เอาเครื่องช่วยหายใจออกเป็นอนันตริยกรรมไหม


        คุณอุไรวรรณ มีคำถามจากท่านผู้ฟังว่า ในกรณีที่บิดามารดาป่วย แล้วใช้เครื่องช่วยหายใจ แต่เมื่อพิจารณาเห็นปัจจัยหลายๆ อย่าง ที่คิดว่าบิดามารดานั้นไม่สามารถอยู่ได้แล้ว เพื่อช่วยไม่ให้ท่านทรมานมาก ก็เลยให้เอาเครื่องช่วยหายใจออก การที่ลูกๆ ให้เอาเครื่องช่วยหายใจออก จัดเป็นอนันตริยกรรมไหมคะ

        อ.อรรณพ กรรมก็คือเจตนาที่เป็นไปในการฆ่า และจิตก็เกิดดับมากมาย มีทั้งจิตที่มีการติดข้องที่เป็นมารดาบิดา เป็นบุตรกัน มีทั้งจิตที่คิดว่า เขาทรมาน ไม่อยากให้เขาอยู่นาน แต่จิตนั้นเกิดดับรวดเร็วมาก ถ้ามีเจตนาที่เป็นไปในการฆ่า ก็เป็น แต่ถ้าเจตนาในการฆ่านั้นมีกำลังมาก ถ้ามีเจตนาที่เป็นอกุศล ก็เป็นอกุศลเจตนา ก็เป็นกรรม ก็คืออยู่ที่จิตว่ามีเจตนาอย่างไร

        สุ. เรื่องของจิตก็เป็นเรื่องที่ละเอียดมาก และเรื่องของกรรมก็เป็นเรื่องที่ละเอียดมาก เพราะฉะนั้นก็ต้องรู้ตัวของบุคคลนั้นเองว่า มีเจตนาอย่างไร เพราะว่าทุกคนจะจากโลกนี้ไป ไม่ใช่โดยการกระทำของคนอื่น จริงๆ แล้วก็ถึงกาล เมื่อกรรมนั้นสิ้นสุดที่จะทำให้เป็นบุคคลนี้ ก็จะทำให้จิตขณะสุดท้ายเกิดขึ้น เป็นจุติจิต เคลื่อนจากภพนี้ ที่เราใช้คำว่า “ตาย” ใครจะไปบังคับให้จุติจิตเกิดขณะนั้นขณะนี้ เป็นไปไม่ได้เลย หรือใครก็ตามที่จะไปพยายามให้จิตของคนอื่น ที่เป็นจุติจิตเกิดขึ้นขณะนั้นขณะนี้ ก็เป็นไปไม่ได้ เพราะว่าไม่มีใครสามารถรู้ได้ว่า จุติจิตจริงๆ เกิดขึ้นเมื่อไร

        เพราะฉะนั้นถ้าเป็นผู้มีความเข้าใจถูกต้องว่า ทุกอย่างเป็นไปตามกรรม และบุคคลนั้นก็ไม่มีเจตนาที่จะฆ่า ถ้าคิดถึงความทรมานที่เกิดขึ้นกับบุคคลใดก็ตามก่อนจะสิ้นชีวิต บางคนก็คิดว่าเป็นการดี ถ้าจะทำให้เขาไม่ทรมาน เพราะฉะนั้นก็จะมีความคิดว่า ถ้าเป็นโดยนัยนั้น ให้เขาสิ้นชีวิต จะเป็นการช่วยเหลือ คิดอย่างนั้น เพราะเข้าใจไม่ถูก เข้าใจว่า การกระทำที่จะทำให้บุคคลนั้นสิ้นชีวิตเป็นการช่วยเหลือ แต่ถ้าไม่มีเจตนาที่จะให้สิ้นชีวิต นี่เป็นความละเอียดที่ต่างกัน เพราะว่าแม้ว่าๆ ๆ ๆ เห็นบุคคลหรือสัตว์ หรืออะไรก็ตามแต่ที่กำลังทรมาน ก็จะมีบุคคล ๒ บุคคล คนหนึ่งเห็นว่า การทรมานนั้นไม่ควรจะมีต่อไป ก็มีเจตนาที่ช่วยให้เขาตายโดยการฆ่า สิ้นชีวิตไปโดยประการหนึ่งประการใด นั่นคือบุคคลหนึ่ง แต่อีกบุคคลหนึ่ง ก็รู้ว่าแม้เขาจะมีความทรมานอย่างนั้น เขาต้องเป็นไปตามกรรม และเมื่อจากโลกนี้ไปแล้ว ใครจะรู้ว่า เขาไปไหน จะไปสวรรค์ หรือจะไปสู่นรก หรือไปสู่ภูมิอื่น สัตว์เดรัจฉาน ก็แล้วแต่

        เพราะฉะนั้นไม่มีใครสามารถรู้กรรมที่จะทำให้บุคคลนั้นไป และไม่มีใครสามารถที่จะรู้จริงๆ ว่า จุติจิตจะเกิดขึ้นเมื่อไร เพราะฉะนั้นก็ขึ้นอยู่กับเจตนา ซึ่งบุคคลในครั้งก่อน แม้ในพระวินัยพระผู้มีพระภาคก็ได้ตรัสถามภิกษุซึ่งเป็นบุตร และมีการกระทำที่บิดาสิ้นชีวิตไปว่า เธอมีเจตนาฆ่าหรือเปล่า

        อันนี้ก็เป็นสิ่งที่ละเอียด เป็นสิ่งที่สำคัญที่ต้องรู้ว่า บางสิ่งบางอย่างที่กระทำไปด้วยโทสะ แต่ไม่มีเจตนาฆ่า ก็ไม่ใช่ปาณาติบาต แต่ต้องเป็นอกุศลกรรม เพราะเหตุว่ามีอกุศลจิตที่เบียดเบียนบุคคลผู้ที่เป็นบิดา แต่ว่าจะเบียดเบียนระดับไหน นั่นอีกประการหนึ่ง เพราะเหตุว่าเวลาโกรธ ก็มีการผลักให้ล้มลง แต่ไม่ได้คิดเลยว่า บิดานั้นจะถึงกับสิ้นชีวิตไป

        นี่ก็เป็นเรื่องของจิตที่ละเอียด เพราะฉะนั้นก็เป็นสิ่งที่จะต้องระวัง และมีความเข้าใจที่ถูกต้อง ถ้าเป็นในครั้งก่อน เครื่องช่วยหายใจก็ไม่มี อะไรก็ไม่มี ก็แล้วแต่ เป็นไปตามกรรมจริงๆ แม้ในยุคนี้จะมี เสมือนว่ามีเครื่องที่จะช่วยทำให้บุคคลนั้นมีชีวิตต่อไป แต่ความจริง เขาไม่ต้องมีใครไปทำเลย ก็สิ้นชีวิตได้ แม้ว่าจะมีอุปกรณ์เครื่องมือต่างๆ ที่ช่วยเหลือก็ได้

        ที่มา ...

        พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 250


    หมายเลข 11890
    10 ม.ค. 2567