แก้วิกฤตพระพุทธศาสนาได้อย่างไร


        ก็น่าถามนะ แล้วจะแก้วิกฤตพระพุทธศาสนาไหม ไม่ได้ถามใคร ถามตัวเอง เพราะเหตุว่า ไม่รู้ จึงวิกฤตหนทางแก้ความวิกฤต ความทุจริตความเสียหายล่มจมทั้งหมด ก็มาจากความเข้าใจถูกต้องตามความเป็นจริงว่าไม่มีเราแต่มีกุศลธรรมและอกุศลธรรม ซึ่งเป็นโทษทั้งตนเองและผู้อื่น ยังคงจะต้องอยู่ไปในสังสารวัฏอีกนานแสนนาน ตราบใดที่ยังไม่รู้ความจริงแล้วก็เพิ่มอกุศล

        เพราะเหตุว่า แม้ขณะนี้การฟังและการเข้าใจธรรม ยังเป็นท่ามกลางอกุศลเพราะมีเห็น ก็ต้องมีความไม่รู้ในเห็น มีได้ยินก็ต้องมีความไม่รู้ในได้ยิน เพราะฉะนั้น เมื่อมีความเข้าใจถูกต้อง จะแก้ปัญหาไหม จะกล้าที่จะกล่าวคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพื่อให้มีความเข้าใจที่ถูกต้องแทนความไม่รู้ซึ่งเป็นการแก้วิกฤตไหม แต่รู้ไหมว่าอะไรทำให้ ทำไม่ได้หรือทำ ถ้ามีปัญญาปัญญาทำในสิ่งที่ถูกต้องไม่ได้กลัวอะไรเลย

        เพราะเหตุว่า ความถูกต้องน่ากลัวหรือ ความจริงน่ากลัวหรือ เป็นธรรมทั้งหมด แล้วก็ถ้าไม่มีความไม่รู้ก็ยังคงไม่รู้และก็ยังไม่กล้าที่จะทำสิ่งที่ถูกต้อง เพราะฉะนั้น ใครก็ตาม ที่กล่าวคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพื่อประโยชน์กับโลกไม่ว่าใครทั้งสิ้น เป็นสิ่งซึ่งเป็นประโยชน์ที่สุดในชาติหนึ่ง ชาติหนึ่ง แต่ทำไม่ได้บางคนไม่ทำ บางคนบอกไม่ต้องทำหรอก อย่าไปทำเลย เพราะอะไร เพราะไม่รู้

        เพราะฉะนั้น ไม่ใช่กิจของปัญญาที่จะไม่ทำสิ่งที่ควร แต่เมื่อปัญญาเกิดขึ้น ตามกำลังของปัญญาใครจะกล้าทำอะไรแค่ไหน ก็เพราะปัญญาที่เห็นประโยชน์เท่านั้น เห็นว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้อง จะมีโทษอะไร ไม่ว่าโทษอะไรๆ ที่จะเกิดกับใครไม่ใช่เพราะปัญญา แต่เพราะกรรมที่ได้กระทำแล้ว

        เพราะฉะนั้น เรื่องของความตายไม่น่ากลัวเลย เพราะเหตุว่า เป็นจิตหนึ่งขณะ แล้วเดี๋ยวนี้ใครรู้จิตหนึ่งขณะ ไม่มีใครรู้เลย เพราะฉะนั้น ความตายจะเกิดเมื่อไหร่ หนึ่งขณะจิต เกิดแล้วดับ จิตนั้นทำหน้าที่เคลื่อนพ้นสภาพความเป็นบุคคลนี้โดยสิ้นเชิง จะกลับมาเป็นคนนี้อีกไม่ได้เลย แม้หนึ่งขณะ จะเอาเงินมากมายมหาศาล ที่จะต่อไปอีกหนึ่งขณะก็ไม่ได้ เพราะกรรมที่ได้กระทำแล้ว ถึงวาระถึงโอกาสที่จะเกิดก็ต้องเกิด หนึ่งขณะจิตทำจุติกิจ คือจิตที่พ้นสภาพความเป็นบุคคลนี้ดับ เป็นปัจจัยให้ขณะต่อไปเกิดขึ้น ใช้คำว่าปฏิสนธิจิต ตามกิจคือ เกิดสืบต่อจากจุติจิตซึ่งดับไป ไม่มีระหว่างคั่นเลย ทันทีที่พ้นสภาพความเป็นบุคคลนี้ ก็เป็นบุคคลใหม่ เร็วแค่จิตสองขณะ ไม่เห็นจะต้องตกใจหรือหวาดกลัวอะไร เพราะไม่รู้ เดี๋ยวนี้จิตกี่ขณะเกิดไปแล้วก็ไม่รู้

        เพราะฉะนั้น ความตายหนึ่งขณะจะรู้อะไร เพราะฉะนั้น เมื่อเกิดก็เป็นอีกบุคคลหนึ่งซึ่งเป็นไปตามกรรมที่ได้กระทำแล้ว ที่ได้สะสมมา เพราะฉะนั้น เมื่อต้องตาย อาจจะเป็นวันนี้ หรือพรุ่งนี้ หรือเดือนหน้า หรือปีหน้าก็ได้ ทำไมไม่ทำความดี หรือว่าไม่เริ่มฟังธรรมให้เข้าใจให้ถูกต้อง เพราะจะเป็นที่พึ่งต่อไปเหมือนสาวกในอดีตกาล ท่านได้ฟังธรรม ท่านได้สะสมความเข้าใจธรรม จนในที่สุด ท่านก็รู้แจ้งอริยสัจจธรรม เพราะฉะนั้น สิ่งที่ไม่ควรทำอย่างยิ่งก็คือ ไม่รู้ต่อไป ซึ่งจะเป็นเหตุให้เป็นอกุศลต่อไป กับถ้าเริ่มรู้เริ่มเข้าใจกุศลเพิ่มขึ้น เป็นการแก้ความวิกฤตทั้งของพระศาสนาและของประเทศชาติ


    หมายเลข 11811
    11 ธ.ค. 2566