ความสำคัญของชวนจิต


    อ.อรรณพ การที่เราสนใจธรรม ขณะที่เรากำลังคิดถึงคำตอบที่คุณวิชัยถามก็ดี หรือในขณะที่เราแวบไปคิดเรื่องการงานเรื่องอื่น ที่เรามีความติดข้องกังวลอยู่ก็ดี เป็นชวนจิตทั้งนั้น ซึ่งจิตที่มีความสำคัญ เป็นคุณหรือว่าเป็นโทษ ก็คือชวนจิตนั่นเอง เพราะแม้ในขณะที่เราหลับอยู่ เป็นภวังคจิต แม้ประกอบด้วยเหตุที่เกิดมาเป็นมนุษย์ ในขณะที่เราหลับ ภวังคจิตก็ประกอบด้วยเหตุ ตั้งแต่ ๒ เหตุ หรือ ๓ เหตุสำหรับบุคคลที่มีปัญญาด้วย แม้จะประกอบด้วยโสภณเหตุ แต่ก็ไม่ได้ทำชวนกิจ เพียงแต่เป็นผลของกรรมเท่านั้นเอง ซึ่งก็เป็นการทบทวน และชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของชวนจิต ว่า ในขณะที่วิถีจิตเกิด ไม่ใช่ภวังค์ ไม่ใช่ปฏิสนธิ ไม่ใช่จุติ ขณะนั้นเป็นวิถีจิต เช่นวิถีจิตทางปัญจทวาร ซึ่งมี ๗ วิถี ตั้งแต่อาวัชชนจิต ปัญจทวาราวัชชนจิต เกิดขึ้น ก็เพียงสักว่ากระทำทางให้วิถีจิตเกิดขึ้น ด้วยจิตที่เป็นกิริยาจิต ขณะต่อไปก็เป็นขณะที่เป็นจิตเห็น จิตได้ยิน เป็นต้น เกิดขึ้น ทวิปัญจวิญญาณจิต ซึ่งก็เป็นจิตชาติวิบาก สัมปฏิจฉันนะ สันตีรณะ เป็นวิบากจิต โวฏฐัพพนจิตเป็นกิริยาจิต ซึ่งกระทำทางให้ชวนจิตเกิดขึ้น ซึ่งวิถีจิตต่างๆ เหล่านี้ ยังไม่ใช่ขณะที่เป็นกุศลหรืออกุศล แต่ขณะที่เป็นชวนจิต ขณะนั้นเป็นกุศลหรืออกุศลแล้วที่จะสะสมต่อไป วิถีต่างๆ ก่อนหน้านี้ ยังไม่ได้เป็นการที่เราได้เข้าใจธรรม หรือไม่ใช่ขณะที่เราจะสะสมอกุศลที่จะมีความติดข้องมากขึ้นในสีที่กำลังเป็นอารมณ์นั้น เพราะในขณะที่เป็นชวนจิตเป็นขณะที่มีการสะสมความติดข้อง สะสมความเข้าใจธรรมด้วยความเป็นกุศล ก็ตรงที่ชวนจิต และเมื่อชวนะจิตดับไป ตทาลัมพนจิตไม่ว่าจะประกอบด้วยเหตุหรือไม่ประกอบด้วยเหตุ ใน ๑๑ ดวง ขณะนั้นก็เป็นเพียงชาติวิบาก ที่เกิดต่อจากชวนะเท่านั้นเอง

    เพราะฉะนั้นชวนจิต เป็นจิตที่เป็นขณะซึ่งเป็นคุณหรือเป็นโทษ ถ้าเป็นอกุศลก็เป็นโทษสะสมความติดข้อง วิถีอื่นก็ไม่ได้ทำให้เป็นโทษที่จะสะสมความติดข้องเพิ่มขึ้น และโดยนัยตรงข้าม ขณะที่สะสมความรู้ความเข้าใจ ก็ตรงชวนจิตนั่นเอง และที่สำคัญ ที่เราศึกษาเรื่องจิต แม้ในขณะที่เรากำลังเข้าใจธรรม พิจารณาธรรม สนใจธรรม ก็ไม่ใช่เรา แต่เป็นจิต ซึ่งเกิดประกอบพร้อมกับสัมปยุตตธรรม ก็คือเจตสิก อาจจะมีปัญญาเจตสิกที่เกิดร่วมด้วย ขณะนั้นก็ทำกิจชวนะ ไม่ใช่เรา

    อรรถประการหนึ่งของจิต ก็คือสะสม มีการสะสมอัธยาศัย มีการสะสมกิเลส กรรม วิบาก ด้วยสามารถแห่งชวนวิถี ก็คือที่มีการสะสมทั้งดี และไม่ดี ก็ตรงชวนะ เราลองคิดว่าสิ่งที่เคยเห็น และดับไปตั้งนานแล้ว สิ่งที่ได้ยินก็ดับไปแล้ว และความคิดนึกที่ผูกพันในสิ่งที่เห็น ได้ยิน หรือสัตว์บุคคลต่างๆ ซึ่งก็อิงมาจากการที่มีสิ่งที่ปรากฎทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ก็ประมวลว่าเป็นสัตว์ บุคคล เรื่องราวต่างๆ

    ในขณะที่คิดนึก มีความโทมนัส โสมนัสใจ ก็ด้วยชวนจิตเท่านั้น เพราะว่าวิถีจิตทางมโนทวาร มีเพียง ๓ วิถี ก็คือขณะที่มโนทวาราวัชชนจิตเกิดขึ้นเป็นอาวัชชนวิถีกระทำทางให้วิถีจิตทางมโนทวารเกิด ชวนจิตก็เกิดต่อ ซึ่งก็คิดนึกต่างๆ มีปรมัตถ์เป็นอารมณ์บ้าง มีบัญญัติเรื่องราวต่างๆ ที่เราติดข้องกัน ที่หวั่นไหวต่างๆ ก็ในขณะที่ชวนะเกิดขึ้นเท่านั้น และหลังจากชวนะเกิดขึ้น ถ้าจะมีตทาลัมพนะเกิดก็เป็นเพียงชาติวิบากเท่านั้นเอง ไม่ได้เป็นส่วนที่จะทำให้เกิดผลต่อไปในอนาคตได้เลย เพราะฉะนั้นชวนจิตของปุถุชน และพระเสขะบุคคล เป็นกุศลหรือเป็นอกุศล


    หมายเลข 2469
    3 ม.ค. 2568