ห่วงโลก


        กลัวว่าโลกจะแตก หรือเกิดพิบัติภัยต่างๆ เพราะไม่รู้จักโลกตามความเป็นจริงว่า โลกก็คือสภาพธรรมที่กำลังเกิด และดับไปไม่เหลือ ในขณะนี้เอง


        ท่านอาจารย์ ห่วงโลกมั้ยคะ ตราบใดที่ยังไม่รู้จักโลก ก็ห่วงโลก เพราะไม่รู้ว่าโลกแตกแล้ว ไม่ต้องไปคอยว่าเมื่อไหร่จะสงครามโลกครั้งที่๓ ที่โลกจะต้องแตก แต่ว่าความจริงโลกแตกแล้ว กำลังแตกอยู่ ห่วงโลกเพราะไม่รู้จักโลก แต่ถ้ารู้จักโลก ไม่ห่วง เพราะว่าไม่มีเรา สิ่งต่างๆ เกิดขึ้น เกิดเพราะเหตุปัจจัยแล้วดับไป ห่วงตรงไหน ขณะนี้เห็นเกิดขึ้น และดับไป ห่วงตรงไหนยังไม่เห็นมีใครห่วงเห็นเลย ได้ยินเกิดขึ้น ได้ยินก็ดับไป ไหนห่วงโลก ก็โลกก็เป็นอย่างนี้แหละ คือมีการเกิดขึ้น และก็ดับไปเป็นธรรมดา ตราบใดที่ยังไม่รู้จักโลกจึงห่วงโลก แต่ถ้ารู้จักโลกแล้วห่วงได้ยังไง เกิดแล้วก็ดับไป ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชา

        ผู้ฟัง เพราะฉะนั้นก็หมายความว่าจริงๆ ก็ไม่ต้องไปห่วงโลก เพราะโลกก็กำลังเกิดดับ โลกของเห็น โลกของได้ยิน โลกได้กลิ่น โลกลิ้มรส ก็กำลังเกิดดับอยู่ทุกขณะอยู่แล้ว

        ท่านอาจารย์ ขณะนี้หรือขณะที่อยู่ในสงคราม มีระเบิด ก็ตา หู จมูก ลิ้น กาย เกิดดับอยู่ตลอดเวลาต่างหาก ตราบใดที่ยังไม่ได้ฟังพระธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็จะเต็มไปด้วยความเดือดร้อน เพราะโลก เพราะเห็นบ้าง เพราะได้ยินบ้าง แต่ถ้ามีความเข้าใจ และก็จะรู้ว่าพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงปลดเปลื้องทุกข์ทั้งหมด ซึ่งทุกข์หนึ่งก็คือเกิดจากการห่วงโลก

        อ.วิชัย แม้การที่จะกลัวภัยต่างๆ ว่าจะเกิดอะไร ก็เป็นความไม่รู้ เป็นอกุศลภายใน

        ท่านอาจารย์ เพราะไม่เข้าใจว่าเป็นธรรม ไม่ใช่เรา พอมีเราก็สารพัดอย่างที่จะห่วง ที่จะกลัว ที่จะอยากได้ แต่ว่าพอรู้ว่าไม่ใช่เรา เป็นธรรม แม้แต่ความอยากได้เกิดขึ้น ก็เป็นธรรม แล้วก็หมดไป ให้ทราบว่าทุกอย่างหมด ไม่เหลือ ขณะนี้ เดี๋ยวนี้เอง สิ่งที่กำลังปรากฏเกิดแล้ว ดับแล้ว ไม่กลับมาอีก ไม่เหลือเลย ถ้าเข้าใจในความไม่เหลือแล้วก็จะรู้ว่า ไปติดข้องในสิ่งที่ไม่มีมานานแสนนาน จนกว่าจะรู้ว่าแท้ที่จริงแล้ว ติดข้องในสิ่งที่ไม่มี ลองคิดดู ไม่มีแล้วยังติดข้อง เพราะหลงเข้าใจว่ายังมี

        อ.วิชัย ซึ่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็แสดงโทษของอกุศลธรรมเหมือนกับเป็นข้าศึก เป็นผู้ที่ประทุษร้าย เป็นผู้ที่เบียดเบียนจิตใจ เป็นผู้ที่มาซึ่งสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์ทั้งหลาย แต่ว่าก็ไม่ได้เห็นอกุศลโดยความเป็นอย่างนั้นจริงๆ

        ท่านอาจารย์ เพราะแม้ข้าศึกก็เกิดดับ แต่ไม่รู้ตามความเป็นจริง คิดว่ามีข้าศึกถาวร แต่ความจริงขณะนั้นข้าศึกนั้นก็เกิดดับ

        ผู้ฟัง จริงๆ เราก็ชนะสงครามได้ ถ้าเราเอาชนะ หมายถึงว่าไม่โกรธตอบผู้นั้น ก็เหมือน

        ท่านอาจารย์ แล้วไม่โกรธตอบได้ไหม

        ผู้ฟัง บางครั้งได้ บางครั้งไม่ได้ ท่านอาจารย์

        ท่านอาจารย์ ตราบใดที่ยังไม่รู้จักโลก ก็คิดว่าเราบังคับได้บ้าง ไม่ได้บ้าง

        อ.อรรณพ แล้วจะค่อยๆ รู้จักโลกขึ้น ได้อย่างไร

        ท่านอาจารย์ หนทางเดียว คำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ตรัสไว้ดีแล้วเพราะได้ทรงประจักษ์แจ้งโลกตามความเป็นจริง เพราะรู้ว่าชาวโลกไม่สามารถที่จะรู้ได้ด้วยตัวเอง แต่ละคำฟังแล้วก็พิจารณา แล้วก็เข้าใจตามลำดับในขั้นของการฟัง ซึ่งจะนำไปสู่ขั้นการประจักษ์แจ้งตามความเป็นจริง ซึ่งตรงกับที่เป็นความจริง

        อ.อรรณพ พระธรรมทำให้เข้าใจโลก แล้วก็พ้นจากโลกไปได้

        ท่านอาจารย์ ก็ตอบแล้ว

        อ.อรรณพ อย่างไร

        ท่านอาจารย์ ก็รู้จักโลก จึงได้พ้นจากโลก ถ้ายังไม่รู้จักโลกก็ยังไม่พ้น ยังเกลียดชังโลกอยู่นั่นแหล่ะ ยังโกรธโลกอยู่นั่นแหละ ยังติดข้องโลกอยู่นั่นแหละ เพราะไม่รู้จักโลก ว่าแท้ที่จริงเกิดแล้วดับแล้ว

        อ.อรรณพ หมายถึงว่าโลก โกรธโลกอย่างนั้นหรือ เพราะโทสะก็เป็นโลก ก็เกิดแล้วก็ดับ แล้วก็ไปโกรธสิ่งที่เพียงเกิดแล้วก็ดับ แล้วเป็นเรื่องเป็นราว เป็นเงา

        ท่านอาจารย์ ไม่มีอะไรเลยนอกจากธรรมที่เกิดดับ ไม่ว่าจะคิดว่าเป็นเราเป็นโลก เป็นสงครามอะไร ก็คือเป็นธรรมที่เกิดดับ


    หมายเลข 11538
    26 ก.พ. 2567