ณ กาลครั้งหนึ่ง


        อ.อรรณพ ข้อความที่สั้นๆ คำที่ว่า ณ กาลครั้งหนึ่ง จะเตือนอย่างไรครับ ท่านอาจารย์

        ท่านอาจารย์ เพื่อจะได้รู้ว่าไม่มี ไม่มีเรา มีแต่เพียง ณ กาลครั้งหนึ่งซึ่งมีสภาพธรรมนั้นเกิดขึ้นเป็นอย่างนั้น แล้วก็ไม่กลับมาอีกเลย ก็คงจะมีเหตุการณ์หลายอย่าง ที่อาจจะเตือนให้รู้ว่า ไม่มีอะไรเหลือ อย่างที่พระวิหารรุวันเวลิสยะ พระมหาถูปะ เช้ามืดใครจะคิดว่า ใครจะพบใคร พร้อมด้วยดอกบัวสีขาวใหญ่ที่สวยงาม แล้วเอามามอบให้บูชา แล้วก็ไม่เห็นกันอีกเลย แต่วันนี้ก็ได้รับพวงมาลัยหลายพวง ใช่ไหม ใครจะรู้ ณ กาลครั้งหนึ่งทั้งนั้น

        อ.อรรณพ ก็ถ้าต่างกับการพูดคำ คำเดียวกัน ด้วยความผูกพันได้สิ่งที่น่าพึงพอใจ เขาก็คิดถึง ณ กาลครั้งหนึ่ง ด้วยความว่า ดีจังเลยนะ แล้วก็อยากจะให้มีอย่างนั้นอีก บางทีก็คิดว่า เราจะต้องอาจจะเป็นการจัดกิจกรรมระลึกถึงความประทับใจอย่างนั้นอีก อะไรอีก

        ท่านอาจารย์ ขณะนั้นรู้ไหม ว่าอะไร ป่ารกชัฏ

        อ.อรรณพ รกชัฏไปด้วยอะไรครับ ท่านอาจารย์

        ท่านอาจารย์ ความผูกพัน การจำได้ การระลึกถึง ด้วยการไม่เข้าใจความจริง ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ก็ไม่มีใครสามารถที่จะรู้ได้ ไม่ว่าสิ่งที่ดี หรือสิ่งที่ไม่ดี

        อ.อรรณพลภะ รกอย่างไรครับ ท่านอาจารย์

        ท่านอาจารย์ ถ้ามีเพียงอย่างเดียว รกไหม

        อ.อรรณพ ถ้าอย่างเดียวก็ไม่รก

        ท่านอาจารย์ สองอย่าง

        อ.อรรณพ ก็รกขึ้นนิดนึง

        ท่านอาจารย์ สามอย่าง

        อ.อรรณพ ก็รกเป็นสามอย่าง

        ท่านอาจารย์ ร้อยอย่าง พันอย่าง หมื่นอย่าง แสนอย่าง แล้วกี่อย่างละคะเดี๋ยวนี้ นับสิ่ เฉพาะตรงนี้ แล้วที่อื่นหล่ะ

        อ.อรรณพ กลับมาเรื่อง ณ กาลครั้งหนึ่ง ก็สนทนากันดีมากเลยครับ ท่านอาจารย์ บางทีในบางครั้ง แล้วท่านอาจารย์ก็บอกว่า ก็จะเป็น ณ กาลครั้หนึ่ง

        ท่านอาจารย์ ก็ใครจะรู้ ใช่ไหม ไม่รู้จักกันเลย แล้วใครจะคิดที่พระวิหารรุวันเวลิสยะ มหาถูปะ ที่ศรีลังกา จะมีใครตื่นแต่เช้าอย่างนั้นบ้าง ก็มีแค่สองคน คือ คนนึงก็มีดอกบัวขาว และอีกคนก็เดินไป คนนั้นก็มีความหวังดีอย่างมาก ไม่นมัสการด้วยตัวเอง แต่เอามาให้คนอื่นนมัสการ

