ทางไปดี


        อ.วิชัย รู้เบื้องต้น ที่จะรู้ว่าพระองค์เสด็จไปดีอย่างไร

        ท่านอาจารย์ ฟัง คำที่พระองค์ตรัส จะได้รู้ว่าพระองค์เสด็จไปทางไหน อย่างไร จึงเป็นทางดี

        อ.วิชัย อย่างเช่น พระองค์แสดงความเป็นจริงของธรรม ให้เกิดความเข้าใจ

        ท่านอาจารย์ เพราะฉะนั้น ก็รู้เลยว่า หนทางนี้ เป็นหนทางที่จะเข้าใจสิ่งซึ่งไม่เคยเข้าใจมาก่อน ดีไหม หนทางนี้ ไปสู่ความเข้าใจ สิ่งที่มี ที่ไม่เคยเข้าใจมาก่อนเลยในสังสารวัฏ เพราะว่าไปทุกขณะ แต่ไปไหน ไปด้วยความไม่รู้ตลอด และก็ยังคงไปต่อไปอีก ชาติต่อๆ ไป ในสังสารวัฏ ถ้าไม่รู้หนทาง ว่าหนทางที่จะไปดีสู่ความเข้าใจที่ถูกต้อง ต้องต่างจากกำลังไป ถ้าไม่ได้ฟังคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเลย ก็ไปสู่ทางที่ไม่มีวันที่จะเข้าใจสภาพธรรมเดี๋ยวนี้ได้ ฟังแต่ละคำ เพื่อไปดีใช่ไหม

        อ.วิชัย เพื่อไปดี

        ท่านอาจารย์ ไม่อย่างนั้น จะฟังทำไม ถ้าฟังแล้วเหมือนเดิม แต่ละคำ กำลังเป็นหนทางไปที่ดี จนกระทั่งสามารถที่จะรู้ได้ว่า ทางนี้เป็นทางดีจริงๆ เพราะสามารถที่จะรู้ความจริงของสิ่งที่กำลังปรากฏ ธรรมดาเลยชีวิตนี้ ก็มีแต่สิ่งที่ปรากฎ อยู่ที่ว่า สามารถจะรู้ความจริงของสิ่งที่ปรากฏได้ไหม วันๆ ไม่เคยมีใครบอกเลยสักนิดนึง เรื่องสิ่งที่มีเดี๋ยวนี้ คือ อะไร สามารถที่จะรู้ความจริงได้ ก็ไม่เคยได้ยิน ได้ฟัง ก็ผ่านไปแต่ละวันด้วยความไม่รู้ ไปในทางที่ไม่ดีมาตลอด เพราะไม่รู้ แต่เมื่อมีผู้ที่ทรงตรัสรู้ความจริง แค่นี้ ก็อยู่ที่จะเป็นผู้ที่สะสมมาในอดีต พอที่จะรู้ประโยชน์ ว่าอะไรเป็นประโยชน์ในชาตินี้ แค่นี้ยังต้องอาศัยการสะสมมา ว่าประโยชน์จริงๆ ของชาตินี้ คือ อะไร

        มีคนที่มีเงินทองมากมายมหาศาล พรุ่งนี้ก็ไม่มีแล้ว ด้วยประการใดๆ ได้หมดเลย โดยการที่จากชาตินี้ โลกนี้ไป ทรัพย์สมบัติที่เคยมีมากมายมหาศาล จะช่วยอะไรได้ หรือยังเป็นต่อไปหรือเปล่า ก็ไม่ใช่เลย หมดสิ้นเลย แต่ทั้งๆ ที่ยังไม่จากโลกนี้ไป ทรัพย์มหาศาลนั้น ก็สามารถที่จะถูกฟ้องร้อง ได้ไหม จนหมดเนื้อหมดตัว ได้ไหม ก็ได้

        เพราะฉะนั้น ก็แสดงให้เห็นว่าทุกสิ่งทุกอย่าง ถ้าเข้าใจจริงๆ ว่า อะไรประเสริฐสุด ต้องเป็นสิ่งที่ดี และเหนือสิ่งที่ดีทั้งหมด ก็คือ สามารถที่จะเข้าใจความจริงของสิ่งที่มี ซึ่งถ้าไม่มีการได้ยินได้ฟังคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จะไม่รู้เลย จะไม่รู้จักพระองค์ และไม่รู้หนทางด้วยว่า พระองค์ไปดี ตั้งแต่เริ่มที่จะบำเพ็ญบารมี ที่จะไปในหนทาง ที่จะทำให้ไปสู่การดับกิเลส ทุกคำที่ฟัง เพื่อเข้าใจ เพื่อเข้าใจแล้วปัญญานำไป ไม่ใช่คนอื่นนำไป อวิชชาก็นำไปไม่ได้ทางนี้ เพราะฉะนั้น แทนที่จะไปทางนี้ อวิชชานำไปทางอื่นไปสำนักปฏิบัติ นั้นคือ อวิชชา

        อ.วิชัย ดังนั้น สิ่งที่ปรากฏที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าประกาศแสดงความจริง ก็เพื่อขณะที่ฟังขณะนั้นเอง สามารถที่จะมีธรรม ที่จะไปสู่การรู้สิ่งนั้น

