ยังมีข้อสงสัยอะไรอีกบ้างไหมคะในเรื่องของปฏิสนธิ
ถ้าเข้าใจในเรื่องของปฏิสนธิแล้ว ขอกล่าวถึงมัคคปัจจัยเพียงนิดเดียว เพราะเหตุว่า เรื่องของฌานปัจจัยกับเรื่องของมัคคปัจจัยนั้นคู่กัน
ท่านผู้ฟังได้ยินคำว่ามรรคบ่อย ๆ ใช่ไหม สัมมามัคค์มีเท่าไร ? ๘ ตอบได้คล่อง มิจฉามัคค์ล่ะ ? ๘ เหมือนกัน สภาพธรรมที่เป็นมัคค์มี ๑๒ เมื่อกล่าวรวมทั้งสัมมามัคค์และมิจฉามัคค์ คือสัมมามัคค์ ได้แก่ ปัญญาเจตสิก ๑ คือ สัมมาทิฏฐิ วิตกเจตสิก ๑ คือสัมมาสังกัปปะ สัมมาวาจา ๑ สัมมากัมมันตะ ๑ สัมมาอาชีวะ ๑ วิริยเจตสิก ๑ สติเจตสิก ๑ สมาธิ ๑ เจตสิกอื่นนอกจากนี้ ไม่ใช่มัคค์ แต่จะสังเกตได้ว่า วิตกเจตสิกเป็นทั้งฌานปัจจัยและมัคคปัจจัย
เพราะฉะนั้นสำหรับสภาพธรรมที่เป็นมัคค์หรือมัคคปัจจัย ก็คือสภาพธรรมที่นำไปสู่สุคติ ทุคติ หรือนิพพาน ถ้าปัญญาเกิดขึ้น กุศลจิตเกิด นำไปสู่อะไร ? สุคติ เพราะฉะนั้นสภาพธรรมที่เป็นมัคค์ ไม่ใช่สภาพธรรมที่เป็นฌานปัจจัย แม้ว่าจะเป็นเจตสิกเดียวกัน แต่ความสามารถในการเป็นปัจจัยนั้นแยกกัน เช่น วิตกเจตสิก เป็นทั้งฌานปัจจัยและมัคคปัจจัยด้วย แต่วิจารเจตสิกที่เกิดกับวิตกเจตสิก เป็นฌานปัจจัย แต่ไม่ใช่มัคคปัจจัย
นี่ก็แสดงให้เห็นว่า ที่เรากล่าวถึงมัคค์บ่อย ๆ จะต้องรู้ด้วยว่า ทำไมเจตสิกแต่ละประเภทนั้นจึงเป็นมัคค์ เช่นปัญญาเจตสิก เป็นมัคค์แน่นอน ใช่ไหมคะ เป็นทางนำไปสู่สุคติ ปัญญาเจตสิกซึ่งเป็นสัมมามัคค์ จะไม่นำไปสู่ทุคติเลย วิตกเจตสิกซึ่งเป็นสัมมาสังกัปปะ การตรึก การดำริในทางที่เป็นกุศล ก็นำไปสู่สุคติ ถ้าเกิดคิดในทางที่เป็นอกุศล ก็ยังไปสู่ทุคติ เพราะฉะนั้นลักษณะของวิตกเจตสิกนี้เป็นสภาพที่จรดในอารมณ์ แล้วก็เพิ่มกำลังขึ้น แล้วก็ถ้าเป็นทางมโนทวารก็เป็นการจรดหรือตรึกในอารมณ์ แล้วแต่ว่าจะเป็นกุศลหรืออกุศล ถ้าเป็นทางฝ่ายกุศล ถ้าเป็นสัมมาสังกัปปะ ก็เป็นมัคค์ คือ เป็นทางที่นำไปสู่สุคติ
สัมมาวาจา คำพูดสำคัญนะคะ พูดดีเป็นกุศล ประกอบด้วยเจตนาที่เป็นกุศลขณะใด ขณะนั้นก็เป็นสุคติ คือ เป็นทางที่จะนำไปสู่สุคติด้วย กุศลเองก็จัดว่าเป็นสุคติ เพราะเหตุว่า เป็นทางที่จะนำไปสู่สุคติ สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ โดยนัยเดียวกัน รวมทั้งสัมมาวายาโม คือวิริยะ และสติ สมาธิ ซึ่งเป็นมรรคมีองค์ ๘ ทั้งหมดเป็นสัมมามัคค์
