โมฆบุรุษ


        อ.อรรณพ การศึกษาเรื่องราวของธรรมะทั้งหมด ถ้าไม่ต้องต่อความจริง ก็เป็นโมฆะ คือ เปล่าประโยชน์จากพระธรรมที่ได้ฟัง เช่น ฟังธรรมแล้ว แต่ยังไป สำนักปฏิบัติ


        ท่านอาจารย์ คำตรงก็ต้องตรง ตั้งแต่เดี๋ยวนี้เป็นธรรม ธรรมที่ยังไม่เกิดขึ้น จะมีอะไรให้เข้าใจได้ เพราะว่ายังไม่เกิด ธรรมที่หมดไปแล้ว ก็หมดไปแล้ว จะเข้าใจได้อย่างไร แต่เดี๋ยวนี้มีสิ่งที่มีจริง ตรงต่อความเป็นจริงของสภาพธรรม ก็คือว่า ก็ต้องฟังเพื่อให้เข้าใจสิ่งที่กำลังมีในขณะนี้ ความเข้าใจเพิ่มขึ้นตามลำดับว่า ไม่ได้ฟังเรื่องอื่น แต่ฟังเรื่องสิ่งที่กำลังมีเดี๋ยวนี้ จนกว่าจะเข้าใจขึ้น ตรงหรือไม่ ฟังเรื่องสิ่งที่กำลังมีในขณะนี้ จนกว่าจะเข้าใจขึ้น แล้วเราก็ไปทำอย่างอื่น ซึ่งไม่ใช่การฟังให้เข้าใจสิ่งที่กำลังมี ถ้าจะเข้าใจขึ้นต้องเข้าใจสิ่งที่กำลังมีอย่างนี้ เหมือนอย่างนี้เลย ไม่เปลี่ยนเลย เห็นอย่างนี้แล้วเข้าใจขึ้น ได้ยินอย่างนี้แล้วก็เข้าใจขึ้น ทุกอย่างแต่ละหนึ่ง ซึ่งมีลักษณะจริงๆ ที่กำลังปรากฏเท่านั้น ที่จะให้ความจริงได้ ว่าสิ่งนั้นแหละจริง เพราะเหตุว่ากำลังปรากฏให้รู้ความจริงอย่างนั้น ถ้าไม่เข้าใจอย่างนี้ หรือว่าเพียงแต่พูดว่าธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตา แต่ไปสำนักปฏิบัติ ไม่ตรง แล้วทำไมเราต้องพูดถึงเรื่องนี้ แม้แต่คำเดียวคือคำว่า ตรง ต่อสภาพธรรม ก็เพื่อที่จะให้เป็นผู้ที่ตรงจริงๆ สามารถที่จะเข้าใจความจริงได้ถูกต้อง มิฉะนั้นก็เป็นโมฆะบุรุษ ศึกษาธรรมก็มากมาย พูดเรื่องจิต เจตสิก ก็ได้ แต่ไม่ตรงต่อธรรมที่กำลังปรากฏ ว่างเปล่า ศึกษาไปเท่าไรก็ว่างเปล่า คือไม่มีความเข้าใจสิ่งที่กำลังปรากฏ การที่กล่าวถึงสิ่งที่เป็นจริง ตรงตามความเป็นจริง เพื่อให้คนที่ได้เข้าใจผิด และไม่ตรง ได้รู้ว่าความตรงต้องตรงตั้งแต่ต้น

        การฟังธรรมทั้งหมด การศึกษาเรื่องราวของธรรมทั้งหมด เป็นโมฆะ เมื่อไม่ตรง ศึกษาแต่ตัวเลข แต่เดี๋ยวนี้เป็นธรรมไม่ได้เข้าใจ การฟังธรรมก็คือฟังเรื่องธรรม และก็เป็นผู้ตรงต่อทุกคำที่จะเป็นผู้ที่ศึกษา ฟัง สิ่งที่มีจนกระทั่งเป็นความเข้าใจ ในสิ่งที่กำลังปรากฏจริงๆ แม้แต่ความตรง เห็นหรือไม่ ก็ต้องไตร่ตรองว่าตรงคืออะไร เดี๋ยวนี้ตรงหรือไม่ ฟังธรรมมาตั้งนาน ไปสำนักปฏิบัติ ตรงหรือไม่ คำใดที่ไม่ตรง ไม่จริง ไม่ใช่คำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ที่ฟังคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ต้องเป็นผู้ที่ตรง และก็เคารพในความจริงที่จะเข้าใจสิ่งที่มี แม้ยาก แต่ก็ต้องอดทน เพราะรู้ว่าสามารถที่จะเข้าใจได้ แล้วคิดดูว่า คำพูดที่ว่า สำนักปฏิบัติทำลายคำสอนของพระศาสนา เพราะเหตุว่าไม่ได้ตรงตามความเป็นจริง ที่จะให้เข้าใจถูกต้อง คำพูดนี้มีประโยชน์หรือไม่ หรือว่าเป็นโทษ ประโยชน์คือคนจะได้ไตร่ตรอง ให้รู้ว่าคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงแสดงความจริงให้สัตว์โลกได้รู้ถูกต้อง ตรงตามความเป็นจริง ไม่ใช่ว่าพระองค์สอนอย่างนี้ พูดตามอย่างนี้ แต่เวลาปฏิบัติ ไม่ได้ประพฤติปฏิบัติตามที่ได้เข้าใจ และคนที่บอกว่าอย่าพูดเรื่องนี้ ตรงหรือไม่

