011 พระพุทธศาสนา เถรวาท
สนทนาพิเศษ
เรื่องพระพุทธศาสนาเถรวาท
ที่ บ้านคุณทักษพล และคุณจริยา เจียมวิจิตร
วันศุกร์ที่ ๗ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๐
ตอนที่ ๑๑
อ.อรรณพ ท่านอาจารย์ครับ คิดภาพนี้ว่าพวกชาวบ้าน ชาวพุทธเราก็ไปวัด
ท่านอาจารย์ แล้วรู้ไหม
อ.อรรณพ ไปวัดเพื่อที่จะถวายทานกับพระภิกษุบ้าง หรือให้ทานกับคนยากไร้
ท่านอาจารย์ ทั้งหมด แล้วรู้ไหม
อ.อรรณพ รู้ว่าอะไร
ท่านอาจารย์ รู้ว่าเป็นธรรม เป็นคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งละเอียดลึกซึ้งอย่างยิ่ง มิฉะนั้นจะรู้จักความเป็นพุทธะได้อย่างไร เพราะฉะนั้นเถรวาทคือคำที่แสดงความเป็นพุทธะ
อ.อรรณพ แล้วกุศลอีกขั้นหนึ่ง ขั้นศีล ก็มีการสมาทานศีล
ท่านอาจารย์ รู้ไหม
อ.อรรณพ รู้ว่าสมาทานศีลหรือ
ท่านอาจารย์ รู้ว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสเรื่องนี้ว่าอย่างไร รู้ไหม
อ.อรรณพ ไม่รู้
ท่านอาจารย์ ไม่รู้ก็ไม่ใช่เถรวาท
อ.อรรณพ แล้วโดยพอเป็นพื้นฐาน
ท่านอาจารย์ พอเป็นพื้นฐานคือต้องรู้จักคำแต่ละคำว่า พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสเรื่องศีลว่าอย่างไร ตรัสเรื่องทานว่าอย่างไร จึงจะรู้ว่าคำๆ นี้เป็นคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่ใช่ใครๆ ก็รู้ว่า ทานะคือการให้ แปลตรงเลย คนที่เป็นชาวมคธ เขาก็ให้ แล้วเขาพูดคำว่าทาน เราก็บอกว่าทาน แต่ว่ารู้ไหม พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสคำนี้ว่าอย่างไร ต้องการจากคำของคนอื่นซึ่งไม่รู้ พูดกันไปเรื่องศีล พูดกันไปเรื่องสมาธิ พูดกันไปเรื่องปัญญา พูดเรื่องภาวนา แล้วรู้ไหม ว่าคืออะไร ถ้าไม่รู้จะกล่าวว่าเป็นเถรวาทได้หรือ ในเมื่อเถรวาทคือผู้ที่มั่นคงในคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่คิดเอง และก็ไม่ใช่ไม่ศึกษา แต่กล่าวว่าเป็นเถรวาท ได้อย่างไร ทำไมจึงกล่าวว่าเป็นเถรวาท ในเมื่อไม่ศึกษา
อ.อรรณพ น่าคิดว่า แม้จะมีการสะสมในขั้นการเกื้อกูล การให้ก็ดี การไม่เบียดเบียนเป็นศีลก็ดี แต่ว่าไม่ได้มีความเข้าใจธรรม
ท่านอาจารย์ แม้ในสมัยที่ไม่มีการตรัสรู้ ไม่มีพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็มีทาน มีศีล แล้วอย่างไรจึงจะเป็นเถรวาท
อ.อรรณพ แม้ศาสนาอื่นก็มีทาน
ท่านอาจารย์ ถูกต้อง
อ.อรรณพ มีการให้
ท่านอาจารย์ ถูกต้อง
อ.อรรณพ การช่วยเหลือกันเยอะแยะ
