็ไม่สามารถไปฝืนได้ เพราะไม่ได้สะสมมา แม้ได้ยินก็ยังไม่ฟัง นี่ก็แสดงให้เห็นว่า การได้ยินได้ฟังต้องมีเหตุปัจจัยด้วย เพราะฉะนั้นจะเห็นค่าของพระธรรมที่สูงกว่าสิ่งอื่นใดทั้งหมด เป็นรัตนะที่เหนือสิ่งใด ถ้ามีความเข้าใจจริงๆ แล้ว ใครเอาเงินทองทรัพย์สินมาแลก ยอมแลกไหม ถามดูจริงๆ ให้กลับไปไม่รู้อย่างเดิม

        ผู้ฟัง ไม่เอา

        ท่านอาจารย์ ให้ไม่รู้เลยสักคำ ได้ยินคำว่า “ธรรมะ” ก็ไม่รู้ เอาไหม

        ผู้ฟัง ไม่เอา

        ท่านอาจารย์ เพราะฉะนั้นนี่ก็แสดงให้เห็นถึงการรู้ค่าของพระธรรม และการที่จะบูชาพระรัตนตรัย ไม่ใช่ด้วยดอกไม้ธูปเทียนเท่านั้น ทุกคำที่เป็นคำจริงที่กล่าวเป็นการบูชาพระคุณของพระรัตนตรัย และแม้แต่การฟังด้วยความเคารพ ด้วยความเข้าใจขึ้น นั่นคือการบูชาสูงสุด ไม่ใช่อย่างอื่นเลย เพราะว่าจุดประสงค์ที่ทรงบำเพ็ญพระบารมีไม่ใช่เพื่อรับดอกไม้ธูปเทียน แต่เพื่อที่จะให้ผู้ที่ไม่เคยเข้าใจธรรมะ ได้มีโอกาสเข้าใจขึ้น จนสามารถดับกิเลสได้ เพราะฉะนั้นธรรมะไม่ใช่ผ่านไป หรือคิดว่าอ่านแล้วไม่เข้าใจ แต่ต้องรู้ว่าอ่านเพื่ออะไร และอ่านอะไร และเข้าใจอะไร

        ที่มา ...

        พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 365


    หมายเลข 12881
    28 ธ.ค. 2566