ความน่าอัศจรรย์ของธรรม


        ท่านอาจารย์ สำหรับวันนี้ก็มีความเข้าใจเรื่องจิตว่า เป็นสิ่งที่มีจริง และไม่ใช่เราด้วย และเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย และจิตหลากหลายมาก ถ้าศึกษาต่อไปก็จะทราบว่า เป็นจิตแต่ละขณะ แต่ละประเภท ไม่ใช่เรา เพื่อให้เข้าใจจริงๆ เพิ่มขึ้นว่า ไม่มีเรา

        ไม่มีเรานี่ดีหรือไม่ดี

        ผู้ฟัง ดีครับ

        ท่านอาจารย์ ดีอย่างไรคะ ไม่มีญาติพี่น้องด้วย ไม่มีเพื่อน ไม่มีใครเลย ทรัพย์สมบัติอะไรก็ไม่มีหมดเลย เป็นแต่ธรรมทั้งหมด ดีตรงไหน เพราะว่าขณะนี้เราอาจจะมีพ่อแม่พี่น้อง เพื่อนฝูง รู้สึกว่าอบอุ่น มีสิ่งที่ปรากฏทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ น่าเพลิดเพลิน แล้วถ้าไม่มีสิ่งต่างๆ เหล่านั้นเลย ดีตรงไหน

        ผู้ฟัง ต้องที่ไม่ติดข้อง

        ท่านอาจารย์ ดีตรงที่รู้ว่า ความจริงเป็นอย่างนั้น ต้องอาจหาญร่าเริงไหมคะ ที่จะสูญสิ้นทุกสิ่งทุกอย่าง แม้แต่ความเป็นเรา ที่เคยเข้าใจว่ามีเรา เพราะว่าสิ่งที่ทุกคนรักที่สุด คนอื่นหรือตัวเอง

        ผู้ฟัง ตัวเอง

        ท่านอาจารย์ อย่างไรๆ ไม่มีการรักใครเกินตัวเอง เพราะยังเข้าใจว่ามีตัว มีเรา เพราะฉะนั้นก็จะเห็นได้ว่า การที่จะมีปัญญาจนสามารถสละความเป็นเรา สละความติดข้องว่า เห็นไม่ใช่เรา ได้ยินก็ไม่ใช่เรา สัตว์บุคคลใดๆ ก็ไม่มีเลยทั้งสิ้น เป็นสภาพธรรมที่แล้วแต่ว่าเป็นประเภทไหน ก็เกิดขึ้นทำกิจหน้าที่ของประเภทของธรรมนั้น แล้วก็หมดไป และไม่ใช่เป็นเฉพาะชาตินี้ชาติเดียว แสนโกฏิกัปมาแล้ว พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าแต่ละพระองค์ที่ได้ทรงบำเพ็ญพระบารมีที่จะรู้ความจริง ก็ผ่านไปในอดีตมาก แต่ผู้ที่ไม่รู้ ก็ยังคงไม่รู้ไปเรื่อยๆ ก็ยังคงไม่สละความเป็นเรา เพราะเหตุว่าต้องเป็นผู้อาจหาญร่าเริงจริงๆ และที่ว่าอาจหาญร่าเริง ไม่ใช่อวิชชา ต้องเป็นวิชชา หรือเป็นปัญญาที่รู้ว่า ปัญญา ความเห็นถูก เป็นสิ่งที่ยากที่จะมีได้ และถ้ามีแล้ว ก็สามารถจะดับกิเลสได้หมด และก็ดับเราได้จริงๆ จะไม่มีเราอีกต่อไปในสังสารวัฏฏ์ พร้อมไหมคะ

        ผู้ฟัง ก็อยากให้เป็นอย่างนั้น แต่ก็ยังไม่ทราบว่าเมื่อไร

        ท่านอาจารย์ อยากเฉยๆ ก็ไม่ได้ โดยไม่รู้ ต้องรู้ความเป็นจริง คือ ต้องเข้าใจสิ่งที่มีจริงไปเรื่อยๆ ด้วยความอาจหาญร่าเริงที่จะรู้ว่า เมื่อความจริงเป็นอย่างนี้ ก็ต้องเป็นอย่างนี้ จะหาเรา หรือจะยึดถืออะไรว่าเป็นเราได้ เมื่อวานนี้หมดไปแล้ว เมื่อวานนี้สนุกมากไหม มีทุกข์มากไหม มีเรื่องอะไรต่างๆ เยอะแยะไหม ก็จะไม่เหลือเลย วันนี้ก็จะเป็นเหมือนเมื่อวานนี้เมื่อถึงวันพรุ่งนี้ หรือว่าเพียงแค่หลับ หมดแล้วค่ะ ชื่ออะไร ก็ไม่รู้ อยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ มีญาติพี่น้องหรือไม่มี ก็ไม่รู้ จะทำอะไรต่อไปก็ไม่รู้ ทำอะไรไปแล้วก็ไม่รู้ คือ เหมือนไม่มีมีเรา ไม่มีอะไรเลย แต่แล้วก็มี ตามเหตุตามปัจจัย

        นี่คือความน่าอัศจรรย์ของธรรม ซึ่งเป็นธรรมที่ใครก็บังคับบัญชาไม่ได้ แต่ต้องอาจหาญร่าเริงที่จะสละความเป็นเรา

        ที่มา ...

        พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 250


    หมายเลข 11895
    11 ม.ค. 2567