ท่านอาจารย์ เพราะฉะนั้นคำว่า เถรวาท ทันทีได้ฟัง คือผู้ที่เข้าใจคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าถูกต้อง มั่นคง
อ.อรรณพ พูดง่ายๆ คือต้องเข้าใจธรรม
ท่านอาจารย์ ไม่ใช่คิดเอง คิดเองไม่ใช่เถรวาท เป็นอัตตวาทีได้หรือไม่ ความเห็นเฉพาะของตัวเอง ว่าคิดเห็นอย่างไรก็พูดกันไปอย่างนั้น
อ.อรรณพ เป็นความคิดเห็นส่วนบุคคล เป็นคำกล่าวตามความเห็นส่วนบุคคลของแต่ละคน และใครเชื่อก็เชื่อตามๆ กันไป
ท่านอาจารย์ พูดคำว่าเถรวาท โดยไม่รู้จักเถรวาท แล้วก็จะทำนุบำรุงคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้อย่างไร ต้องเป็นผู้ที่ตรง แล้วก็มีความเข้าใจที่มั่นคง ว่าถ้าไม่ได้ศึกษาคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มีทางที่จะเป็นเถรวาทหรือไม่ ไม่มีทางเลย เพราะฉะนั้นเมื่อทุกคนไม่ได้เข้าใจคำสอน ไม่ศึกษา แล้วจะกล่าวว่าเป็นเถรวาทถูกต้องไหม
อ.อรรณพ ไม่ถูกต้อง
ท่านอาจารย์ ถ้าไม่ถูกก็ต้องไม่ถูก ใช่ไหม ถ้าถูกก็ถูก เพราะฉะนั้นต้องเข้าใจจริงๆ เพราะฉะนั้นขณะนี้ ถ้าจะให้มีการดำรงพระศาสนา ซึ่งเป็นเถรวาท ก็เหมือนพลิกแผ่นดิน ซึ่งจากไม่รู้เลย ค่อยๆ เข้าใจถูกต้องว่า เถรวาทคืออะไร จึงสามารถที่จะดำรงรักษาคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งเป็นเถรวาทไว้ได้ แต่ถ้าไม่มีความเข้าใจเลย พูดไปก็คือว่า ไม่ได้ดำรงคำสอนซึ่งเป็นเถรวาท แต่อ้างว่าจะธำรงรักษาพระศาสนาซึ่งเป็นเถรวาท จะเผยแพร่คำสอนของพระองค์ แต่ไม่เข้าใจ เพราะฉะนั้นคำสอนที่เกิดจากความไม่รู้ ความเห็นผิด ไม่ใช่เถรวาท ง่ายๆ เขาบอกว่า เมืองไทยเป็นเมืองที่นับถือพระพุทธศาสนาเถรวาท ใช่ไหม แล้วก็มีประกาศโฆษณาป้ายใหญ่เลย พระพุทธเจ้าสวมแว่นตาดำ เคยเห็นหรือไม่
อ.อรรณพ เคยเห็น
ท่านอาจารย์ นี่หรือเถรวาท พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เคารพนับถือสูงสุดระดับไหน แต่ว่ากลายเป็นรูป
อ.อรรณพ พระพุทธรูปแล้วมีแว่นตา
ท่านอาจารย์ หมายความว่าอะไร ปล่อยให้เป็นอย่างนี้ แล้วก็บอกว่านี่คือเมืองที่มีเถรวาทเป็นศาสนา
อ.อรรณพ เป็นศาสนาที่มีคนนับถือส่วนใหญ่
ท่านอาจารย์ แค่เห็นป้ายก็ไม่ใช่แล้ว พระสัมมาสัมพุทธเจ้าสวมแว่นตาดำ แสดงความเคารพหรือเปล่า พระองค์เป็นใคร แล้วป้ายนั้นก็ป้ายใหญ่ ป้ายโฆษณาใหญ่มาก
