อธิปติปัจจัยโดยนัยของสสังขาริก


    ผู้ฟัง อธิปติปัจจัยโดยนัยของสสังขาริกต่างกันอย่างไรครับ

    ท่านอาจารย์ สสังขาริกหมายความว่าเกิดขึ้นโดยอาศัยการชักจูง แต่ไม่ได้หมายความว่า เมื่อชักจูงแล้วปราศจากฉันทะ หรือจะปราศจากวิริยะ ใช่ไหม เพราะฉะนั้นก็แล้วแต่ขณะจิตในขณะนั้นว่าสภาพธรรมใดปรากฏ โดยความเป็นหัวหน้าหรือเปล่า

    ทุกท่านมีโลภะอย่างรวดเร็ว ขณะนั้นไม่ปรากฏว่าอะไรเป็นอธิบดีเลย ใช่ไหมคะ

    เพราะฉะนั้นไม่ได้หมายความว่า สภาพธรรมเหล่านี้จะต้องเป็นอธิบดีทุกครั้ง แต่เวลาที่เป็นหัวหน้า ไม่ใช่สภาพธรรมอื่น ได้แก่สภาพธรรม ๑ ใน ๔ นี้เองที่เป็นอธิบดี จิต เจตสิกในชีวิตประจำวันซึ่งเกิด – ดับนี้ ขอให้พิจารณา แล้วก็จะเห็นสภาพความเป็นอนัตตา

    ควรจะรู้ไหม เรื่องอธิปติปัจจัย แม้เพียงเล็กน้อยพอที่จะเข้าใจรางๆ ก็ยังพอเห็นความเป็นอนัตตา ซึ่งจะช่วยทำให้เวลาที่สติระลึกลักษณะของนามธรรม และรูปธรรม จะทำให้ปัญญาคมกล้าขึ้นที่จะเห็นว่าไม่ใช่ตัวตน ไม่สัตว์ ไม่ใช่บุคคลได้ แม้ว่าจะไม่ได้เป็นไปอย่างรวดเร็ว ต้องอาศัยการฟัง การพิจารณา การไม่ลืม การที่จะระลึกตรึกพิจารณาบ่อยๆ จนกระทั่งถึง ขณะที่สติกำลังระลึกตรงลักษณะของนามธรรม และรูปธรรม และจะเห็นได้ว่า ปัญญาที่จะค่อยๆ คมขึ้น จะปราศจากความเป็นพหูสูต คือ การได้ยินได้ฟังเรื่องของสภาพธรรมที่เป็นปรมัตถธรรมไม่ได้ แต่ถ้าขาดการที่จะได้ฟังเรื่องของปรมัตถธรรมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ให้เกิดความเข้าใจละเอียดขึ้น ก็ไม่มีหนทางซึ่งปัญญาจะคมขึ้นได้ แม้ว่าสติจะระลึกลักษณะของนามธรรม และรูปธรรม ก็ยากที่จะดับการยึดถือนามธรรมว่าไม่ใช่ตัวตน ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล แต่เพราะฟังมากๆ ฟังบ่อยๆ และเข้าใจขึ้น เริ่มสังเกตขึ้น เริ่มระลึกได้ เริ่มตรึกพิจารณาเรื่องของปรมัตถธรรม จะเป็นปัจจัยที่จะทำให้แม้ขณะที่สติเกิดขณะนั้น ปัญญาก็มีสังขารขันธ์ซึ่งปรุงแต่งให้เกิดความคมที่จะละการยึดถือสภาพธรรมว่าเป็นสัตว์ เป็นบุคคล เป็นตัวตน ไม่ใช่โดยการเพ่งจ้อง อยากจะให้ประจักษ์การเกิด – ดับ ไม่ได้ตรึกระลึกถึงสภาพความเป็นจริงของปรมัตถธรรม


    หมายเลข 2495
    22 ม.ค. 2567