กิจของสภาพธรรมที่แสนอัศจรรย์ พอ.6360


    บุษกร ขอเรียนถามอาจารย์อรรณพค่ะ วิถีจิตแรกที่เกิดกับทวารต่างๆ และก็ยังมีจิต เจตสิกอีก ไม่เข้าใจตรงนี้

    อรรณพ จิตเกิด ต้องมีเจตสิกเกิดร่วมด้วยเสมอ

    บุษกร และวิถีจิตละคะ

    อรรณพ วิถีจิต คือ จิตที่เกิดขึ้นรู้อารมณ์ทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ ตอนที่หลับสนิทเป็นวิถีจิตไหม

    บุษกร ไม่เป็น

    อรรณพ แต่ตอนหลับสนิทมีจิตไหมครับ

    บุษกร หลับสนิทก็มีจิตค่ะ

    อรรณพ และขณะที่หลับสนิท จิตเป็นกุศล เป็นอกุศล หรือเป็นวิบาก หรือเป็นกิริยา

    บุษกร จิตที่หลับสนิทเป็นวิบาก

    อรรณพ ครับ ถูกต้อง เพราะฉะนั้นให้เข้าใจว่า ขณะที่เป็นวิถีจิต อย่างขณะเห็นขณะนี้เป็นวิถีจิต เป็นวิถีจิตทางตา มีจิตเห็นเกิดขึ้นพร้อมกับเจตสิกทั้ง ๗ เกิดขึ้นพร้อมกันและดับพร้อมกัน และขณะที่เกิดขึ้น ตั้งอยู่และดับไป ขณะที่มีจิตและเจตสิกเหล่านี้อยู่ ก็รู้สี คือ รู้รูปารมณ์เดียวกัน

    บุษกร แล้วทุกทวารเหมือนกันอย่างนี้หมดเลยใช่ไหมคะ

    อรรณพ จิตเห็น จิตได้ยิน จิตได้กลิ่น จิตลิ้มรส จิตรู้สิ่งที่กระทบสัมผัส

    บุษกร จะต้องมีเจตสิก ๗ ดวง เกิดขึ้นพร้อมกัน

    อรรณพ เฉพาะจิตเห็น จิตได้ยิน จิตได้กลิ่น เฉพาะจิตลิ้มรส เฉพาะจิตที่รู้สิ่งที่กระทบสัมผัสทางกาย จะมีเจตสิกเพียง ๗ แต่ถ้าเป็นจิตอื่นก็มีเจตสิกมากกว่านี้ อาจจะมี ๑๐ เช่น ปัญจทวาราวัชชนจิต ก็มีเจตสิกอื่นเพิ่มด้วย เพราะว่าเป็นจิตขณะแรกของวิถี ก็มีวิตกที่ตรึกในอารมณ์นั้น วิจาร คือ สภาพที่วิจาร ซึ่งไม่ใช่วิจารอย่างที่เราคิดว่าเป็นเรื่องราว แต่เป็นกิจของสภาพธรรมที่แสนอัศจรรย์ และเกิดขึ้นทำกิจสั้นๆ อธิโมกข์ ความปักใจมั่น ซึ่งจิตบางอย่างเวลาที่เราลังเลสงสัย ขณะนั้นไม่มีอธิโมกข์เกิด เช่น ลังเลและสงสัยว่า ธรรมของพระพุทธเจ้าจริงหรือเปล่า จะบอกว่าจริงก็ไม่เต็มปาก จะบอกว่าไม่ใช่ก็คลุมเครือ ขณะที่ลังเลสงสัย นั่นไม่มีอธิโมกข์ แต่มีลักษณะของเอกัคคตา เพราะเป็นเพียงให้เกิดความตั้งมั่นขึ้นเท่านั้นเอง แต่ไม่ใช่ปักใจ เพราะฉะนั้นเรื่องต่างๆ เหล่านี้ต้องค่อยๆ ศึกษาไป แต่เริ่มต้นขอให้เข้าใจว่า ขณะที่เห็นไม่ใช่เรา เพราะเป็นจิตและเจตสิกอีก ๗ ที่เกิดขึ้นและรู้อารมณ์


    หมายเลข 12527
    17 ก.ค. 2565