อ.อรรณพ การสนทนาวันนี้ การสนทนาในเรื่อง ให้เข้าใจว่า เถรวาทคืออะไร เป็นความสำคัญอย่างยิ่งยวดที่สุด เพราะตอนนี้พระพุทธศาสนาเถรวาท กำลังถูกทำลายอย่างยับเยิน ยับเยินจริงๆ คือใครจะทำอะไรก็ทำ แล้วไม่มีใครเข้าใจว่า เถรวาทคืออะไร ต่อให้มีข้อกำหนดในทางกฎหมายว่า พระพุทธศาสนาที่คนนับถือมากในเมืองไทย เป็นแบบเถรวาท ต้องมีการอุปถัมภ์สนับสนุนกัน หรือป้องกันการบ่อนทำลายกัน แต่การบ่อนทำลายมีมากมายหลายรูปแบบ ก็เลยจะขออนุญาตสนทนา ในเรื่องของการที่จะทำลายพระธรรมวินัย ซึ่งก็ต้องต้องเข้าใจ
ท่านอาจารย์ เพราะฉะนั้นถ้าจะทำนุบำรุงพระศาสนา และก็จะประพฤติปฏิบัติตามกฏหมาย ก็คือทุกคนศึกษาให้เข้าใจพระธรรม จึงสามารถที่จะประพฤติตามกฎหมายได้ ถ้ายังไม่ศึกษาพระธรรม กฎหมายฉบับนี้ก็ไม่มีประโยชน์อะไร
อ.อรรณพ เพราะกฎหมายก็มีแต่คนที่ไม่เข้าใจ ก็บ่อนทำลายไปเรื่อยๆ โดยที่ตัวเองก็ไม่เข้าใจว่า การกระทำอย่างนี้เป็นการทำลาย แต่ก็กลับอ้างว่าเป็นเถรวาทด้วยซ้ำ นิกายอื่นที่แยกไปก็ชัดเจน แต่ว่าไม่ได้เป็นเถรวาท แต่ที่ใช้คำว่าเถรวาท แต่ว่ากำลังทำลายหลักธรรมคำสอน
ท่านอาจารย์ เพราะไม่ศึกษา ถ้าตราบใดที่ไม่ศึกษาให้เข้าใจถูก ตราบนั้นไม่ได้รักษาคำสอนของเถรวาท
อ.อรรณพ ประเด็นที่อยากจะเรียนสนทนา ก็คือการนำลัทธิอื่น มาปะปนกับพระพุทธศาสนา ซึ่งก่อนหน้านี้เราได้สนทนากันว่า พระธรรมคำสอนที่เป็นหลักสำคัญของพระพุทธศาสนาเถรวาทก็คือพระไตรปิฎก แล้วก็รวมทั้งอรรถกถาด้วย พระไตรปิฎกซึ่งเป็นคำสอนของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า มีประโยชน์เกื้อกูลมากมายเลย ที่พระเถระท่านเรียกว่าชำระ ท่านรวบรวมสังคายนามา จนเป็นพระไตรปิฎกฉบับเถรวาท ที่เราได้ประโยชน์กันมหาศาล ที่จะเข้าใจเพื่อรู้ความจริงในขณะนี้
อาจารย์จักรกฤษณ์ครับ ขณะนี้ก็มีการที่จะจัดทำพระไตรปิฎก โดยที่รวมๆ หลายๆ นิกาย อาจารย์ได้ข้อมูลเหล่านี้มาอย่างไรบ้าง ที่จะถ่ายทอดให้พวกเราได้รับทราบกัน แล้วจะเป็นความเสียหายอย่างไร กับการที่นำความเห็นต่างๆ จากลัทธิต่างๆ มารวมๆ เพื่อที่จะเป็นพระไตรปิฎก เพราะต่อไปคนเขาจะยึดว่า นี่คือพระไตรปิฎกในพระพุทธศาสนา จากหลายๆ นิกาย อาจารย์ช่วยถ่ายทอดพวกเราด้วย
อ.จักรกฤษณ์ จากที่เราสนทนาจะเห็นชัดเจนว่า เถรวาทมีอย่างเดียวเป็นพระพุทธศาสนา อย่างอื่นไม่ใช่ เป็นคำสอนของอาจารย์หรือว่าของผู้อื่นที่ แตกแยกออกไปจากคำสอนของพระพุทธองค์ ซึ่งตรงนี้ก็เป็นมานานจนปัจจุบันก็เห็นหลายๆ นิกาย แต่เมื่อไม่นานมานี้ ก็จะมีการรวมคำสอน ตอนนี้เรามีหลักๆ ที่อ้างว่าเป็นพระพุทธศาสนามีเถรวาท มหายาน วัชรยาน ก็มีความคิดที่จะรวมเอาคำสอนมาอยู่ในกลุ่มเดียวกัน แล้วก็บอกว่านี่เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้า ซึ่งที่เราสนทนากัน ไม่ใช่โดยสิ้นเชิง ใช่หรือไม่
