ไม่ต้องไปคิดเรื่องจะดับความเป็นเรา


        นีน่า อาจารย์อธิบายตลอดเวลาต้องมีการละ แต่คิดว่าอยากจะรู้มากกว่าเรื่องการละ และถ้ามีเราติดธรรมจะไม่ใช่มิจฉาทิฏฐิตลอดเวลาแต่เป็นโลภะ ความโลภโดยไม่มีมิจฉาทิฏฐิ

        สุ. เรามี ๓ อย่าง เราด้วยโลภะหรือตัณหา เราด้วยมานะ และเราด้วยทิฏฐิ มิฉะนั้นโลภมูลจิตก็จะไม่ต่างกันเป็น ๘ ประเภท ก็ต้องมีอย่างเดียว แต่นี่โลภะที่เกิดโดยที่ไม่มีความเห็นผิดเกิดร่วมด้วยก็มี แต่ว่ายังเป็นโลภะได้ใช่ไหม เพราะฉะนั้นก็จะเห็นได้ว่าความเป็นเรา แม้พระอนาคามีบุคคลละความยินดีในรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ แต่ยังเป็นเราด้วยมานะ เพราะฉะนั้นธรรมจะละเอียดขึ้น ซึ่งเราจะเห็นได้ว่าถ้าไม่มีการฟัง แล้วก็ไม่มีการที่จะเข้าใจ และอบรมตามลำดับ ไม่สามารถที่จะเห็นความละเอียดได้ เราเห็นโทษของอกุศลอย่างหยาบ การฆ่าสัตว์ การประพฤติผิดในกาม การถือเอาสิ่งของที่บุคคลอื่นไม่ได้ให้ การล่วงศีล ๕ เป็นความประพฤติอย่างหยาบซึ่งทุกคนก็มองเห็นว่าเป็นอกุศลอย่างหยาบมีศรัทธาที่จะละด้วยศีลซึ่งเป็นปกติศีล ๕ หรือว่าบางคนก็อาจจะมีศรัทธาที่จะขัดเกลาหรือจะมีศีลเพิ่มขึ้นเป็นศีล ๘ ก็แล้วแต่อัธยาศัยที่สะสมมา ไม่ต้องไปคิดเรื่องจะดับความเป็นเราหรือความเป็นตัวตนถ้ายังไม่ค่อยเข้าใจลักษณะของสภาพธรรมที่ปรากฏตามปกติด้วย

        ที่มา ...

        พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 238


    หมายเลข 11640
    23 ม.ค. 2567