อารัมมณาธิปติ
ขอกล่าวถึงอารัมมณาธิปติ เป็นคำรวมของอารมณ์กับ อธิบดี
ท่านผู้ฟังทราบเรื่องของอารัมมณปัจจัยแล้ว สิ่งหนึ่งสิ่งใดก็ตามที่จิตกำลังรู้ เป็นปัจจัยของจิตที่รู้โดยเป็นอารมณ์ จึงเป็นอารัมมณปัจจัยไม่ยากเลยแต่สำหรับ อารัมมณาธิปติปัจจัย ไม่ใช่เพียงอารมณ์ธรรมดาๆ แต่ต้องเป็นอารมณ์ที่หนักแน่น ที่ควรได้ ไม่ควรทอดทิ้ง หรือว่าไม่ควรดูหมิ่น ด้วยอำนาจความเคารพยำเกรง หรือด้วยอำนาจของความปรารถนา
เพราะฉะนั้นให้ทราบว่า โลภมูลจิตเกิดบ่อยเหลือเกินในชีวิตประจำวัน จะรู้หรือไม่รู้นั้นอีกเป็นเรื่องหนึ่ง เพราะเหตุว่าทันทีที่เห็น หลงลืมสติ เกิดความยินดีพอใจในสิ่งที่เห็น และในการเห็นด้วย ไม่มีท่านผู้ใดที่อยากจะไม่เห็น หรือไม่อยากจะเห็นอีกแล้ว
นี่ก็แสดงให้เห็นแล้วว่ามีความยินดี มีความพอใจในสิ่งที่ปรากฏ เพียงแต่ว่าท่านไม่ทราบเท่านั้นเองว่า ถึงแม้ว่าจะนั่งเฉยๆ แล้วเห็น ไม่ได้กระทำกรรมใดๆ ทั้งสิ้นทางกาย วาจา โลภมูลจิตก็เกิดขึ้นเป็นไปในอารมณ์ที่ปรากฏ ทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจแล้ว แต่ว่าถ้าไม่มีกำลังไม่เป็นอารมณ์ที่หนักแน่น หรือว่าไม่เป็นอารมณ์ที่ไม่ควรทอดทิ้งแล้ว ไม่ใช่อารัมมณาธิปติปัจจัย
เพราะฉะนั้นในวันหนึ่งๆ นี้ โลภะเกิดก็เกิดไปแล้วก็ดับไปแล้ว แต่ว่าขณะใดซึ่งปรารถนาอย่างยิ่งในอารมณ์ใด อารมณ์นั้นเป็นอารัมมณธิปติปัจจัย
เป็นชีวิตประจำวันหรือเปล่า แล้วก็ควรที่จะได้ทราบว่า อารมณ์ใดบ้างที่จะเป็นอารัมมณาธิปติ ในชีวิตประจำวันของแต่ละท่าน ในวันหนึ่งๆ ท่านผู้ฟังอดคิดไม่ได้ ถ้าเห็นสิ่งหนึ่งสิ่งใดก็คิดถึงสิ่งนั้นแล้วทันที ถ้ามองไปที่หน้าต่าง เห็นดอกไม้ จะไม่คิดถึงดอกไม้ที่เห็นสักครู่หนึ่งได้ไหม อย่างน้อยก็จะต้องคิด อาจจะเป็นความคิดสั้นๆ ไม่ได้คิดยาวอะไร เพราะฉะนั้นในขณะนั้นสิ่งที่ปรากฏทางตายังไม่ใช่อารัมมณธิปติเพราะเหตุว่าไม่ได้ทำให้เกิดต้องการหรือเป็นไปอย่างหนักแน่นในอารมณ์นั้นแต่ขณะใดที่ท่านผู้ฟังประเดี๋ยวก็คิดถึงสิ่งนั้นอีก ประเดี๋ยวก็คิดถึงสิ่งนั้นอีกๆ จนกระทั่งดูเหมือนว่าคิดถึงสิ่งนั้นบ่อยๆ มีความปรารถนา มีความพอใจมีความต้องการในสิ่งนั้น ให้ทราบว่า ในขณะนั้นอารมณ์ที่ท่านกำลังคิดถึงนั้นเป็นอารัมมณาธิปติเป็นอารมณ์ซึ่งเป็นปัจจัย โดยเป็นใหญ่ที่ทำให้จิตนี้หนักแน่นในอารมณ์นั้นไม่ใช่เพียงผ่านไปๆ พิสูจน์ได้ไหม ในชีวิตประจำวันที่จะเข้าใจว่า อารมณ์ใดเป็นอารัมมณปัจจัย และอารมณ์ใดเป็นอารัมมณาธิปติปัจจัย ซึ่งแต่ละคนมีอยู่เป็นประจำวัน เพียงแต่ไม่ทราบว่า ขณะนั้นเป็นเพียงอารัมมณปัจจัย หรือว่าเป็นอารัมมณาธิปติปัจจัย