เพราะว่าคำสอนของพระพุทธองค์ มีในพระธรรมวินัยทั้งนั้น เป็นเถรวาททั้งนั้นส่วน อื่นๆ เป็นคำสอนของอาจารย์หลากหลาย ซึ่งการที่เอามารวมกัน นอกจากจะทำลายความมั่นคงของพระธรรมแล้ว ยังพาให้คนอื่นเห็นผิดแตกออกไปอีกมากมายมหาศาล เพราะคิดว่าคงจะเหมือนๆ กัน คำของพระองค์แล้วก็คำของอาจารย์ในนิกายอื่นๆ น่าจะไม่แตกต่างกัน ตัวนี้เป็นสิ่งที่อันตรายมาก เพราะว่าสุดท้ายคนที่มาศึกษาจะไม่ได้สาระอะไรจากตรงนั้น และจะทำให้หลงผิดไปด้วย ซึ่งตรงนี้เป็นความไม่รู้ของชาวพุทธ หรือว่าพุทธบริษัทที่อ้างว่าตัวเองเป็นเถรวาทด้วยซ้ำ เพราะไม่รู้ว่าเถรวาทคืออย่างไร และไปกระทำอย่างนี้ ยิ่งทำให้เกิดความเสียหายขึ้น โดยตัวเองก็ไม่รู้ แต่คิดว่าเป็นการบูชาศาสนาพุทธ ศาสนาพุทธทุกๆ นิกายก็คือพี่น้องกัน จะไม่แตกต่างกัน มีหลักการเดียวกัน นี้เกิดจากความไม่เข้าใจของคนที่คิด
เพราะถ้าได้มีโอกาสฟังสนทนากัน จะเห็นได้ชัดเจนเลยว่า ไม่เหมือนกันเลย แตกต่างอย่างชัดเจน และก็รวมกันไม่ได้ เพราะนั่นเป็นอธรรม อวินัย ที่กำลังจะรุ่งเรืองขึ้น แล้วก็เอาของแท้ไปผสมผสานจนปะปนกันไปหมด ดังนั้นก็เป็นที่น่ากลัว แล้วผู้ที่จัดทำก็อยู่ในกลุ่มของผู้ที่เรียกตัวเองว่าเป็นเถรวาท ใช่ ส่วนนิกายอื่นก็ไม่มีปัญหา เพราะนิกายอื่นก็ได้รับการเผยแพร่ไปด้วย ได้รับการชักชวนหรือเอามาโฆษณา เพราะวัตถุประสงค์ของมหายาน ก็คือต้องการปริมาณเยอะๆ มีคนเยอะๆ มีจัดงานที่มีคนเยอะๆ มีพิธีกรรมอะไรที่ชักชวนคนเข้ามา ไม่ว่าจะผิดจะถูกเข้ามาก่อน แล้วก็อ้างว่าจะค่อยๆ สอนให้ถูกต้อง ซึ่งตรงนี้มันไม่ใช่ตามหลักพระธรรมวินัย ที่พระพุทธองค์ทรงแสดงให้รู้ความจริงก่อน ไม่เกี่ยวกับจำนวน ไม่เกี่ยวกับปริมาณ แต่เน้นความเข้าใจเป็นสำคัญ ซึ่งตรงกันข้ามเลย ดังนั้นการทำหนังสือที่เรียกว่าพระไตรปิฎกสากลรวมทั้งหมด คือการทำลายหลักความจริง หลักคำสอนของพระพุทธองค์ อย่างเรียกว่าร้ายแรง
อ.อรรณพ อย่างมโหฬาร
อ.จักรกฤษณ์ เพราะทำให้ผิดกันไปหมดเลย
อ.อรรณพ เพราะพระไตรปิฎกซึ่งเป็นหัวใจหลักของพระธรรมคำสอน ได้ถูกปะปนด้วยลัทธิอื่น หรือมีการบิดเบือนไป ก็เป็นความเสียหายอย่างร้ายแรงที่สุด
