ประโยชน์ที่ได้รับจากการฟังแต่ละครั้ง


        ผู้ถาม ในกรณีที่ให้ทาน จะพิจารณาว่าเป็นศรัทธาในกุศลจิตของตนเองได้หรือเปล่า ว่าเราให้ทานเพื่อขัดเกลากิเลสที่ตนมีอยู่ เป็นต้นว่าให้ทานเพื่อซื้อหาอาหารรับประทาน

        สุ. ทุกครั้งที่ให้ไม่ว่าบุคคลนั้นจะเป็นใครก็ตาม เพื่อประโยชน์สุขแก่บุคคลอื่นทั้งนั้น แล้วแต่ว่าขณะนั้นจะเป็นกุศลที่ประกอบด้วยปัญญาหรือว่าไม่ประกอบด้วยปัญญา แต่ว่าเป็นกุศล เป็นโสภณจิต แต่ก็ไม่ใช่จะมาวิจัยวิจารณ์เมื่อสิ่งนั้นหมดไปแล้วผ่านไปแล้ว ก็เป็นเรื่องคิด แต่ว่าจริงๆ แล้ว ถ้าจะคิดก็คิดไตร่ตรองให้เข้าใจลักษณะจริงๆ ของสภาพธรรมที่ไม่ใช่ตัวตน ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล อันนั้นจะเป็นประโยชน์กว่ามาคิดเรื่องราวว่าการให้ของคนนี้มีความเชื่ออะไรหรือเปล่า มีความคิดอะไรหรือเปล่า เพราะว่าเหตุการณ์นั้นๆ ก็เกิดขึ้นหมดไปแล้ว แต่ขณะนี้ที่ไม่ลืมก็คือว่ามีสภาพธรรมกำลังปรากฏ อันนี้เราลืมเสมอที่จะฟังให้เข้าใจลักษณะของสิ่งที่ปรากฏเพราะว่าไปคิดเรื่องอื่น

        ผู้ถาม วันนี้ที่เราให้ก็เพื่อที่เขาจะได้เอาไปซื้อหารับประทาน อันนี้นับว่าเป็นปัญญาแล้วหรือยัง

        สุ. ไม่ต้องนับ จะนับทำไม ความจริงเป็นยังไงก็เป็นอย่างนั้น ศึกษาให้เข้าใจความจริง คุณวิจิตรไม่สามารถจะไปรู้จิตของคนอื่น จะไปนับให้คนอื่น การฟังธรรมต้องไม่ลืมว่าเพื่อเข้าใจ ใครเข้าใจ ผู้ฟังเข้าใจ ประโยชน์ของใคร คือประโยชน์ที่การฟังแต่ละครั้งทำให้เข้าใจลักษณะของสภาพธรรม เห็นความจริงของธรรมแม้ในขั้นการฟังว่าสิ่งที่ได้ยินได้ฟังถูกต้องไหม ถ้ามีความเข้าใจขณะนั้นเป็นปัญญาซึ่งก็ไม่ใช่เราด้วย เป็นสภาพธรรมอย่างหนึ่ง เพื่อละความเป็นเรา พระธรรมที่ทรงแสดงทั้ง ๓ ปิฎกต้องไม่ลืมว่าเป็นไปเพื่อกำจัด เพื่อนำออกซึ่งอกุศลธรรมทั้งหมด เพื่อละความไม่รู้ละความติดข้อง

        ที่มา ...

        พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 237


    หมายเลข 11628
    23 ม.ค. 2567