อินเดีย 2559 (5) บูชายัญ คือ บูชาพระพุทธเจ้าที่เมืองปัตนะ
18 พ.ย. 2559

พระบรมสารีริกธาตุที่พิพิธภัณฑ์เมืองปัตนะ
วันที่ 18 พ.ย. 2559 ทั้งสามกลุ่ม สองร้อยกว่าท่าน มาอยู่พร้อมกันที่เมืองปัตนะ เมืองที่อดีตเคยเป็นเมืองหลวงของพระเจ้าอโศกมหาราช และ เป็นที่ทำสังคายนา ครั้งที่ 3 ท่านอาจารย์พักที่โรงแรมโมลิยะ และเช้า ก็จะมีสนทนาธรรมที่โรงแรม รวมทั้งใครไม่สนทนาธรรมก็พาไปชมสถานที่ทำสังคายนาครั้งที่ 3 ที่ วัดอโศการาม
ตอนบ่ายก็จะเดินทางไปนมัสการพระบรมสารีริกธาตุที่พิพิธภัณฑ์เมืองปัตนะ ที่เป็นพระบรมสารีริกธาตุที่เคยเป็นของเจ้าลิจฉวี กษัตริย์เมืองเวสาลี ซึ่งต่อมา ทางรัฐบาลอินเดีย ขุดค้นพบและได้นำมาประดิษฐาน ณ พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ ซึ่งตั้งแต่ไปอินเดียของคณะชมรมบ้านธัมมะ มศพ. ยังไม่เคยมานมัสการ ณ สถานที่นี้เลย จึงนับว่าเป็นโอกาสที่ดีของการเดินทางมาอินเดียครั้งนี้ ขอนำภาพและสาระธรรม ถอดมาเป็นตัวอักษรจากการฟังคำบรรยายในการสนทนาที่โรงแรม โมลิยะ เมืองปัตนะ รวมทั้งเรื่องราวของพระเจ้าอโศกมหาราชในพระไตรปิฎก

@ ธรรม คือ สิ่งที่มีจริง เดี๋ยวนี้มีไหม มี รู้ความจริงหรือยัง แต่ เราศึกษาเพื่อเข้าใจความจริง

@ สิ่งที่มีจริง มี ก็ไม่รู้ ไม่รู้ตั้งแต่เกิด จนกว่าจะได้ฟังพระธรรมจากพระพุทธเจ้า

@ ฟังแล้ว ไม่ใช่ ไม่ฟังซ้ำอีก แต่ฟังเพื่อเตือน ย้ำความเข้าใจ

@ พระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงมีคุณ ใครรู้คุณ คือ ผู้ที่ศึกษาเข้าใจพระธรรม แต่ ไม่ศึกษาพระธรรมแต่ไปสวดมนต์ ผู้นั้นรู้คุณหรือเปล่า


@ ต่อเมื่อเข้าใจพระธรรมจึงรู้คุณของพระองค์และระลึกถึงพระคุณ แต่ไม่ใช่ไปสวดมนต์ เพราะ ไม่ได้รู้คุณ เพราะไม่เข้าใจพระธรรม



@ พระพุทธเจ้าไม่ให้ไปสวดมนต์ สวดมนต์ เข้าใจคำอะไรที่สวดหรือเปล่า หรือ เข้าใจแค่ชื่อ แต่ไม่เข้าใจพระธรรม

พระเจ้าอโศกมหาราชทรงสร้างวัดและเจดีย์
พระเจ้าอโศกมหาราช มีความเลื่อมใสในพระพุทธศาสนาอย่างยิ่ง วันหนึ่ง ... พระราชา ทรงถวายมหาทาน อยู่ที่ อโศการาม ทรงตรัสถามปัญหาท่ามกลางพระภิกษุสงฆ์ว่า
"ข้าแต่ท่านผู้เจริญ ชื่อว่า พระธรรมที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงแล้ว มีประมาณเท่าไร.? "พระสงฆ์ถวายพระพรว่า"มหาบพิตร ชื่อว่า พระธรรมที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดงแล้วมี ๘๔๐๐๐ พระธรรมขันธ์"