อ.จักรกฤษณ์ ก็ไม่ตรงตามรัฐธรรมนูญแล้ว เราไปสนับสนุน ไปส่งเสริม ไปเผยแพร่ นี่ไม่ใช่เถรวาทแล้ว
อ.อรรณพ ด้วยความไม่เข้าใจว่า เถรวาทคืออะไรนั่นเอง เขาจึงคิดว่าจะมีการสนับสนุน อย่างเช่น เรื่องของการทำพระไตรปิฎกฉบับรวมนิกายอื่นเข้ามา สิ่งนี้กลับกลายเป็นการส่งเสริมหรือบ่อนทำลาย เป็นเรื่องใหญ่มากๆ
อ.จักรกฤษณ์ ส่งเสริมชื่อ แต่บ่อนทำลายเนื้อหาสาระ คุณค่าของพระธรรมคำสอน
อ.อรรณพ อาจารย์จริยาจะมีความเห็นอะไรเพิ่มเติม เกี่ยวกับการจัดทำพระไตรปิฎกที่รวบรวมเอาความเห็นจากลัทธิอื่นเข้ามารวม แล้วจะเกิดโทษ เกิดความเสียหายกับพระศาสนาเถรวาท
อ.จริยา คือเราเข้าใจเถรวาทแล้ว ตั้งแต่ที่เราสนทนากัน ดิฉันคิดว่าถ้าผู้ที่ติดตามฟัง ติดตามชม ก็คงเริ่มที่จะกระจ่างว่า พุทธศาสนาเถรวาทคืออะไร เมื่อมีนิกายต่างๆ เพิ่มขึ้น เหล่านั้นก็ไม่ใช่พุทธศาสนา เพราะพุทธศาสนาเป็นเรื่องของความจริงที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ เมื่อไรที่มีสิ่งอื่นแปลกปลอมเข้ามา อย่างนั้นก็ไม่ใช่ศาสนาก็เป็นเพียงลัทธิ การที่เราจะเอาใครสักคนที่คิดว่า เมื่อเรียกว่าพุทธศาสนาหลายๆ นิกายอยู่ในประเทศเดียวกัน ก็น่าที่จะเป็นพี่เป็นน้องกัน มาจากพ่อแม่เดียวกัน
ดิฉันเคยได้ยินคนพูดว่า มาจากพ่อแม่เดียวกันก็คือ หมายถึงว่ามีต้นกำเนิดมาจากพระพุทธเจ้าเหมือนกัน ก็น่าที่จะปรองดองกัน ตรงนี้ถ้าเราฟังการสนทนามาตั้งแต่ต้น เราก็จะทราบเลยว่า เป็นเพราะเหตุที่ว่า ไม่เข้าใจคำว่า พุทธศาสนาแถรวาท ไม่เข้าใจว่าสิ่งที่พุทธเจ้าสอน เปลี่ยนแปลงไม่ได้ คำสอนของพระองค์เป็นคำจริง ไม่สามารถที่จะเปลี่ยนแปลงได้ เมื่อไรที่ใครนำมาดัดแปลงแก้ไข ก็ไม่ใช่พุทธศาสนา เพราะฉะนั้นการที่จะมารวม มาเปรียบเทียบอะไรก็ตามที ก็คงจะเป็นไปไม่ได้
เพราะฉะนั้นต้องกลับไปตั้งต้นเข้าใจใหม่ว่า พุทธศาสนาคืออะไร พุทธศาสนาเถรวาทคืออย่างไร เมื่อเข้าใจแล้ว คำตอบในเรื่องนี้ก็คงไม่มีใครเห็นด้วย แต่ด้วยความที่ยังไม่รู้ ดิฉันเข้าใจว่าความสบาย ความสะดวก ทั้งหลายที่ได้รับมาจากการที่ไม่กระทำตาม ที่พระพุทธเจ้าบัญญัติไว้ ก็เริ่มจะติดคุ้นชินกับภิกษุทั้งหลาย เมื่อคุ้นชินแล้ว ก็มีความรู้สึกว่า อะไรเล็กๆ น้อยก็น่าที่จะปรับเปลี่ยนได้ ทำตามที่ครูบาอาจารย์บอก ก็กลับไปถึงเรื่องนิกายว่า สิ่งเหล่านี้ที่ฟังมาตั้งแต่ต้นก็คือว่า จริงๆ ก็เป็นมาตั้งแต่สมัยพุทธกาล ตั้งแต่ก่อนพระพุทธเจ้าปรินิพพานก็เริ่มมีมาบ้างแล้ว หลังจากพระพุทธเจ้าปรินิพพานก็ค่อยๆ บิดเบือน จนบัดนี้ ๒,๕๐๐ ปีแล้ว ก็คงจะบิดเบือนไปไม่น้อย
