ชีวิตบนปากเหว


        ท่านอาจารย์ คนที่ไม่เข้าใจธรรมมีมาก และคนที่เข้าใจธรรมผิดก็มีมาก หนทางเดียวที่เป็นผู้ที่หวังดี ต่อคนที่ไม่เข้าใจธรรม หรือเข้าใจธรรมผิดก็คือว่า มีความเป็นมิตรที่จะให้สิ่งที่ถูกต้อง เพราะฉะนั้น สิ่งใดก็ตามที่ได้ศึกษาแล้วถูกต้อง ก็ควรที่จะให้คนอื่นได้รับฟังด้วย แต่ถ้ามีคนที่คัดค้านไม่เห็นด้วย ไม่เข้าใจก็เชิญร่วมสนทนาธรรม เพื่อที่จะได้เป็นมงคล ในการที่จะให้ความเข้าใจที่ถูกต้องเกิดขึ้น

        เพราะเหตุว่า ธรรมเป็นเรื่องที่ละเอียดลึกซึ้งมาก ทุกคนก็ยังคงมีความหวังดีต่อไป มีความเป็นมิตรต่อไป ใครจะรักใครจะชังไม่ใช่เรื่องสำคัญเลย ที่สำคัญกว่านั้น คือ ความเข้าใจถูกต้อง เพราะเหตุว่า เหมือนทุกคนมีอกุศลมากยืนอยู่ที่ปากเหว จะตกลงไปหรือว่าจะถอยกลับที่จะไม่ตกลงไป เพราะเหตุว่า ที่มีความเห็นผิดในชาตินี้แล้วมีหรือที่ชาติต่อไปจะไม่เห็นผิดต่อไปอีก

        เพราะฉะนั้น เป็นเรื่องที่เป็นอันตรายอย่างใหญ่หลวงมาก และเราก็ไม่รู้ว่าใครจะมีชีวิตอยู่อีกนานเท่าไหร่ เพราะฉะนั้น ด้วยความเป็นมิตรก็ให้เขาพ้นจากเหวของความไม่รู้ และความเห็นผิดที่ควรจะได้ศึกษาให้เข้าใจพระธรรมมิฉะนั้นแล้วเป็นโทษหนักมาก เพราะเหตุว่า คำไม่จริงทำลายคำจริง คำที่ไม่จริงก็ทำลายคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งหมด ฟังคำ ใครพูดก็ตามแต่ คำนั้นถูกต้องจริงหรือเปล่า ถ้าจริงควรที่จะฟังต่อไปไหม หรือว่าควรจะยึดถือความเห็นผิดต่อๆ ไป

        อ.อรรณพ ใครจะช่วยคนที่อยู่ที่ปากเหวได้ หรืออะไรจะช่วยได้

        ท่านอาจารย์ ไม่มีใครช่วยใครเลยแม้พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็ไม่สามารถที่จะทำให้คนที่เห็นผิดกลับมาเห็นถูกได้ ถ้าเขาไม่ฟังคำของพระองค์ และไม่ไตร่ตรอง และไม่เป็นผู้ที่จริงใจ เพราะฉะนั้น ต้องเป็นผู้ตรง ฟังธรรมทำไม แค่นี้ ฟังเพื่อเข้าใจมิใช่หรือ ถ้าฟังเพื่อที่จะเข้าใจก็ต้องไตร่ตรองพิจารณาทบทวนให้สอดคล้องกันทั้งหมด เพื่อที่จะได้สะสมเป็นความเข้าใจถูกที่จะค่อยๆ เข้าใจธรรม ที่กำลังปรากฏยิ่งขึ้น เพราะเหตุว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงแสดงความจริงของสิ่งที่มีจริงทุกกาลสมัย เดี๋ยวนี้เห็นมีจริง แต่เป็นเราเห็นคิดดูสะสมมาที่จะไม่รู้ความจริง ว่าเห็นเดี๋ยวนี้เกิดแล้วก็ดับสืบต่อ แม้ว่าจะได้ฟังคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ยังไปคิดอย่างอื่น ไปทำอย่างอื่น ที่จะไม่ค่อยๆ สะสมความเห็นถูก เพื่อละความเห็นผิด จนกว่าสภาพธรรมที่ปรากฏเดี๋ยวนี้ตามปกติ แต่เข้าใจจากการที่ได้ฟังทีละน้อยเพิ่มขึ้น หนทางเดียว มิฉะนั้นเดี๋ยวนี้ ถ้าสภาพธรรมไม่ปรากฏการเกิดดับก็ยังเป็นเราเห็น

