ไม่เดือดร้อนกับอกุศล
ผู้ถาม กว่าจะฟังพระธรรม แต่ละครั้งๆ เพื่อที่จะค่อยๆ จำเรื่องราวของพระธรรมจำในสิ่งที่มีจริง ต้องนานแค่ไหน
สุ. โดยมั่นคงว่าไม่ใช่เรา มิฉะนั้น ก็เป็นเราเพิ่มเข้าไปเรื่อยๆ โดยไม่รู้ตัว
ผู้ถาม ก็ต้องฟังจนกว่าที่ท่านอาจารย์บอก เมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น จนกว่าไม่ใช่เราจริงๆ ก็ต้องใช้ความอดทนมาก แล้วก็ต้องเป็นการอบรมความเข้าใจที่ยาวนานมากจริงๆ
สุ. แล้วเดือดร้อนไหม
ผู้ถาม ไม่เดือดร้อน
สุ. ถ้าเดือดร้อนก็คือ เป็นเรา
ผู้ถาม ถ้าเมื่อก่อนก็จะเดือดร้อน แต่เดี๋ยวนี้ฟังแล้ว พอเข้าใจว่า มันเป็นหนทางเดียว ที่เป็นหนทางที่ยากมาก เพราะธรรมลึกซึ้ง
สุ. อกุศลเกิดเดือดร้อนไหม
ผู้ถาม ไม่เดือดร้อน
สุ. ไม่เข้าใจ เดือดร้อนไหม
ผู้ถาม ไม่เดือดร้อน
สุ. ก็แสดงว่าเข้าใจขึ้น ว่าขณะนั้น ก็ดับแล้วทุกอย่าง ไม่ใช่เรา
อรร. ไม่เข้าใจก็ไม่เดือดร้อน รู้ว่าเกิดแล้วดับแล้ว แสดงว่าเข้าใจ
สุ. ถูกต้อง เพราะฉะนั้น แม้ไม่เข้าใจ ก็ไม่เดือดร้อน ไม่เดือดร้อนนั้น คือปัญญา ที่รู้ว่าไม่เข้าใจก็ดับแล้ว ไม่ใช่เรา ถ้าบอกให้เดือดร้อน ถูกหรือผิด
อรร. ถ้าบอกให้เดือดร้อนก็ผิด
สุ. อกุศลตั้งเยอะแล้ว ไม่เดือดร้อนหรือ ต้องเดือดร้อนสิ่ ถูกหรือผิด
อรร. ผิด
สุ. ผิดเลย ใช่ไหมคะ ก็อกุศลไม่ใช่เรา แล้วจะเดือดร้อนได้ยังไง อกุศลมากเท่าไหร่ เดือดร้อนไหม นั่นคือ กำลังของปัญญา
อรร. คือ ตอนอกุศลเกิดก็เดือดร้อนเพราะอกุศลเกิด แต่ว่าเมื่ออกุศลนั้นดับไปแล้ว ก็ยังดีที่ไม่เกิดอกุศลซ้ำซากเดือดร้อนต่อเนื่องไปเรื่อยๆ
สุ. แล้วจะไม่เดือดร้อนได้อย่างไร ขณะที่เป็นอกุศล สามารถรู้ว่า นั่นเป็นธรรมต่างหาก ไม่ว่าจะเป็นอกุศลระดับใดก็ตามนะคะ ปัญญาที่ค่อยๆ สะสมมีปัจจัยจึงเกิด ถ้ายังไม่ถึงพร้อมที่จะเกิดก็เดือดร้อนไป แต่พอมีปัจจัยที่จะเกิดขึ้นรู้ ไม่เดือดร้อนเลย
ผู้ถาม จริงๆ แล้ว ถ้าเมื่อก่อนเดือดร้อน แล้วก็ต้องหาหนทาง หาหนทางด้วยความเป็นตัวเรา จะหาวิธี แต่ฟังเรื่อยๆ ฟังท่านอาจารย์ให้ความเข้าใจ ทุกขณะที่เกิดเป็นธรรมหมด ไม่ว่าอะไรจะเกิด สามารถที่จะรู้ได้ เพราะกำลังเกิดไม่ว่าจะอกุศลจิตเกิด โทสะเกิด ความติดข้องเกิด ทุกอย่างที่เกิดทุกขณะ เป็นธรรมหมด ก็ทำให้มั่นคงขึ้นเรื่อยๆ ว่า ทุกขณะที่เกิดเป็นธรรม เวลามีอะไรที่ว่าเดือดร้อน ก็จะเข้าใจว่ามันต้องเป็นอย่างนั้น ไม่มีใครที่จะไประงับให้อกุศลจิตเกิดไม่ได้ มันก็ต้องเกิดเป็นไปตามอย่างนั้น สะสมมาที่จะเป็นอย่างนั้น ก็ทุกอย่างที่เกิดก็เป็นธรรม เราจะเข้าใจ ค่อยๆ เข้าใจขึ้น
สุ. เพราะฉะนั้น ไม่ใช่ตัวตนที่รู้ แต่ต้องเป็นปัญญาที่เริ่มรู้ลักษณะที่เป็นธรรม โดยไม่เรียกว่าลักษณะนั้น เป็นความเดือดร้อนหรือไม่เดือดร้อน
ผู้ถาม ถ้าเลือก ก็ไม่ได้อยู่แล้ว เพราะธรรมเกิดแล้วดับแล้ว ก็ต้องอาศัยการฟังเพื่อเข้าใจอย่างเดียวจริงๆ ว่าทุกอย่างเป็นธรรม เกิดแล้วก็หมดไปทุกขณะ