        ท่านอาจารย์ ไปตามลำดับ ไปในการที่จะเป็นผู้มีเหตุผล ไปในการที่จะเป็นผู้ตรง ไปในการที่จะเป็นผู้ว่าง่าย รู้ว่าอะไรไม่ดี ละได้หรือเปล่า ยากไหม เพราะไม่ใช่เรา อกุศลไม่ว่าง่ายเลย ดื้อด้านบอกเท่าไหร่ก็ไม่ฟัง ไม่จำ แต่ก็ไม่ใช่เรา เพราะฉะนั้น การสะสมทั้งหมดเลย เพื่อฟังเมื่อไหร่ก็รู้ไม่ใช่เรา แต่ว่าเป็นธรรมแต่ละ หนึ่ง ซึ่งสะสมมานานจนกระทั่งปรากฎเป็นเดี๋ยวนี้ อย่างนี้ได้ ถ้าไม่สะสมมา จะเป็นเดี๋ยวนี้อย่างนี้ไม่ได้เลย

        เพราะฉะนั้น ขณะนี้ เดี๋ยวนี้ ก็กำลังสะสมสืบต่อไป ที่จะเป็นเดี๋ยวนั้น ตอนนั้น ขณะนั้นข้างหน้า เพราะฉะนั้น ก็คือ ทางตลอด แล้วแต่ว่าจะทางไหน ทางดี หรือทางชั่ว ทางที่ไปสู่ประโยชน์อย่างยิ่ง ความรู้จริงๆ ที่ไม่สามารถจะหาอย่างอื่นมาเทียบได้เลย กับการที่อยู่อย่างนี้มานานเท่าไหร่ แล้วก็ไม่รู้ ถูกหลอกก็ไม่รู้นะ ถูกลวงก็ไม่รู้ เนี่ยคนนี้นั่งอยู่ตรงนี้ จริงหรือเปล่ามีแต่เพียงสิ่งที่ปรากฏ เมื่อไหร่จะรู้ อีกนานเท่าไหร่ ฟังไปเถอะ ถ้าขาดการฟังเมื่อไหร่ก็ค่อยๆ ถอยห่างจากความจริง ถ้าฟังความจริงเรื่อยๆ ไม่ใช่เราเลย แต่เป็นทางที่จะทำให้รู้ความจริง

        เพราะฉะนั้น ขาดสักหนึ่งคำ หรือหนึ่งขณะก็ไม่ได้ ที่จะปรุงแต่งให้เป็นความเข้าใจที่ค่อยๆ มั่นคงขึ้น ไม่ใช่ให้ไปทำอะไร ด้วยความต้องการว่าจะหมดกิเลสวันนี้ เป็นไปไม่ได้เลย หนทางมีหลายทาง ทางตรง ทางถูกต้องมีทางเดียว แล้วก็ต้องค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป เพราะว่า ไม่มีใครสามารถที่จะไปทำอะไรได้ อยู่ที่ความเข้าใจอย่างนี้ มีคุณวิชัยจริงๆ หรือเปล่า

        อ.วิชัย ความจริงไม่มี

        ท่านอาจารย์ มีอะไร

        อ.วิชัย มีธรรม มีนามธรรม รูปธรรม

        ท่านอาจารย์ รูปธรรมอะไร

        อ.วิชัย อย่างเช่น แข็งก็มี เย็นก็มี

        ท่านอาจารย์ ไม่ได้ปรากฎทางตา เห็นไหม แต่แข็งนั่นแหล่ะที่มี มีสิ่งที่มีอยู่ที่แข็ง เป็นอีกรูปหนึ่งต่างหาก ที่สามารถกระทบตา และก็เกิดดับจนปรากฎเป็นรูปร่างสัณฐาน แต่ละหนึ่งๆ ก็คิดดู เมื่อไหร่จะถึง วันที่ค่อยๆ คลายความติดข้อง จะไม่เป็นคุณวิชัยทันที เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้เลย เพราะเป็นมานานแล้ว ใช่ไหม ที่ปรากฎรูปร่างสัณฐาน เป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใดทุกภพชาติ เป็นแต่ละหนึ่ง นั่นคือ เหตุที่จะทำให้ติดข้อง เพราะมีสิ่งที่ปรากฏเป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใด แต่ถ้าปรากฎตามความเป็นจริงว่า เพียงเป็นสิ่งที่กระทบตาแล้วปรากฎ สืบต่อจนกระทั่งปรากฎเป็นรูปร่างสัณฐานต่างๆ จนกระทั่งจำไว้มั่นคง นี่ คนนี้ เห็นทีไรก็คนนี้ ใช่ไหม แต่ความจริง ไม่ได้เคยรู้เลยว่า ไม่มีคนนี้ แต่ที่ปรากฎ ก็เป็นธาตุดิน น้ำ ไฟ ลม ที่มีสิ่งหนึ่ง ที่สามารถกระทบตา เป็นปรากฎรูปร่างสัณฐานต่างๆ

        ถ้ารู้อย่างนี้ ค่อยๆ เข้าใจอย่างนี้ ไม่มีใครบังคับให้ไปคลาย หรือไปละ แต่ความเข้าใจอันนั้นเอง ค่อยๆ คลายความติดข้อง ซึ่งถ้าไม่ถึงอย่างนี้ ไม่มีอะไรที่จะไป ละ การที่เคยจำไว้ว่าเป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใดอย่างมั่นคงได้เลย นี่คือ ฟังทำไม ฟังเพื่อเข้าใจความจริง ฟังแล้วไปไหน ไปในทางที่สามารถเข้าใจว่าอะไรเป็นอะไร จนกระทั่งสามารถที่จะรู้ความจริง เห็นไหม พูดความจริงตั้งเท่าไหร่ก็ยังไม่รู้ เพราะอวิชชารู้ไม่ได้ แต่ฟังค่อยๆ เข้าใจขึ้น ค่อยๆ สะสมไป


    หมายเลข 11784
    31 ธ.ค. 2566