พระราชา เมื่อทราบว่าพระธรรมวินัยของพระพุทธเจ้ามี ๘๔๐๐๐ พระธรรมขันธ์ทรงรับสั่งว่า เราจักบูชาพระธรรมขันธ์ แต่ละขันธ์ ด้วยวิหารแต่ละหลัง จึงโปรดให้สร้างวิหารและเจดีย์ไว้ในนครต่างๆ จนครบ ๘๔๐๐๐ แห่งทั่วชมพูทวีปส่วนพระองค์เอง ทรงสร้างพระวิหารในเมือง ปาฏลีบุตร ชื่อว่า อโศการาม โดยมี ท่านพระอินทคุตตเถระ ผู้มีฤทธิ์มาก มีอานุภาพมาก ผู้สิ้นอาสวะแล้วเป็นผู้ดำเนินการก่อสร้าง และเสร็จสิ้นลงภายใน ๓ ปี
เมื่อสร้างวิหารเสร็จแล้ว พระราชาตรัสถามพระภิกษุสงฆ์ ว่า"โยมให้สร้างวิหาร ๘๔๐๐๐ แห่ง แล้ว จักได้พระบรมสารีริกธาตุมาแต่ไหนเล่า"
ภิกษุสงฆ์ทูลว่า สถานที่เก็บพระบรมสารีริธาตอยู่ในกรุงราชคฤห์นี้แต่ไม่ทราบว่าอยู่ที่ไหน พระราชารับสั่งให้รื้อพระเจดีย์ในกรุงราชคฤห์แต่ก็ไม่พบ ทรงให้ทำพระเจดีย์ กลับคืนดีอย่างเดิม แล้วทรงพาเหล่าพุทธบริษัท ๔ ไปยังเมืองต่างๆ ในที่ทุกแห่งที่เสด็จไป ก็ไม่ได้พบพระบรมสารีริกธาตุเลย

พระราชา รับสั่งให้ประชุมพุทธบริษัท ๔ แล้วตรัสถามว่าผู้ใด ทราบเรื่องสถานที่เก็บพระบรมสารีริกธาตบ้าง ที่ประชุมนั้น มีพระเถระรูปหนึ่ง อายุ ๑๒๐ ปี กล่าว่าเมื่ออาตมภาพอายุ ๗ ขวบพระมหาเถระผู้บิดาของอาตมภาพได้ใช้ให้อาตมภาพถือหีบมาลัย แล้วสั่งว่า มานี่ สามเณรในระหว่างกอไม้ ทางทิศอาคเนย์ มีสถูปหินอยู่ เราจักไปสักการะบูชากันในที่นั้น อาตมภาพรู้แต่เพียงเท่านี้
พระราชาตรัสว่า ที่นั้นแหละ แล้วมีรับสั่ง ให้ตัดกอไม้นำสถูปหิน และดินที่กลบไว้ออก เห็นเป็นพื้น โบกปูนเอาไว้จึงรับสั่งให้ทำลายปูนที่โบกไว้ และแผ่นอิฐ ตามลำดับ แล้วทอดพระเนตรเห็นทรายรัตนะ ๗ ประการ และรูปหุ่นยนต์กำลังถือดาบเดินวนเวียนอยู่ ท้าวเธอ รับสั่งให้เซ่นสรวงก็ยังไม่เห็น จึงทรงนมัสการเทวดาทั้งหลาย ตรัสว่า เมื่อข้าพเจ้ารับพระบรมสารีริกธาตุแล้วจะนำไปบรรจุในวิหาร ๘๔๐๐๐ แห่ง เพื่อกระทำการสักการะ ขอเทวดา อย่าทำอันตรายแก่ข้าเจ้าเลย