        อ.คำปั่น ไม่ตรง

        ท่านอาจารย์ และความไม่ตรงจะมีประโยชน์อะไร ฟังไปทำไม ในเมื่อไม่ตรงความจริง ก็ย่อมไม่รู้ความจริง ต้องคิดถึงประโยชน์จริงๆ ที่พูดเพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้อง เพื่อดำรงคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า รู้ว่าสิ่งที่มีจริง ที่กำลังได้ฟังมีหลายระดับของความเข้าใจ ไม่ใช่ว่าใครที่ได้ยินธรรมแล้วก็สามารถที่จะรู้แจ้งตามที่ได้ฟัง แต่ต้องเป็นการอบรม ด้วยความตรงตลอดไป ตั้งแต่ทุกคำที่ได้ยิน ถ้าถามอีกครั้งหนึ่ง จะมีคำตอบหรือไม่ สำนักปฏิบัติทำลายคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จริงหรือไม่

        อ.คำปั่น จริง

        ท่านอาจารย์ ตอนนี้ก็ตอบทั่วกัน ว่าจริง จริงก็คือจริง เสียหายอะไรที่จะพูดคำจริง เป็นประโยชน์หรือไม่ ที่จะให้คนที่ไม่รู้ และไม่ตรง ได้เริ่มพิจารณาให้รู้ให้ตรง เพื่อประโยชน์ของตนเอง ไม่ใช่เพื่อประโยชน์อย่างอื่นเลย แต่ตนเองที่เคยเข้าใจผิด เคยหลงผิด เคยทำผิด ก็จะได้รู้ความจริงว่าผิด มิฉะนั้นแล้วการฟังธรรม การศึกษาธรรมอย่างที่ได้กล่าวแล้วทั้งหมด เป็นโมฆะ ข้อความว่าโมฆะบุรุษมีในพระไตรปิฎก ก็พระภิกษุทั้งหลาย ท่านก็อยู่ใกล้พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้ฟังคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แม้กระนั้นพระผู้มีพระภาคก็ตรัสว่า ใครเป็นโมฆะบุรุษ พอมีความเห็นผิดเพี้ยน ไม่ตรงตามความเป็นจริง บุคคลนั้นเป็นโมฆะ ไม่ได้รับประโยชน์อะไรเลย จากการที่ฟัง และก็เข้าใจผิด ว่างเปล่าไปเลย จากการที่ได้ฟังธรรม ลบสิ่งที่ได้ยินได้ฟัง เช่นธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตา คำนี้หายไปเลย เวลาที่เป็นผู้ที่ไม่ตรง แล้วก็เข้าใจผิด แม้แต่คำว่าธรรม เดี๋ยวนี้เป็นธรรม ถ้าไม่เข้าใจธรรมที่กำลังมีเดี๋ยวนี้ ทำลายคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าหรือไม่

        อ.วิชัย ก็ทำลาย เพราะไม่รู้ความจริง

        ท่านอาจารย์ ไปสำนักปฏิบัติหรือมีสำนักปฏิบัติ ก็แสดงให้เห็นแล้วว่า ไม่ตรงต่อคำที่ว่า ธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตา อย่างนี้แล้วเป็นโมฆะบุรุษแน่นอน ไม่ว่าจะได้ยินได้ฟัง แต่ว่าพอถึงเวลาจริงๆ ก็ไม่เข้าใจ ผู้ฟังทุกท่าน ผู้ที่ศึกษาธรรมทุกคน ที่จะได้รับสิ่งที่เป็นประโยชน์จริงๆ จากการฟังก็คือ ความตรง ฟังแล้วพิจารณาไตร่ตรอง สิ่งใดผิด จะเก็บไว้หรือไม่ เก็บไว้ทำไม ใช่ไหม ผิดก็ต้องทิ้งไป เพราะว่าผิดมานานมาก ความเห็นผิดว่าเป็นเรา ต้องทิ้งไหม จนกว่าจะรู้หนทางว่า จะหมดสิ้นไปได้อย่างไร ไม่ใช่ไปทำอะไรก็ตามแต่ แต่ว่าเป็นไปด้วยความเป็นตัวตน แล้วจะละความเป็นตัวตนได้อย่างไร เพียงแค่จะปฏิบัติถูกหรือไม่

        อ.วิชัย ผิด

        ท่านอาจารย์ ยังไม่ไปสำนักปฏิบัติ แต่จะปฏิบัติก็ผิดแล้ว กว่าความเข้าใจผิดจะค่อยๆ ลดลงไป ตั้งแต่อย่างใหญ่ๆ ที่มีสำนักปฏิบัติ แม้ไม่มีสำนักปฏิบัติผู้ที่มีปัญญาฟังธรรมเข้าใจแล้ว รู้หนทางแล้วก็คือว่า ไม่ว่าอะไรก็ตามทั้งหมดที่เกิดแล้ว มีลักษณะเป็นจริงอย่างนั้น ใครก็เปลี่ยนแปลงไม่ได้ เวลาที่อกุศลเกิดขึ้น คิดจะเปลี่ยนหรือไม่ เดือดร้อนใจ ทำยังไงอกุศลจะหมดไป ดิ้นรนต่างๆ นานา นั่นคือไม่ได้เข้าใจว่าขณะนั้นเป็นธรรม ไม่ใช่เรา ทั้งหมดกว่าจะมีความเข้าใจถูกต้องยิ่งขึ้น ตรงยิ่งขึ้น ก็คือต้องเป็นผู้ที่ตรงต่อธรรม


    หมายเลข 11471
    7 มี.ค. 2567