ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ เดินทางไปร่วมในพิธีศพสมาชิกชมรมบ้านธัมมะเวียดนาม
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
อันเนื่องมาจากการที่ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ประธานกรรมการมูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา ได้เดินทางไปเยี่ยมไข้ผู้ป่วยหนัก ซึ่งเป็นสมาชิกชมรมบ้านธัมมะเวียดนาม เมื่อวันที่ ๑๔ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๕๘ ที่ผ่านมา และต่อมา ผู้ป่วยได้สิ้นชีวิตลงในตอนเย็นของวันนั้น ดังรายละเอียดที่ได้ลงไว้ในกระทู้ด้านล่าง
ท่านอาจารย์ สุจินต์ บริหารวนเขตต์ เยี่ยมไข้ผู้ป่วยหนักชาวเวียดนาม ๑๔ พฤษภาคม ๒๕๕๘
อันเนื่องมาจากการเดินทางไปเยี่ยมไข้ผู้ป่วยหนักชาวเวียดนาม ของท่านอาจารย์สุจินต์
ในวันที่ ๑๗ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๕๘ ซึ่งเป็นกำหนดการที่ท่านอาจารย์และคณะฯ เสร็จสิ้นการสนทนาธรรม ณ เมืองดาลัด รวม ๗ วัน และจะออกเดินทางไปสนทนาธรรมต่อ ณ เมืองญาจาง[Nha Trang] อีก ๗ วัน ในตอนเช้า
ด้วยความเมตตตาอย่างยิ่งของท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ท่านได้แจ้งความประสงค์แก่ทางชมรมบ้านธัมมะเวียดนามว่า ท่านจะเดินทางไปเคารพศพของท่านผู้วายชนม์ที่บ้านซึ่งเป็นร้านขายรองเท้า ในตอนเช้า ก่อนที่จะเดินทางต่อไปยังเมืองญาจาง[Nha Trang]
เมื่อความทราบถึงท่านเจ้าภาพ ญาติสนิท และมิตรสหายของท่านผู้วายชนม์ ทุกท่านเกิดปีติโสมนัสอย่างยิ่ง ในความเมตตาของท่านอาจารย์ในครั้งนี้ จากเดิม ที่ได้มีกำหนดการพิธีเผาศพในช่วงบ่าย ได้เปลี่ยนมาเป็นในช่วงเช้าแทน เพื่อที่ท่านอาจารย์จะได้ร่วมในพิธีสำคัญในวาระสุดท้ายนั้น ที่สุสานใหญ่บนเขาของเมืองดาลัด แทนที่จะเป็นเพียงการไปเคารพศพที่บ้านของท่านผู้วายชนม์ ตามที่ได้ตั้งใจไว้แต่แรก แสดงให้เห็นถึงการให้ความเคารพ นอบน้อม และความมีศรัทธาที่มีต่อท่านอาจารย์อย่างยิ่ง ซึ่งโดยนัยที่แท้จริงแล้ว ก็คือ ความเคารพนอบน้อม และ การมีกุศลศรัทธา ในพระธรรมที่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงไว้ และได้ถูกถ่ายทอดผ่านท่านผู้มีนามว่า ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ นั่นเอง
ภาพของการเดินออกมาต้อนรับของท่านเจ้าภาพและญาติมิตรของท่านผู้วายชนม์ถึงที่จอดรถบัส ภายนอกสุสานเก่าแก่บนภูเขาของเมืองดาลัดในวันนั้น เป็นภาพแห่งความปีติโสมนัสอย่างยิ่ง และ เป็นที่ประทับใจแก่ผู้ที่ได้มีโอกาสพบเห็น อันจะตราตรึงอยู่ในใจ เตือนให้ระลึกถึงในความหมายที่แท้จริงของความเมตตา ความเป็นมิตร ความเป็นเพื่อน ซึ่งเกิดขึ้นด้วยความลึกซึ้ง ด้วยความบริสุทธื์หมดจดปราศจากมลทินใดๆ ในใจ เนื่องเพราะความเข้าใจพระธรรม เข้าใจในความจริงของสิ่งที่มีจริงๆ ในขณะนี้ ที่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ และทรงมีพระมหากรุณาแสดงไว้ ถึงความไม่มีอยู่จริงของสัตว์ บุคคล ตัวตน ใดๆ นอกจากธาตุ หรือ ธรรม ที่เกิดดับสืบต่อเพราะเหตุปัจจัย ยาวนานยากจะหาที่สิ้นสุดได้นี้ หากมิได้เป็นผู้ที่สั่งสมบุญไว้แต่ปางก่อนแล้ว ไหนเลยจะได้พบกับความจริงที่ถูกต้องนี้ ได้