ขณะนั้น ท้าวสักกะเทวราช ทรงเห็นพระเจ้าอโศกแล้ว ทรงเรียก พระวิสสุกรรมเทพบุตร มาสั่งว่า พ่อเอ๋ย พระธรรมราชาอโศกจักนำพระบรมสารีริกธาตุ ไปเผยแผ่ แก่ชาวโลก เธอจงลงไปสู่บริเวณนั้น แล้วทำลายรูปหุ่นยนต์เสีย.วิสสุกรรมเทพบุตร แปลงเพศ เป็นเด็กชาวบ้านไว้จุก ยืนถือธนูตรงพระพักตร์ของพระเจ้าอโศก ทูลว่า ข้าจะนำไป มหาราช พระราชาตรัสว่า นำไปสิ

พ่อ วิสสุกรรมเทพบุตรจับศรยิงไปที่สลักบังคับหุ่นยนต์ ทำให้ทุกอย่างกระจายไป
ครั้งนั้น พระราชาทอดพระเนตรเห็นแท่งแก้วมณี มีอักษรจารึกว่า ในอนาคตกาลให้พระเจ้าแผ่นดินถือเอาแก้วมณี แท่งนี้ ทำลายดวงตรา พระราชากระทำตาม ทรงเปิดประตู แล้วเสด็จเข้าไปบูชาพระบรมสารีริกธาตุภายในสถานที่นั้น ดวงประทีปที่ตามไว้ เมื่อเริ่มสร้างสถูป ก็ยังโพลงอยู่เช่นเดิม
ดอกบัวขาบ ก็เหมือนเพิ่งนำมาวางไว้ในขณะนั้น เครื่องหอม ก็เหมือนมีผู้นำมาวางไว้ เมื่อครู่นี้เองพระเจ้าอโศก ทรงถือแผ่นทองคำที่จารึกเอาไว้ว่า ในอนาคตกาล ครั้งพระกุมาร พระนาม ว่า อโศกจักเถลิงถวัลย์ราชสมบัติ เป็นพระธรรมราชาท้าวเธอ จักทรงกระทำพระบรมสารีริกธาตุ เหล่านี้ให้แพร่หลายออกไป
พระราชากระพุ่มพระหัตถ์ ทรงกระทำอัญชลี ด้วยปีติโสมนัส จากนั้นได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุทั้งหมดออกมา แล้วปิดเรือนพระบรมธาตุไว้ ทรงทำทุกแห่งให้ปกติดังเดิมแล้วโปรดให้ประดิษฐานปาสาณเจดีย์ (สถูปหิน) ไว้ข้างบน
พระเจ้าอโศกมหาราช ได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุบรรจุไว้ในพระเจดีย์ ทั้งสิ้น ๘๔๐๐๐ องค์ ทั่วชมพูทวีปเสร็จแล้ว ก็ได้เตรียมการฉลองอย่างโอฬาร รับสั่งให้ประชาชน สมาทานศีล ๘ โดยมีพระประสงค์ จะทำการฉลองพระอาราม และ พระเจดีย์ให้ครบ ๗ ปี ๗ เดือน ๗ วัน
พระราชาประทับที่อโศการาม ทอดพระเนตรดูการฉลองพระวิหาร ที่รุ่งโรจน์ ด้วยการบูชาสักการะ ของมหาชนด้วยความปีติ ปราโมทย์

พิพิธภัณฑ์ เมืองปัตนะ

เดินทางเข้าไปที่พิพิธภัณฑ์ น้อมจิตบูชาพระพุทธเจ้า
ทางพิพิธภัณฑ์ ใส่กุญแจล็อคอย่างดี สำหรับห้องที่มีพระบรมสารีริกธาตุ


กล่าวบูชาพระพุทธเจ้า นโมตัสสะ สามครั้ง
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธัสสะ
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธัสสะ
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธัสสะ

พระผู้มีพระภาคเจ้า ตรัสว่า ดูก่อนจุนที สัตว์ที่ไม่มีเท้าก็ดี มี ๒ เท้าก็ดี มี ๔ เท้าก็ดี มีเท้ามากก็ดี มีรูปก็ดี ไม่มีรูปก็ดี มีสัญญาก็ดี ไม่มีสัญญาก็ดี มี สัญญาก็มิใช่ ไม่มีสัญญาก็มิใช่ก็ดี มีประมาณเท่าใด พระตถาคตอรหันตสัมมา สัมพุทธเจ้า บัณฑิตกล่าวว่าเลิศกว่าสัตว์เหล่านั้น ชนเหล่าใดเลื่อมใสใน พระพุทธเจ้า ชนเหล่านั้นชื่อว่าเลื่อมใสในสิ่งที่เลิศ ก็วิบากอันเลิศย่อมมีแก่บุคคล ที่เลื่อมใสในสิ่งที่เลิศ

พระบรมสารีริกธาตุ จะบรรจุอยู่ข้างในผอบ ซึ่งมีภาพพระบรมสาริกธาตุอยู่ข้างใน

แต่ละท่านก็น้อมจิตบูชาพระพุทธองค์ เกิด กุศลจิตตามกำลังปัญญาของแต่ละท่าน นำภาพบูชาพระบรมสารีริกธาตุมาดังนี้
ท้าวมฆวานเทพกุญชร ผู้เป็นอธิบดีในสวรรค์ ชั้นไตรทศ ได้ตรัสคำนี้กะมาตลีเทพสารภีว่า ดูก่อนมาตลี ท่านจงดูผลแห่งกรรมอันวิจิตรน่าอัศจรรย์นี้ ไทยธรรม (ของที่ให้) ที่เทพธิดานี้กระทำแล้ว ถึงจะน้อย บุญก็มีผลมากเมื่อจิตเลื่อมใสในพระตถาคตสัมพุทธเจ้าหรือในสาวกของพระองค์ก็ตาม ทักษิณาไม่ชื่อว่าน้อยเลย มาเถิด มาตลี แม้ชาวเราทั้งหลาย ก็ควรจะพากันบูชาพระบรมธาตุของพระตถาคต ให้ยิ่งยวดขึ้นไป เพราะการสั่งสมบุญนำสุขมาให้
แม้พระพุทธเจ้าจะพึงกล่าวคุณของพระพุทธเจ้า หากกล่าวคุณของกันและกัน ไปตลอดทั้งกัป กัปพึงสิ้นไปในระหว่าง เป็นเวลาช้านาน พระคุณของพระตถาคต หาสิ้นไม่ ดังนี้
[เล่มที่ 71] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๘ ภาค ๒ - หน้าที่ 405
ผู้ใดพึงบูชาพระสัมพุทธเจ้าผู้เป็นนายกของโลก ยังดำรง พระชนม์อยู่ก็ดี พึงบูชาพระธาตุแม้ประมาณเท่าเมล็ดผักกาด ของพระพุทธเจ้า แม้นิพพานแล้วก็ดี เมื่อจิตอันเลื่อมใสของผู้นั้นเสมอกัน บุญก็มีผลมากเสมอกัน เพราะฉะนั้น ท่านจงทำสถูปบูชาพระธาตุของพระชินเจ้าเถิด
หลังจากนั้นก็เยี่ยมชม โบราณวัตถุต่างๆ ในพิพิธภัณฑ์เมืองปัตนะ

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๘ ภาค ๒ - หน้าที่ 668
ธาตุปูชกเถราปทานที่ ๗ (๒๔๗)
ว่าด้วยผลแห่งการบำรุงพระธาตุ
[๒๔๙] เมื่อพระโลกนาถพระนามว่าสิทธัตถะ ผู้สูงสุดกว่านระ เสด็จนิพพานแล้ว เราได้พระธาตุองค์หนึ่งของพระผู้มีพระภาคเจ้าจอมสัตว์ ผู้คงที่
เราเก็บพระธาตุของพระพุทธเจ้า ผู้เป็นเผ่าพันธุ์พระอาทิตย์นั้นไว้บูชาตลอด ๕ ปี ดังพระองค์ผู้สูงสุดกว่านระ ยังดำรงอยู่
ในกัปที่ ๙๔ แต่กัปนี้ เราได้บูชาพระธาตุใด ด้วยการ บูชานั้น เราไม่รู้จักทุคติเลย นี้เป็นผลเพราะบำรุงพระธาตุ คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘ และ อภิญญา ๖ เราทำให้แจ้งชัดแล้ว คำสอนของพระพุทธเจ้า เราได้ทำเสร็จแล้ว ดังนี้
ทราบว่า ท่านพระธาตุปูชกเถระได้กล่าวคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้แล
จบ ธาตุปูชกเถราปทาน