        เพราะฉะนั้น แต่ละหนึ่งไม่มีใครรู้เลยว่าอะไรจะเกิดขึ้น และจิตขณะนั้นจะเป็นกุศลหรือเป็นอะไรก็แล้วแต่ แต่ว่าหมดแล้ว ไม่เหลือ และนี่เพียงครั้งหนึ่ง ณ กาลครั้งหนึ่ง และ ณ กาลครั้งหนึ่งในชาติก่อนๆ หล่ะ นับไม่ถ้วน ไม่มีอะไรที่ยั่งยืนเลย เพียงชั่วคราว ตามเหตุตามปัจจัย แล้วก็ไม่กลับมาอีกเลย ถ้ากลับไปที่นั่นอีก จะมีอย่างนั้นอีกหรือเปล่า ถ้ามี ก็ไม่เหมือนเดิม ไม่ใช่เก่าที่จะกลับมาได้

        เพราะฉะนั้น แต่ละหนึ่งก็เพียงครั้งหนึ่งจริงๆ ครั้งเดียวในสังสารวัฏ ก็ไปอีกก็ไม่มี แต่มีดอกบัวเยอะ แล้วก็ช่วยกันพับดอกบัวบูชา ก็แล้วแต่เหตุการณ์ แล้วแต่ ณ กาลครั้งหนึ่ง ในแต่ละครั้งในสังสารวัฏ

        อ.อรรณพ ณ กาลครั้งหนึ่งที่ รุวันเวลิสยะ เหมือนกัน ท่านอาจารย์ก็ได้ให้จัดหาดอกบัวมาทั่วเมืองอนุราธปุระ ทั่วเมืองเลย ได้มาแปดพันกว่าดอก แล้วก็มานั่งพับกัน แล้วก็เรียงรายรอบพระสถูปอันกว้างใหญ่ ประทับใจครับท่านอาจารย์ แล้วอดคิดไม่ได้ว่า แล้วกลับไปทำอย่างนั้นอีก น่าจะดีนะ

        ท่านอาจารย์ ชาติหน้าจะกลับไปไหม

        อ.อรรณพ ชาติหน้าลืม คงลืมครับท่านอาจารย์

        ท่านอาจารย์ ลืมหมดเลย จำไม่ได้เลย ณ กาลครั้งหนึ่งเท่านั้นจริงๆ ถ้าเข้าใจความจริงก็คือ ไม่มีเรา ไม่มีอะไรที่ยั่งยืน มีแต่สิ่งที่มีปัจจัยเกิดขึ้น แล้วก็ดับไป แล้วก็ไม่กลับมาอีกเลย ในสังสารวัฏ แม้ที่นั่งตรงนี้ ก็เพียงเดี๋ยวนี้เท่านั้นเอง แค่เหตุการณ์หนึ่ง แล้ววิถีชีวิตของแต่ละคน แต่ละครอบครัวหล่ะ มากกว่าคนหนึ่ง รกไหม แล้วรกนั้นอยู่ที่ไหน อยู่ในใจ ไม่ได้อยู่ข้างนอกเลย เพราะฉะนั้น ภายในใจ รกแค่ไหน มองไม่เห็น ถ้าไม่ได้ฟังพระธรรม

        อ.คำปั่น ณ กาลครั้งหนึ่งที่ประเสริฐยิ่ง ที่มีค่ายิ่ง ทุกท่านที่ได้ผ่านข้อความในพระไตรปิฏกก็จะมีคำว่า สมัยหนึ่งพระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ที่พระวิหารเชตวัน อารามของท่านอนาถบิณฑิกะเศรษฐี เขตพระนครสาวัตถี และพระองค์ก็จะทรงแสดงธรรมเป็น ณ กาลครั้งหนึ่ง ที่เป็นไปเพื่อประโยชน์เกื้อกูลแก่สัตว์โลกจริงๆ เลยครับ


    หมายเลข 11796
    31 ธ.ค. 2566