อุปนิสยปัจจัยให้เกิดปัญญา


        สุกิจ เรียนอาจารย์อธิบายขยายความ อุปนิสยปัจจัยนี่แหละได้กระทำมาแล้วด้วยความเคยชินต่อเนื่องมาเรื่อยๆ ขณะนี้ให้ทานหรือศีล เป็นอุปนิสยปัจจัยในภายภาคหน้า หรือปรับปรุงได้

        สุ. การฟังธรรมเพื่อที่จะรู้ว่า เป็นธรรม แม้แต่ขณะที่เปลี่ยนแปลงปรับปรุง ก็ไม่ใช่เรา แต่เป็นธรรม ความคิดขณะนี้ ไม่ใช่มีปัจจัยเกิดเดี๋ยวนี้ แต่ว่าสะสมมานานแสนนานที่จะเป็นปัจจัยให้เกิดคิดอย่างนี้ในขณะนี้ จะคิดอย่างอื่นในขณะไหนก็ไม่พ้นจากอุปนิสยปัจจัย ค่อยๆ สั่งสมทีละเล็กทีละน้อย

        สุกิจ หมายความว่า ขั้นทาน ขั้นศีล เป็นอุปนิสยปัจจัยให้เกิดปัญญา เกิดสติในภายภาคหน้าที่ดีขึ้นเรื่อยๆ อันนี้เป็นไหมครับทางทาน ศีล

        สุ. นานแสนนานกว่าจะถึงขณะนั้น อาศัยกุศลทุกประการ ค่อยๆ สั่งสมไป แต่ว่าลักษณะที่เห็นชัด บางคนเป็นทานุปนิสัย อุปนิสัยในทาน ง่าย สะดวก รวดเร็ว บางคนก็สีลุปนิสัย อาจจะเป็นผู้ที่ไม่ได้ให้ทานคล่องแคล่วรวดเร็วมากอย่างผู้ที่เป็นทานุปนิสัย แต่กายวาจาดี ไม่เคยที่จะกล่าวร้าย หรือพูดคำที่ทำให้คนอื่นไม่สบายใจ อันนั้นก็จะเห็นได้ และยังต้องมีภาวนุปนิสัย คือ การอบรมเจริญปัญญา ที่จะค่อยๆ เข้าใจถูก เห็นถูกในลักษณะของสภาพธรรม

        เพราะฉะนั้นแต่ละบุคคลที่เกิดมาก็จะไม่พ้นจากทานุปนิสัย สีลุปนิสัย หรือภาวนุปนิสัย ซึ่งเป็นอัธยาศัยทางฝ่ายกุศล แต่ถ้าทางฝ่ายอวิชชา ก็ตรงกันข้ามเลย จากอโลภะ เป็นโลภะ จากอโทสะ ก็เป็นโทสะ

        สุรีย์ อาจารย์ช่วยขยายความอันนี้ด้วย จิต เจตสิก อันนี้สะสมมาๆ ๆ ๆ จนเป็นปัจจุบัน หรือเฉพาะชาตินี้

        สุ. แม้ขณะเมื่อกี้นี้ก็สั่งสมแล้ว ไม่ว่าอะไรที่เกิดขึ้น เป็นกุศล เป็นอกุศล

        ที่มา ...

        พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 244


    หมายเลข 11742
    10 ม.ค. 2567