การอบรมเจริญปัญญา ขาดความเข้าใจขั้นการฟังไม่ได้


        ท่านอาจารย์ เพราะฉะนั้นการที่เคยเป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใดที่รวมกันตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า เป็นคน เป็นเรา หรือว่าจะเป็นวัตถุสิ่งหนึ่งสิ่งใดก็ตามแต่ ก็รวมกันแล้ว ไม่ได้รู้ความจริงว่าแท้ที่จริงแล้ว ลักษณะของสภาพธรรมทั้งหมดเลยเกิดปรากฏทีละอย่าง ไม่ปะปนกัน แล้วก็สามารถประจักษ์ความจริงแบบนี้ได้ เพราะฉะนั้นก็จะเห็นได้ว่า เรื่องของการอบรมเจริญปัญญาจะขาดความเข้าใจในขั้นการฟังไม่ได้เลย และจะรีบร้อนไปปฏิบัติไหม

        ผู้ฟัง ไม่

        ท่านอาจารย์ เพราะว่าไม่สามารถมีสติสัมปชัญญะเกิดตามความต้องการได้ แต่ต้องมีปัจจัย ทุกอย่างที่จะเกิดต้องมีปัจจัย เช่นขณะนี้เห็นเกิดเพราะมีปัจจัย ได้ยินเกิดเพราะมีปัจจัยฉันใด สติสัมปชัญญะ และปัญญาที่จะเจริญขึ้นก็ต้องมีปัจจัยด้วย ต้องเป็นผู้ฟังเข้าใจ และเป็นผู้ตรงต่อความจริงว่ามีความเข้าใจระดับไหน ระดับนี้ยังไม่รู้ลักษณะของสภาพธรรมที่เป็นธรรมะที่เกิดดับ ด้วยเหตุนี้วิปัสสนาภาวนาไม่ใช่การไปทำด้วยความต้องการ แต่ปัญญาที่เจริญขึ้นตามลำดับ ตั้งแต่ขั้นฟังจนกระทั่งสติสัมปชัญญะเกิดรู้ลักษณะของสภาพธรรมที่ต่างกันเป็นแต่ละลักษณะที่ปรากฏพร้อมกันไม่ได้ แล้วปฏิเวธ การประจักษ์แจ้งความจริงของสภาพธรรมนั้นจึงสามารถที่จะมีได้

        เป็นเรื่องของปัญญา เราจะข้ามปัญญาไม่ได้เลย แม้ว่าจะนำไปสู่ปัญญาก็เพราะมีปัญญาในขั้นต้น ถ้าวันนี้ไม่มีปัญญาที่เกิดจากความเข้าใจ หรือขณะนี้ไม่เข้าใจแล้วปัญญาไหนจะเจริญขึ้น จึงต้องเป็นเรื่องของปัญญาตั้งแต่ต้น แล้วแต่ว่าจะมากจะน้อย และระดับไหน ถ้าปัญญาขั้นฟังก็หมายความว่าฟังเข้าใจ และก็จะรู้ได้ว่า ฟังเข้าใจเข้าใจระดับจำชื่อ เขาบอกว่า หรือว่าลักษณะนั้นเป็นอย่างที่ได้ยินได้ฟังมาตามความเป็นจริง เพราะฉะนั้นจะขาดปัญญาไม่ได้เลย แม้จะเจริญก็ต้องมีปัญญาในขั้นต้น ถ้าปัญญาขั้นต้นไม่มี เจริญไม่ได้ เอาอะไรไปเจริญ

        ที่มา ...

        พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 365


    หมายเลข 12880
    28 ธ.ค. 2566