เรื่อง อุปมาพระคุณของพระพุทธเจ้าดั่งน้ำในแม่น้ำคงคา ที่พรรณากันแค่น้ำในรูเข็ม
พระเถระ มหาบพิตร มหาคงคาเต็มด้วยห้วงน้ำ บุคคลพึงเทใส่ในรูเข็ม น้ำที่เข้าไป ในรูเข็มมีน้อย น้ำที่เหลือมีมาก ฉันใด พระคุณที่อาตมากล่าวแล้วน้อย ที่เหลือมาก ฉันนั้น
พระเถระ มหาบพิตร ธรรมดาว่านกเล่นลมเที่ยวบินเล่นในอากาศในโลกนี้ สกุณชาติ ตัวเล็กๆ สถานมีปรบปีกของนกนั้น ในอากาศมีมาก หรืออากาศที่เหลือมีมาก
พระราชา ข้าแต่ท่านผู้เจริญ ท่านกล่าวอะไร โอกาสเป็นที่ปรบปีกของนกนั้นน้อย ที่เหลือ มีมาก
พระเถระ มหาบพิตรอย่างนั้นแหละ พระพุทธคุณที่อาตมากล่าวแล้วน้อย ที่ เหลือมากไม่มีที่สุด ประมาณไม่ได้
พระราชา ข้าแต่ท่านผู้เจริญ ท่านกล่าวดีแล้ว พระพุทธคุณ ไม่มีที่สุด ท่านอุปมาด้วยอากาศไม่มีที่สุดนั่นแหละ พวกข้าพเจ้าเลื่อมใส

หลังจากจบการนมัสการพระบรมสารีริกธาตุและเยี่ยมชมสิ่งต่างๆ แล้ว คณะของเราทั้งหมดสองร้อยกว่าท่าน ก็เดินทางต่อไปเมืองพุทธคยา ดินแดนที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ คณะของเราถึงเวลาค่ำ พรุ่งนี้ จะมีกิจกรรมที่ประเสริฐอย่างยิ่งของคณะ คือ นมัสการพระบรมสารีริกธาตุ และ พระธาตุอัครสาวกที่ สมาคมมหาโพธิพุทธคยา นมัสการต้นพระศรีมหาโพธิ เดินประทักษิณ นำโดย ท่านอาจารย์สุจินต์ และ ขอขมาพระรัตนตรัย หน้าเจดีย์พุทธคยา และ ถวายเพลพระภิกษุ 100 รูป
เชิญคลิกอ่านเพิ่มเติมที่นี่
อินเดีย 2559 (1) เดินทางนมัสการพระวิหารเชตวัน
อินเดีย 2559 (2) แสงแห่งพระธรรม ที่ เมืองสาวัตถี
อินเดีย 2559 (3) พระเชตวัน และลุมพินี
อินเดีย 2559 (4) อนัตตาตั้งแต่ต้นจนจบ กุสินารา ปัตนะ
อนุโมทนาขอบคุณมากค่ะ
สำหรับการเดินทางการเดินทางไปประเทศอินเดียกับคณะของมูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระศาสนาโดยการนำของท่านอาจารย์ วิทยากรและเจ้าหน้าที่ของมูลนิธิ ได้มีโอกาสกราบนมัสการพระบรมสารีริกธาตุและพระธาตุของพระอัครสาวกทั้งยังได้สนทนาธรรมอันเป็นการปฏิบัติบูชาต่อองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าณ.ดินแดนอันเป็นที่ตั้งของศาสนาพุทธ และมีโอกาสเดินประทักษิณรอบพระคันธกุฏี ฯลฯ นับเป็นโอกาสอันประเสริฐยิ่ง