ได้ทราบว่าคุณตวน (ผู้วายชนม์) และแม่เลี้ยงของท่าน ได้ศึกษาพระธรรมจากท่านอาจารย์ ขณะที่ท่านเดินทางมาเวียดนามและผ่านทางชมรมบ้านธัมมะเวียดนาม มาประมาณหนึ่งปีแล้ว ในความเห็นของข้าพเจ้า คุณตวน คือผู้ที่โชคดีที่สุด เป็นผู้ที่มีบุญที่สุด ในบรรดา ไม่แม้แต่ในหมู่ของสหายธรรมชาวเวียดนามเท่านั้น แต่สำหรับชาวไทยด้วย ที่มีโอกาสได้ยิน "คำ" ที่มีค่ายิ่งกว่าทรัพย์และรัตนะใดในโลก ในนาทีอันวิกฤติของชีวิต
เฉพาะอย่างยิ่ง คุณตวน ซึ่งอยู่ไกลถึงเวียดนาม แต่มีวาระสุดท้ายอันแสนวิเศษดังกล่าว ท่านอาจารย์ได้กล่าวกับข้าพเจ้าในภายหลังจากที่ทราบข่าวการเสียชีวิตของคุณตวนว่า ตลอดชีวิตของท่าน ไม่เคยไปเยี่ยมไข้ผู้ป่วยหนักโดยไม่มีการนัดหมายล่วงหน้าเช่นนี้เลย ครั้งนี้เป็นสิ่งที่พิเศษมาก เป็นโอกาส และ เป็นขณะของความดีทั้งสิ้นที่เกิดขึ้น
ท่านกล่าวย้ำว่า เป็นสิ่งที่ดีมากๆ ที่เกิดขึ้นโดยที่ไม่เคยคาดคิดมาก่อน และได้กล่าวอนุญาตให้ข้าพเจ้าเผยแพร่เรื่องราวและภาพถ่ายของท่านในเหตุการณ์ทั้งหมดได้ ผู้ที่อยู่ในช่วงวาระที่วิกฤติที่สุดของชีวิต ที่รู้และเข้าใจโดยแน่แท้ว่าเป็นผู้ที่หมดที่พึ่งใดๆ แม้บิดา มารดา บุตร ภรรยา หรือทรัพย์สมบัติใดๆ ที่มีอยู่ ก็ไม่สามารถเป็นที่พึ่งได้อีกต่อไป
พลันที่ได้ยิน "คำ" ซึ่งเป็นวาจาสัจจะ จากผู้กอปรไปด้วยเมตตาอันยิ่ง "คำจริง วาจาสัจจะ" เพียงไม่กี่คำ ที่นอกจากจะตราตรึงใจแก่ผู้ที่อยู่ใกล้ชิดในวันนั้นแล้ว ยังทำให้เกิดความแช่มชื่นแก่ใจคุณตวนยิ่งนัก ซึ่งท่านได้กล่าวแก่ครอบครัวในวาระสุดท้าย ถึงความพอของการที่แม้จะไม่มีชีวิตอยู่ต่อไปได้อีก แม้เพียงหนึ่งหรือสองวัน เพราะเหตุที่ได้รับความทุกข์ทรมานจากความเจ็บป่วยมาอย่างยาวนานแล้ว
เมื่อได้ฟังวาจาจริงจากท่านอาจารย์ ก็มีความอาจหาญ ร่าเริง อย่างยิ่ง ท่านตัดสินใจถอดสายออกซิเจนออกด้วยตนเอง และ จากไปโดยอาการสงบในเวลาเย็น หลังการได้พบกับท่านอาจารย์ ราวสี่ชั่วโมง สิ้นสุดความเป็นบุคคลนี้ในชาตินี้โดยสิ้นเชิง สู่ความเป็นบุคคลใหม่ ในชาติใหม่ ต่อไป ในสังสารวัฏฏ์ยาวนาน
การถึงแก่กรรมของคุณตวน และเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาดังกล่าว เป็นสิ่งธรรมดา ที่ไม่ธรรมดา สำหรับผู้ที่มีความเข้าใจพระธรรม เนื่องจากเป็นเหตุการณ์หนึ่ง ที่เตือนใจในมรณานุสติได้อย่างดียิ่งสำหรับทุกคน เห็นค่าของการที่จะมีชีวิตอยู่ เพื่อเข้าใจธรรมะ และ ทำความดีทุกประการ
.........
พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย มหาวรรค เล่ม ๒ ภาค ๑ - หน้าที่ 322
พระปัจฉิมวาจา
[๑๔๓] ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้ารับสั่งกะภิกษุทั้งหลายว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บัดนี้ เราขอเตือนพวกเธอว่า สังขารทั้งหลายมีความเสื่อมไป เป็นธรรมดา พวกเธอจงยังความไม่ประมาทให้ถึงพร้อมเถิด.
นี้เป็นพระปัจฉิมวาจาของพระตถาคต.
.........
"...ในบรรดาบุคคลที่เกิดมาในโลกนี้ ถ้าใครมีสติปัญญาที่จะพิจารณา ตั้งแต่ยังไม่ชรา หรือ ยังไม่มีโรคภัยไข้เจ็บ ก็จะเห็นได้จริงๆ ว่า ไม่มีใครที่สามารถจะพ้นไปจากความแก่ ความเจ็บ และ ความตาย ได้เลย เมื่อเป็นอย่างนี้แล้ว ก็ย่อมจะเกิดความพยายาม มีความเพียร ที่จะทำให้ถึงการพ้นจากความเกิด ความแก่ ความเจ็บ และ ความตาย คือ การรู้แจ้งอริยสัจจธรรมดับกิเลสตามลำดับขั้น แม้ว่าเป็นสิ่งที่ยากที่จะถึง แต่ก็มีทางที่จะถึงได้ ด้วยการอบรมเจริญปัญญาขึ้นเรื่อยๆ ..."
(คัดจาก ปันธรรม-ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๒๔)
"...การแสวงหาลาภ ยศ สรรเสริญ สุข ทรัพย์สมบัติทั้งหลาย ทำให้ไม่เห็นว่า เป็นเพียงสิ่งที่ปรากฏชั่วคราวแล้วก็หมดไป ย่อมเป็นการแสวงในสิ่งที่ไม่ประเสริฐ เพราะ ได้มาแล้วทำให้ติดข้องยินดีพอใจ และที่สำคัญ เมื่อละจากโลกนี้ไปแล้ว บุคคลไม่สามารถนำเอาทุกอย่างเหล่านี้ไปในภพหน้าได้เลย ต้องทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างไว้ มีแต่การสะสม ทั้งที่ดีและไม่ดีเท่านั้น จะติดตามไปได้..."
(คัดจาก ปันธรรม-ปัญญ์ธรรม...ครั้งที่ ๕)
อนึ่ง เมื่อวันสุดท้ายของการเดินทางไปสนทนาธรรมที่เมืองญาจาง[Nha Trang] หลังจบการสนทนาธรรมนอกรอบ ณ White Sand Doclet Resort and Spa คุณ Tam Bach ได้นำกระเป๋าถือ ที่แม่เลี้ยงของคุณตวนเป็นผู้ออกแบบ ตามความต้องการของคุณตวน และตัดเย็บด้วยฝีมืออันประณีตของคุณตวนเอง มีจำนวนทั้งสิ้น ๗ ใบ เพื่อมอบให้ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ อาจารย์ดวงเดือน บารมีธรรม คุณนีน่า วัน กอร์คอม คุณซาร่าห์ คุณ Tam Bach คุณ Thanh Tam และ ใบสุดท้ายเป็นของแม่เลี้ยงของคุณตวนเอง แต่ไม่ได้มีโอกาสมอบให้ท่านอาจารย์ด้วยตัวเอง เนื่องจากได้ล้มป่วยหนักลงเสียก่อน
เมื่อคุณ Tam Bach เป็นตัวแทนนำกระเป๋าใบดังกล่าวมามอบให้กับท่านอาจารย์ พร้อมทั้งเล่าเรื่องความเป็นมาของความตั้งใจดังกล่าวของคุณตวนให้ท่านอาจารย์ทราบ ท่านอาจารย์ปลื้มใจมาก พร้อมกับกล่าวว่า "ดิฉันจะถือกระเป๋าใบนี้"
