ต้องละคลายเพราะเห็นโทษของสภาพธรรมที่ไม่มีใครเลย


        คุณนิน่า เราไม่รู้ลักษณะของสิ่งที่ปรากฏเพราะว่าคิดถึงเรื่องอื่นเสมอ

        สุ. ทุกคนได้ยินคำว่า “ปรมัตถ์” กับ “บัญญัติ” เป็นชื่อที่เข้าใจ แต่ขณะนี้เข้าใจลักษณะของปรมัตถ์กับขณะที่ไม่ได้เป็นลักษณะของปรมัตถ์ที่ปรากฏเพราะว่ากำลังมีบัญญัติเป็นอารมณ์หรือเปล่า นี่คือการฟังธรรม แม้ว่าจะได้ฟังตั้งแต่ต้นก็จะผ่านไปโดยที่ไม่ได้พิจารณาว่าเป็นความเข้าใจจริงๆ หรือเปล่าในสิ่งที่ได้ยินได้ฟังแล้ว ถ้าพูดถึงสภาพธรรมที่มีจริงเป็นปรมัตถธรรม หมายความว่ามีลักษณะเฉพาะแต่ละลักษณะซึ่งใครก็ทำให้ลักษณะนั้นเกิดหรือเปลี่ยนแปลงไปไม่ได้เลย ซึ่งขณะนี้มีแล้วกำลังปรากฏด้วย เช่น สิ่งที่กำลังปรากฏทางตา เราก็พูดกันทุกวัน เป็นสิ่งที่มีจริง เป็นสภาพธรรมอย่างหนึ่ง ลืมทุกวันเหมือนกัน แม้ขณะที่กำลังฟัง ลืมที่จะรู้ว่าเป็นเพียงสิ่งที่ปรากฏเพราะเราคิดถึงคนจะข้ามไปอยู่ตลอดเวลา เพราะฉะนั้นสภาพธรรมที่เกิดดับเร็ว เพราะว่าเป็นสภาพธรรมที่เมื่อดับไปแล้ว ทางใจจะมีการรับรู้ และคิดต่ออย่างรวดเร็วมาก ด้วยเหตุนี้แม้จะได้ฟังว่าขณะนี้มีธรรมอย่างหนึ่งซึ่งสามารถปรากฏได้ทางตา แต่ก็ยังเห็นคน ทำอะไรไม่ได้เลย จะไปกั้นไม่ให้เห็นคน เห็นสัตว์ไม่ได้ แต่เริ่ม อย่าลืมว่าเริ่มที่จะเข้าใจถูกแม้เล็กน้อยนิดเดียว แต่ก็เป็นหนทางที่จะทำให้เริ่มเข้าใจขึ้นจนกว่าจะคลายความสงสัย และการที่ลืมที่จะรู้ว่าขณะนี้เป็นเพียงสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ แล้วก็เกิดแล้วดับแล้วอย่างรวดเร็ว เพราะฉะนั้นทุกคนก็ชาติหนึ่งๆ ก็อยู่ในความฝันคือนิมิตความทรงจำเรื่องราวต่างๆ จากปรมัตถธรรมซึ่งเกิดแล้วดับแล้วทั้งหมด นี่ก็เป็นสิ่งที่ต้องฟังแล้วฟังอีกจนกว่าจะเป็นความเข้าใจที่จะรู้ว่าถ้าสติสัมปชัญญะไม่เกิด ไม่รู้ตรงลักษณะของสภาพธรรม เราก็เพียงกล่าวว่าปรมัตถธรรมมีจริง และก็เป็นสภาพธรรมที่มีลักษณะเฉพาะแต่ละอย่าง ปรากฏได้แต่ละทาง ซึ่งต่างกับขณะที่ไม่รู้ลักษณะนั้นซึ่งก็กำลังคิดนึกเป็นเรื่องราว เป็นบัญญัติ เพราะฉะนั้นละเอียดไหม กว่าจะค่อยๆ รู้ ค่อยๆ เข้าใจตามความเป็นจริง

        ถ้าเข้าใจความจริงว่าเป็นสิ่งที่แม้ปรากฏแต่ปัญญาเท่านั้นที่จะรู้ได้ และปัญญาที่จะรู้ต้องเริ่มจากฟังเข้าใจ และก็เมื่อมีสติสัมปชัญญะรู้ลักษณะของสภาพธรรมที่ปรากฏ วันหนึ่งก็จะคลายความสงสัย และก็รู้จริงๆ ว่าเป็นลักษณะของสภาพธรรมทั้งหมด ทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ทั้งวัน ไม่มีใคร กว่าจะประจักษ์ความจริงถึงการเกิดดับของสภาพธรรมแล้วยังต้องละคลายเพราะเห็นโทษของสภาพธรรมที่ไม่มีใครเลย แต่เป็นธาตุแต่ละธาตุซึ่งเกิด และก็ดับไป เกิดแล้วก็ดับไปสืบต่ออยู่ตลอดเวลา ด้วยเหตุนี้การฟังก็จะทำให้เข้าใจถึงผู้ที่ได้รู้แจ้งอริยสัจจธรรมในอดีตกาล ท่านอบรมสะสมปัญญานานไหมกว่าจะได้รู้แจ้งอริยสัจจธรรมในสมัยของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นี้

        ที่มา ...

        พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 237


    หมายเลข 11634
    23 ม.ค. 2567