คิดอย่างไรจึงศึกษาธัมมะ


        พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงอนุเคราะห์ชาวโลกให้ดับกิเลสจนหมดสิ้นได้ เพราะฉะนั้น ก็แสดงให้เห็นว่า แต่ละคนรู้ตัวหรือเปล่าว่ามีกิเลสมากประมาณไม่ได้เลย เท่าที่เกิดมาในชาตินี้ ก็ยังไม่หยั่งรู้ถึงกิเลสที่สะสมมาในสังสารวัฏ

        เพราะฉะนั้น การที่ใครก็ตามเห็นพฤติกรรมต่างๆ ทางกาย ทางวาจา ทางใจ ที่ไม่ถูกไม่ควรทั้งหมด มาจากกิเลส ธรรมที่เป็นเรื่องเศร้าหมอง คือเจตสิกที่เป็นอกุศล เพราะฉะนั้น ใครจะละกิเลสได้ หรือคิดจะไม่ละเลย ที่ฟังธรรมทุกวันคิดอย่างไร แต่ละคนก็ แต่ละอัธยาศัย ดิฉันเองเพียงได้ยินคำว่าพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า คิดดูใครจะไม่อยากฟังธรรมของพระองค์ เพียงคำว่าพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า มีหรือที่จะไม่อยากฟังคำของพระองค์

        เพราะฉะนั้น ถ้ามีที่หนึ่งที่ใดที่มีการสอน ก็พร้อมที่จะฟัง เพราะฉะนั้น เมื่อมีการสอนพระอภิธรรมที่พุทธสมาคม ไม่รีรอเลย เพราะเหตุว่า เป็นสิ่งซึ่งไม่เคยคิดเลย ว่ามีโอกาสที่จะได้มีการศึกษาธรรมโดยตรงจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็เป็นจุดเริ่มแรก ก็หวังว่า ทุกคนที่จะศึกษาธรรมเพื่อต้องการเข้าใจธรรม เพื่อต้องการรู้จักพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่ใช่ไปเชื่อใคร ไปฟังใคร แต่เพื่อที่จะได้รู้ว่า คำที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสจากพระโอษฐ์จริงๆ กล่าวว่าอย่างไร

        เพราะฉะนั้น ก็จะเห็นได้ถ้าเรารู้ประโยชน์ว่า เราไม่สามารถที่จะเข้าใจพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้เลย เพียงได้ยินชื่อ แต่ว่าถ้าเราได้ฟังคำของพระองค์โดยตรง เราก็เริ่มที่จะรู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และ ทุกคนมีกิเลสหรือเปล่า รู้ตัวหรือเปล่า หรือว่าเป็นคนดี ใครพูดอะไรก็ไม่ได้ ใครว่าอะไรก็ไม่ได้ เพราะเราเป็นคนดีอย่างนั้นหรือ

        เพราะฉะนั้น ใครจะรู้ว่าเรามีกิเลสมากแค่ไหน คนอื่นรู้ไม่ได้เลย แล้วพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงธรรมที่จะดับกิเลส ลองคิดดู น่าอัศจรรย์หรือไม่ ใครที่จะกล้า ที่จะกล่าว หรือที่จะคิดว่ามีคนที่สามารถที่จะดับกิเลสได้ ไม่ธรรมดาแน่นอน เพราะฉะนั้น หนทางนี้ต้องเป็นหนทางที่ลึกซึ้งอย่างยิ่ง ยากอย่างยิ่ง และก็ต้องเป็นสิ่งที่น่าเคารพสูงสุด ในคำของผู้ที่ได้ดับกิเลสแล้ว

        ด้วยเหตุนี้ ทุกคนที่ฟังธรรมต้องรู้ เพราะว่าตัวเองมีกิเลสมาก สะสมมาก ไม่มีอะไรเลยที่จะขัดเกลากิเลสซึ่งมีมากได้ นอกจากผู้ที่ตรัสรู้หนทาง และได้ทรงแสดงความจริงให้ฟัง ให้มีความเข้าใจ เพื่อที่คนนั้นจะได้รู้คุณ และเห็นประโยชน์ ว่าแต่ละคำทำให้เกิดประโยชน์ซึ่งไม่เคยมีมาก่อนในสังสารวัฏ คือที่จะได้เข้าใจแต่ละคำ ที่กล่าวถึงสิ่งที่มีแล้วเดี๋ยวนี้ ไม่ใช่ต้องไปทำให้เกิดขึ้น แต่ไม่มีใครสามารถที่จะรู้ความจริงถึงที่สุดของสิ่งที่กำลังมีในขณะนี้ได้

        เพราะฉะนั้น มีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์เดียวเท่านั้น ที่จะต้องศึกษาทุกคำด้วยความเคารพอย่างยิ่ง ด้วยความจริงใจ ด้วยความตรง ที่จะรู้ว่าถ้าเราขาดการไตร่ตรอง เราจะเข้าใจผิด ซึ่งเป็นการทำลายคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งหมดเลย เพราะฉะนั้น จึงต้องศึกษาด้วยความเคารพอย่างยิ่ง และประโยชน์จริงๆ ของทุกคนที่นั่งฟัง ก็คือว่า กิเลสสะสมมานานในสังสารวัฏ อย่าคิดที่จะหมดโดยง่ายหรือว่าโดยไม่กี่คำ หรือโดยคำของคนอื่น ที่กล่าวว่าไปสำนักปฏิบัติ ปฏิบัติ ๕ วัน ๗ วันแล้วก็จะละกิเลสได้ เป็นไปได้ยังไง

        พระอรหันต์ก็สัมมาสัมเจ้าทรงบำเพ็ญพระบารมีนานเท่าไหร่ แต่ละพระชาติ และบารมีก็ยากยิ่งที่ใครจะทำได้ แต่พระองค์ก็เพื่อเราจะได้ฟังคำของพระองค์ ไม่ใช่เพียงเพื่อพระองค์จะได้ตรัสรู้เพียงพระองค์เดียว แต่ยังเห็นประโยชน์ว่า สัตว์โลกไม่มีทางที่จะเข้าใจสิ่งที่มีทุกขณะในชีวิตถ้าพระองค์ไม่ตรัส ไม่อนุเคราะห์ด้วยเหตุนี้ โอกาสใดที่มีโอกาสจะได้ฟังก็ ฟังด้วยความเคารพ ด้วยความไตร่ตรอง ด้วยความมั่นคง ด้วยการกล้าที่จะกล่าวคำของพระองค์เพื่อที่จะดำรงรักษาคำสอนของพระองค์ด้วย


    หมายเลข 11806
    31 ธ.ค. 2566