(ขออนุโมทนาภาพจากคุณฟองจันทร์ วอลช ที่บันทึกไว้เมื่อวันที่ ๒๘ พฤษภาคม ที่ผ่านมา ระหว่างการสนทนาธรรมภาคภาษาอังกฤษ ที่ ชลพฤกษ์รีสอร์ท นครนายก)
ณ กาลครั้งหนึ่ง ในไมตรีจิตรและมิตรภาพอันไร้ซึ่งพรมแดน ณ เมืองดาลัด ประเทศเวียดนาม ๑๗ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๕๘
กราบเท้าบูชาคุณ ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง
ขออนุโมทนาในกุศลศรัทธาของสมาชิกชมรมบ้านธัมมะเวียดนาม ทุกท่าน
และ ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่าน ครับ
ท่านสามารถคลิกอ่านกระทู้ทั้งหมดในครั้งนี้ ตามลิงก์แต่ละหัวข้อด้านล่าง :
- ณ กาลครั้งหนึ่ง (สด)จากประเทศเวียดนาม ๑๐ พฤษภาคม ๒๕๕๘ [วันที่ ๑]
- ณ กาลครั้งหนึ่ง (สด)จากประเทศเวียดนาม ๑๑ พฤษภาคม ๒๕๕๘ [วันที่ ๒]
- ณ กาลครั้งหนึ่ง (สด)จากประเทศเวียดนาม ๑๒ พฤษภาคม ๒๕๕๘ [วันที่ ๓]
- ณ กาลครั้งหนึ่ง (สด)จากประเทศเวียดนาม ๑๓ พฤษภาคม ๒๕๕๘ [วันที่ ๔]
- ณ กาลครั้งหนึ่ง ที่ ประเทศเวียดนาม ๑๔ พฤษภาคม ๒๕๕๘ [วันที่ ๕ ดาลัด]
- ณ กาลครั้งหนึ่ง ที่ ประเทศเวียดนาม ๑๕ พฤษภาคม ๒๕๕๘ [วันที่ ๖ ดาลัด]
- ณ กาลครั้งหนึ่ง ที่ ประเทศเวียดนาม ๑๖ พฤษภาคม ๒๕๕๘ [วันที่ ๗ ดาลัด]
- ท่านอาจารย์ สุจินต์ บริหารวนเขตต์ เยี่ยมไข้ผู้ป่วยหนักชาวเวียดนาม ๑๔ พฤษภาคม ๒๕๕๘
- อันเนื่องมาจากการเดินทางไปเยี่ยมไข้ผู้ป่วยหนักชาวเวียดนาม ของท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์
- ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ เดินทางไปร่วมในพิธีศพสมาชิกชมรมบ้านธัมมะเวียดนาม
- ณ กาลครั้งหนึ่ง ที่ ประเทศเวียดนาม ๑๗ พฤษภาคม ๒๕๕๘ [วันที่ ๘ ดาลัด-ญาจาง]
- ณ กาลครั้งหนึ่ง ที่ ประเทศเวียดนาม ๑๘ พฤษภาคม ๒๕๕๘ [วันที่ ๙ ญาจาง]
- ณ กาลครั้งหนึ่ง ที่ ประเทศเวียดนาม ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๕๘ [วันที่ ๑๐ ญาจาง]
- ณ กาลครั้งหนึ่ง ที่ ประเทศเวียดนาม ๒๐ พฤษภาคม ๒๕๕๘ [วันที่ ๑๑ ญาจาง]
- ณ กาลครั้งหนึ่ง ที่ ประเทศเวียดนาม ๒๑ พฤษภาคม ๒๕๕๘ [วันที่ ๑๒ ญาจาง]
- ณ กาลครั้งหนึ่ง ที่ ประเทศเวียดนาม ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๕๘ [วันที่ ๑๓ ญาจาง พักผ่อนและสนทนาธรรมก่อนกลับ]
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