        อ.อรรณพ ในเหวที่จะตกลงไป เป็นทุกข์โทษอะไรบ้างไหมครับท่านอาจารย์

        ท่านอาจารย์ ก็มืดมิดด้วยอวิชชาเหมือนชาติก่อนๆ และก็ต่อไปอีกนับประมาณไม่ได้เลย และการตรัสรู้ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแต่ละพระองค์ ก็ไม่ใช่ว่าจะมีโดยง่าย

        อ.อรรณพ ถ้าชาตินี้มีความเห็นผิด ชาติหน้าก็จะต้องมีความเห็นผิดไปอีก น่ากลัว

        ท่านอาจารย์ แน่นอน ชาติหน้าก็คือ ขณะต่อไปทุกขณะนั่นแหละ สะสมความเห็นผิดต่อไปเรื่อยๆ และต่อไปจนถึงจากโลกนี้ไปสู่โลกหน้า ความเห็นผิดในชาตินี้ที่สะสมไว้จะมากสักเท่าไหร่ เมื่อฟังพระธรรมแล้วเข้าใจเมื่อไหร่ เห็นคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเมื่อนั้น และก็ยิ่งฟังเข้าใจขึ้น ยิ่งเห็นคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้ายิ่งขึ้น เป็นประโยชน์อย่างยิ่งที่จะทำให้รู้ความต่างของคนที่ไม่รู้อะไร แต่คิดเองกับคนที่ฟังแล้วก็ไตร่ตรอง เพราะว่า ความจริงพิสูจน์ได้ทุกคำ เห็นเดี๋ยวนี้มีจริง เห็นกำลังเกิดดับแน่นอน ใครว่าไม่ใช่บ้างเมื่อเป็นจริงแล้ว ขั้นฟังยังเข้าใจอย่างนี้ แล้วต่อไป ถ้าปัญญาเข้าใจเพิ่มขึ้นละคลายความไม่รู้จากทุกสิ่งที่กำลังปรากฏแต่ละหนึ่ง แต่ละหนึ่งเพิ่มขึ้น ก็สามารถที่จะถึงขณะที่ เมื่อสิ่งหนึ่งสิ่งใดปรากฎ ก็เข้าใจความจริงในการเกิดดับของสภาพธรรมนั้น จะไปหาอะไรเกิดดับนอกจากสิ่งที่กำลังมีในขณะนี้ แต่ต้องเป็นปัญญาเท่านั้น ที่สามารถจะประจักษ์แจ้งได้ โดยค่อยๆ เข้าใจขึ้น แต่วันหนึ่ง วันหนึ่ง เราได้ยินคำอื่นมากมายที่ไม่ใช่คำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เราจำคำอื่นไว้มาก เรื่องราวต่างๆ ทุกวัน แต่จำคำที่ได้ฟังมั่นคงแค่ไหน

        เพราะฉะนั้น จึงต้องอาศัยการฟัง และมีความมั่นคงว่าสิ่งนั้นเป็นความจริงแน่นอน เมื่อเป็นความจริงก็ต้องรู้ได้แน่นอนแต่ไม่ใช่เป็นเรา เพราะต้องมั่นคงในคำที่ว่าธรรมเป็นธรรมไม่ใช่เรา เพราะฉะนั้น การที่จะรู้ธรรมจะเป็นไปไม่ได้ ถ้าขาดการฟังคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทำไมพระองค์ทรงพระมหากรุณาแสดงพระธรรมถึง ๔๕ พรรษา แล้ววันหนึ่ง วันหนึ่งเท่าไหร่ นับแล้วกี่คำ มากมายมหาศาลเราฟังกี่คำ เราเข้าใจจริงๆ กี่คำ เรามั่นคงในคำที่เราได้เข้าใจแล้วกี่คำ

        เพราะฉะนั้น ก็เป็นเรื่องที่จะต้องสะสมต่อไป มีความมั่นคงสัจจบารมี ที่จะมีความมั่นคง อธิษฐานบารมี ซึ่งขณะนี้ก็มีความเพียรอยู่แล้ว ใช่ไหม จากการฟังแต่ละครั้ง แต่ละครั้ง ซึ่งเคยเป็นเรา กว่าธรรมทั้งหมดที่ได้ฟังจะปรากฏเปิดเผยเป็นธรรมไม่ใช่เป็นเรา ตามความเป็นจริงก็ต้องเป็นการที่ค่อยๆ เข้าใจขึ้น


    หมายเลข 11802
    31 ธ.ค. 2566