เพราะฉะนั้นเมื่อไรที่เราจะดำรงรักษาพระพุทธศาสนาก็คือ ต้องศึกษาเข้าใจให้ถ่องแท้ และเมื่อรัฐธรรมนูญเขียน เรื่องการที่ประชาชนทุกคนที่เป็นพุทธศาสนิกชน ควรที่จะเข้าใจพุทธศาสนาเถรวาท เมื่อเข้าใจแล้ว ก็จะได้ช่วยกันธำรงรักษา เมื่อไรที่มีใครมาย่ำยี มีใครมาบิดเบือน ก็ช่วยกันแก้ไขในสิ่งในเหล่านั้น เป็นหน้าที่ของทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ที่จะช่วยกันดูแล โดยเฉพาะผู้ที่มีความรู้ความเข้าใจ เมื่อมีความรู้ความเข้าใจ ก็เผยแพร่ความรู้ความเข้าใจเหล่านี้ให้กับประชาชนให้เข้าใจมากยิ่งขึ้น ดิฉันคิดว่าถ้าประชาชนเข้าใจมากยิ่งขึ้น การจะรวมอะไรอย่างนั้นก็คงจะไม่ได้ผล แต่การที่ทั้งหลายที่เคยทำมา ไม่ว่าจะเป็นวัตถุอะไรต่างๆ ที่ท่านอาจารย์อรรณพกล่าวตั้งแต่ต้น ทำได้ผล เพราะเหตุที่ว่าไม่เข้าใจว่าพระพุทธศาสนาคืออย่างไร
อ.อรรณพ ปัญหาคือความไม่เข้าใจ ต่อไปเราก็พูดถึง เรื่องของหนทางปฏิบัติ ก่อนจะกราบเรียนท่านอาจารย์ ก็ถามอาจารย์วิชัย พระพุทธศาสนาเถรวาทมีสำนักปฏิบัติหรือไม่ นี่ก็เป็นเรื่องใหญ่อีกเรื่องหนึ่ง
อ.วิชัย พระธรรมคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็คือแสดงความจริงให้แก่บุคคลที่ฟัง ได่เกิดความเข้าใจถูก ดังนั้นขณะใดก็ตาม ที่บุคคลฟังธรรม ณ ที่ใดก็ตาม แล้วเข้าใจธรรม ขณะที่เข้าใจธรรมต้องไปไหนหรือเปล่า ก็ไม่ต้องไปไหนเลย แต่ปัญญาเกิดขึ้นเข้าใจพระธรรม ขณะที่ฟังตรงนั้น และความเข้าใจก็จะมีหลายระดับขั้น ถ้าบุคคลรู้ถึงความเป็นธรรมจริงๆ ว่า เป็นไปตามเหตุปัจจัยทั้งหมด ว่าขณะที่ฟังสะสมมาอย่างไร ที่จะเข้าใจแค่ไหน อย่างไร ก็สามารถที่จะรู้ตามระดับของแต่ละบุคคลที่สะสมมา แต่ถ้าฟังแล้วจะไปสำนักปฏิบัติ ความคิดก็ต้องต่างแล้ว ขณะนั้นเข้าใจในสิ่งที่ฟังหรือเปล่า และที่จะไปในที่หนึ่งที่ใดนั้น ด้วยอะไร ก็ต้องด้วยความต้องการแน่นอน เพราะเหตุว่าขณะที่นั่งฟังอยู่ก็มีธรรม สามารถเข้าใจถูกต้องได้ แต่สำคัญคือฟังแล้วเข้าใจธรรมหรือเปล่า มีการสะสมของปัญญามาที่จะเข้าใจถูกต้องในสิ่งที่ปรากฏขณะนั้นหรือเปล่า
ดังนั้นในครั้งพุทธกาล จึงไม่มีเลยที่จะมีการตั้งสำนักปฏิบัติ มีแต่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่เสด็จจาริกไปในที่ต่างๆ และอนุเคราะห์แก่บุคคลอื่น โดยการแสดงธรรม และบุคคลที่ฟังในที่นั้นๆ ก็สามารถเข้าใจถูกต้อง และบรรลุธรรมตามลำดับขั้นของแต่ละบุคคลที่สะสมมา
อ.อรรณพ ท่านอาจารย์ครับ เรื่องการที่มีสำนักปฏิบัติ ไม่เป็นไปตามเถรวาทอย่างไร
ท่านอาจารย์ ต้องเข้าใจให้ถูกต้องทุกคำ สำนักปฏิบัติหมายความถึงอะไร คืออะไร
อ.อรรณพ เป็นที่ไปปฏิบัติธรรม
ท่านอาจารย์ ปฏิบัติคืออะไร
อ.อรรณพ คือหลีกพ้นไปจากการงานชั่วคราว จะได้ไปสัมผัสกับการที่จะได้รู้ความจริง ไปภาวนา
ท่านอาจารย์ รู้ความจริงของอะไร
อ.อรรณพ รู้ความจริงของชีวิต
ท่านอาจารย์ เดียวนี่เป็นชีวิตหรือเปล่า
อ.อรรณพ เดี๋ยวนี้ก็เป็นชีวิต แต่ในสำนักเขาเป็นชีวิต
ท่านอาจารย์ แล้วอย่างไร เดี๋ยวนี้เป็นชีวิต เดี๋ยวนี้นั่งอยู่ตรงนี้ สามารถที่จะเข้าใจธรรมได้หรือไม่
อ.อรรณพ ถ้ามีปัจจัยให้วุ่นวายเกี่ยวกับการงาน ธุรกิจการงาน หรือว่าเรื่องบ้าน เรื่องอะไร ใจก็ไปสนใจเรื่องอื่น แต่ถ้าได้ไปสำนักปฏิบัติ ก็ทิ้งเรื่องพวกนี้ไปชั่วคราว
ท่านอาจารย์ ชีวิตคืออะไร
อ.อรรณพ เขาเข้าใจกันอย่างนั้น
ท่านอาจารย์ เราก็ต้องพูดถึงให้เข้าใจ เรากำลังพูดถึงเรื่องความไม่รู้ทั้งหมด ไม่ใช่เถรวาท ไม่ว่าจะไปไหนอย่างไรก็ตาม ไปสำนักปฏิบัติ ตั้งแต่เริ่ม ไปทำไม ไปรู้อะไร เดี๋ยวนี้รู้ได้ไหม ถ้าเดี๋ยวนี้ไม่รู้ ไปไหนก็ต้องไม่รู้
อ.อรรณพ เขาก็ย้อนว่ามัวแต่มาศึกษากันอย่างนี้ แล้วรู้อะไรกันบ้าง
ท่านอาจารย์ มัวแต่ศึกษาอะไรไม่ทราบ
อ.อรรณพ ศึกษาปริยัติ เรื่องราว
ท่านอาจารย์ ควรศึกษาไหม
อ.อรรณพ เขาบอกเขาก็ศึกษาปริยัติเหมือนกัน
ท่านอาจารย์ เขาศึกษาปริยัติ เขารู้หรือไม่ว่า ปริยัติคืออะไร
อ.อรรณพ ปริยัติก็คือ พระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า
ท่านอาจารย์ เรื่องอะไร
อ.อรรณพ เรื่องที่จะทำให้เข้าใจความจริง อริยสัจ ๔
ท่านอาจารย์ ความจริงอะไร
อ.อรรณพ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค
ท่านอาจารย์ อยู่ที่ไหน อยู่ที่ไหน
อ.อรรณพ ถ้าไม่ปฏิบัติเองก็ไม่รู้
ท่านอาจารย์ ไม่ได้ ปฏิบัติเองได้อย่างไร ใครปฏิบัติ
อ.อรรณพ เราปฏิบัติ
ท่านอาจารย์ เราปฏิบัติ แล้วเรารู้หรือ โดยไม่ต้องอาศัยคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอย่างนั้นหรือ
อ.อรรณพ ต้องอาศัยความตั้งมั่น อาศัยสมาธิ
ท่านอาจารย์ ไม่ใช่ อาศัยคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ให้เข้าใจถูกต้องว่า สมาธิคืออะไร ปัญญาคืออะไร ทุกอย่างไม่รู้ว่าคืออะไร แล้วไปทำอะไร ให้รู้อะไร ไร้สาระ
